forwriter.com
 
นวนิยายโรแมนติก

 

บันทึกร้อยวันฉันจะเขียนนวนิยายให้จบ

 

 

วันที่ ๖

เทพนิยายโรแมนติก

 

02 : 05.01

 

X ... เด็กผู้หญิงยืนอยู่ทีหน้าประตู ผมยาวเปียกลู่ติดหัว ใบหน้าซีด ปากสั่น ข้างๆเธอมีจ้าร็อดไวเล่อร์ยืนจังก้า ขนสีดำของมันเปียกลู่แนบลำตัวไม่ต่างกัน แต่ลูกตามันแดงแวววาว แล้วมันก็อ้าปากกว้างจ้องมายังฉัน เหมือนมีมนต์สะกดบางอย่างทำให้ฉันขยับกายไม่ได้ แล้วเสียงเล็กแหลมก็ดังขึ้นว่า

“ เอาเลย ! ”

เจ้าหมาตัวนั้น กระโจนใส่ ฉันหงายหลัง อุ้งเท้าของมันเหยียบอยู่ที่น่าอกฉัน

ฉันสบสายตาหิวโหย ของมันแล้วตะโกนก้อง

“ ช่ ว ย ด้ ว ย ! ”

แต่เสียงมันแทบไม่ออกจากลำคอเลย เมื่อ เขี้ยวของมันขย้ำลงไป

สายตาที่พร่าพรายก่อนที่ลมหายใจจะขาดห้วง ร่างเด็กคนนั้นขยายใหญ่ขึ้นๆ แล้วใบหน้าของยัยลินดาก็ลอยอยู่ตรงหน้าพร้อมกับเสียงหัวเราะชวนสยองดังก้องไปทั่ว .... X

 

 

แล้วฉัน ตายแล้วยังหว่า ?

แต่เอ ... ขืนตายจะมาเขียนบันทึกต่อได้ยังล่ะ ยัยพัดชา โง่จริง !

ข้างบนนั่น ฉันลองเขียนเล่น ๆ เป็นฉากสยองขวัญหน่อยเท่านั้น

 

ในความเป็นจริงแล้ว ...

เมื่อบ่ายวานนี้ที่หน้าประตู แม้เด็กผู้หญิงคนนั้นจะมายืนผมเปียกลู่หน้าซีด อ้อมแขนอุ้มเจ้าปักกิ่ง ไว้ แม่หนู อลิเซีย ลูกสาวของมิสเตอร์ไมเคิลกับลินดานั่นเอง

ดวงตาใสแจ๋วสบกับฉัน พูดว่า

“ หนูมาหาลุงโทนี่ค่ะ ”

“ เข้ามาสิ ”

ฉันบอกแล้วเปิดประตูกว้าง เด็กคนนี้เปียกปอนไปทั้งตัว

“ รอเดี๋ยวนะ อาจะเอาผ้ามาเช็ดตัวให้ ”

ฉันเดินเร็วๆ เข้าไปในห้อง หยิบผ้าเช็ดตัวออกมา และเมื่อคิดอีกทีก็คว้าเอาเสื้อยืด ออกมาด้วยตัวหนึ่ง

ฉันถอดกระโปรงเปียกๆ พร้อมชุดชั้นในเด็กออกด้วย แม่หนูมีท่าทีเขินอายนิดๆ น่าตลก ฉันเลยรีบเอาเสื้อยืดของฉันสวมให้ แล้วช่วยเช็ดผมยาวๆ

“ เจคโก้มันก็เปียก ”

“ เอาไว้หนูแห้งเสียก่อน ค่อยเช็ดให้มัน ดื่มชอกโกแลตร้อนๆไหม เดี๋ยวอาชงให้ ”

“ ขอบคุณค่ะ ”

มารยาทดีแฮะ เด็กคนนี้ หรือจะอายุมากกว่าที่ฉันคิด

ฉันลุกไปชงชอกโกแลต กลับมา ผ้าเช็ดตัวของฉันก็ถูกเอาไปเช็ดเจ้าหมาตัวนั้นเสียแล้ว

“ หนูมากับใครจ้ะ? ”

“ มากับหม่ามี้ค่ะ ”

“ แล้วคุณแม่ไปไหนคะ? ”

