ต่าง ๆ นานา
 
นวนิยายแฟนตาซี

 


The Goddess' Descendant
โดย The Seraphim
บทนำ - ๑

 

 

 

22

chivvy

มหาปราชญ์สาว ก้าวเท้ายาวๆ เส้นผมสีเขียวมะกอกสยายไปตามจังหวะการก้าวย่าง ดวงตาสีน้ำเงินเข้มจับจ้องไปตามทางเดินที่ทอดยาวจนมาสุดอยู่หน้าประตูห้องรับรอง

ประตูถูกเปิดออกช้าๆ ซอนญ่ากวาดสายตาไปรอบๆห้องราวกับเหยี่ยวจับจ้องเหยื่อ ทันทีที่สายตาของนางพบเพียงเหล่า เซราฟิมทั้งสี่ที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียงสี่เสาตัวใหญ่ โดยปราศจากนักบวชและนักเวทย์ตัวน้อยๆ นางก็เดินออกจากห้องไปทันที

" เด็กหายไปไหน ?" นางตวัดเสียงขึ้นสูงเจือความไม่พอใจจางๆกับสารยเวทย์หนุ่มทั้งสองผู้เฝ้าอยู่หน้าประตู

" ไม่ได้อยู่ในห้องรึขอรับ ท่านซอนญ่า " ชายหนุ่มทั้งสองตอบกลับแทบจะพร้อมกัน

" เพราะไม่อยู่น่ะสิ ข้าถึงมาถามเจ้า !" นางเพิ่มความดุดันลงไปในน้ำเสียง ดวงตาสีน้ำเงินจับจ้องอย่างไม่ลดละ

" ข้าไม่ทราบขอรับ ... ข้าเฝ้าอยู่ที่นี่มาโดยตลอด " หนึ่งในนั้นตอบกลับเสียงสั่น

" หรือว่าพวกเจ้าหลับยาม ?" นางเขม้นมองสองหนุ่มอย่างไม่ไว้ใจ

" ปะ .... เปล่านะครับ พวกเราไม่กล้าทำอย่างนั้นหรอก " ทั้งสองละล่ำละลัก

" ชุ่ยจริง ! ทำงานกันยังไง ! ประกาศให้ออกตามหาเด็กทั้งสองคนเดี๋ยวนี้ ! เกณฑ์นักสารยเวทที่ไม่มีหน้าที่อะไรให้ออกตามหาอย่างละเอียด ต้องให้ได้ตัวมาก่อนอาทิตย์ขึ้น นี่คือคำสั่ง !" นางออกคำสั่งอย่างแข็งขัน คิ้วขมวดมุ่นอยู่เหนือดวงตาสีน้ำเงินขุ่นมัว

" รับทราบ !" ทั้งสองคนขานรับในทันที

นางก้าวเท้าอย่างเร่งรีบเดินออกมาหน้าอาคาร ยกมือขึ้นบีบริมฝีปากล่างผิวปากเสียงดังก้อง หลังจากนั้นไม่นานเสียงกระพือปีกก็ดังขึ้นเบื้องบน ฝูงฮาร์ปีนั่นเอง นางยื่นเชือกให้หนึ่งในนั้นใช้เท้ายึดปลายทั้งสองข้าง แล้วจึงนั่งลงกึ่งกลางเชือกราวกับนั่งชิงช้า

" ข้าจะออกตรวจตราจากข้างบนเอง " นางเอ่ย ก่อนที่จะลอยสูงขึ้นไปในอากาศ ฝุ่นควันคละคลุ้งตลบอบอวลไปทั่ว

สารยเวทหนุ่มทั้งวิ่งออกไปทันทีเพื่อถ่ายทอดคำสั่ง เพียงเวลาไม่นาน

....................................................................................

