ต่าง ๆ นานา
 
นวนิยายแฟนตาซี

 


The Goddess' Descendant
โดย The Seraphim
บทนำ - ๑

 

 

 

26

Engagement

ร่างกายของเคอิลซึ่งบัดนี้ถูกครอบครองโดยสมบูรณ์จากยิมิร์สั่นระริกด้วยความโกรธ ดวงตาสีทองจับจ้องดวงหน้าของเทพบิดรอย่างกินเลือดกินเนื้อ ฝ่ามือกำหมัดเกร็งแน่น

" ในเมื่อข้าไม่อาจทวงร่างเดิมคืนกลับมาได้ ข้าจะใช้ร่างนี้ เป็นผู้ควบคุมชะตาโลกเอง ! " ยิมิร์ประกาศก้อง เสียงอันทรงพลังเก่าแก่แผ่กระจายเต็มไปด้วยอำนาจ

เทพบิดรโอดินถอดหมวกปีกกว้างออกเผยให้เห็นดวงตาที่บอดสนิทข้างหนึ่งและเส้นผมสีดอกเลา ทว่าเมื่อโอดินสะบัดผ้าคลุมกายออกไปนั้น พลันร่างอันดูแก่ชรากลับหนุ่มแน่นขึ้นอีกครั้ง เส้นผมสีดอกเลาเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้ม ร่างกายที่เหนื่อยล้าชราแก่กลับมาเป็นหนุ่มกำยำ ความสง่างามอย่างหาที่เปรียบมิได้เฉิดฉายออกจากร่างนั้น ร่างของเทพบิดรโอดินผู้ยิ่งใหญ่

" เราออกไปคุยกันข้างนอกดีกว่า " ร่างอันกำยำของเทพบิดรพุ่งเข้าคว้าคอของยิมิร์แทบจะทันที และแล้วร่างทั้งสองก็หายวับไปจากห้องโดยปราศจากสุ้มเสียงใดๆ

แรงกดดันที่เข้าถาโถมร่างทั้งเจ็ดได้คลายออกไปแล้ว ทั้งหมดสามารถบังคับร่างกายได้ตามที่ปรารถนาอีกครั้ง

" ลูกแม่ ...." เฟลิน่ายังคงมีน้ำตาไหลอาบแก้ม ดวงหน้าที่สะสวยบัดนี้เปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา

" นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเคอิลถึง .... ...เป็นแบบนี้ " ซิสิเลียเอ่ยถาม ทว่าก็ไม่มีคำตอบจากใครให้ความกระจ่าง

" หัวใจแห่งยิมิร์ ...... ไม่อยู่เสียแล้ว ...... " ซอนญ่าเปรยเบาๆ เหมือนคนขาดสติ ดวงตาสีน้ำเงินเหม่อลอยใต้คิ้วขมวดมุ่น

เซราฟเดินเข้าไปคว้าผ้าคลุมที่ยิมิร์สะบัดออกจากกาย ผ้าคลุมซึ่งครั้งหนึ่งเคอิลเคยสวมใส่ ทว่าบัดนี้ ร่างนั้นไม่ใช่เคอิลอีกต่อไป

" เคอิล ....." นักบวชตัวน้อยทรุดกายลงนั่งคุกเข่า กอดผ้าคลุมนั้นกระชับแน่น เขารู้สึกถึงของแข็งบางอย่างในผ้าคลุมดันอกของเขา เซราฟค้นดูในผ้าคลุม มันคือหนังสือของเทซซ่านั่นเอง หนังสือปกหนังที่เป็นของดูต่างหน้า สารยเวทสาวที่เคยเดินทางกันมาซึ่งเสียชีวิตลงอย่างน่าเศร้า จนบัดนี้เคอิลก็ยังคงรักษามันไว้ภายใต้ผ้าคลุมอย่างดี

" แล้วทำไมต้องเป็นเคอิล ! ทำไมต้องเป็นเขาด้วย !" เซราฟกอดหนังสือและผ้าคลุมไว้แน่น

" เพราะเคอิลไม่ใช่มนุษย์ ..." เฟลิน่าเอ่ยเสียงแผ่วเบาปนสะอื้นไห้ " เคอิลเป็นลูกของข้าซึ่งเป็นนางสวรรค์ กับมนุษย์ เป็นผู้ก้ำกึ่งระหว่างเทพและมนุษย์ " นางพยายามอธิบาย " หากเป็นเทพเต็มตัว ก็จะมีอำนาจกางกั้นไม่ให้จิตใจถูกครอบงำ แต่ถ้าหากเป็นมนุษย์ ก็ไม่เพียงพอที่จะแบกรับจิตวิญญาณอันยิ่งใหญ่อย่างยิมิร์ได้ เคอิลจึงเป็นผู้ที่ถูกแพ่งเล็งหมายปองจากยิมิร์ "

