ร่างกายของเคอิลซึ่งบัดนี้ถูกครอบครองโดยสมบูรณ์จากยิมิร์สั่นระริกด้วยความโกรธ ดวงตาสีทองจับจ้องดวงหน้าของเทพบิดรอย่างกินเลือดกินเนื้อ ฝ่ามือกำหมัดเกร็งแน่น
" ในเมื่อข้าไม่อาจทวงร่างเดิมคืนกลับมาได้ ข้าจะใช้ร่างนี้ เป็นผู้ควบคุมชะตาโลกเอง ! " ยิมิร์ประกาศก้อง เสียงอันทรงพลังเก่าแก่แผ่กระจายเต็มไปด้วยอำนาจ
เทพบิดรโอดินถอดหมวกปีกกว้างออกเผยให้เห็นดวงตาที่บอดสนิทข้างหนึ่งและเส้นผมสีดอกเลา ทว่าเมื่อโอดินสะบัดผ้าคลุมกายออกไปนั้น พลันร่างอันดูแก่ชรากลับหนุ่มแน่นขึ้นอีกครั้ง เส้นผมสีดอกเลาเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้ม ร่างกายที่เหนื่อยล้าชราแก่กลับมาเป็นหนุ่มกำยำ ความสง่างามอย่างหาที่เปรียบมิได้เฉิดฉายออกจากร่างนั้น ร่างของเทพบิดรโอดินผู้ยิ่งใหญ่
" เราออกไปคุยกันข้างนอกดีกว่า " ร่างอันกำยำของเทพบิดรพุ่งเข้าคว้าคอของยิมิร์แทบจะทันที และแล้วร่างทั้งสองก็หายวับไปจากห้องโดยปราศจากสุ้มเสียงใดๆ
แรงกดดันที่เข้าถาโถมร่างทั้งเจ็ดได้คลายออกไปแล้ว ทั้งหมดสามารถบังคับร่างกายได้ตามที่ปรารถนาอีกครั้ง
" ลูกแม่ ...." เฟลิน่ายังคงมีน้ำตาไหลอาบแก้ม ดวงหน้าที่สะสวยบัดนี้เปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา
" นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเคอิลถึง .... ...เป็นแบบนี้ " ซิสิเลียเอ่ยถาม ทว่าก็ไม่มีคำตอบจากใครให้ความกระจ่าง
" หัวใจแห่งยิมิร์ ...... ไม่อยู่เสียแล้ว ...... " ซอนญ่าเปรยเบาๆ เหมือนคนขาดสติ ดวงตาสีน้ำเงินเหม่อลอยใต้คิ้วขมวดมุ่น
เซราฟเดินเข้าไปคว้าผ้าคลุมที่ยิมิร์สะบัดออกจากกาย ผ้าคลุมซึ่งครั้งหนึ่งเคอิลเคยสวมใส่ ทว่าบัดนี้ ร่างนั้นไม่ใช่เคอิลอีกต่อไป
" เคอิล ....." นักบวชตัวน้อยทรุดกายลงนั่งคุกเข่า กอดผ้าคลุมนั้นกระชับแน่น เขารู้สึกถึงของแข็งบางอย่างในผ้าคลุมดันอกของเขา เซราฟค้นดูในผ้าคลุม มันคือหนังสือของเทซซ่านั่นเอง หนังสือปกหนังที่เป็นของดูต่างหน้า สารยเวทสาวที่เคยเดินทางกันมาซึ่งเสียชีวิตลงอย่างน่าเศร้า จนบัดนี้เคอิลก็ยังคงรักษามันไว้ภายใต้ผ้าคลุมอย่างดี
" แล้วทำไมต้องเป็นเคอิล ! ทำไมต้องเป็นเขาด้วย !" เซราฟกอดหนังสือและผ้าคลุมไว้แน่น
" เพราะเคอิลไม่ใช่มนุษย์ ..." เฟลิน่าเอ่ยเสียงแผ่วเบาปนสะอื้นไห้ " เคอิลเป็นลูกของข้าซึ่งเป็นนางสวรรค์ กับมนุษย์ เป็นผู้ก้ำกึ่งระหว่างเทพและมนุษย์ " นางพยายามอธิบาย " หากเป็นเทพเต็มตัว ก็จะมีอำนาจกางกั้นไม่ให้จิตใจถูกครอบงำ แต่ถ้าหากเป็นมนุษย์ ก็ไม่เพียงพอที่จะแบกรับจิตวิญญาณอันยิ่งใหญ่อย่างยิมิร์ได้ เคอิลจึงเป็นผู้ที่ถูกแพ่งเล็งหมายปองจากยิมิร์ "
" แล้ววิญญาณของเคอิล ...." อักเนสถามขึ้น แต่ท้ายประโยคกลับหายลงไปในลำคอ
" ข้า ..... ข้าไม่รู้ .... โธ่ ลูกแม่ " เฟลิน่าก้มหน้าร่ำไห้อีกครั้ง
" ออกไปจากที่นี่ก่อนเถอะ ข้าต้องนำดวงใจแห่งยิมิร์กลับมาให้ได้ " ซอนญ่าก้าวตรงไปยังประตู
" แต่เขาวงกตนั่น " เซราฟท้วงขึ้น
" วงกตเวทย์นั่นมีผลก็เฉพาะผู้ที่เข้ามาเท่านั้น แต่สำหรับผู้ที่ก้าวออกไป มันจะส่งเราไปยังเชิงบันไดทันที " นางบอกเสียงหนักแน่น ก่อนที่จะก้าวพ้นประตูออกไป เซราฟิมทั้งสี่ เฟลิน่าและเซราฟก้าวตามออกไป
.......................................................