' วัลคิรี่ย์ (Valkyrie) คือกลุ่มเทพธิดาที่เป็นข้าบริพารแห่งเทพบิดรโอดิน พวกนางซึ่งเป็นอมตะจะเป็นผู้เลือกเหล่าผู้กล้าทั้งหลายที่สิ้นชีวิตในสงคราม บางคนเป็นถึงธิดาในโอดินเอง

เหล่านางฟ้าวัลคิรี่ย์ จะออกควบอาชาผ่านเมฆหมอกตามเทพบิดรโอดินไป ในขณะที่พระองค์ออกตามหาเหล่าวีรชนผู้วางวาย บางครั้งพวกนางก็จำแลงร่างเป็นหงส์ขาวโบยบินไปยังโลกมนุษย์ เพื่อเลือกเฟ้นนักรบสู้หอวัลฮัลลา

บางครั้ง พวกนางก็จะเดินย่างกรายไปตามพื้นดิน โดยสลัดคราบนางหงส์ และชุดเกราะสีทองประกายออกชั่วครั้งคราวเพื่อลงอาบน้ำชำระร่างกายในแม่น้ำลำธารอันเงียบสงัด

ถึงแม้เหล่านางฟ้าจะมีชีวิตเป็นอมตะ และมีพลังอำนาจเหนือมนุษย์ แต่ทว่าพวกนางก็ยังมีอารมณ์ มีความรู้สึก เหล่าชายหนุ่มสามารถเกี้ยวพาราสีและแต่งงานกับพวกนางได้ แต่ทว่าคราใดที่นางได้สูญเสียพรหมจรรย์คราใด บัดนั้นพลังอำนาจและชีวิตอมตะของนางก็จะหมดลง กลับกลายเป็นหญิงสาวธรรมดา

เหล่านางสวรรค์ผู้สุญเสียอำนาจเหล่านั้น สามารถกลับคืนสู่เบื้องบนได้ เมื่อครบกำหนดเก้าปี ทว่าสิ่งนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับเจตนารมณ์ของเหล่าวัลคิรี่ย์เอง ว่าพวกนางต้องการกลับไปทำหน้าที่นางสวรรค์ หรือจะอยู่พำนักบนโลกมนุษย์ต่อไป '

เซราฟถอนสายตาออกจากหนังสือบนตัก เวลาเดียวกับที่เคอิลเดินเข้ามาหา นักบวชน้อยเองก็เพิ่งสังเกตเห็นว่า มังกรสีนิลนั้น บัดนี้กำลังหลับสนิทพาดคางเล็กๆของมันบนปลายขาของเขาที่เหยียดยื่น

" เราออกไปข้างนอกกันเถอะ พวกเราเสียเวลามามากแล้ว " เคอิลเอ่ยพร้อมกับยื่นมือให้เซราฟยกตัวลุกขึ้น เจ้ามังกรตื่นขึ้น พร้อมกับส่งเสียงงัวเงียอย่างไม่พอใจ

" อยากเก็บหนังสือเล่มนี้ไว้จัง ผมยังอ่านไม่จบเลย " นักบวชหนุ่มจ้องหนังสือในมืออย่างอาลัย

มังกรหินงับชายผ้าของเซราฟเบาๆ

" รู้แล้วๆ ผมไม่เอาไปจริงๆหรอกครับ " เขาพูดขึ้น หยิบหนังสือวางกลับเข้าชั้น มังกรกางปีกออกบินกลับเข้าไปยังแท่นพิงหนังสือพร้อมกับส่งเสียงครางออกมาเบาๆเหมือนเป็นคำอำลา ร่างกายของมันค่อยๆกลับไปเป็นหินหยาบๆอีกครั้ง ท่ามกลางความเงียบแห่งการลาจากนั้นเซราฟโบกมือช้าๆ อำลาตอบ

..................................................

" นี่ๆ เคอิล ! หนังสือที่ผมเพิ่งได้อ่านมา พูดถึงเรื่องของวัลคิรี่ย์ด้วยนะ " นักบวชตัวน้อยชวนคุยขณะที่ทั้งสองปล่อยให้ขาเดินไปตามทาง

" นั่นสินะ เซราฟเองก็รู้แต่ตำนานตามคติคริสต์ ได้มาเจอตำนานอื่นๆบ้างคงจะตื่นเต้น " นักเวทย์หนุ่มลูบศีรษะของเซราฟเบาๆ เป็นการหยอกเอิน " ข้าเองก็อยากรู้จริงๆ ว่าเมืองนี้ลอยอยู่ได้ยังไงกัน "

เด็กทั้งสองเดินลอดระหว่างเสาหินที่ทอดตัวเรียงรายกับเป็นวงโค้ง สิ่งที่ทอดตัวอยู่เบื้องหลังแนวเสานั้น เป็นเวทีกลางแจ้งที่ยกสูง รายล้อมด้วยอัฒจรรย์ขั้นบันไดที่วางตัวตีวงโค้งเป็นวงกลมรอบเวที อักขระเวทย์ที่อยู่ตามพื้นผิวส่วงสว่างสีเขียวงดงาม