“ อยู่กับลุงหลุยส์ที่บ้านโน้นค่ะ หนูกับเจ้าเจคโก้เลยวิ่งมาหาลุงโทนี่ ”

ฉันไม่รู้หรอกว่าบ้านโน้นของลุงหลุยส์นะบ้านไหน และเป็นใคร แต่คิดตำหนิในใจ

เป็นแม่ยังไง ปล่อยให้ลูกวิ่งตากฝนมา

“ ลุงโทนี่ยังไม่ตื่นเหรอคะ? หนูไปปลุกได้ไหม? ”

“ ลุงโทนี่ของหนูยังไม่กลับมาเลย ”

แม่หนูอลิเซีย หน้าจ๋อย เหมือนผิดหวัง แล้วก็ถามฉันอย่างเกินวัยว่า

“ อาเป็นเมียคนใหม่ของลุงโทนี่เหรอคะ? ”

ฉันนึกขำ และสงสัยว่า เด็กวัยนี้จะถามเรื่องแบบนี้เป็นเองด้วยเหรอ? หรือถูกสอนให้ถามแบบนี้ หากถามเองก็นับว่า แก่แดด น่าดู ฉันไม่ตอบคำถามเด็กหรอกนะ แต่ แม่หนูนั่นก็พูดต่อว่า

“ ไมค์พูดกับหม่ามี้ว่าลุงโทนี่มีเมียเด็กน่ารักดี ”

 

เอาแล้วไหมล่ะ? ฉันนึกขำๆ ชื่อเสียงฉันป่นปี้หมด ยังดีนะที่บอกว่าฉันน่ารัก ไม่งั้นฉันต้องไม่ชอบหน้า นายไมเคิล ขึ้นมาแน่

 

แต่แปลกแฮะ เด็กคนนี้เรียกพ่อว่าไมค์ ก็เคยเห็นในหนังอยู่หรอกที่เด็กฝรั่งบางคนเรียกพ่อตัวเองด้วยชื่อ เลี้ยงลูกเป็นฝรั่งจ๋าจริง ๆ แต่เอะ คิดไป แม่หนูนี่ก็ไม่มีเลือดไทยเลยนี่ ยัยลินดานั่นเป็นลูกครึ่งฮ่องกงอังกฤษ นายไมเคิลก็ฮ่องกงอิตาเลี่ยน แต่ทำไมแม่หนูอลิซียพูดภาษาไทยได้ชัดเจนอย่างนี้?นะ

“ ดูการ์ตูนกันไหม? ”

“ หนูอยากดูซิลเดอเรลลา ”

เออ ... อย่างน้อยก็ยังดูการ์ตูน ฉันกำลังจะหาแผ่นซีดีเปิดให้ แต่ดูเหมือน แม่หนูน้อยนั่นจะรู้ดีกว่าฉัน เพราะเดินไปหยิบเอาที่ใส่ซีดีแฟ้มหนึ่งขึ้น เปิดเอาแผ่นเรื่องซิลเดอเรลลามาให้ฉัน

แสดงว่าคุ้นเคยกับที่นี่ดีกว่าฉันเชียวล่ะ?

เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ฉันมาเปิดดีวีดีดูหนัง จากสี่ห้าวันที่ผ่านมา

 

พื้นที่ตรงนี้ ... เจ้าของบ้านเขาจอง

 

ในเมื่อสมาธิในการเขียนของฉันถูกรบกวนแล้ว ฉันก็พลอยดูการ์ตูนกับเด็กไปด้วย

นวนิยายหลายเรื่องก็ได้เค้าโครงเรื่องมาจากนิทาน โดยเฉพาะเรื่องซิลเดอเรลลา นี่อาจจะเรียกได้ว่า เป็นบ่อเกิดแห่งพล็อตอมตะ ที่มีตัวละครกินใจคนดูคือ แม่เลี้ยงใจร้ายกับลูกเลี้ยงที่น่าสงสาร วิธีการเล่าเรื่องก็เป็นแบบอย่าง จัดเหมือนสูตรสำเร็จอย่างหนึ่งในการเขียนนวนิยาย ฉันลองจำแนกออกมาก็เห็นเป็น

 

สถานภาพเดิม – พ่อแม่ลูกอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข

สถานภาพเปลี่ยนไป – แม่ตาย

ความยุ่งยากเริ่มเข้ามา – พ่อแต่งงานใหม่

จุดเปลี่ยนเริ่มเรื่อง – พ่อตาย

ความซับซ้อนยุ่งเหยิง – ซิลเดอเราลลาถูกกลั่นแกล้งต่างๆ นานา (ตรงนี้ล่ะ ที่ทำให้คนอ่านเห็นอกเห็นใจตัวละคร)

เหตุการณ์สำคัญในเรื่อง - งานเลี้ยงเต้นรำ

วิกฤต – นาฬิกาตี12 ครั้ง

ไคล์แมกซ์- จะสวมรองเท้าแก้วได้พอดีไหม?