ร่างของยิมิร์ และโอดินปรากฏกายกลางลานกว้างหน้าพระราชวัง การที่เทพบิดรดึงยิมิร์ออกมากลางแจ้ง เพราะต้องการให้มีความเสียหายน้อยที่สุด หากเกิดการปะทะกัน ทว่าก็ผิดจากที่คาดไว้ ทั่วบริเวณมีร่างของนักปราชญ์ และสารยเวทสลบไสลไม่ได้สติจากน้ำมือของเฟลิน่า
" จงเตรียมพร้อมรับหายนะเถิด โลกเอย " ยิมิร์กัดฟันกรอด " แม้แต่เจ้าก็ด้วย โอดิน ! จงหลีกทางแก่ข้า "
เทพบิดรถอนใจเฮือกใหญ่ " ท่านจะเป็นผู้กุมชะตาโลกไม่ได้ ยอมรับความจริงเถิดยิมิร์ เหล่ามนุษย์และสิ่งมีชีวิตต่างๆ ล้วนมีสิทธิเสรีในตน ท่านจะไปก้าวก่ายได้อย่างไร ?" เทพบิดรพยายามอธิบาย
" แต่ทั้งหมดมันเคยเป็นของข้า ! มันเคยเป็นร่างกายที่ข้ามีสิทธิอย่างชอบธรรมเช่นกัน หลีกไปเถิด ... โอดิน เจ้าจะกำราบข้าได้รึ ? ครั้งนั้นเจ้าเองก็ยังต้องให้น้องของเจ้า กับพ่อเจ้าร่วมกันสังหารข้าอย่างยากลำบากเชียว ตัวข้าเองก็คงไม่พลาดซ้ำสองหรอก " ยิมิร์เอ่ยเสียงเคียดแค้น ทุกสิ่งที่เขามองเห็นได้ด้วยตาล้วนแต่มาจากร่างกายของเขาทั้งสิ้น ร่างยักษาที่โอดินสังหารลง
" ทว่าท่านเองก็ถือว่าเป็นบิดาผู้ให้กำเนิดสรรพชีวิตบนโลกนี้เช่นกัน " โอดินท้วงขึ้น " หากไม่มีท่าน ทุกสรรพสิ่งในโลกย่อมไม่อุบัติขึ้นเป็นแน่ ท่านเองก็มีส่วนสร้างโลกอันงดงามผืนนี้ " น้ำเสียงแฝงความอ่อนโยนและเมตตาดังขึ้นจากปากโอดิน
ยิมิร์มีสีหน้าอ่อนลงเล็กน้อย ทว่าก็เพียงชั่วประเดี๋ยวเดียวเท่านั้น ไม่ต่างจากประกายไฟที่เกิดจากดาบกระทบกัน สีหน้าอ่อนโยนก็ถูกกลบกลืนไปด้วยความบึ้งตึงเคียดแค้นมาแทนที่ ร่างกายที่เป็นเด็กชายอายุยังน้อยกลับดูยิ่งใหญ่ และมีอำนาจไม่แพ้กับเทพโอดินที่อยู่ตรงหน้า
" แต่ทำไมต้องจำเพาะให้เป็นข้า ? ข้าไม่ต้องการเป็นผู้เสียสละ !!! ยิมิร์ตวาดกลับเสียงดังกึกก้อง การใช้น้ำเย็นเข้าลูบท่าจะไม่เห็นผล ข้าอยากได้ชีวิตของข้ากลับคืนมา ร่างกายอันเปี่ยมด้วยอำนาจของข้า !!!" ยิมิร์เบิกตากว้าง กระแสกดดันถาโถมเข้าหาเทพบิดร ทว่าโอดินเองก็ยังสามารถยืนอยู่ได้โดยไม่รู้ร้อนหนาว
" ถ้าเจ้าไม่หลีก ข้าคงต้องล้มเจ้าลง " ยิมิร์กระซิบพอให้ได้ยินเบาๆ ดวงตาสีทองเปล่งประกาย ก่อนที่จะกระโจนร่างเข้าหาโอดินอย่างรวดเร็ว
" ไอซิเคิล เอดจ์ !!! ( Icicle Edge!!! ) " ยิมิร์ร้องตะโกนขณะที่พุ่งตัวเข้าหา โอดิน ฝ่ามือทั้งสองข้างของเขาปรากฏเป็นแท่งน้ำแข็งขึ้นห่อหุ้มไว้ราวกับดาบสองมือ ปลายแท่งน้ำแข็งพุ่งเข้าหาร่างกายของโอดิน
" กุงนิร์ !!!" หอกเล่มใหญ่ปรากฏขึ้นอย่างฉับพลันในผ่ามือของเทพบิดร มหาเทพเองก็พุ่งเข้าหายิมิร์เช่นกัน
