ท่ามกลางความเงียบสงัดกลางดึกในเมืองพิเมนต้า ขนนกสีขาวบริสุทธิ์ที่ได้จากเฟรกิวางตัวอย่างระหงกลางฝ่ามือของเฟลิน่า ขนนกที่ขาวสะอาด เปล่งประกายเหมือนจะมีความลับบางอย่างซ่อนเร้นในตัวมัน ควาบลับที่นางต้องทนทุกข์ระทม ความขมขื่นที่นางต้องทนทุกข์ตลอด ๒๐ ปีที่ผ่านมา
ดวงตาสีฟ้าอ่อนเหม่อลอยไปไกล แต่ก็เพียงชั่วประเดี๋ยวหนึ่งเท่านั้น ความรู้สึกหนึ่งก็แทรกเข้ามา ดุจดังเข็มที่พุ่งผ่านหน้าผากของเธอ ความรู้สึกนั้นเอ่อล้นเข้ามาในหัวสมอง เป็นความรู้สึกที่เธอไม่อยากจะให้มันเกิดขึ้น แต่ในใจลึกๆก็รอคอยมันอยู่
" เคอิล !.... ลูก ... ลูกอยู่ที่นั่น !" นางครางอยู่ในลำคอ
ขนนกสีขาวในมือนางดูจะยิ่งเปล่งประกายอย่างแปลกประหลาด ดวงตาสีฟ้าอ่อนที่เคยสดใสไม่ต่างจากท้องฟ้ากลางฤดูร้อน บัดนี้กลับขุ่นมัวด้วยความกังวล และลังเลใจ
" ลูกอยู่ที่นั่นแล้ว ..." นางคิด " อีกไม่นาน ... ลูกก็จะพบกับ ...." นางกลืนถ้อยคำสุดท้ายของประโยคกลับลงไปในลำคอ แทบไม่อยากจะนึกถึงมัน
สายใยแห่งชีวิตที่สามสาวโนร์นถักทอขึ้น ย่อมไม่เปลี่ยนแปลง ไม่สามารถแทรกแซงได้ ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ หรือเทพก็ตามที ชะตากรรมที่กำหนดไว้แล้ว ย่อมต้องเกิดขึ้น
" แต่จะให้อยู่นิ่งเฉยอยู่อย่างนี้งั้นหรือ ?" นางแย้งขึ้นในใจ " เช่นนั้นแล้ว ทำไมท่านจึงให้สิ่งนี้แก่ข้า ? หรือว่าท่านต้องการให้ข้าเปลี่ยนแปลงมัน " นางพลิกขนนกบางเบาไปมาอย่างพิจารณา
" ข้า ... ข้าสามารถเปลี่ยนแปลงชะตากรรมได้งั้นรึ ?" นางครุ่นคิด
ความรู้สึกนั้นพุ่งเข้าสัมผัสจิตใจของนางอีกครั้ง คราวนี้นางสัมผัสได้ชัดว่าลูกอันเป็นที่รักของนางเข้าใกล้สิ่งนั้นมากขึ้นทุกที
" ลูกรักของแม่ ... ลูกเข้าไปแล้ว " ความรู้สึกเต็มตื้นจุกแน่นอยู่ที่คอของนาง
บัดนี้นางต้องตัดสินใจแล้ว ว่าจะรอรับชะตากรรมที่จะเกิดขึ้น หรือจะพยายามเพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงมัน ความรู้สึกทั้งสองราวกับการห้ำหั่นกันของกองทัพใหญ่ยักษ์สองกองทัพที่เข้าประจัญกันอย่างดุเดือด ต่างฝ่ายต่างห้ำหั่นเอาชนะ นางจะทำอย่างไรดี ? นางควรจะเชื่อฝ่ายไหนดี ?
" ลูกรัก ..." เสียงหนึ่งดังขึ้นในมโนสำนึกของเธอ เสียงที่เธอไม่เคยลืมเลือนมันไปไม่ว่าจะนานเท่าไหร่ก็ตาม เสียงที่เธอได้ยินเป็นครั้งแรกในชีวิต เสียงที่เคยปลอบประโลม เสียงที่เคยว่ากล่าวตักเตือน เสียงที่เคยชื่นชม เสียงที่ทำให้เธออบอุ่น เสียงของเฟรกิ ... เสียงของชายชราผู้นั้นดังก้องขึ้นในหัวของเธอ
" ท่านพ่อ ..." นางเปล่งเสียงออกมาด้วยความรู้สึกหลากหลายระคนกัน ทั้งยินดี โหยหา โกรธ และเสียใจ
" ฟังคำข้าไว้ หากเจ้าต้องเศร้าโศกในความพยายามอันสูญเปล่า ก็ยังดีเสียกว่าที่เจ้าต้องทุกข์ระทมเพราะหาได้ลงมือทำการอันใดไม่ " เสียงนั้นดังก้องอยู่ในหัวของนางเพียงวูบเดียว แต่ความหมายของมันก็เข้าเกาะกุมหัวใจได้อย่างรวดเร็ว
" หากข้าต้องเสียใจเพราะทำไม่สำเร็จ ก็ยังดีกว่าเสียใจเพราะไม่ได้ทำอะไรลงไปเลย ..." นางทวนซ้ำอีกครั้ง ความหมายของมันช่างเรียบง่าย แต่ยิ่งใหญ่
" ขอบคุณ ... ท่านพ่อ " บัดนี้นางตัดสินใจแล้ว
เฟลิน่าหลับตาลงอย่างช้าๆ สองมือประคองขนนกไว้กลางหน้าอก ริมฝีปากอิ่มเอิบเผยอขึ้นเล็กน้อย ตามมาด้วยเสียงที่ไพเราะราวกับหยดน้ำตกกระทบยอดหญ้า
" ข้าแต่มหาเทพบิดรโปรดสดับฟังคำข้า ! ท่านผู้ซึ่งสร้างโลกทั้งเก้า ผู้ปลูกต้นไม้แห่งชีวิตเพื่อค้ำยึดแผ่นดิน ท่านผู้ให้ชีวิตแก่ทุกสรรพสิ่งในจักรวาล เทพบิดรผู้เกรียงไกร โปรดสดับฟังข้า ! บุตรีอันต่ำค่าที่ท่านประทานชีวิตให้ บัดนี้ข้าได้ยินยอมในพันธะสัญญาที่ท่านมอบ ขอท่านจงประทานอดีตให้แก่ข้า โปรดประทานเพื่อข้านี้จะเข้ารับใช้ท่าน จวบจนวันแห่งการสัประยุทธ์ครั้งสุดท้ายจะมาถึง ข้าแต่มหาเทพบิดรโอดิน โปรดสดับฟังคำข้า !"
เสียงของนางเอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบาเป็นจังหวะ และเร่งกระชั้นขึ้นเรื่อยๆ ขนนกสีขาวในมือทอแสงสีขาวอมฟ้าเจิดจ้าปกคลุมร่างกายของนางเอาไว้ และแล้วขนนกนั้นได้แตกละเอียดกลายเป็นอณูแสงเล็กๆนับล้านเข้าโอบล้อมทั่วทั้งร่างของเฟลิน่า เส้นผมสีน้ำตาลแดงเป็นลอนยาวสวย พริ้วไหวอยู่กลางอากาศราวกับต้องลม มันยกตัวสูงขึ้นอย่างอิดออด ก่อนที่จะรวมตัวถักทอเข้าหากันจนกลายเป็นเปียเส้นหนาหนัก เสื้อผ้าที่นางสวมอยู่ก็กลับกลายเป็นละอองแสงเล็กๆแตกกระจาย มันลอยตัวอ้อยอิ่งเป็นจังหวะช้าๆ ราวสองสามวินาที ก่อนที่จะเข้ารวมตัวกันใหม่บนร่างของนาง จากผืนผ้าธรรมดาบัดนี้แปรเปลี่ยนเป็นเกราะโลหะเปล่งประกายงดงาม แสงสว่างทั่วทั้งร่างค่อยๆกลับมารวมตัวกันเป็นกลุ่มลอยสูงขึ้นจนพอดีกับศีรษะ กลุ่มละอองแสงเข้าโอบรอบศีรษะนางไว้ เมื่อแสงสว่างจางลงปรากฏหมวกเกราะลวดลายวิจิตรประดับขนนกสีขาวสะอาด
บัดนี้เฟลิน่ายืนตระหง่านอยู่กลางบ้านด้วยรูปโฉมที่นางจากมาเนิ่นนาน เส้นผมสีน้ำตาลแดงถูกถักเป็นเปียอย่างกระชับยาวพาดจรดเอว ชุดเกราะโลหะสีขาวสะอาดที่ประดับลวดลายด้วยทองคำสุกปลั่ง หมวกเกราะที่เข้าชุดกันประดับด้วยขนนกสีขาว หาใช่แต่เพียงรูปลักษณ์ภายนอกที่นางได้กลับคืนมาเท่านั้น แม้กระทั่งพลังอำนาจที่เคยสูญเสียไป บัดนี้มันกลับมาไหลเวียนอยู่ในร่างกายของนาง พลุ่งพล่านพร้อมที่จะนำมาใช้อีกครั้ง เฟลิน่ารู้สึกได้ถึงพลังนั่น
" กลับมาแล้ว ! ตัวข้าในอดีต " นางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงปีติเปี่ยมล้น " แม่จะไปหาเจ้าแล้ว ลูกรัก ..." สิ้นเสียง ร่างกายของนางก็เกิดแสงจ้าวูบหนึ่ง ร่างกายแปรเปลี่ยนไปเป็นนางหงส์สีขาวสะอาดตัวใหญ่ นางหงส์กางปีกออกกว้าง อวดให้เห็นเส้นขนละเอียดเรียงตัวกันอย่างงดงาม ก่อนที่จะโบกปีกโบยบินออกไปทางหน้าต่าง สู่ท้องฟ้าสีน้ำเงินเข้มประดับไปด้วยดวงดาวพร่างพราย
สายลมเบื้องบนปะทะใบหน้า เรียกความรู้สึกเก่าๆกลับมาอีกครั้ง ชาติกำเนิดของนาง ... อดีตของนาง ....
...............................................
ดวงตาที่พร่ามัวเพราะแรกสัมผัสกับแสงตะวัน ความทรงจำอันรางเลือน ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้ากว่าจะชัดเจนได้ก็ต้องใช้เวลานานทีเดียว เมื่อสายตาปรับเข้าที่ ชายวัยกลางคนที่อยู่ในชุดเกราะสีทองแสนสง่าก็ยื่นมือเข้าช่วยให้พยุงกายลุกขึ้นมา ทันทีที่จำรูปลักษณ์ของชายผู้นั้นได้ ด้วยความกลัวเกรงจึงก้มลงหมอบราบกับพื้นทันทีตามสั๙ชาติญาณ
" ลุกขึ้นเถิด เด็กน้อย " ชายผู้นั้นเอ่ย ผู้ที่หมอบราบอยู่แทบเท้าของเขาคือเด็กสาวนางหนึ่ง เรือนร่างเปลือยเปล่า ผิวสุกปลั่งสีชมพูอ่อนตัดกับเส้นผมสีน้ำตาลแดงที่สยายไปทั่ว
" ไม่ต้องกลัว เด็กน้อย บัดนี้เจ้าเป็นสิ่งที่พิเศษกว่าแต่ก่อน เจ้ามีรูปลักษณ์เยี่ยงมนุษย์ ข้าขอตั้งนามเจ้าว่า เฟลิน่า !" ชายผู้นั้นเอ่ยด้วยเสียงอันทรงพลัง ดวงตาของเขาบอดไปข้างหนึ่ง แต่ก็หาได้ทำให้ความสง่างามลดลงไปไม่
" ค่ะ นายท่าน " เด็กสาวตอบ ร่างกายยังคงหมอบราบ แต่เสียงที่ออกจากปากนางเป็นภาษามนุษย์ นางเป็นมนุษย์แล้ว !