" อา ... เวทีกลางแจ้ง อยากรู้จริงว่า ที่แห่งนี้เคยมีการแสดงอะไรบ้าง ” เคอิลเปรยขึ้นด้วยความรู้สึกประทับใจในความงดงาม และความยิ่งใหญ่ของสถาปัตยกรรม ดวงตาสีดำเข้มสะท้องแสงสีเขียวเป็นประกาย

ช่วงเวลาที่ทั้งสองกำลังดื่มด่ำกับความงดงามนั้น ก็มีเงาดำทะมึนปรากฏเหนือศีรษะของทั้งสอง ตามด้วยเสียงกระพือปีกเป็นจังหวะ

" หยุดอยู่ตรงนั้นล่ะ เด็กๆ !" ซอนญ่านั่นเอง นางกำลังชี้นิ้วลงมาที่ทั้งสองอย่างออกคำสั่งพร้อมกับฮาร์ปีจำนวนไม่น้อย

รวดเร็วเท่าความคิด เคอิลคว้าแขนเซราฟวิ่งหนีทันที

" ชั้นสั่งว่าให้หยุด ! ฮาร์ปีจัดการ !" ซอนญ่าร้องตะโกนพร้อมกับสั่งการเหล่านกสาว

ฮาร์ปีสองตัวทิ้งกายลงมาดักเด็กทั้งสองไว้ เซราฟเกาะกุมบ่าของเคอิล อาศัยแผ่นหลังของเขาหมายเป็นที่กำบัง ดวงตาสีเขียวจับจ้องสลับไปมาระหว่างใบหน้าของเคอิล และเหล่าฮาร์ปีอย่างหวาดระแวง

ฝูงฮาร์ปีที่เหลือค่อยๆลดเพดานบินลงมาช้าๆ ดวงตาสีน้ำเงินเข้มของปราชญ์สาวจับจ้องอยู่ที่เด็กทั้งสอง

“ ทำยังไงดีครับ เคอิล ” เซราฟกระซิบพร้อมกับที่เหล่าฮาร์ปีบินต่ำลงมาเรื่อยๆ

“ ใช้ อิลูมินุส ซังโต ! เซราฟ ! ใช้อิลูมินุส ซังโตเดี๋ยวนี้ !” เคอิลกระแทกเสียงผ่านไรฟันใส่นักบวชตัวน้อย

เซราฟหลับตาลงทันที นึกถึงคราวที่เขาได้อยู่ในเหตุการณ์ที่เอมิเลียต่อกรกับซัคคิวบัสสาว นึกถึงความรู้สึกอันพรั่งพรูยากบรรยาย เสียงเรียกอันแสนอบอุ่นดั่งมาจากสรวงสวรรค์

“ อิลูมินุส ซังโต !!!” เซราฟตะโกนก้อง ฝ่ามือทั้งสองกุมแน่นที่หน้าอก แสงสว่างเจิดจ้าทอประกายขึ้นเหนือศีรษะ ทว่าทันทีที่แสงสว่างตกกระทบถูกอักขระเวทย์ที่สลักเสลาไว้ตามพื้นผิว เหล่าอักษรนั้นก็ทอแสงเจิดจ้าราวกับขานรับพลังของเซราฟ แสงสว่างวาบเจิดจ้าบาดตาทำให้เหล่าฮาร์ปี และซอนญ่าต่างไม่ทันได้ตั้งตัว

" วิ่ง !" เคอิลลากเซราฟถูลู่ถูกังออกวิ่งอย่างไร้ทิศทาง ทันทีที่แสงจางลงนักเวทย์หนุ่มก็เห็นวิหารหลังใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า ทั้งสองกวดฝีเท้าจนพ้นเข้ามาในวิหารใหญ่ได้สำเร็จ

" ไม่นะ ! พวกเด็กๆเข้าไปในวังแล้ว ” ซอนญ่าร้องอย่างหัวเสียขณะที่เห็นหลังของเด็กทั้งสองหายเข้าไปในวัง “ วางข้าลง พวกเจ้ากลับไปตามกำลังเสริมมาให้หมด ทั้งปราชญ์และสารยเวทที่มีอยู่ในเมืองตอนนี้ " ซอนญ่าออกอาการกระวนกระวาย กระโดดลงจากเชือก