ร่ายกายอันกำยำดุจหินผาของเทพบิดรเคลื่อนไหวอย่างปราดเปรียวจนแทบไม่เชื่อสายตา ในทางกลับกัน ร่างกายอันแบบบางของเคอิลซึ่งถูกครอบครองโดยยิมิร์ก็ดูเปี่ยมด้วยพละกำลังไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ทั้งสองเข้าสัประยุทธ์กันอย่างดุเดือด หอกโลหะกระทบกับแท่งน้ำแข็งส่งเสียงกังวานใสดังลั่น
" เจ้าคิดรึ ? ว่าจะเอาชนะข้าได้ " ยิมิร์ร้องตะโกนทั้งที่ยังหวดคมดาบใส่ไม่ยั้งมือ " คราวนี้ไม่มีพ่อเจ้า ไม่มีพี่เจ้าคอยช่วย คิดรึว่าจะล้มข้าได้ง่ายๆ " ดวงตาสีทองเปล่งประกาย แท่งน้ำแข็งในมือทั้งสองข้างหวดตวัดอย่างรวดเร็ว ฝ่ายเทพบิดรขยับหอกตั้งรับได้อย่างหวุดหวิด ทั้งปัดป้อง ตั้งรับ และรุกไล่ยามมีช่องโหว่และโอกาส
" อย่าได้ใจนัก " โอดินเอ่ยเสียงแข็งกร้าว " ร่างกายใหม่ของเจ้า ข้าเองก็รู้ว่าเจ้ายังไม่คุ้นชิน " คมหอกหนาหนักตวัดเข้าข้างลำตัวของยิมิร์ทว่า ยิมิร์เองก็ยกดาบน้ำแข็งทั้งสองเข้าขวางคมหอกได้ทัน แต่แรงกระแทกทำให้ร่างของเขาตัวลอยปลิวไปหลายก้าว ร่างของนักเวทย์หนุ่มพลิกตัวลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว รอยร้าวเกิดขึ้นที่แท่งน้ำแข็งทั้งสอง คมหอกกุงนิร์นั้นแข็งแรงกว่าดาบน้ำแข็งมากนัก ยิมิร์สะบัดมือทั้งสองข้าง ดาบน้ำแข็งพลันแตกสลายกลายเป็นเกล็ดเล็กๆกระจายโรยตัวลงพื้น
" หอกนั่น ... ไม่เลวนี่ ได้มาจากไหน ?" ยิมิร์ถามโดยไม่หวังคำตอบ มือข้างขวาของเขามีน้ำแข็งก่อตัวกันอีกครั้ง ทว่าคราวนี้กลับเป็นหอกเล่มใหญ่ขนาดทัดเทียมกับกุงนิร์ของเทพบิดรโอดิน เขาสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ริมฝีปากเผยอเล็กน้อย และแล้วเสียงอันเปี่ยมพลังก็ถูกเอ่ยขึ้น
" ข้าแต่สายน้ำทั้งสิบสองแห่งเอลิวาการ์ สายน้ำผู้หลั่งรินไปทั่วดินแดนทั้งเก้า บัดนี้ข้าขอเพียงเศษเสี้ยวในอำนาจนั้นจงมาอยู่ที่ข้า สายน้ำเอยจงไหลหลั่งดังใจ ประหนึ่งเป็นส่วนเดียวกับข้า ไทดัล เซอร์เพนท์ !!! ( Tidal Serpent!!! ) "
ระหว่างการร่ายเวทย์ของยิมิร์นั้น เกิดน้ำผุดพลุ่งขึ้นมาจากใต้เท้าของเขาอย่างน่าประหลาด ยิ่งบทร่ายดำเนินไป สายน้ำก็ดูเหมือนกลายเป็นเสาน้ำหมุนวนรอบกาย และทันทีที่สิ้นเสียงร่ายสายน้ำก็แตกฟองกระจายกลายเป็นอสรพิษวารีนับสิบพุ่งโจนทะยานเข้าหาโอดินอย่างบ้าคลั่ง สายน้ำที่โหมคำรามเสียงดังสนั่นหวั่นไหวกลืนกินร่างของเทพบิดรให้จมหายไปในพรายฟองที่แตกกระเซ็น สารธารอสรพิษแห่งความบ้าคลั่งเข้าโหมกระแทกร่างของเทพบิดรอย่างไม่ลดละ