ความทรงจำต่างๆค่อยๆเด่นชัดขึ้น ทำไมร่างกายของเธอจึงมาอยู่ในรูปมนุษย์งั้นหรือ ? เมื่อก่อนนี้เธอคือใคร ? แท้จริงแล้วเธอเองเป็นเพียงพาหนะของเทพ พาหนะของเทพมารดาเฟรย์ย่า เธอเป็นเพียงวิฬาร์สวรรค์ เป็นแมวหนึ่งในฝูงแมวที่ลากเลื่อนแก่เทพมารดาเฟรย์ย่า แต่เพราะความเอ็นดูจากพระนางที่เรียกเธอว่า " เมล็ดอัลมอนด์ตาสีฟ้า " ซึ่งชื่อนี้มาจากขนตามตัวที่เป็นสีน้ำตาลแดง และดวงตาสีฟ้าอ่อนราวกับท้องฟ้านั้น ทำให้พระนางเอ็นดูรักใคร่แมวน้อยตัวนี้ยิ่งนักจนถึงกับออกปากให้เทพบิดรโอดินเปลี่ยนรูปโฉมให้เยี่ยงมนุษย์ พร้อมยกลำดับชั้นให้กลายเป็นเทพธิดาพรหมจรรย์วัลคิรี่ย์ ทั้งยังให้คงรูปลักษณ์ของ " เมล็ดอัลมอนด์ตาสีฟ้า " โดยให้สีผม และสีตา เป็นเช่นเดียวกับร่างแมวในอดีต รวมไปถึงชื่อ เฟลิน่า (Felina) ที่ตั้งขึ้นก็มาจากคำว่า ฟีไลน์ (Feline) ที่แปลว่า แมว เรื่องนี้เธอมาทราบเอาภายหลัง
" บัดนี้ !!!" เสียงของเทพบิดรดึงสติเธอกลับมา " ข้าขอแต่งตั้งให้นาง เป็นเทพธิดาพรหมจรรย์วัลคิรี่ย์ ผู้มีหน้าที่คัดสรรเหล่าดวงวิญญาณนักรบผู้กล้าเอนเฮอร์ยา สู่หอพำนักวัลฮัลลา บัดนี้เป็นต้นไป !"
สิ้นเสียงของเทพโอดินผู้ซึ่งยืนอยู่เบื้องหน้านาง ร่างกายของเฟลิน่าก็เปล่งแสงสว่างสีน้ำเงินอมขาววาบหนึ่ง เมื่อแสงจางลง ร่างกายของนางก็อยู่ในชุดเกราะสีขาวสะอาดประดับลายทองสุกปลั่ง
" ลุกขึ้นเถิด ลูกพ่อ " เทพโอดินเอ่ยขึ้น ดวงตาที่เหลืออยู่เพียงข้างเดียวของเขา จ้องมองนางด้วยความเมตตา
" ท ... ท่านพ่อ " เฟลิน่าเอ่ยตอบเสียงสั่นเครือ เต็มเปี่ยมไปด้วยความปีติล้น
วันเวลาพ้นผ่านไป จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี ปีแล้วปีเล่าวัลคิรี่ย์คนใหม่ก็ทำหน้าที่ได้ไม่ขาดตกบกพร่อง ด้วยดวงตาสีฟ้าสดใส และกริยาท่าทางที่น่ารักน่าเอ็นดูทั้งยังอ่อนน้อมถ่อมตน ทำให้นางเป็นที่รักของทั้งปวงเทพ และเหล่าดวงวิญญาณนักรบทั้งหลายในแอสการ์ด ดินแดนแห่งสรวงสวรรค์
จวบจนวันหนึ่ง ...
สงครามเกิดขึ้นแล้ว !!! เทพบิดรประกาศก้องลงจากบัลลังก์ จงไป ! วัลคิรี่ย์ทั้งหลาย จงไปรับวิญญาณนักรบผู้ซึ่งวางวายในสมรภูมิอย่างกล้าหาญ จงรับพวกเขามาเพื่อเป็นหนึ่งในกองทัพสวรรค์ เตรียมพร้อมสำหรับสงครามแห่งการสัประยุทธ์ครั้งสุดท้าย ! เสียงอันแสงทรงพลังสั่นก้องไปทั่วทั้งหอวัลฮัลลา เหล่านางสวรรค์ต่างเตรียมพร้อมอยู่ในชุดเกราะสีขาวสง่างาม ทันทีที่สิ้นเสียงของเทพบิดรเหล่าเทพธิดาวัลคิรี่ย์ก็ทยอยออกจากหอแห่งเกียรติยศทันที บ้างก็จำแลงกายเป็นหงส์ขาว บ้างก็ควบอาชาสีหมอกตัดผ่านกลุ่มเมฆปุกปุย โบยบินสู่โลกมนุษย์
เฟลิน่าก็คือหนึ่งในนั้น นางได้ลงไปยังโลกมนุษย์เพื่อรับวิญญาณนักรบดั่งเช่นที่ปฏิบัติกันเป็นหน้าที่ แต่วันนี้โลกมนุษย์ช่างวุ่นวาย มีดวงวิญญาณที่หลุดลอยออกจากร่างที่สิ้นชีพกันกลาดเกลื่อน ทั้งชาวบ้าน นักรบ เด็ก และผู้หญิง สงครามครั้งนี้ไม่เล็กทีเดียว นางเคยออกหาดวงวิญญาณในสงครามมานับครั้งไม่ถ้วน ในรอบหลายร้อยปีนี้ ครั้งนี้ถือว่าเป็นสงครามที่มีความเสียหายมากเท่าที่นางเคยเห็นมา
" นี่เกิดอะไรขึ้นกันนี่ ?" นางคิด " ทำไมมีคนตายมากมายขนาดนี้ !"
ดวงวิญญาณนับร้อยลอยล่องกระจัดกระจาย ต่างวุ่นวาย สับสน เจ็บปวด ทรมาน เสียงกรีดร้องจากดวงวิญญาณดังเซ็งแซ่
" ไม่ !!! เจ็บเหลือเกิน !"
" ได้โปรดเถิด ! ไว้ชีวิตข้าด้วย !"
" ทรมาน .... ทรมาน "
" ล่มสลายแล้ว ไม่เหลือแล้ว !"
" แม่จ๋า ! แม่อยู่ไหน ? หนูกลัว ..."
สิ้นสุดกันที ... ไม่เหลือแล้ว ...