" แล้ววิญญาณของเคอิล ...." อักเนสถามขึ้น แต่ท้ายประโยคกลับหายลงไปในลำคอ

" ข้า ..... ข้าไม่รู้ .... โธ่ ลูกแม่ " เฟลิน่าก้มหน้าร่ำไห้อีกครั้ง

" ออกไปจากที่นี่ก่อนเถอะ ข้าต้องนำดวงใจแห่งยิมิร์กลับมาให้ได้ " ซอนญ่าก้าวตรงไปยังประตู

" แต่เขาวงกตนั่น " เซราฟท้วงขึ้น

" วงกตเวทย์นั่นมีผลก็เฉพาะผู้ที่เข้ามาเท่านั้น แต่สำหรับผู้ที่ก้าวออกไป มันจะส่งเราไปยังเชิงบันไดทันที " นางบอกเสียงหนักแน่น ก่อนที่จะก้าวพ้นประตูออกไป เซราฟิมทั้งสี่ เฟลิน่าและเซราฟก้าวตามออกไป

.......................................................

ร่างของยิมิร์ และโอดินปรากฏกายกลางลานกว้างหน้าพระราชวัง การที่เทพบิดรดึงยิมิร์ออกมากลางแจ้ง เพราะต้องการให้มีความเสียหายน้อยที่สุด หากเกิดการปะทะกัน ทว่าก็ผิดจากที่คาดไว้ ทั่วบริเวณมีร่างของนักปราชญ์ และสารยเวทสลบไสลไม่ได้สติจากน้ำมือของเฟลิน่า

" จงเตรียมพร้อมรับหายนะเถิด โลกเอย " ยิมิร์กัดฟันกรอด " แม้แต่เจ้าก็ด้วย โอดิน ! จงหลีกทางแก่ข้า "

เทพบิดรถอนใจเฮือกใหญ่ " ท่านจะเป็นผู้กุมชะตาโลกไม่ได้ ยอมรับความจริงเถิดยิมิร์ เหล่ามนุษย์และสิ่งมีชีวิตต่างๆ ล้วนมีสิทธิเสรีในตน ท่านจะไปก้าวก่ายได้อย่างไร ?" เทพบิดรพยายามอธิบาย

" แต่ทั้งหมดมันเคยเป็นของข้า ! มันเคยเป็นร่างกายที่ข้ามีสิทธิอย่างชอบธรรมเช่นกัน หลีกไปเถิด ... โอดิน เจ้าจะกำราบข้าได้รึ ? ครั้งนั้นเจ้าเองก็ยังต้องให้น้องของเจ้า กับพ่อเจ้าร่วมกันสังหารข้าอย่างยากลำบากเชียว ตัวข้าเองก็คงไม่พลาดซ้ำสองหรอก " ยิมิร์เอ่ยเสียงเคียดแค้น ทุกสิ่งที่เขามองเห็นได้ด้วยตาล้วนแต่มาจากร่างกายของเขาทั้งสิ้น ร่างยักษาที่โอดินสังหารลง

" ทว่าท่านเองก็ถือว่าเป็นบิดาผู้ให้กำเนิดสรรพชีวิตบนโลกนี้เช่นกัน " โอดินท้วงขึ้น " หากไม่มีท่าน ทุกสรรพสิ่งในโลกย่อมไม่อุบัติขึ้นเป็นแน่ ท่านเองก็มีส่วนสร้างโลกอันงดงามผืนนี้ " น้ำเสียงแฝงความอ่อนโยนและเมตตาดังขึ้นจากปากโอดิน

ยิมิร์มีสีหน้าอ่อนลงเล็กน้อย ทว่าก็เพียงชั่วประเดี๋ยวเดียวเท่านั้น ไม่ต่างจากประกายไฟที่เกิดจากดาบกระทบกัน สีหน้าอ่อนโยนก็ถูกกลบกลืนไปด้วยความบึ้งตึงเคียดแค้นมาแทนที่ ร่างกายที่เป็นเด็กชายอายุยังน้อยกลับดูยิ่งใหญ่ และมีอำนาจไม่แพ้กับเทพโอดินที่อยู่ตรงหน้า

" แต่ทำไมต้องจำเพาะให้เป็นข้า ? ข้าไม่ต้องการเป็นผู้เสียสละ !!!” ยิมิร์ตวาดกลับเสียงดังกึกก้อง การใช้น้ำเย็นเข้าลูบท่าจะไม่เห็นผล “ ข้าอยากได้ชีวิตของข้ากลับคืนมา ร่างกายอันเปี่ยมด้วยอำนาจของข้า !!!" ยิมิร์เบิกตากว้าง กระแสกดดันถาโถมเข้าหาเทพบิดร ทว่าโอดินเองก็ยังสามารถยืนอยู่ได้โดยไม่รู้ร้อนหนาว

" ถ้าเจ้าไม่หลีก ข้าคงต้องล้มเจ้าลง " ยิมิร์กระซิบพอให้ได้ยินเบาๆ ดวงตาสีทองเปล่งประกาย ก่อนที่จะกระโจนร่างเข้าหาโอดินอย่างรวดเร็ว