“ แต่ว่าองค์เหนือหัว ...” ฮาร์ปีตนหนึ่งเอ่ย

“ รับคำสั่งแล้วก็ไปซิ !” ซอนญ่าตวาดซ้ำ เหล่านกสาวสะดุ้งเส้นขนพองฟู " ค่ะ ! นายท่าน " ทั้งหมดรับคำสั่งพร้อมกระพือปีกบินออกไปทันที

เบื้องหน้านักปราชญ์สาวคือราชวังแห่งโลอาเมีย อันเป็นที่พำนักของกษัตริย์มาชั่วรุ่น แต่บัดนี้ ...

“ องค์เหนือหัวรึ ?” ซอนญ่าหัวเราะในลำคอ

ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหว องค์กษัตริย์แห่งโลอาเมีย ก็ไม่เคยเสด็จออกมาสู่สายตาของเหล่าพสกนิกรแม้แต่น้อย ใครเล่าจะทราบ ใครเล่าจะเก็บงำความจริงไว้นอกจากนางเพียงผู้เดียว มหาปราชญ์ตัวแทนพระองค์ที่ว่าราชการแทนองค์กษัตริย์ได้ทันทีโดยไม่มีเงื่อนไข ความลับอันแสนเจ็บปวด และคับอกสั่งสมอยู่ในจิตใจ เพราะ “ สิ่งนั้น ” สิ่งสำคัญแห่งโลอาเมีย แหล่งอำนาจและพลังทั้งมวลที่ไหวเวียนอยู่รอบเกาะยักษ์แห่งนี้ ได้ตื่นจากการหลับใหล และช่วงชิงเอา “ วิญญาณ ” ของพระองค์ไปเสียแล้ว กษัตริย์ผู้เก่งกาจและองอาจหาญกล้า บัดนี้เป็นเพียงร่างที่นอนนิ่งอยู่บนพระแท่นบรรทมด้วยลมหายใจอันโรยริน แต่นางเองจะแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไปไม่ได้ องค์กษัตริย์อันเป็นศูนย์รวมจิตใจของทุกคน ... จนกว่าพระองค์จะหายจากอาการประชวร หรือในทางที่เลวร้ายที่สุด ... จนกว่าพระองค์จะสวรรคต นางจะไม่มีทางปริปากเผยความลับนี้แก่ใคร

ปราชญ์สาวกวาดสายตาไปทั่วทั้งราชวัง ถอนหายใจยาว ก่อนที่จะก้าวเท้าเดินหายเข้าไปตามเด็กทั้งสอง

..............................................................

เด็กทั้งสองยืนหอบด้วยความเหนื่อยได้ไม่นาน ท่ามกลางห้องโถงที่ประดับด้วยชุดเกราะโบราญยืนรายล้อม เสียงฝีเท้าของซอนญ่าดังก้องขึ้นมาจากหน้าประตู

" หาที่ซ่อนก่อนเร็ว !" เคอิลกระซิบ พร้อมกับวิ่งนำเซราฟออกไปจากโถงกว้าง

ทั้งคู่วิ่งตรงไปจนสุดโถงทางเดิน มีทางแยกอยู่สามทางตรงหน้า เสียงฝีเท้าดังก้องไปทั้งโถงจังหวะการก้าวย่างกระชั้นขึ้นจนฟังดูคล้ายเสียงวิ่ง