นางพยายามตั้งสติ ฟังเสียงเหล่าดวงวิญญาณนั้น เพื่อค้นหานักรบที่สิ้นชีพอย่างกล้าหาญ
" เข้ามา ! ด้วยเกียรติของข้า เจ้าไม่มีทางฆ่าข้าง่ายๆแน่ !" เสียงหนึ่งดังขึ้นอย่างแจ่มชัดในมโนสำนึกของนาง เสียงของดวงวิญญาณที่เหมาะสมแก่การเป็นนักรบสววรค์ นางเร่งรุดไปยังต้นเสียงทันที
ชายหนุ่มเจ้าของเสียงนั้นยังไม่สิ้นชีพดี ร่างที่ดูสง่างามอาบไปด้วยเลือดจนชุ่ม แยกไม่ออกว่ามาจากเขาเองหรือเลือดของศัตรูกันแน่ ดวงตาสีม่วงสดปรือหรี่ เส้นผมสีน้ำตาลเข้มเกาะกุมไปด้วยเลือดที่แห้งกรังเป็นลิ่มๆ " เหตุใดดวงวิญญาณที่ยังไม่หลุดลอยจากร่างจึงมีเสียงเรียกที่ทรงพลังขนาดนี้ " นางคิด ขณะที่ยืนอยู่เบื้องหน้าร่างชายผู้จวนเจียนจะหมดลม
" ไอ .. ไอรีน ไอรีนรึ ?" ดวงตาสีม่วงที่พร่ามัว จับจ้องร่างของนาง ร้องเรียกชื่อหนึ่งออกมาอย่างแผ่วเบา ลมหายใจขาดเป็นช่วงๆ
" ผิดแล้ว ... ข้าไม่ใช่นาง " เฟลิน่าเอ่ยขึ้นด้วงเสียงราบเรียบ รอคอยลมหายใจสุดท้ายของเจ้าของร่างเพื่อนำพาดวงวิญญาณกลับไป
" งั้นรึ ... แต่สีผมของเจ้า .... เปียนั่น ... ช่างเหมือนกันนัก เสียงอันแหบพร่า แต่ก็ยังมีพื้นเสียงที่เข้มแข็งถูกเปล่งออกมาอย่างยากลำบาก แต่ดวงตา ... ข้าเห็นไม่ .... อ่อก ... ข้า .... เห็นไม่ชัด .... เข้ามาใกล้ๆข้าที " ชายหนุ่มเรียก ลมหายใจขาดหายเป็นช่วงๆ
เฟลิน่าทรุดกายลงนั่งข้างร่างเขา รอคอยเวลานั้นจะมาถึง
" อา ... ดวงตาของเจ้าเป็นสีฟ้า ... สีฟ้าสด ไอรีนเองก็มีดวงตาแบบนั้นข้างหนึ่ง .... แค่กๆ ถ้าเช่นนั้นเจ้าเป็นใคร ?... เทวีแห่งความตายงั้นรึ " ชายผู้นั้นเอ่ยเสียงแผ่วเบาลงทุกขณะ ความตายเข้าคืบคลานเขาเข้ามาอย่างกระชั้นชิด
" ข้าคือเทพธิดาพรหมจรรย์วัลคิรี่ย์ มาเพื่อรับดวงวิญญาณเจ้าสู่หอวัลฮัลลา " นางตอบด้วยสุ้มเสียงอ่อนโยน
" ง ... งั้นหรอกรึ ..." เสียงที่ออกจากปากเขาแผ่วเบาดุจกระซิบ เสียงสุดท้ายที่เปล่งออกมาก่อนที่ลมหายใจจะหยุดลง ร่างอันสง่างามเบื้องหน้าได้สิ้นชีพลงแล้ว ท่ามกลางกองเลือดที่ท่วมร่าง และเสียงการต่อสู่ในสงคราม ดวงวิญญาณของเขาหลุดลอยออกจากร่าง เฟลิน่าโอบอุ้มดวงวิญญาณนั้นอย่างอ่อนโยน ก่อนที่จะจำแลงกายเป็นหงส์ขาวโบยบินสู่สรวงสวรรค์
" เจ้าชื่ออะไรงั้นรึ " ชายหนุ่มดวงตาสีม่วงสด เอ่ยถามเฟลิน่า ขณะที่ทั้งสองยืนอยู่เบื้องหน้าหอแห่งเกียรติวัลฮัลลา บัดนี้ร่างกายของชายหนุ่มปราศจากคราบเลือดเกราะกรัง เขากลับมาดูสง่างาม เปล่งประกาย
" เฟลิน่าคือนามของข้า " นางตอบกลับด้วยท่าทีสุภาพ ลูบเปียสีน้ำตาลแดงหนาหนักอย่างแผ่วเบา
" ข้าชื่อดีแลน ขอบคุณมากที่รับข้ามา " ดีแลนเอ่ยด้วยท่าทีไม่ต่างกัน
" นั่นคือหน้าที่ของข้า เจ้ามีความกล้าหาญเพียงพอที่จะเป็นนักรบ เจ้าต้องขอบคุณตัวเจ้าเองมากกว่า ข้าขอถามเจ้าซักเรื่อง เบื้องล่างนั้น โลกมนุษย์นั่น เกิดอะไรขึ้นรึ ?" เฟลิน่าถามอย่างสงสัย ดวงตาสีฟ้าสดก็บ่งบอกความสงสัยเช่นเดียวกัน
" การล่มสลายของอาณาจักรอาราเมธ ผู้คนล้มตายไปมาก ทั่วทั้งแผ่นดินอาบไปด้วยเลือด " ดีแลนตอบด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด
" อา ... ช่างน่าสงสาร ... ข้าต้องไปแล้ว ไปรับดวงวิญญาณดวงอื่นๆ " เฟลิน่าเอ่ยขอตัว กลางหลังของนางปรากฏปีกสีขาวขนาดมหึมา ยกร่างของนางให้ลอยสูงขึ้น
" แล้วข้าจะพบเจ้าอีกได้ไหม ? เฟลิน่า " ดีแลนตะโกนถามนางที่อยู่เบื้องบน
" หากเจ้ายังคงเป็นนักรบแห่งสรวงสวรรค์ และข้ายังคงเป็นวัลคิรี่ย์ เราคงได้พบกัน ไม่ช้าก็เร็ว " นางเอ่ย ก่อนที่จะกลายร่ายเป็นหงส์บินจากไปจนลับตา
........................................