มหาเทพโอดินปักหอกลงกันพื้นหินเพื่อเป็นที่มั่น พยายามยึดร่างตนไว้ไม่ให้หลุดลอยไปตามกระแสน้ำ ทว่าสิ่งที่พุ่งมากระทบร่างหาใช่เพียงแรงดันอันมหาศาลจากกระแสน้ำเพียงอย่างเดียวไม่ แรงกระแทกที่โหมกระหน่ำนับไม่ถ้วน และแรงบีบรัดบดอัดดุจดังถูกงูใหญ่ยักษ์นับร้อยรัดร่างหมายให้แหลกละเอียด เทพบิดรโอดินพยายามยืนหยัดท่ามกลางกระแสน้ำและพลังลึกลับที่โถมทุ่มเข้าใส่
ดวงตาสีทองเขม้นมองสายน้ำที่พุ่งออกจากตนอย่างหยั่งเชิง พรายฟองแตกประกายทำให้มองเป้าหมายไม่ถนัดนัก แต่ยิมิร์มั่นใจว่าเวทย์ที่ร่ายออกไปกำลังแสดงผลเป็นที่น่าพอใจ
อสรพิษวารีตัวสุดท้ายแตกกระจายเป็นฟองน้ำกระเซ็นหลังจากพุ่งเข้ากระแทกร่างของเทพบิดร กึ่งกลางสายตาของยิมิร์ ปรากฏร่างของโอดินซึ่งยังคงยืนกุมหอกที่ปักอยู่กับพื้นอย่างมาดมั่นสง่างาม ไม่มีวี่แววจากการถูกโจมตีใดๆ เทพบิดรกระชากหอกขึ้นจากพื้น ดวงตาที่เหลือเพียงข้างเดียวจับจ้องร่ายกายของยิมิร์อย่างเฉียบคม
ร่างของนักเวทย์หนุ่มยืนกัดฟันกรอดจนกรามขึ้นเป็นสันด้วยความที่ไม่สามารถทำอันตรายใดๆต่อศัตรูที่อยู่ตรงหน้าได้ ก่อนที่จะกระโจนเข้าหาเทพบิดรพร้อมกับกวัดแกว่งหอกน้ำแข็งในมืออย่างชำนาญ ทั้งสองเข้าฟาดฟันกันอีกคำรบหนึ่ง ทุกครั้งที่หอกกระทบกันก็เกิดสะเก็ดน้ำแข็งแตกกระจายออกมาจากหอกของยิมิร์ แต่ทว่าก็ราวกับหอกน้ำแข็งนั้นสามารถซ่อมแซมตัวเองได้ตลอดเวลา มันไม่เกิดรอยร้าวบิ่นใดๆ ทั้งยังคงรูปผลึกใสแวววาวพร้อมกับไอเย็นพวยพุ่ง
" ควบคุมร่างนี้ได้ดีนี่ " เทพบิดรเปรยขณะที่ยังคงประหอกกันอย่างดุเดือด
" เจ้าเองก็ฝีมือดีขึ้นไม่เบา " ยิมิร์ตอบกลับ พร้อมกับหวดคมหอกเข้าใส่ไม่ยั้ง
ภาพที่ปรากฏตรงหน้าคงยากที่จะอธิบายแก่ผู้พบเห็น ภาพของการต่อสู้ที่งดงามราวกับการร่ายรำ ท่วงทำนองการออกอาวุธ และการหลบหลีกปัดป้องก็ดูเหมือนกับว่าถูกซักซ้อมกันมาเป็นอย่างดี การเคลื่อนไหวของทั้งคู่ลื่นไหลดูเป็นหนึ่งเดียว แต่ในทางกลับกันก็เหมือนกับว่าชีวิตของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะสามารถขาดสะบั้นลงได้หากร่ายรำผิดจังหวะเพียงครั้งเดียว
หอกกุงนิร์แทงผ่านข้างลำตัวของยิมิร์ที่หมุนตัวหลบได้อย่างเฉียดฉิว ยิมิร์อาศัยแรงเหวี่ยงขณะหมุนตัวหลบเหวี่ยงฟาดหอกน้ำแข็งเข้าซัดกระแทกร่างของเทพบิดรจนไถลไปไกล
" ข้าโจมตีเจ้าได้ก่อน !" ยิมิร์ร้องตะโกนอย่างสะใจ " ไหนลองเวทย์ของพวกมนุษย์ดูเสียหน่อย " ยิมิร์เปรยพลางหลับตาชั่วอึดใจ ทันทีที่เขาลืมตาขึ้นก็กางมือออกกว้าง
" ฟริจิต ฮาร์พูน !!! "