ส่งท้าย – คนชั่วได้รับผลกรรม

จบ- ได้แต่งงานกับเจ้าชาย

 

ฉันเคยอ่านนวนิยายหลายเรื่องที่ดำเนินเรื่องแบบนี้ เพียงแต่เปลี่ยนสถานที่ ตัวละคร และเหตุการณ์ในเรื่องเท่านั้น ก็ยังมีคนติดตามอ่าน และสนุกกับเรื่องอยู่เช่นเดิม

แม่หนูอลิเซียดูอย่างสนอกสนใจ เจ้าเจคโก้ เหมือนจะพอใจผ้าขนหนูของฉันเพราะมันนอนหมอบอยู่บนผ้านั้นเฉยเลย ส่วนฉันชักจะง่วงก็เลยเหยียดยาวอยู่บนโซฟานั่นเลย

 

และเมื่อฉันตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็ไม่เห็นแม่หนูอลิเซียและเจ้าเจคโก แล้ว ทีวีก็ปิดเรียบร้อย แต่ด้านนอนนั้นมืด ฝนตกหนักเสียงลม เสียงฝน อื้ออึงทีเดียว

 

ฉันมองนาฬิกา ตอนนั้นก็ สี่โมงเย็น รู้สึกกังวลเหมือนกันว่า แม่หนูอลิเซียหายไปไหน แต่ก็โล่งใจขึ้นเมื่อเข้าไปในห้องน้ำ ก็เห็นผ้าเช็ดตัวของฉัน ตากไว้แทนที่ชุดของหนูอลิเซียแล้ว

 

บางที ลินดา อาจจะมารับลูกไปตอนที่ฉันหลับก็ได้

เดินไปที่หน้าประตูบ้านก็เห็น มันปิดลอคอย่างเรียบร้อย

 

ฉันอยู่คนเดียวอีกแล้วละสิ !

 

ไม่กลัวหรอก แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่า เจ้าของบ้านเขาน่าจะกลับมาได้แล้วนะ

หรือว่าจะติดพายุฝนอยู่ก็ไม่รู้

อากาศเย็น ๆ อย่างนี้ มันทำให้ฉันอยากจะดื่มกาแฟสักถ้วย เมื่อเดินไปชงกาแฟแล้วฉันก็ ไปนั่งด้านที่โต๊ะทำงานของฉัน แล้วก็เปลี่ยนใจลากเก้าอี้ไปชิดผนังกระจก มองฝ่าออกไปดูคลื่นลมฝนฟ้าพายุคะนอง ไปเรื่อย

 

แม้ฉันไม่เคยสาบานอะไร ทำนอง ขอให้ฟ้าผ่าตายเลยในชีวิตก็ตาม แต่พอฟ้าแลบมาทีก็สะดุ้งโหยงทีเหมือนกัน แหม ... ก็แสงมันเหมือนวิ่งเข้ามาในบ้านได้เลยนี่นา ไม่เสียวได้ไง

 