" ไอซิเคิล เอดจ์ !!! ( Icicle Edge!!! ) " ยิมิร์ร้องตะโกนขณะที่พุ่งตัวเข้าหา โอดิน ฝ่ามือทั้งสองข้างของเขาปรากฏเป็นแท่งน้ำแข็งขึ้นห่อหุ้มไว้ราวกับดาบสองมือ ปลายแท่งน้ำแข็งพุ่งเข้าหาร่างกายของโอดิน

" กุงนิร์ !!!" หอกเล่มใหญ่ปรากฏขึ้นอย่างฉับพลันในผ่ามือของเทพบิดร มหาเทพเองก็พุ่งเข้าหายิมิร์เช่นกัน

ร่ายกายอันกำยำดุจหินผาของเทพบิดรเคลื่อนไหวอย่างปราดเปรียวจนแทบไม่เชื่อสายตา ในทางกลับกัน ร่างกายอันแบบบางของเคอิลซึ่งถูกครอบครองโดยยิมิร์ก็ดูเปี่ยมด้วยพละกำลังไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ทั้งสองเข้าสัประยุทธ์กันอย่างดุเดือด หอกโลหะกระทบกับแท่งน้ำแข็งส่งเสียงกังวานใสดังลั่น

" เจ้าคิดรึ ? ว่าจะเอาชนะข้าได้ " ยิมิร์ร้องตะโกนทั้งที่ยังหวดคมดาบใส่ไม่ยั้งมือ " คราวนี้ไม่มีพ่อเจ้า ไม่มีพี่เจ้าคอยช่วย คิดรึว่าจะล้มข้าได้ง่ายๆ " ดวงตาสีทองเปล่งประกาย แท่งน้ำแข็งในมือทั้งสองข้างหวดตวัดอย่างรวดเร็ว ฝ่ายเทพบิดรขยับหอกตั้งรับได้อย่างหวุดหวิด ทั้งปัดป้อง ตั้งรับ และรุกไล่ยามมีช่องโหว่และโอกาส

" อย่าได้ใจนัก " โอดินเอ่ยเสียงแข็งกร้าว " ร่างกายใหม่ของเจ้า ข้าเองก็รู้ว่าเจ้ายังไม่คุ้นชิน " คมหอกหนาหนักตวัดเข้าข้างลำตัวของยิมิร์ทว่า ยิมิร์เองก็ยกดาบน้ำแข็งทั้งสองเข้าขวางคมหอกได้ทัน แต่แรงกระแทกทำให้ร่างของเขาตัวลอยปลิวไปหลายก้าว ร่างของนักเวทย์หนุ่มพลิกตัวลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว รอยร้าวเกิดขึ้นที่แท่งน้ำแข็งทั้งสอง คมหอกกุงนิร์นั้นแข็งแรงกว่าดาบน้ำแข็งมากนัก ยิมิร์สะบัดมือทั้งสองข้าง ดาบน้ำแข็งพลันแตกสลายกลายเป็นเกล็ดเล็กๆกระจายโรยตัวลงพื้น

" หอกนั่น ... ไม่เลวนี่ ได้มาจากไหน ?" ยิมิร์ถามโดยไม่หวังคำตอบ มือข้างขวาของเขามีน้ำแข็งก่อตัวกันอีกครั้ง ทว่าคราวนี้กลับเป็นหอกเล่มใหญ่ขนาดทัดเทียมกับกุงนิร์ของเทพบิดรโอดิน เขาสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ริมฝีปากเผยอเล็กน้อย และแล้วเสียงอันเปี่ยมพลังก็ถูกเอ่ยขึ้น

" ข้าแต่สายน้ำทั้งสิบสองแห่งเอลิวาการ์ สายน้ำผู้หลั่งรินไปทั่วดินแดนทั้งเก้า บัดนี้ข้าขอเพียงเศษเสี้ยวในอำนาจนั้นจงมาอยู่ที่ข้า สายน้ำเอยจงไหลหลั่งดังใจ ประหนึ่งเป็นส่วนเดียวกับข้า ไทดัล เซอร์เพนท์ !!! ( Tidal Serpent!!! ) "

ระหว่างการร่ายเวทย์ของยิมิร์นั้น เกิดน้ำผุดพลุ่งขึ้นมาจากใต้เท้าของเขาอย่างน่าประหลาด ยิ่งบทร่ายดำเนินไป สายน้ำก็ดูเหมือนกลายเป็นเสาน้ำหมุนวนรอบกาย และทันทีที่สิ้นเสียงร่ายสายน้ำก็แตกฟองกระจายกลายเป็นอสรพิษวารีนับสิบพุ่งโจนทะยานเข้าหาโอดินอย่างบ้าคลั่ง สายน้ำที่โหมคำรามเสียงดังสนั่นหวั่นไหวกลืนกินร่างของเทพบิดรให้จมหายไปในพรายฟองที่แตกกระเซ็น สารธารอสรพิษแห่งความบ้าคลั่งเข้าโหมกระแทกร่างของเทพบิดรอย่างไม่ลดละ