แท่งน้ำแข็งนับสิบพุ่งตกลงมาจากฟากฟ้าเข้าใส่เทพบิดร มหาเทพโอดินใช้หอกปัดแท่งน้ำแข็งเหล่านั้นจนแตกกระจายไม่ต่างจากละอองหิมะ
" ใช้ได้ๆ " ยิมิร์พูดอย่างพอใจ เสยผมสีดำสนิทที่ปรกหน้าผากขึ้นไป " คราวนี้ ..." เขาสูดหายใจลึกๆหนึ่งครั้ง ดวงตาสีทองดูผ่อนคลาย " กลาเซียต ฟรอสต์ !!! ( glaciate Frost!!! ) " แท่งน้ำแข็งแทงจากพื้นขึ้นเป็นทางพุ่งเป้าเข้าหามหาเทพโอดินซึ่งกำลังตั้งหลักอยู่ ความเย็นแผ่กระจายไปทั่วทั้งร่างของเทพบิดร ผลึกน้ำแข็งเข้าครอบคลุมไปทั่วจนขยับกายไม่ได้ มันค่อยๆเกาะตัวกันจนกลายเป็นก้อนน้ำแข็งขนากใหญ่ห่อหุ้มร่างกายของเทพโอดินไว้มิด
" ช่องโหว่มากมายเลยนะ เด็กน้อย " ยิมิร์เย้ยหยัน " ขาดพ่อเจ้ากับน้องเจ้าแล้ว ถึงกับทำอะไรไม่เป็นเชียวรึ ?" ร่างของนักเวทย์หนุ่มค่อยๆก้าวเข้าหาร่างกายที่ถูกปกคลุมไปด้วยผลึกน้ำแข็งของโอดิน " นี่น่ะรึเทพบิดรผู้สร้างสรรค์ทุกสรรพสิ่ง ต้องมาถูกแช่แข็งไม่ต่างจากปลาในลำธารยามเหมันตฤดูอย่างนี้ ช่างน่าอาย ช่างน่าอาย ..." ยิมิร์จุ๊ปาก พลางส่ายหน้าอย่างเหยียดหยาม
สิ้นเสียงอันดูหมิ่นของยิมิร์เพียงไม่นาน ผลึกน้ำแข็งที่คลุมร่างของโอดินก็พลันแตกกระจายออกผลักเอาร่างกายของยิมิร์กระเด็นตัวลอยไปไกล มหาเทพบิดรยืนจังก้ายื่นมือออกมา ที่ปลายนิ้วของเขามีลูกไฟดวงเล็กๆลุกโชนหมุนคว้างอยู่
" แล้วเจ้าจะได้สัมผัสมันจนหนำใจ ! พลังของข้า !" ลูกไฟที่ปลายนิ้วของโอดินลุกโชนขยายขนาดก่อนจะพุ่งเข้ากระแทกร่างของยิมิร์ซ้ำอีกครั้ง ดวงไฟแตกกระจายลามเลียไปทั่วร่าง กลิ่นไหม้โชยแตะจมูกจางๆ ร่างของนักเวทย์หนุ่มเป็นจ้ำสีแดงจากความร้อน หอกน้ำแข็งในมือเริ่มละลายหยด
" ลองอีกครั้งไหม ?" โอดินถาม ทว่าไม่ต้องการตำตอบ ดวงไฟดวงใหม่ลุกประกายอีกครั้ง ดูเหมือนครั้งนี้จะเพิ่มความรุนแรงกว่าครั้งก่อน " รับไป !" ดวงไฟพุ่งเข้าหายิมิร์ด้วยความร้อน เสียงดวงไฟแตกแตกปะทุพุ่งแหวกอากาศมาด้วยความรวดเร็ว
" ฮอร์ฟรอสต์ ชีลด์ !!! ( Hoarfrost Shield!!! ) "
ดวงไฟที่พุ่งเข้ามาหาได้ลามเลียเผาไหม้ร่างกายของยิมิร์แต่อย่างใดไม่ มันถูกสกัดกั้นด้วยแผ่นน้ำแข็งหนาราวกำแพงที่ตั้งขึ้นอย่างฉับพลัน สิ่งที่หลงเหลือจากลูกไฟ เหลือเพียงเสียง " ฉ่า ..." จากการที่มันได้สัมผัสกับความเย็นเท่านั้น
" ไม่มีผิดพลาดซ้ำสอง " ยิมิร์เอ่ยเสียงปนหอบ ใช้ฝ่ามือปัดฝุ่นผงออกจากร่างกาย
เกิดรอยยิ้มจางๆขึ้นบนดวงหน้าของเทพบิดรก่อนที่จะยกหอกขึ้นเหนือศีรษะ " เช่นนั้นจงรับสิ่งนี้ไป " กุงนิร์ถูกขว้างเต็มแรง พุ่งเข้าหายิมิร์ด้วยความเร็ว เสียงหอกพุ่งแหวกอากาศดังแว่วอย่างน่ากลัว