" ขวา !" นักเวทย์หนุ่มรีบตัดสินใจ พร้อมกับดึงตัวเซราฟไปโดยไม่รอคำตอบ

และที่สุดทางแยกที่พวกเขาเลี้ยวเข้านั่นเอง ทั้งสองต้องหยุดยืนด้วยความตื่นตะลึง ห้องนั้นสร้างความตื่นตะลึงเป็นล้นพ้น เบื้องหน้าของทั้งคู่นั้นคือห้องสมุดขนาดใหญ่ แต่หาใช่ห้องสมุดอย่างธรรมดาทั่วไปไม่ ห้องทั้งห้องเป็นโถงกลมกว้าง ไม่มีพื้นห้อง แต่กลับกลายเป็นหลุมดำมืดที่ทอดตัวลึกลงไปไม่สิ้นสุด จากทางเข้ามีเพียงชะง่อนหินยื่นออกไปถึงกลางห้อง ตรงปลายของชะง่อนหินนั้น มีวงเวทย์แกะสลักไว้ตรงพื้นพร้อมกับขาตั้งหนังสือขนาดใหญ่ กำแพงของห้องเป็นชั้นหนังสือที่ที่บรรจุหนังสือนานาชนิดอยู่เต็ม ทอดตัวสูดจนสุดหยั่ง และลึกจนเหลือประมาณ เห็นเป็นเพียงชั้นที่ต่อกันสูงลิบหายไปจนสุดสายตา และทิ้งตัวลงเบื้องล่างกลืนหายไปกับความมืด

" อา ..... ที่นี่ ....." เซราฟอุทาน พยายามใช้สายตาประมาณจำนวนหนังสือ

" แล้วจะเอาหนังสือยังไงล่ะเนี่ย ?" เคอิลเอ่ยกับตนเองด้วยความสงสัย ตอนนี้ทั้งคู่แทบจะลืมไปเสียแล้วว่า กำลังหนีการไล่ล่าจากซอนญ่า

นักบวชตัวน้อยก้าวไปตรงปลายชะง่อนหิน ที่ซึ่งขาตั้วหนังสือตั้งตระหง่านอยู่

" หนังสือ ?" เซราฟเปล่งเสียงเบาราวกระซิบ เขากำลังสงสัยถึงวิธีหยิบใช้หนังสือจำนวนมหาศาลในห้องนี้

ทันใดนั้นเอง วงเวทย์ที่อยู่ใต้เท้าของเซราฟก็พลันเปล่งแสงขึ้นมา ตามมาไม่กี่อึดใจ หนังสือเล่มหนาหนักก็ลอยลงลงมาราวกับมีมือล่องหนคว้ามันไว้ ก่อนที่จะวางลงอย่างอ้อยอิ่งตรงขาตั้งหนังสือ

“ หนังสือ ว่าด้วยหนังสือ ”

“ วิธีใช้ การรักษา และการจำแนกประเภทอย่างถูกวิธี ”

" ว้าว !" ทั้งเซราฟและเคอิลอุทานพร้อมกันด้วยความทึ่ง

" ยอดไปเลย ! แค่เรียกชื่อ หนังสือก็ลงมาหาแล้ว !" นักบวชตัวน้อยออกอาการตื่นเต้น

" ไหนๆ ขอข้าลองบ้าง " เคอิลก้าวมายืนแทนที่เซราฟ " ขนมปัง !!!" เคอิลเปล่งเสียงชัดถ้อยชัดคำ วงเวทย์เรืองแสงขึ้นอีกครั้ง ตามมาด้วยหนังสือปกหนังสีน้ำตาลมอๆ เล่มหนา บนปกเขียนด้วยตัวหนังสือสีเงิน

" ขนมอบนานาชนิด "

" ที่นี่มีทุกอย่างจริงๆเรอะเนี่ย !" เคอิลอุทานด้วยความแปลกใจ เขาไม่สนใจถึงวิธีการทำขนมแม้แต่น้อย แต่สนใจที่จะเล่นสนุกมากกว่า

“ แล้วถ้าทำอย่างนี้ล่ะ ...” เคอิลเลียริมฝีปาก “ อักษรรูน ! ให้เซราฟ ”

หลังจากสิ้นเสียงไม่นาน หนังสือเล่มหนาหนัก ก็ลอยเหวี่ยงข้ามศีรษะของเคอิลพุ่งเข้าหาเซราฟทันที หนังสือเล่มหันเหวี่ยงเข้ากลางอกของนักบวชจนตัวโก่ง

“ ผมเจ็บนะ !” เซราฟร้องลั่น

“ ขอโทษๆ ข้าแค่ลองอะไรสนุกๆน่ะ ” เคอิลขอโทษขอโพยพร้อมกับลูบหลังเซราฟเป็นการใหญ่

" หยุดอยู่ตรงนั้นล่ะเด็กๆ ! ชั้นไม่มีอารมณ์มากพอที่จะมาเล่นกับพวกเธอแล้วนะ " ก่อนที่ทั้งสองจะสนุกกับการเรียกหนังสือมากไปกว่านี้ ซอนญ่าก็ยืนตระหง่านตรงหน้าทางเข้า ดวงตาสีน้ำเงินเข้มขุ่นมัวด้วยความโกรธ