มหาเทพโอดินปักหอกลงกันพื้นหินเพื่อเป็นที่มั่น พยายามยึดร่างตนไว้ไม่ให้หลุดลอยไปตามกระแสน้ำ ทว่าสิ่งที่พุ่งมากระทบร่างหาใช่เพียงแรงดันอันมหาศาลจากกระแสน้ำเพียงอย่างเดียวไม่ แรงกระแทกที่โหมกระหน่ำนับไม่ถ้วน และแรงบีบรัดบดอัดดุจดังถูกงูใหญ่ยักษ์นับร้อยรัดร่างหมายให้แหลกละเอียด เทพบิดรโอดินพยายามยืนหยัดท่ามกลางกระแสน้ำและพลังลึกลับที่โถมทุ่มเข้าใส่

ดวงตาสีทองเขม้นมองสายน้ำที่พุ่งออกจากตนอย่างหยั่งเชิง พรายฟองแตกประกายทำให้มองเป้าหมายไม่ถนัดนัก แต่ยิมิร์มั่นใจว่าเวทย์ที่ร่ายออกไปกำลังแสดงผลเป็นที่น่าพอใจ

อสรพิษวารีตัวสุดท้ายแตกกระจายเป็นฟองน้ำกระเซ็นหลังจากพุ่งเข้ากระแทกร่างของเทพบิดร กึ่งกลางสายตาของยิมิร์ ปรากฏร่างของโอดินซึ่งยังคงยืนกุมหอกที่ปักอยู่กับพื้นอย่างมาดมั่นสง่างาม ไม่มีวี่แววจากการถูกโจมตีใดๆ เทพบิดรกระชากหอกขึ้นจากพื้น ดวงตาที่เหลือเพียงข้างเดียวจับจ้องร่ายกายของยิมิร์อย่างเฉียบคม

ร่างของนักเวทย์หนุ่มยืนกัดฟันกรอดจนกรามขึ้นเป็นสันด้วยความที่ไม่สามารถทำอันตรายใดๆต่อศัตรูที่อยู่ตรงหน้าได้ ก่อนที่จะกระโจนเข้าหาเทพบิดรพร้อมกับกวัดแกว่งหอกน้ำแข็งในมืออย่างชำนาญ ทั้งสองเข้าฟาดฟันกันอีกคำรบหนึ่ง ทุกครั้งที่หอกกระทบกันก็เกิดสะเก็ดน้ำแข็งแตกกระจายออกมาจากหอกของยิมิร์ แต่ทว่าก็ราวกับหอกน้ำแข็งนั้นสามารถซ่อมแซมตัวเองได้ตลอดเวลา มันไม่เกิดรอยร้าวบิ่นใดๆ ทั้งยังคงรูปผลึกใสแวววาวพร้อมกับไอเย็นพวยพุ่ง

" ควบคุมร่างนี้ได้ดีนี่ " เทพบิดรเปรยขณะที่ยังคงประหอกกันอย่างดุเดือด

" เจ้าเองก็ฝีมือดีขึ้นไม่เบา " ยิมิร์ตอบกลับ พร้อมกับหวดคมหอกเข้าใส่ไม่ยั้ง

ภาพที่ปรากฏตรงหน้าคงยากที่จะอธิบายแก่ผู้พบเห็น ภาพของการต่อสู้ที่งดงามราวกับการร่ายรำ ท่วงทำนองการออกอาวุธ และการหลบหลีกปัดป้องก็ดูเหมือนกับว่าถูกซักซ้อมกันมาเป็นอย่างดี การเคลื่อนไหวของทั้งคู่ลื่นไหลดูเป็นหนึ่งเดียว แต่ในทางกลับกันก็เหมือนกับว่าชีวิตของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะสามารถขาดสะบั้นลงได้หากร่ายรำผิดจังหวะเพียงครั้งเดียว

หอกกุงนิร์แทงผ่านข้างลำตัวของยิมิร์ที่หมุนตัวหลบได้อย่างเฉียดฉิว ยิมิร์อาศัยแรงเหวี่ยงขณะหมุนตัวหลบเหวี่ยงฟาดหอกน้ำแข็งเข้าซัดกระแทกร่างของเทพบิดรจนไถลไปไกล

" ข้าโจมตีเจ้าได้ก่อน !" ยิมิร์ร้องตะโกนอย่างสะใจ " ไหนลองเวทย์ของพวกมนุษย์ดูเสียหน่อย " ยิมิร์เปรยพลางหลับตาชั่วอึดใจ ทันทีที่เขาลืมตาขึ้นก็กางมือออกกว้าง

" ฟริจิต ฮาร์พูน !!! "