" ฝันเฟื่อง ! ปราการน้ำแข็งนี่ แข็งแรงยิ่งกว่า ...... อุ๊ก !" ไม่ทันจะสิ้นประโยค หอกกุงนิร์ก็แทงทะลุผ่านกำแพงน้ำแข็งปักเข้าที่หัวไหล่ซ้ายของยิมิร์ ปราการน้ำแข็งแตกกระจายไม่เป็นชิ้นดี เศษน้ำแข็งก้อนใหญ่น้อยหล่นร่วงกระจัดกระจายไปทั่ว โชคยังดีที่ความแรงของหอกถูกลดทอนจากการแทงผ่านกำแพงน้ำแข็ง ปลายหอกจึงฝังลงไปไม่ลึกมาก เลือดสีแดงสดเอ่ออยู่ตรงปากแผล ร่างของนักเวทย์หนุ่มทรุดกายลงกึ่งนั่งกึ่งนอน ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย ความรู้สึกต่างๆที่เขาไม่เคยได้สัมผัสครั้งที่ยังไม่มีร่างกาย มันทำให้เขายังไม่ชินกันความรู้สึกเจ็บปวดเช่นนี้
" เจ้าคงยังไม่รู้ถึงความวิเศษของกุงนิร์ " โอดินก้าวเท้าเข้าหายิมิร์อย่างช้าๆ " หอกนี่ไม่มีสิ่งใดที่แทงไม่เข้า และกุงนิร์เองไม่เคยพลาดเป้า มันเป็นหอกวิเศษเพียงหนึ่งเดียวจากภูมิปัญญาของชาวแคระ " ร่างอันสง่างามก้าวเข้าหายิมิร์ซึ่งอยู่ในร่างบอบบางของเด็กชายที่บัดนี้นอนราบไปกับพื้น
" ระหว่างที่เจ้าหลับใหล " เทพบิดรกุมด้ามหอกพร้อมกับค่อยๆกดคมหอกให้บาดลึกลงบนเนื้อ ดวงหน้าของ เคอิลซึ่งถูกครอบงำโดยยิมิร์ยิ่งบิดเบี้ยวเพราะความเจ็บปวด " โลกนี้ก็ได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว สิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็ไม่ใช่ของเจ้าอีกต่อไป เจ้าจะเรียกร้องอะไรอีก ยอมรับความจริงเสียเถอะ " เลือดสีแดงสดไหลรินอาบหัวไหล่ ยิมิร์รับรู้ได้ถึงเลือดอุ่นๆที่อาบอยู่รอบปากแผล บริเวณหัวไหล่ของเสื้อที่สวมอยู่ถูกย้อมไปด้วยสีแดงเข้มของเลือดสดๆ " คืนร่างนี้มาเถอะน่า " โอดินพูดแกมบังคับ ปลายหอกยิ่งกดลึกลงบนแผล ผิวหนังและเนื้อที่ถูกกรีดบาดฉีกออกจากกันร่ำร้องอุทรด้วยความเจ็บปวด เลือดสีแดงสดยิ่งหลั่งรินอาบปากแผล ร่างกายอันสูงใหญ่กำยำของเทพบิดรดูเหมือนขยายใหญ่โตขึ้นไปอีกเมื่อเป็นฝ่ายได้เปรียบ
" ไม่มีวัน !!!" ยิมิร์กัดฟันตะโกนตอบ ยกเท้าขึ้นยันร่างของโอดินออกไป แรงผลักทำให้หอกหลุดออกจากหัวไหล่ ร่างของนักเวทย์หนุ่มรีบยันกายลุกขึ้น ความเจ็บปวดแล่นเข้าจับบาดแผล เลือดไหลรินไปตามแขนหยดลงพื้นเป็นดวงสีแดงสด
The_Seraphim - สวัสดีค่ะ กลับมาอีกครั้ง กับ 50 คำถาม ไขความลับของนักแสดงนะคะ อย่างที่ทราบกันจากตอนที่แล้วว่า Sicilia คะยั้นคะยอให้สัมภาษณ์ Nicky ซึ่งก็คือชื่อของ Deronica ที่ Sicilia เรียกนั่นหล่ะค่ะ งั้นไม่ให้เสียเวลา เราไปพบกับเธอดีกว่านะคะ
The_Seraphim - สวัสดีค่าา !