เป็นดั่งคำที่เฟลิน่าเอ่ยต่อดีแลน ทั้งสองได้มีโอกาสพบปะกันบ่อยขึ้น โดยเฉพาะยามเย็นที่เหล่านักรบจะมากินดื่มฉลองที่หอวัลฮัลลา งานเลี้ยงที่แสนรื่นเริง และสนุกสนาน โดยมีเหล่าเทพ เทวี และเทพธิดาวัลคิรี่ย์ ร่วมในงานด้วย
ดีแลนมักบอกต่อเฟลิน่าเสมอ ว่านางเหมือนใครบางคนที่เขารู้จัก เส้นผมสีน้ำตาลแดงถักเป็นเปียหนา นิสัยร่าเริงเหมือนเด็กๆ ต่างกันก็เพียงดวงตา ซึ่งของนางเป็นสีฟ้าสดใส แต่คนที่ดีแลนเอ่ยถึงมีตาสองสี แต่ทว่าดีแลนก็ไม่เคยเอ่ยถึงอดีตของเขาเลย ทุกครั้งที่นางถามขึ้น สีหน้าที่หม่นหมอง เศร้าสร้อยก็เข้ามาฉาบทับทันที นางรู้แต่เพียงว่าคนที่ดีแลนเอ่ยถึง ชื่อไอรีน
ดีแลนเป็นชายหนุ่มที่สง่างาม และดูมีราศี ด้วยท่วงทีและกริยาดูคล้ายกับผู้ที่มีเลือดขัตติยะ เส้นผมสีน้ำตาลเข้มที่รับกับใบหน้า ดวงตาสีม่วงสดยิ่งขับให้ดวงหน้าดูเด่นขึ้น เหล่านักรบในหอวัลฮัลลา ต่างก็เรียกเขาว่า " เจ้าชาย " แต่ปูมหลังของเขายังคงเป็นเรื่องที่อยู่นอกเหนือความเข้าใจของทุกคน
ด้วยความที่เฟลิน่าเองก็ให้เกียรติในการไม่ซักถามอดีตครั้งยังมีชีวิตอยู่ในโลกมนุษย์ของเขา และตัวดีแลนเองที่เกิดความประทับใจในตัวเฟลิน่าเมื่อแรกพบคราวที่วิญญาณของเขาจวนจะจากร่างมา ความสัมพันธ์ของทั้งสองก็ได้เพิ่มมากขึ้น ไม่มีใครทราบว่าเกิดขึ้นเมื่อไร ทุกอย่างดูราวกับกระแสน้ำในแม่น้ำที่ค่อยๆไหลเซาะตลิ่งพังไปทีละนิด และแล้วทั้งสองก็ตกหลุมรักซึ่งกันและกัน แน่นอนว่าทุกสิ่งทุกอย่างย่อมไม่อาจพ้นสายตา และญาณทัศนะอันล้ำลึกของเทพบิดรโอดินไปได้
" ข้ารักเขา ! ท่านพ่อ โปรดเมตตาลูกด้วย " เฟลิน่าร้องอ้อนวอน
" แต่เจ้าก็ทราบดีแล้วไม่ใช่รึ ? เจ้าเป็นเทพธิดาพรหมจรรย์ เจ้าเป็นวัลคิรี่ย์ หากเจ้าสมรสกับผู้ใด เจ้าจะต้อง .." มหาเทพเอ่ยน้ำเสียงห่วงใย
" เป็นมนุษย์ .... เฟลิน่าต่อท้ายประโยค ใช่ ! ข้าทราบดี แต่ว่า .... ข้ารักเขา นี่คือความต้องการของข้า " นางยืนยัน
" ถ้าเจ้าเป็นมนุษย์ เจ้าเองก็จะต้อง ..." เทพโอดินเอ่ย ดวงตาที่เหลือเพียงข้างเดียวของเขา จ้องมองนางด้วยความเป็นห่วง
" ลูกรักของแม่ เจ้าคิดดีแล้วรึ ?" เสียงหนึ่งเอ่ยขึ้น เป็นเสียงที่ราบเรียบ แต่กลับอบอุ่น เสียงอันไพเราะเย็นสบายของเทพมารดาเฟรย์ย่า เทพแห่งความอุดมสมบูรณ์ และความรัก นางเยื้องย่างมาด้วยท่าทีสง่างาม เส้นผมสีทองพริ้วสลวยระเรือนร่างสะโอดสะอง
" เจ้ามาก็ดีแล้วเฟรย์ย่า เจ้าเองก็เป็นผู้ดูแลพิธีสมรส คงอธิบายแก่นางได้ "
เทพมารดาก้าวเท้าเข้าใกล้เฟลิน่า ดวงตาสีน้ำเงินอันอ่อนโยนจับจ้องที่นางด้วยความเอ็นดู เฟลิน่าก้มลงแสดงความเคารพ ก่อนที่เทวีจะพยุงกายให้นางลุกขึ้น
" ลูกรักของแม่ แม่เข้าใจในความรักที่เจ้ามี แต่ทว่าหากเจ้าสมรสกันนักรบในหอวัลฮัลลา เจ้าเองก็จะต้องกลับกลายเป็นมนุษย์ ทั้งพลัง อำนาจ หน้าที่ที่เจ้ามีก็จะหมดไป " นางอธิบาย ยื่นมือขึ้นลูบเส้นผมของเฟลิน่าอย่างแผ่วเบา
" ท่านแม่ ... ท่านเอ็นดูข้ามาตั้งแต่สมัยที่ข้ายังเป็นวิฬาร์สวรรค์รับใช้ท่าน ข้าซาบซึ้งในพระคุณยิ่ง แต่ตัวข้าบัดนี้ได้ตกอยู่ในห้วงแห่งความรักอันยิ่งใหญ่ นี่คือสิ่งที่ข้าต้องการเหนืออื่นใด ข้าตัดสินใจแล้ว " นางยังคงยืนกรานหนักแน่น