แท่งน้ำแข็งนับสิบพุ่งตกลงมาจากฟากฟ้าเข้าใส่เทพบิดร มหาเทพโอดินใช้หอกปัดแท่งน้ำแข็งเหล่านั้นจนแตกกระจายไม่ต่างจากละอองหิมะ

" ใช้ได้ๆ " ยิมิร์พูดอย่างพอใจ เสยผมสีดำสนิทที่ปรกหน้าผากขึ้นไป " คราวนี้ ..." เขาสูดหายใจลึกๆหนึ่งครั้ง ดวงตาสีทองดูผ่อนคลาย " กลาเซียต ฟรอสต์ !!! ( glaciate Frost!!! ) " แท่งน้ำแข็งแทงจากพื้นขึ้นเป็นทางพุ่งเป้าเข้าหามหาเทพโอดินซึ่งกำลังตั้งหลักอยู่ ความเย็นแผ่กระจายไปทั่วทั้งร่างของเทพบิดร ผลึกน้ำแข็งเข้าครอบคลุมไปทั่วจนขยับกายไม่ได้ มันค่อยๆเกาะตัวกันจนกลายเป็นก้อนน้ำแข็งขนากใหญ่ห่อหุ้มร่างกายของเทพโอดินไว้มิด

" ช่องโหว่มากมายเลยนะ เด็กน้อย " ยิมิร์เย้ยหยัน " ขาดพ่อเจ้ากับน้องเจ้าแล้ว ถึงกับทำอะไรไม่เป็นเชียวรึ ?" ร่างของนักเวทย์หนุ่มค่อยๆก้าวเข้าหาร่างกายที่ถูกปกคลุมไปด้วยผลึกน้ำแข็งของโอดิน " นี่น่ะรึเทพบิดรผู้สร้างสรรค์ทุกสรรพสิ่ง ต้องมาถูกแช่แข็งไม่ต่างจากปลาในลำธารยามเหมันตฤดูอย่างนี้ ช่างน่าอาย ช่างน่าอาย ..." ยิมิร์จุ๊ปาก พลางส่ายหน้าอย่างเหยียดหยาม

สิ้นเสียงอันดูหมิ่นของยิมิร์เพียงไม่นาน ผลึกน้ำแข็งที่คลุมร่างของโอดินก็พลันแตกกระจายออกผลักเอาร่างกายของยิมิร์กระเด็นตัวลอยไปไกล มหาเทพบิดรยืนจังก้ายื่นมือออกมา ที่ปลายนิ้วของเขามีลูกไฟดวงเล็กๆลุกโชนหมุนคว้างอยู่

" แล้วเจ้าจะได้สัมผัสมันจนหนำใจ ! พลังของข้า !" ลูกไฟที่ปลายนิ้วของโอดินลุกโชนขยายขนาดก่อนจะพุ่งเข้ากระแทกร่างของยิมิร์ซ้ำอีกครั้ง ดวงไฟแตกกระจายลามเลียไปทั่วร่าง กลิ่นไหม้โชยแตะจมูกจางๆ ร่างของนักเวทย์หนุ่มเป็นจ้ำสีแดงจากความร้อน หอกน้ำแข็งในมือเริ่มละลายหยด

" ลองอีกครั้งไหม ?" โอดินถาม ทว่าไม่ต้องการตำตอบ ดวงไฟดวงใหม่ลุกประกายอีกครั้ง ดูเหมือนครั้งนี้จะเพิ่มความรุนแรงกว่าครั้งก่อน " รับไป !" ดวงไฟพุ่งเข้าหายิมิร์ด้วยความร้อน เสียงดวงไฟแตกแตกปะทุพุ่งแหวกอากาศมาด้วยความรวดเร็ว

" ฮอร์ฟรอสต์ ชีลด์ !!! ( Hoarfrost Shield!!! ) "

ดวงไฟที่พุ่งเข้ามาหาได้ลามเลียเผาไหม้ร่างกายของยิมิร์แต่อย่างใดไม่ มันถูกสกัดกั้นด้วยแผ่นน้ำแข็งหนาราวกำแพงที่ตั้งขึ้นอย่างฉับพลัน สิ่งที่หลงเหลือจากลูกไฟ เหลือเพียงเสียง " ฉ่า ..." จากการที่มันได้สัมผัสกับความเย็นเท่านั้น

" ไม่มีผิดพลาดซ้ำสอง " ยิมิร์เอ่ยเสียงปนหอบ ใช้ฝ่ามือปัดฝุ่นผงออกจากร่างกาย

เกิดรอยยิ้มจางๆขึ้นบนดวงหน้าของเทพบิดรก่อนที่จะยกหอกขึ้นเหนือศีรษะ " เช่นนั้นจงรับสิ่งนี้ไป " กุงนิร์ถูกขว้างเต็มแรง พุ่งเข้าหายิมิร์ด้วยความเร็ว เสียงหอกพุ่งแหวกอากาศดังแว่วอย่างน่ากลัว