Deronica - สวัสดีค่ะ (สีหน้าเรียบเฉย ดวงตาสีน้ำตาลเข้มจับจ้องมาที่ไวน์อย่างเยือกเย็น)
The_Seraphim - ขอสัมภาษณ์หน่อยนะคะ
Deronica - ด้วยความยินดีค่ะ
The_Seraphim - (กรี๊ดๆ ! เท่จังเลย ! )
Q 0 1 - กรุณาบอกชื่อของคุณ
- Deronica ชื่อเต็ม Deronica Von Grunau ค่ะ
Q02 - กรุณาบอกส่วนสูง น้ำหนัก และอายุของคุณ
- สูง 179 cm อายุ 22 ค่ะ น้ำหนัก ลืมไปแล้วค่ะ (ราวๆ65/ผู้เขียน)
Q03 - กรุณาบอกอาชีพของคุณ
- เป็นราชองค์รักษ์พิเศษของสังฆราช ที่เรียกตัวเองว่า Seraphim เป็นตัวแทนของอัครเทพ Gabriel เทียบเคียงในเกมเหรอ ไม่ทราบสิคะ ใช้แตรนี่นา Bard มั๊ง? (แต่เป็นผู้หญิง เป็น Bard ได้เหรอ? (หน้าตานิ่งสนิทมาก))
Q0 4- กรุณาบอกสีที่ชอบ และสีที่ไม่ชอบ
- ฟ้า กับสีเขียวมะกอกค่ะ
Q0 5 - กรุณาบอกของกินที่ชอบและไม่ชอบของคุณ
- ชอบอาหารรสจืดๆค่ะ ที่ไม่ชอบก็อาหารรสจัดๆ
Q06 - กรุณาบอกคำพูดที่ชอบ
- "..."
Q07- กรุณาบอกงานอดิเรก และสิ่งที่ถนัด
- สะสมเปลือกหอยค่ะ
Q08 - กรุณาบอกข้อดีและข้อเสียในนิสัยของคุณ
- "..."
Q09 - กรุณาบอกสิ่งที่ชอบอ่าน
- "วิธีพัฒนาบุคลิกภาพ" "สะกดจิตเพื่อการรักษา" (ไม่ได้บอกนะ แต่ยกขึ้นมาให้ดู)
Q10 - กรุณาบอกสิ่งที่คุณติดนิสัย
-"..."
Q11 - กรุณาบอกสิ่งที่คุณขาดแล้วจะเป็นจะตายมาหนึ่งสิ่ง
- แตร Judgement ค่ะ
Q12 - กรุณาบอกรายการทีวีที่ชอบ
- ข่าว
Q13 - กรุณาบอกยี่ห้อแบรนแนมที่ชอบ
- "..."
Q14 - กรุณาบอกสิ่งที่คุณทำอย่างแรกตอนอาบน้ำ
- ถอดเสื้อค่ะ
Q15 - กรุณาบอกสิ่งที่คุณทำเป็นอย่างแรกหลังตื่นนอน
- ลุกขึ้นนั่งค่ะ
Q16 - กรุณาบอกสิ่งที่คุณทำทุกครั้งก่อนนอน
-หลับตาค่ะ
Q17 - คุณทำอาหารหรือไม่ ถ้าทำถนัดทำอะไร
- ของต้ม
Q18 - กรุณาบอกความฝันที่ช่วงนี้เห็นแล้วติดตา
- "..." (ริมฝีปากกระตุก แต่ดูไม่ออกว่ากระตุกเพราะความโกรธ หรือเพราะจะหัวเราะ -_-" )
Q19 - กรุณาบอกสไตล์ชุดชั้นในของคุณ
- บิกินี่ (จริงเหรอเนี่ย !!! )
Q20 - กรุณาบอกวิธีแก้กลุ้มใจของคุณ
- "..."
Q21 - กรุณาบอกเหตุการณ์ที่ทำให้คุณกลุ้มใจที่สุด
- ชอบเงียบค่ะ กับหน้าที่นิ่งเกินไป
Q22 - กรุณาบอกเหตุการณ์ที่ทำให้คุณหัวเราะมากที่สุดในช่วงนี้
- "..." (ริมฝีากกระตุกอีกแล้ว คราวนี้เพราะขำแน่นอน)
Q23 - กรุณาบอกเหตุการณ์ที่ทำให้คุณโกรธที่สุดในช่วงนี้
-มีคนหาว่าชั้นเป็นคนหยิ่งค่ะ
Q24 - กรุณาบอกสิ่งที่คุณต้องการตอนนี้
- อยาแสดงสีหน้าได้เหมือนคนทั่วไปค่ะ
Q25 - กรุณาบอกสมบัติของคุณ
- Judgement ค่ะ
Q26 - ถ้าคุณขอพรได้หนึ่งข้อ คุณจะขออะไร
-ขอให้หน้าดิชั้นหายเป็นปกติ
Q27 - กรุณาบอกความฝันในอนาคตของคุณ
- อยู่กับเหล่า Seraphim ตลอดไปค่ะ
Q28 - กรุณาบอกลักษณะเพศตรงข้ามในอุดมคติของคุณ
- "..."