" ถึงแม้จะเป็นเพียงช่วงเวลาแห่งความสุขอันแสนสั้นงั้นรึ ?" เทพมารดาถามเป็นเลศนัย
ไม่มีสุ้มเสียงใดๆออกจากปากของเฟลิน่า นางก้มหน้านิ่งราวกับทราบความหมายนั้นดี
" แสดงว่าเจ้าเองก็เข้าใจแล้ว ถึงแม้เจ้าจะได้สมรสกับเขาก็ตาม แต่หากเจ้าสูญเสียพรหมจารีไปเมื่อไร ตะวันรุ่งวันต่อมา เจ้าก็จะกลับกลายเป็นมนุษย์ เจ้าเข้าใจความหมายของคำว่า มนุษย์ ' ใช่มั้ย ?" เทวีเฟรย์ย่าเชยคางเฟลิน่าขึ้น จ้องตานางอย่างเป็นกังวล
" ข้าจะไม่มีสิทธิใดๆในสรวงสวรรค์ ตัวข้าที่เป็นมนุษย์มีชีวิต จะต้องลงไปยังโลกมนุษย์ทันที ไม่มีที่ทางสำหรับคนเป็นบนสรวงสวรรค์ " นางเอ่ย น้ำเสียงยอมรับโดยดุษณี
" แล้วเจ้ายอมรับได้รึ ? เจ้าจะไม่ได้พบคนที่เจ้ารักอีก เขาไม่ใช่มนุษย์ที่มีเลือดเนื้ออีกต่อไป เขาไม่สามารถลงมาใช้ชีวิตร่วมกับเจ้าที่โลกมนุษย์เบื้องล่างได้ เจ้าจะทนไหวหรือ ? เทพมารดาเอ่ย
" ข้ายินดี ! ขอเพียงข้าได้ใช้ชีวิตเพียงเสี้ยวหนึ่งร่วมกับเขา ถึงแม้หลังจากนั้นข้าต้องตกอยู่ท่ามกลางเพลิงแห่งความโดดเดี่ยว ข้าก็ยินดี " เฟลิน่ายืนยันเสียงหนักแน่น
" ในฐานะที่ข้าเป็นเทวีแห่งความรัก ข้าเองก็รู้สึกยินดีในความรักอันหนักแน่นของเจ้า ถ้าหากนั่นคือความต้องการของเจ้า ลูกรัก ... แม่เองก็ไม่อาจขัดขืน แต่ว่า เทพโอดิน ..." เทวีเฟรย์ย่าส่งสายตาแก่เทพบิดา
" นี่ข้าหวังว่าจะให้เจ้าช่วยเกลี้ยกล่อม แต่นี่เจ้ากลับ ... " เทพโอดินเอ่ยอย่างหัวเสีย
" ก็อย่างที่บอก ข้าเองเป็นเทวีแห่งความรัก ข้าเองก็ต้องสรรเสริญความรักอันหนักแน่นเป็นธรรมดา " เทวีเฟรย์ย่าอมยิ้ม
" แล้วคนรักของลูกทราบเรื่องนี้หรือยัง ?" เทพบิดรถาม
" ยังค่ะ ท่านพ่อ ข้าแน่ใจว่าหากเขาได้รู้เรื่อง เขาเองก็ต้องไม่ยอมให้มีพิธีขึ้นแน่ "
.......................................................................
พิธีสมรสจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ สวยงาม และเป็นกันเอง ภายในหอแห่งเกียรติวัลฮัลลา ถูกตบแต่งด้วยผ้าขาว ดอกลิลลี่และดอกคาโมมายด์ เหล่าเทพ เทวี และวิญญาณนักรบผู้กล้าต่างมาร่วมพิธีกันอย่างคับคั่ง แต่มีสิ่งหนึ่งซึ่งถูกเก็บซ่อนในใจของแขกทุกผู้ ก็คือความจริงเกี่ยวกับตัวเฟลิน่า ค่ำคืนแห่งความสุขกำลังดำเนินไป โดยที่ดีแลนไม่ทราบเลยว่าความเจ็บปวดทรมานกำลังคืบคลานเข้ามาอย่างช้าๆ
.......................................................................
แสงอาทิตย์พาดผ่านช่องหน้าต่างห้องนอนภายในหอวัลฮัลลา ชายหนุ่มร่างกายกระชับนอนนิ่งอยู่บนเตียง แสงแดดที่สาดเข้าตาทำให้เขาสะลึมสะลือตื่นขึ้น เอื้อมมือออกไปหมายจะคว้าร่างของคนรักเข้ากอด ทว่าสิ่งที่เขาคว้าได้เป็นเพียงอากาศธาตุ
" ไปไหนแล้วนะ ?" เขาตื่นเต็มตา ยันกายลุกขึ้นนั่ง ที่ปลายเตียงมีอะไรบางอย่างวางอยู่ใกล้เท้าของเขา หมวกเกราะสีขาวประดับลายทองและขนนกที่เขาคุ้นตาวางอยู่พร้อมกับจดหมายหนังแกะแผ่นหนึ่ง เขาคว้าขึ้นอ่านด้วงความงุนงง
ระหว่างที่อ่านจดหมาย เขาคว้าหมวกเกราะเข้ามากอด ดวงตาสีม่วงสดของเขารื้นน้ำตา ขบฟันจนกรามขึ้นนูนเป็นสัน
" นี่เรื่องตลกล้อเล่นกันใช่ไหม ?" เขาคิด " ไม่จริง ! ทำไมเธอ ..."