" ฝันเฟื่อง ! ปราการน้ำแข็งนี่ แข็งแรงยิ่งกว่า ...... อุ๊ก !" ไม่ทันจะสิ้นประโยค หอกกุงนิร์ก็แทงทะลุผ่านกำแพงน้ำแข็งปักเข้าที่หัวไหล่ซ้ายของยิมิร์ ปราการน้ำแข็งแตกกระจายไม่เป็นชิ้นดี เศษน้ำแข็งก้อนใหญ่น้อยหล่นร่วงกระจัดกระจายไปทั่ว โชคยังดีที่ความแรงของหอกถูกลดทอนจากการแทงผ่านกำแพงน้ำแข็ง ปลายหอกจึงฝังลงไปไม่ลึกมาก เลือดสีแดงสดเอ่ออยู่ตรงปากแผล ร่างของนักเวทย์หนุ่มทรุดกายลงกึ่งนั่งกึ่งนอน ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย ความรู้สึกต่างๆที่เขาไม่เคยได้สัมผัสครั้งที่ยังไม่มีร่างกาย มันทำให้เขายังไม่ชินกันความรู้สึกเจ็บปวดเช่นนี้

" เจ้าคงยังไม่รู้ถึงความวิเศษของกุงนิร์ " โอดินก้าวเท้าเข้าหายิมิร์อย่างช้าๆ " หอกนี่ไม่มีสิ่งใดที่แทงไม่เข้า และกุงนิร์เองไม่เคยพลาดเป้า มันเป็นหอกวิเศษเพียงหนึ่งเดียวจากภูมิปัญญาของชาวแคระ " ร่างอันสง่างามก้าวเข้าหายิมิร์ซึ่งอยู่ในร่างบอบบางของเด็กชายที่บัดนี้นอนราบไปกับพื้น

" ระหว่างที่เจ้าหลับใหล " เทพบิดรกุมด้ามหอกพร้อมกับค่อยๆกดคมหอกให้บาดลึกลงบนเนื้อ ดวงหน้าของ เคอิลซึ่งถูกครอบงำโดยยิมิร์ยิ่งบิดเบี้ยวเพราะความเจ็บปวด " โลกนี้ก็ได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว สิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็ไม่ใช่ของเจ้าอีกต่อไป เจ้าจะเรียกร้องอะไรอีก ยอมรับความจริงเสียเถอะ " เลือดสีแดงสดไหลรินอาบหัวไหล่ ยิมิร์รับรู้ได้ถึงเลือดอุ่นๆที่อาบอยู่รอบปากแผล บริเวณหัวไหล่ของเสื้อที่สวมอยู่ถูกย้อมไปด้วยสีแดงเข้มของเลือดสดๆ " คืนร่างนี้มาเถอะน่า " โอดินพูดแกมบังคับ ปลายหอกยิ่งกดลึกลงบนแผล ผิวหนังและเนื้อที่ถูกกรีดบาดฉีกออกจากกันร่ำร้องอุทรด้วยความเจ็บปวด เลือดสีแดงสดยิ่งหลั่งรินอาบปากแผล ร่างกายอันสูงใหญ่กำยำของเทพบิดรดูเหมือนขยายใหญ่โตขึ้นไปอีกเมื่อเป็นฝ่ายได้เปรียบ

" ไม่มีวัน !!!" ยิมิร์กัดฟันตะโกนตอบ ยกเท้าขึ้นยันร่างของโอดินออกไป แรงผลักทำให้หอกหลุดออกจากหัวไหล่ ร่างของนักเวทย์หนุ่มรีบยันกายลุกขึ้น ความเจ็บปวดแล่นเข้าจับบาดแผล เลือดไหลรินไปตามแขนหยดลงพื้นเป็นดวงสีแดงสด

 

The_Seraphim - สวัสดีค่ะ กลับมาอีกครั้ง กับ 50 คำถาม ไขความลับของนักแสดงนะคะ อย่างที่ทราบกันจากตอนที่แล้วว่า Sicilia คะยั้นคะยอให้สัมภาษณ์ Nicky ซึ่งก็คือชื่อของ Deronica ที่ Sicilia เรียกนั่นหล่ะค่ะ งั้นไม่ให้เสียเวลา เราไปพบกับเธอดีกว่านะคะ

 

The_Seraphim - สวัสดีค่าา !