Q29 - กรุณาบอกเงื่อนไขที่มีต่อคนรักของคุณ
- พูดเก่ง
Q30 - กรุณาบอกเงื่อนไขที่มีต่อคู่ครองของคุณ
- "..."
Q31 - ถ้าตื่นขึ้นมาแล้วมีเพศตรงข้ามที่ไม่รู้จักนอนอยู่
คุณจะทำอย่างไรเป็นอย่างแรก
- "..." (ที่แก้มมีเลือดฝาด)
Q32 - คนรักของคุณนอกใจคุณ คุณจะทำอย่างไรเป็นอย่างแรก
- หนีไปให้ไกลค่ะ
Q33 - คุณถูกคนรักจับได้ว่านอกใจ คุณจะทำอย่างไรเป็นอย่างแรก
- หนีไปให้ไกลเหมือนกันค่ะ
Q34 - กรุณาบอกประโยคที่คุณจะใช้จีบเพศตรงข้าม
- "..." (หัวคิ้วขมวดเล็กน้อย)
Q35 - กรุณาบอกลักษณะเพศตรงข้ามที่อยากลองถูกจีบดู
- "..." (หัวคิ้วขมวดมากกว่าข้อ34นิดนึง)
Q36 - กรุณาบอกกริยาของเพศตรงข้ามที่ทำให้คุณใจเต้น
- เค้าทายถูกว่าดิชั้นรู้สึกอย่างไรค่ะ
Q37 - กรุณาบอกกริยาของเพศตรงข้ามที่ทำให้คุณเอือมระอา
- "..."
Q38 - กรุณาบอกแฟชั่นของเพศตรงข้ามที่คุณชอบ
- ดูสะอาด
Q39 - กรุณาบอกแฟชั่นของเพศตรงข้ามที่คุณไม่ชอบ
- "..."
Q40 - กรุณาบอกว่าคุณคิดอย่างไรกับการแต่งหน้าของผู้หญิง
- ดิชั้นเองก็อยากลองดูนะคะ
Q41 - กรุณาบอกว่าคุณคิดอย่างไรกับการแต่งหน้าของผู้ชาย
- "..."
Q42 - กรุณาบอกความทรงจำเกี่ยวกับรักแรกของคุณ
- "..." (ไม่มองผู้สัมภาษณ์)
Q43 - กรุณาบอกความทรงจำเกี่ยวกับจูบแรกของคุณ
- "..." (หน้าแดงนิดๆ)
Q44 - กรุณาบอกเกี่ยวกับการอกหักครั้งแรกของคุณ
- "..." (ไม่สบตาผู้สัมภาษณ์)
Q45 - กรุณาบอกความทรงจำเกี่ยวกับความรักที่คุณไม่อยากนึกถึง
- "..." (นั่งไขว่ห้าง ตามองไปนอกห้อง)
Q46 - หากพรุ่งนี้โลกจะแตกดับ กรุณาบอกสิ่งที่คุณจะทำวันนี้
- จะพยายามยิ้มค่ะ
Q47 - กรุณาบอกจินตนาการในอีกสิบปีข้างหน้าของคุณ
- ไกลเกินค่ะ
Q48 - กรุณาบอกความลับของคุณ
- จริงๆแล้วดิชั้นก็ขี้เล่นนะคะ
Q49 - อยากพูดอะไรกับนักแสดงท่านอื่นไหมคะ?
- อย่าไว้ใจดิชั้นมากไปนัก
Q50 - ขอบคุณค่ะ มีอะไรจะพูดถึงผู้อ่านไหมคะ?
- "...(เงียบไปพักหนึ่ง) พูดไปสองไพเบี้ยค่ะ"
ส่งท้าย
The_Seraphim - ขอบคุณนะคะที่ให้สัมภาษณ์ (เหนื่อยมากเลยค่ะ ใช้พลังวัตรไปเยอะมาก กดดันสุดๆ)
Deronica - ...
Sicilia - เค้าจ้างมาให้สัมภาษณ์นะ ไม่ใช่เล่นละครใบ้ !
Xavier - เอาน่าๆ อย่าเครียดเลย Deronica ก็เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
Keile - แต่พี่ Deronica นี่เป็นคนที่แปลกจริงๆด้วย
Seraph - นั่นสิ ดูจากคำให้สัมภาษณ์แล้วแปลกๆแฮะ
Deronica - ถึงได้มาอยู่กับพวกนี้ได้ไง
Sicilia - อะไรนะ ! มาต่อยกันดีกว่า ! (กระดาษปลิวว่อนห้องสัมภาษณ์)
***วุ่นวายจนออกมาเป็นอักษรไม่ได้***