ถ้าหากเขาทราบเรื่องที่จะเกิดขึ้นในตอนนี้ เขาคงจะปฏิเสธการแต่งงาน เขายอมที่จะตัดใจจากเธอ และคอยเฝ้าดูแลเธอห่างๆเสียดีกว่าที่จะเชยชมซึ่งกันและกันเพียงข้ามคืนเพื่อลาจากกันเช่นนี้
" เฟลิน่า !!!" เขาตะโกนก้อง น้ำตาไหลอาบแก้มเป็นสาย กอดหมวกเกราะในมือแน่น
The_Seraphim - สวัสดีค่ะ กลับมาอีกครั้ง กับ 50 คำถาม ไขความลับของนักแสดงนะคะ คราวที่แล้วเราได้สัมภาษณ์ Sicilia ไป (ซึ่งเจ้าตัวออกมาโวยวายเป็นการใหญ่ เลยต้องขึ้นค่าตัวเป็นการปลอบใจ) คราวนี้เราก็จะยังอยู่กับสี่สาว Seraphim กันค่ะ คราวนี้เรามาพบกับคู่กัดของ Sicilia กันนะคะ สวัสดีค่ะ
??? - สวัสดีค่ะ ที่จริงก็ไม่เชิงคู่กัดหรอกนะคะ แต่ก็... กวนประสาทดีค่ะ
Q 0 1 - กรุณาบอกชื่อของคุณ
- Xavier ค่ะ ชื่อเต็ม Xavier Franz
Q02 - กรุณาบอกส่วนสูง น้ำหนัก และอายุของคุณ
- ส่วนสูงเหรอคะ 175 cm ค่ะ เตี้ยที่สุดในกลุ่มเลย อายุ 21 ปีค่ะ น้ำหนัก.... ขอผ่านได้ไหมคะ? (ราวๆ 66 kg / จากผู้เขียน)
Q03 - กรุณาบอกอาชีพของคุณ
- เป็นราชองครักษ์ของสันตะปาปาค่ะ ถ้าเทียบเคียงในเกมก็เป็น Priest ค่ะ
Q0 4 - กรุณาบอกสีที่ชอบ และสีที่ไม่ชอบ
- สีชมพูค่ะ ดูน่ารักดี ที่ไม่ชอบก็สีฟ้า กับสีแดงสดๆ
Q0 5 - กรุณาบอกของกินที่ชอบและไม่ชอบของคุณ
- ต้องไม่เลือกทานนะคะ เสียสุขภาพกันพอดี มีอะไรก็กินเถอะค่ะ
Q06 - กรุณาบอกคำพูดที่ชอบ
- "ไม่เป็นไรนะจ๊ะ" ค่ะ รู้สึกว่าพูดบ่อยมาก
Q07 - กรุณาบอกงานอดิเรก และสิ่งที่ถนัด
- งานอดิเรก ก็พวกเย็บปักถักร้อยค่ะ สิ่งที่ถนัด ทำอาหารค่ะ
Q08 - กรุณาบอกข้อดีและข้อเสียในนิสัยของคุณ
- ข้อดีเหรอคะ? ให้คนอื่นพูดถึงดีกว่าค่ะ ไม่งั้นจะกลายเป็นการยกตัวเอง ข้อเสียนี่ คงจะเป็นความลังเลมั๊งคะ
Q09 - กรุณาบอกสิ่งที่ชอบอ่าน
- "ตำรางานเย็บปัก" "สูตรอาหารแห่ง Midgard " ค่ะ
Q10 - กรุณาบอกสิ่งที่คุณติดนิสัย
- ชอบลังเลค่ะ บางครั้งก็มัวแต่เลือกจนเสียโอกาสไป
Q11 - กรุณาบอกสิ่งที่คุณขาดแล้วจะเป็นจะตายมาหนึ่งสิ่ง
- เพื่อนๆค่ะ
Q12 - กรุณาบอกรายการทีวีที่ชอบ
- รายการแม่บ้านตอนเช้าๆค่ะ
Q13 - กรุณาบอกยี่ห้อแบรนแนมที่ชอบ
- ไม่ค่อยสนใจของแพงนะคะ
Q14 - กรุณาบอกสิ่งที่คุณทำอย่างแรกตอนอาบน้ำ
- ยิ้มหน้ากระจกค่ะ เคยอ่นเจอว่าจะทำให้สุขภาพจิตดี
Q15 - กรุณาบอกสิ่งที่คุณทำเป็นอย่างแรกหลังตื่นนอน
- ยิ้มหน้ากระจกเหมือนกันค่ะ
Q16 - กรุณาบอกสิ่งที่คุณทำทุกครั้งก่อนนอน
- สวดมนต์ค่ะ
Q17 - คุณทำอาหารหรือไม่ ถ้าทำถนัดทำอะไร
- อยากลองชิมมั๊ยคะ?
Q18 - กรุณาบอกความฝันที่ช่วงนี้เห็นแล้วติดตา
- ฝันเห็น Sicilia เข้ามากินอาหารที่ดิชั้นอุ่นไว้ค่ะ แล้วกินหมดเลยด้วย โมโหมาก
Q19 - กรุณาบอกสไตล์ชุดชั้นในของคุณ
- เรียบๆค่ะ ชอบสีชาวกับสีเบจ
Q20 - กรุณาบอกวิธีแก้กลุ้มใจของคุณ
- ทำอาหารค่ะ ไม่ก็ถักเสื้อซักตัว
Q21 - กรุณาบอกเหตุหารณ์ที่ทำให้คุณกลุ้มใจที่สุด
- ยังไม่เคยถักเสื้อได้พอดีตัวเลยค่ะ
Q22 - กรุณาบอกเหตุการณ์ที่ทำให้คุณหัวเราะมากที่สุดในช่วงนี้
- เห็น Sicilia กินอาหารแล้วสำลักค่ะ สมน้ำหน้า คิกๆ
Q23 - กรุณาบอกเหตุการณ์ที่ทำให้คุณโกรธที่สุดในช่วงนี้
- โกรธเหรอคะ? ไม่มีหรอกค่ะ ไมค่อยโกรธใคร ส่วนมากจะหงุดหงิดมากกว่าค่ะ
Q24 - กรุณาบอกสิ่งที่คุณต้องการตอนนี้
- อยากมีครอบครัวค่ะ
Q25 - กรุณาบอกสมบัติของคุณ
- คฑา Ganasis ค่ะ รักมาก
Q26 - ถ้าคุณขอพรได้หนึ่งข้อ คุณจะขออะไร
- ไม่มีเรื่องที่จะขอแล้วค่ะ ตอนนี้ก็มีความสุขดี
Q27 - กรุณาบอกความฝันในอนาคตของคุณ
- อยากเป็นภรรยาที่ดี มีลูกซัก 2-3 คนค่ะ
Q28 - กรุณาบอกลักษณะเพศตรงข้ามในอุดมคติของคุณ
- เป็นคนที่พึ่งพาได้ เข้มแข็ง อบอุ่นค่ะ
Q29 - กรุณาบอกเงื่อนไขที่มีต่อคนรักของคุณ
- มีเหตุผล และเข้าใจคนอื่นค่ะ
Q30 - กรุณาบอกเงื่อนไขที่มีต่อคู่ครองของคุณ
- ต้องรู้จักการเอาใจใส่คนรักค่ะ
Q31 - ถ้าตื่นขึ้นมาแล้วมีเพศตรงข้ามที่ไม่รู้จักนอนอยู่คุณจะทำอย่างไร
เป็นอย่างแรก
- ระลึกความค่ะ ว่าเกิดอะไรขึ้น
Q32 - คนรักของคุณนอกใจคุณ คุณจะทำอย่างไรเป็นอย่างแรก
- นั่งคุยกันค่ะ
Q33 - คุณถูกคนรักจับได้ว่านอกใจ คุณจะทำอย่างไรเป็นอย่างแรก
- ขอโทษค่ะ เรื่องน่าอายแบบนี้ ดิชั้นคงรู้สึกผิดมาก
Q34 - กรุณาบอกประโยคที่คุณจะใช้จีบเพศตรงข้าม
- ไม่เคยคิดเลยค่ะ นั่นหน้าที่ผู้ชายไม่ใช่เหรอคะ?