ฉันนิ่งมองความมืดและสายฝนข้างนอก สมองก็คิดไปถึงนวนิยายหลายเรื่องที่เคยอ่าน และเปิดฉากด้วย พายุฝนฟ้าคะนอง นวนิยายแนว romantic suspense ก็เป็นอีกหนึ่งล่ะ ที่เริ่มเปิดเรื่องแบบนี้ ฉันคิดถึงนวนิยายแนวนี้เพราะมันช่างเข้ากับบรรยากาศ โรแมนคิกซัสเพนซ์ ประกอบด้วยความลึกลับ สยองขวัญ สืบสวน และต้องมีความโรแมนติกรวมเข้าไปอยู่ในนั้นด้วย หรือบางคนก็ให้คำจำกัดความไปเลยว่า เป็นนวนิยายแบบที่นางเอกกำลังตกอยู่ในอันตรายสักอย่าง คนไหนเขียนเก่ง ๆ ก็ทำให้คนอ่านทั้งสงสัยตื่นเต้นไปกับเหตุการณ์ร้ายๆ ที่จะเกิดขึ้น และลุ้นไปกับการตกหลุมรักระหว่าง พระเอกนางเอกว่าจะเป็นอย่างไร เมื่อในตอนแรกพวกเขามักจะขาดความไว้วางใจระหว่างกัน สงสัยซึ่งกันและกัน ทั้งๆ ที่มีแรงดึงดูดบางอย่างที่ยากจะบอกได้ ในระหว่างนั้น ก่อนที่พวกเขาจะกล้าเสี่ยงที่จะยอมรับและไว้ใจกัน ช่วยกันคลี่คลายปมปริศนาต่างๆ ที่เกิดขึ้น

 

 

ฉันอยากจะเขียนสักเรื่องเหมือนกันนะ แต่เมื่อคิดว่าตัวเองเพิ่งจะเริ่ม ก็ขอเอาแบบง่าย ๆ รักโรแมนติกธรรมดาน่าจะเหมาะกว่า

 

เริ่มในสิ่งเล็ก ๆ ที่เราชอบ ให้มันจบ สักเรื่อง ก่อนดีกว่า ที่จะไปวางโปรเจก

ใหญ่ ๆ แล้วก็เขียนไม่จบ

 

ฉันแค่อยากเขียนนวนิยายสักเล่ม เพื่อ ท้าทายตัวเองว่า ฉันก็เขียนได้

 

ไม่ได้ตั้งใจให้เป็นเบสเซลเล่อร์เสียหน่อย แต่ถ้าฟลุ้ค ก็เยี่ยมเลย ^--^

 

เฮ้อ ! ฝันเฟื่องอีกแล้วสิ นี่ขนาดยังไม่เริ่มสักบรรทัดเลยนะเนี่ย ...

 

 

แล้วไฟก็กระพริบวูบวาบสองสามครั้ง ก่อนจะดับสนิทไปเลย

ฉันนั่งนิ่ง ฝนฟ้าจะคะนองมากแค่ไหนฉันไม่กลัวหรอก

แต่ไฟดับนี่สิ ... ฉันไม่ชอบความมืด ไม่ชอบนะ ... ไม่ใช่กลัว

 

ฉันเลื่อนเก้าอี้มาที่โต๊ะทำงาน ในบรรดาสัมภาระที่ฉันขนมาที่นี่

ไม่มีไฟฉาย หรือ เทียนไข ไม้ขีดไฟเสียด้วยซ้ำ ฉันไม่เคยคิดถึงเรื่องไฟดับ มาก่อนเลย

และก็ไม่รู้ว่า ที่บ้านหลังนี้จะมีหรือเปล่า

บ้านหลังนี้ฉันก็ยังเดินดูไม่ทั่วด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าอะไรอยู่ที่ไหนหรอก แต่คิดว่าเคยเห็นแว่บๆ ที่ครัว   

จากโต๊ะฉัน ไปที่ครัว จำได้ว่า ไม่มีอะไรกีดขวาง ฉันสามารถเดินไปทั้งมืดๆ ได้อย่างสบาย

หากฉันจุดไฟเตาแก๊ส อย่างน้อยมันก็สว่างพอ ให้ฉันค้นหาสิ่งต่างๆ ที่ลิ้นชักในครัว

เผื่อจะมีการเก็บเทียน หรือ ไฟฉาย ไว้บ้างก็ได้

ไม่ลองก็ไม่รู้นี่จริงไหม ?

 

คิดดังนั้นฉันก็ลุกปุบปับ

เพล้ง !

“ โธ่โว้ย !” ฉันตะโกนเมื่อมือไปปัดเอาแก้วกาแฟตกลงมาแตก

แล้วอย่างนี้ ฉันจะเดินยังไงล่ะ เศษแก้วไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหนบ้าง มิต้องนั่งอยู่นี่จนกว่า ไฟจะมารึไง ?