Deronica - สวัสดีค่ะ (สีหน้าเรียบเฉย ดวงตาสีน้ำตาลเข้มจับจ้องมาที่ไวน์อย่างเยือกเย็น)

 

The_Seraphim - ขอสัมภาษณ์หน่อยนะคะ

Deronica - ด้วยความยินดีค่ะ

The_Seraphim - (กรี๊ดๆ ! เท่จังเลย ! )

 

Q 0 1 - กรุณาบอกชื่อของคุณ

- Deronica ชื่อเต็ม Deronica Von Grunau ค่ะ

 

Q02 - กรุณาบอกส่วนสูง น้ำหนัก และอายุของคุณ

- สูง 179 cm อายุ 22 ค่ะ น้ำหนัก ลืมไปแล้วค่ะ (ราวๆ65/ผู้เขียน)

 

Q03 - กรุณาบอกอาชีพของคุณ

- เป็นราชองค์รักษ์พิเศษของสังฆราช ที่เรียกตัวเองว่า Seraphim เป็นตัวแทนของอัครเทพ Gabriel เทียบเคียงในเกมเหรอ ไม่ทราบสิคะ ใช้แตรนี่นา Bard มั๊ง? (แต่เป็นผู้หญิง เป็น Bard ได้เหรอ? (หน้าตานิ่งสนิทมาก))

 

Q0 4- กรุณาบอกสีที่ชอบ และสีที่ไม่ชอบ

- ฟ้า กับสีเขียวมะกอกค่ะ

 

Q0 5 - กรุณาบอกของกินที่ชอบและไม่ชอบของคุณ

- ชอบอาหารรสจืดๆค่ะ ที่ไม่ชอบก็อาหารรสจัดๆ

 

Q06 - กรุณาบอกคำพูดที่ชอบ

- "..."

 

Q07- กรุณาบอกงานอดิเรก และสิ่งที่ถนัด

- สะสมเปลือกหอยค่ะ

 

Q08 - กรุณาบอกข้อดีและข้อเสียในนิสัยของคุณ

- "..."

 

Q09 - กรุณาบอกสิ่งที่ชอบอ่าน

- "วิธีพัฒนาบุคลิกภาพ" "สะกดจิตเพื่อการรักษา" (ไม่ได้บอกนะ แต่ยกขึ้นมาให้ดู)

 

Q10 - กรุณาบอกสิ่งที่คุณติดนิสัย

-"..."

 

Q11 - กรุณาบอกสิ่งที่คุณขาดแล้วจะเป็นจะตายมาหนึ่งสิ่ง

- แตร Judgement ค่ะ

 

Q12 - กรุณาบอกรายการทีวีที่ชอบ

- ข่าว

 

Q13 - กรุณาบอกยี่ห้อแบรนแนมที่ชอบ

- "..."

 

Q14 - กรุณาบอกสิ่งที่คุณทำอย่างแรกตอนอาบน้ำ

- ถอดเสื้อค่ะ

 

Q15 - กรุณาบอกสิ่งที่คุณทำเป็นอย่างแรกหลังตื่นนอน

- ลุกขึ้นนั่งค่ะ

 

Q16 - กรุณาบอกสิ่งที่คุณทำทุกครั้งก่อนนอน

-หลับตาค่ะ

 

Q17 - คุณทำอาหารหรือไม่ ถ้าทำถนัดทำอะไร

- ของต้ม

 

Q18 - กรุณาบอกความฝันที่ช่วงนี้เห็นแล้วติดตา

- "..." (ริมฝีปากกระตุก แต่ดูไม่ออกว่ากระตุกเพราะความโกรธ หรือเพราะจะหัวเราะ -_-" )

 

Q19 - กรุณาบอกสไตล์ชุดชั้นในของคุณ

- บิกินี่ (จริงเหรอเนี่ย !!! )

 

Q20 - กรุณาบอกวิธีแก้กลุ้มใจของคุณ

- "..."

 

Q21 - กรุณาบอกเหตุการณ์ที่ทำให้คุณกลุ้มใจที่สุด

- ชอบเงียบค่ะ กับหน้าที่นิ่งเกินไป

 

Q22 - กรุณาบอกเหตุการณ์ที่ทำให้คุณหัวเราะมากที่สุดในช่วงนี้

- "..." (ริมฝีากกระตุกอีกแล้ว คราวนี้เพราะขำแน่นอน)

 

Q23 - กรุณาบอกเหตุการณ์ที่ทำให้คุณโกรธที่สุดในช่วงนี้

-มีคนหาว่าชั้นเป็นคนหยิ่งค่ะ

 

Q24 - กรุณาบอกสิ่งที่คุณต้องการตอนนี้

- อยาแสดงสีหน้าได้เหมือนคนทั่วไปค่ะ

 

Q25 - กรุณาบอกสมบัติของคุณ

- Judgement ค่ะ

 

Q26 - ถ้าคุณขอพรได้หนึ่งข้อ คุณจะขออะไร

-ขอให้หน้าดิชั้นหายเป็นปกติ

 

Q27 - กรุณาบอกความฝันในอนาคตของคุณ

- อยู่กับเหล่า Seraphim ตลอดไปค่ะ

 

Q28 - กรุณาบอกลักษณะเพศตรงข้ามในอุดมคติของคุณ

- "..."

 

Q29 - กรุณาบอกเงื่อนไขที่มีต่อคนรักของคุณ

- พูดเก่ง

 

Q30 - กรุณาบอกเงื่อนไขที่มีต่อคู่ครองของคุณ

- "..."