Q35 - กรุณาบอกลักษณะเพศตรงข้ามที่อยากลองถูกจีบดู
- เหมือนข้อที่ 28 ค่ะ
Q36 - กรุณาบอกกริยาของเพศตรงข้ามที่ทำให้คุณใจเต้น
- เวลาเล่นกับเด็กๆค่ะ
Q37 - กรุณาบอกกริยาของเพศตรงข้ามที่ทำให้คุณเอือมระอา
- ทำตัวน่าเกรงขาม ดุดัน ไร้น้ำใจค่ะ
Q38 - กรุณาบอกแฟชั่นของเพศตรงข้ามที่คุณชอบ
- ดูอบอุ่น สบายๆค่ะ
Q39 - กรุณาบอกแฟชั่นของเพศตรงข้ามที่คุณไม่ชอบ
- ก็ไม่มีถึงกับไม่ชอบหรอกค่ะ
Q40 - กรุณาบอกว่าคุณคิดอย่างไรกับการแต่งหน้าของผู้หญิง
- แต่งเฉพาะเวลาสำคัญจะดีกว่าค่ะ
Q41 - กรุณาบอกว่าคุณคิดอย่างไรกับการแต่งหน้าของผู้ชาย
- ไม่เหมาะมั๊งคะ
Q42 - กรุณาบอกความทรงจำเกี่ยวกับรักแรกของคุณ
- เค้าเดินเข้ามาทักค่ะ แล้วจ้องมาที่ตาดิชั้นแล้วพูดว่า "สีม่วงจริงเหรอเนี่ย?"
Q43 - กรุณาบอกความทรงจำเกี่ยวกับจูบแรกของคุณ
- ยังไม่เคยค่ะ
Q44 - กรุณาบอกเกี่ยวกับการอกหักครั้งแรกของคุณ
- ยังไม่เคยบอกรักค่ะ
Q45 - กรุณาบอกความทรงจำเกี่ยวกับความรักที่คุณไม่อยากนึกถึง
- ยังไม่มีนะคะ แต่จะมีด้วยเหรอคะ ความรักที่ไม่อยากนึกถึง?
Q46 - หากพรุ่งนี้โลกจะแตกดับ กรุณาบอกสิ่งที่คุณจะทำวันนี้
- เข้โบสถ์ค่ะ
Q47 - กรุณาบอกจินตนาการในอีกสิบปีข้างหน้าของคุณ
- มีครอบครัวที่อบอุ่นค่ะ
Q48 - กรุณาบอกความลับของคุณ
- ความลับ? ไม่มีหรอกค่ะ
Q49 - อยากพูดอะไรกับนักแสดงท่านอื่นไหมคะ?
- Sicilia อย่าแอบขโมยของกินะ ถ้าจะกินก็บอกไม่ต้องขโมย Deronica ยิ้มซะบ้างนะ คนเค้าเป็นห่วง Agnes ว่างๆมาร้องเพลงให้ฟังบ้าง ทุกๆคน ขอให้โชคดีมีความสุขนะคะ
Q50 - ขอบคุณค่ะ มีอะไรจะพูดถึงผู้อ่านไหมคะ?
- ก็ขอฝากตัวด้วยค่ะ จะพยายามทำสุดความสามารถ ขอบคุณค่ะ
ส่งท้าย
The_Seraphim - ขอบคุณนะคะที่ให้สัมภาษณ์
Xavier - ด้วยความยินดีค่ะ
Keile - ว้า ! สัมภาษณ์คนเรียบร้อยเนี่ย ไม่สนุกเลย
Sicilia - ใช่ ! นางเอกเหลือเกินนะ แต่ละคำตอบ
Xavier - ...
Sicilia - เอ๋ ! ขอโทษ แค่แซวเล่นเอง
Seraph - แต่พี่ Xavier ก็ใจดีอย่างนี้มาตั้งแต่ผมเป็นเด็กแล้วนี่
Xavier - จ้าๆ(ลูบหัว Seraph )
The_Seraphim - จริงๆแล้วจะสร้างมาให้เป็นคนสวย ใครๆก็รักนะ แล้วก็ใจดีมากๆเลยน่ะ แต่ทำไปทำมา กลายเป็นติดนิสัยแม่บ้านไป
Agnes - ดีแล้วๆ ให้มีคนที่สมหญิงบ้างก็ดี
Keile - แต่พวกพี่ๆก็มีเอกลักษณ์ดีออกนะครับ
Sicilia - แน่นอน ! (ตบหลัง Keile อึ๊กใหญ่)
Deronica - ก็มีคนนี้แหละที่ไม่สมหญิง (กระซิบ)
Sicilia - คราวหน้าเธอไม่รอดแน่ !!! ไวน์ !!! คราวหน้าสัมภาษณ์ Nicky นะ
The_Seraphim - Nicky ??? หมายถึง Deronica เหรอ?