แต่เรื่องนั่งเฉย ๆ ไม่ใช่สิ่งที่คนอย่างฉันจะทำแน่

 

ฟ้าแลบเข้ามาอีกหน ฉันตัดสินใจ ค่อย ๆ ใช้เท้าข้างหนึ่งจิกพื้น เลื่อนล้อเก้าอี้ให้เคลื่อนไปยังทิศทางที่ฉันต้องการ

ไอ้เรื่องอย่างนี้ มันไม่ยากหรอกว่าไหม? ถ้าใช้หัวเสียหน่อย

ฉันชักสนุกเลื่อนมันเร็ว ๆ แล้วยกขาขึ้น ปล่อยให้มันเลื่อนไถลไปข้างหน้าเอง

 

“ โอ๊ะ !”

“ โอ้ย !”

เก้าอี้ไปชนเข้ากับใครคนหนึ่ง แรงปะทะทำเอาฉันเกือบตกเก้าอี้ โชคดีที่เก้าอี้มันไม่ล้ม แต่นั่นไม่สำคัญ เพราะฉันมัวแต่ดีใจ ... ฉันไม่ได้อยู่คนเดียวสักหน่อย

“ คุณกลับมาเมื่อไหร่? ”

“ ก็ตั้งแต่เธอนอนหลับอยู่นั่นแหละ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า ? ”

“ เปล่า ”

“ แล้วร้องทำไม? ”

“ คุณก็ร้อง ”

“ ก็ล้อเก้าอี้มันเหยียบ ไฟดับอย่างนี้ยังเล่นเป็นเด็ก ๆ ไปได้ ”

“ ก็นึกว่าอยู่คนเดียว ” ฉันแก้ตัวอุบอิบ

“ นั่งเฉย ๆ อยู่นี่แหละ ” เขาบอก แล้วเดินท่ามกลางความมืดไปที่ครัว สักครู่แสงไฟจากเทียนเชิงก็สว่างขึ้น เขาเดินกลับมา

“ ถือไปนั่งที่โซฟาโน่นไป๊ เมื่อกี้ทำอะไรแตก ”

“ ถ้วยกาแฟ ”

มือที่ยื่นเชิงเทียนให้ฉันชะงัก

“ อย่าดีกว่า ประเดี๋ยวจะหกล้ม เผาบ้าน ”

 

โห ! ดูถูกกันอย่างร้ายกาจ แต่ ... เอาไว้ก่อน

 

เขาวางเชิงเทียนไว้ที่โต๊ะกลาง แล้วเดินกลับที่มุมครัว

ฉันนั่งโซฟา ค่อยยังชั่วหน่อยที่มีแสงไฟ แสดงว่าเขาคงกลับมานานแล้ว และอาจจะเป็นคนไปส่งแม่หนูอลิเซียนั่นก็ได้ แล้วก็คงจะขลุกอยู่ในห้องตัวเอง ก็แน่สิ ... โซฟาตรงนี้โดนฉันยึดแล้วนี่นา

เขาเดินกลับมาอีกครั้ง ก็เอากาแฟมาวางไว้ที่หน้าฉัน แต่ที่มือของเขามันเป็นกระป๋องเบียร์

“ ถ้าฝนหยุดตก ไฟก็มา ”

“ นานไหม? ” ฉันหลุดปาก แล้วก็คิดว่าไม่น่าเล้ย !

“ ใครจะไปรู้กับฟ้าฝน ”

ฉันหดขามานั่งเหมือนพับเพียบอยู่บนโซฟา มองท่านั่งเหยียดตัวตามสบายของเขาอีกด้านหนึ่ง

“ ตอนกลางวันอลิเชียมาหาคุณ ” ฉันชวนคุย “ แปลกนะ ทำไมพูดไทยเก่งจัง ”

“ ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน อลิเซียอยู่กับแม่ฉัน มีพี่เลี้ยงเป็นคนไทย ”

 

นี่สิแปลก ทำไมยัยลินดาไม่เลี้ยงลูกเอง ?