" ท่านซอนญ่า !" ทั้งสองอุทาน

" เล่นกันมามากพอแล้วนะ จะซนกันไปถึงไหนกัน ? การที่ชั้นบอกว่าให้พวกเธออยู่แต่ในห้อง มันไม่มีความหมายเลยงั้นรึ ?" ปราชญ์สาวก้าวเข้ามาเรื่อยๆตามจังหวะการพูด

นั่นคือการหนี " ต้องตามหายิมิร์ให้พบ " เขาคิด เขาจะโดนจับกุมที่นี่ไม่ได้ และแล้วความคิดวูบหนึ่งก็แล่นเข้ามาในหัวของเคอิล

“ จิตวิญญาณ ! แด่ท่านซอนญ่า ทุกเล่ม !" เคอิลตะโกนก้อง ในใจภาวนาขอให้เป็นอย่างที่เขาคิด

แสงเรืองรองจากวงเวทย์ใต้เท้าสว่างขึ้น ก่อนที่หนังสือจำนวนมหาศาลลอยละลิ่วแข่งกันพุ่งเข้าหาตัวซอนญ่า นักปราชญ์สาวตกตะลึงกับฝูงหนังสือที่พุ่งเข้าหาตัวด้วยความเร็ว หนังสือเล่มแรกกระแทกเข้ากลางอกของนาง ตามมาด้วยหนังสืออีกนับสิบที่กรูกันเข้าหาราวกับแม่เหล็กดูด แรงปะทะและน้ำหนักของหนังสือทำให้ซอนญ่าล้มลง

เด็กทั้งสองอาศัยจังหวะนี้กระโดดข้ามร่างของซอนญ่าที่ทับถมไปด้วยกองหนังสือวิ่งออกจากห้องสมุดอัศจรรย์นี้ไปทันที ทั้งคู่วิ่งตรงไปตามทางเดินที่ทอดยาว ผ่านทางแยกที่ทั้งคู่เดินผ่านมาเมื่อครู่ แต่กลับไม่เลี้ยวออกนอกวิหารไป นักเวทย์หนุ่มวิ่งนำตรงไปจนสุดทาง พบห้องเล็กๆอับๆ คล้ายห้องเก็บของ ในห้องเล็กๆนั้นมีเพียงบันไดเล็กๆที่ทอดตัวลงไปยังชั้นใต้ดินเท่านั้น

" ลงไปแอบในนี้ก่อน " เคอิลผลักเซราฟให้ลงบันได ก่อนที่ตัวเขาเองก้ามตามลงไป

ที่ห้องใต้ดินนั้นเอง เป็นทางเดินแคบๆปูด้วยหินสีน้ำเงินอมเทา ภายในทางเดินมีกลิ่นอับชื้น และตะไคร่น้ำจับเป็นหย่อมๆ พื้นทางเดินก็เป็นตะปุ่มตะป่ำด้วยหินที่ปูพื้นยกตัว และยุบตัวลงไปไม่เสมอกัน ทั้งสองเดินไปตามทางอย่างเงียบๆ จนกระทั่งทางที่ปูพื้นเบื้องหน้าทั้งสอง ดูเรียบเสมอกัน และไม่มีตะไคร่จับ

ทันทีที่ทั้งสองก้าวลงบนพื้นที่ดูสะอาดสะอ้านนั้น ความรู้สึกแปลกๆก็แผ่เข้าจับกุมหัวใจของทั้งสอง จนขนบริเวณต้นคอลุกเกรียว

" ผมรู้สึกแปลกๆกับที่นี่ " เซราฟเกาะแขนของเคอิลไว้แน่น

" ข้าก็เช่นกัน " เคอิลกระซิบตอบ


© ลิขสิทธิ์ตามกฏหมายโดย The Seraphim

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

๑๐๐ คำถามสร้างนักเขียน
นวนิยายคุณเขียนได้ด้วยตัวเอง
 

ดั่งไฟพิศวาส
นวนิยายรักเร้าอารมณ์
 

  2009
free writing

โดยหีลิปดา

2009 free writing

 


๕๐๕ แคนโต้แห่งความรัก
 

 

 

  http://www.forwriter.com . © 2005 All rights reserved.