 

Q31 - ถ้าตื่นขึ้นมาแล้วมีเพศตรงข้ามที่ไม่รู้จักนอนอยู่
คุณจะทำอย่างไรเป็นอย่างแรก

- "..." (ที่แก้มมีเลือดฝาด)

 

Q32 - คนรักของคุณนอกใจคุณ คุณจะทำอย่างไรเป็นอย่างแรก

- หนีไปให้ไกลค่ะ

 

Q33 - คุณถูกคนรักจับได้ว่านอกใจ คุณจะทำอย่างไรเป็นอย่างแรก

- หนีไปให้ไกลเหมือนกันค่ะ

 

Q34 - กรุณาบอกประโยคที่คุณจะใช้จีบเพศตรงข้าม

- "..." (หัวคิ้วขมวดเล็กน้อย)

 

Q35 - กรุณาบอกลักษณะเพศตรงข้ามที่อยากลองถูกจีบด

- "..." (หัวคิ้วขมวดมากกว่าข้อ34นิดนึง)

 

Q36 - กรุณาบอกกริยาของเพศตรงข้ามที่ทำให้คุณใจเต้น

- เค้าทายถูกว่าดิชั้นรู้สึกอย่างไรค่ะ

 

Q37 - กรุณาบอกกริยาของเพศตรงข้ามที่ทำให้คุณเอือมระอา

- "..."

 

Q38 - กรุณาบอกแฟชั่นของเพศตรงข้ามที่คุณชอบ

- ดูสะอาด

 

Q39 - กรุณาบอกแฟชั่นของเพศตรงข้ามที่คุณไม่ชอบ

- "..."

 

Q40 - กรุณาบอกว่าคุณคิดอย่างไรกับการแต่งหน้าของผู้หญิง

- ดิชั้นเองก็อยากลองดูนะคะ

 

Q41 - กรุณาบอกว่าคุณคิดอย่างไรกับการแต่งหน้าของผู้ชาย

- "..."

 

Q42 - กรุณาบอกความทรงจำเกี่ยวกับรักแรกของคุณ

- "..." (ไม่มองผู้สัมภาษณ์)

 

Q43 - กรุณาบอกความทรงจำเกี่ยวกับจูบแรกของคุณ

- "..." (หน้าแดงนิดๆ)

 

Q44 - กรุณาบอกเกี่ยวกับการอกหักครั้งแรกของคุณ

- "..." (ไม่สบตาผู้สัมภาษณ์)

 

Q45 - กรุณาบอกความทรงจำเกี่ยวกับความรักที่คุณไม่อยากนึกถึง

- "..." (นั่งไขว่ห้าง ตามองไปนอกห้อง)

 

Q46 - หากพรุ่งนี้โลกจะแตกดับ กรุณาบอกสิ่งที่คุณจะทำวันนี้

- จะพยายามยิ้มค่ะ

 

Q47 - กรุณาบอกจินตนาการในอีกสิบปีข้างหน้าของคุณ

- ไกลเกินค่ะ

 

Q48 - กรุณาบอกความลับของคุณ

- จริงๆแล้วดิชั้นก็ขี้เล่นนะคะ

 

Q49 - อยากพูดอะไรกับนักแสดงท่านอื่นไหมคะ?

- อย่าไว้ใจดิชั้นมากไปนัก

 

Q50 - ขอบคุณค่ะ มีอะไรจะพูดถึงผู้อ่านไหมคะ?

- "...(เงียบไปพักหนึ่ง) พูดไปสองไพเบี้ยค่ะ"

 

ส่งท้าย

 

The_Seraphim - ขอบคุณนะคะที่ให้สัมภาษณ์ (เหนื่อยมากเลยค่ะ ใช้พลังวัตรไปเยอะมาก กดดันสุดๆ)

 

Deronica - ...

 

Sicilia - เค้าจ้างมาให้สัมภาษณ์นะ ไม่ใช่เล่นละครใบ้ !

 

Xavier - เอาน่าๆ อย่าเครียดเลย Deronica ก็เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว

 

Keile - แต่พี่ Deronica นี่เป็นคนที่แปลกจริงๆด้วย

 

Seraph - นั่นสิ ดูจากคำให้สัมภาษณ์แล้วแปลกๆแฮะ

 

Deronica - ถึงได้มาอยู่กับพวกนี้ได้ไง

 

Sicilia - อะไรนะ ! มาต่อยกันดีกว่า ! (กระดาษปลิวว่อนห้องสัมภาษณ์)

 

***วุ่นวายจนออกมาเป็นอักษรไม่ได้***

 


© ลิขสิทธิ์ตามกฏหมายโดย The Seraphim

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

๑๐๐ คำถามสร้างนักเขียน
นวนิยายคุณเขียนได้ด้วยตัวเอง
 

ดั่งไฟพิศวาส
นวนิยายรักเร้าอารมณ์
 

  2009
free writing

โดยหีลิปดา

2009 free writing

 


๕๐๕ แคนโต้แห่งความรัก
 

 

 

  http://www.forwriter.com . © 2005 All rights reserved.