 

“ มิน่า ท่าทางจะสนิทกับคุณนะ อุ้มลูกหมาตัวเล็กๆ ตัวเปียกซ่ก มากดกริ่ง บอกว่ามาหาลุงโทนี่ หน้าจ๋อยเลยตอนบอกว่าคุณไม่อยู่ ”

“ อลิเซีย ชอบมาเล่นที่นี่ เธอ ... คงไม่รำคาญนะ ”

เสียงเขาแปลกๆ ในตอนท้าย

“ รำคาญได้เหรอ นี่บ้านฉันเสียเมื่อไหร่? ” ฉันพูดแล้วก็หัวเราะ

แต่เขากลับพูดว่า

“ ตั้งแต่เมื่อวานที่เธอเป็นแฟนฉัน บ้านหลังนี้ก็เป็นของเธอครึ่งหนึ่งแล้ว ”

“ ครึ่งไหนล่ะ? ครึ่งบนหรือล่าง? ซ้ายหรือขวา? หน้าหรือหลัง ” ฉันย้อนสนุก ๆ มองหน้าเขายิ้ม ๆ ก่อนจะยกกาแฟดื่ม แต่พอลดแก้วลง ก็เห็นเขาจ้องฉันนิ่ง

ก็อยู่ไม่ห่างกันนักหรอก แสงสีส้มจากเชิงเทียนก็ไม่ได้สว่างไสวมากมาย แต่ทำไมฉันเห็นสายตาวะวับเหมือนจะยิ้มได้ของเขานะ

“ มีอะไร? ” ฉันถาม

“ อยากได้ครึ่งไหน? ”

ฉันสั่นหน้า ปัดความรู้สึกแปลกๆ ในใจออกไป แกล้งพูดเน้นเสียงว่า

“ ไม่ได้ทั้งหมด ไม่เอา ”

“ โลภมาก ”

ฉันยักไหล่

“ คนจะให้ใจไม่ถึงต่างหาก ”

คราวนี้เขาจ้องฉันเขม็งเลย “ ถ้าจะให้จริงๆ จะกล้ารับเรอะ ? ”

“ ก็ลองให้มาก่อนสิ ” ฉันท้าอย่างอวดเก่ง เอะ ... มันเรื่องอะไรกันแล้วนี่

เขายิ้มนิด ๆ ยกกระป๋องเบียร์ขึ้นดื่ม ฉันก็คิดว่าหมดเรื่องแล้วล่ะ แต่ที่ไหนได้

“ แต่งงานกันไหม? ”

คุณพระ ! ฉันรู้สึกว่าร้อนวูบทั้งตัว ... ให้มันได้อย่างนี้สิ พ่อคุณเอ๋ย ... ท่าทางพี่ยัยดาราคนนี้ พูดผิดหูไม่ได้เลยนะนี่

“ ไม่ ”

“ คราวนี้ใครล่ะใจไม่ถึง ”

 

ฉันเงียบ สายตาเพ่งไปที่เปลวไฟสีส้ม ไม่มีลมเปลวไฟเลยนิ่ง เหมือนฉันเพิ่งจะได้กลิ่นไส้เทียนที่ถูกเผา เสียดายที่มันไม่ใช่เทียนหอม ความจริงฉันชอบกลิ่นเทียนหอมเพราะนอกจากจะให้แสงสว่างอย่างโรแมนติกแล้ว หากเลือกกลิ่นที่เหมาะสม มันยังช่วยบำบัดอารมณ์ได้ด้วย ... ฉันอยากจะตบหน้าเขาสักฉาด เป็นผู้ชายอะไรอย่างนี้นะ ไม่ยอมลดราวาศอกเลย แม้กระทั่งเรื่องพูดเล่น ๆ เพราะกลัวตัวเองจะอดใจไม่ได้ ฉันเลยลุกขึ้นจะเดินเข้าห้องทั้งที่ไฟยังดับอยู่นี่แหละ

“ หนีเรอะ? ”

ฉันจับถ้วยกาแฟแน่น เพราะกลัวจะเผลอขว้างใส่หน้าเขา แต่ไอ้หน้ายิ้มๆ นี่สิ ...

“ เอางี้ หากอยากจะแต่งงานกับฉันจริง ๆ เขียนหนังสือให้ได้สักเล่มสิ หนาแค่สามร้อยหน้าก็พอ ถ้าทำไม่ได้อย่ามาสะเออะพูดเรื่องแต่งงานกับฉัน ”

 

ว่าจะไม่ต่อล้อต่อเถียงแล้วนะเนี่ย ... แต่มันอดได้ที่ไหนกันล่ะ?

 

             ฝนหยุดตก และไฟฟ้าก็สว่างแล้วตั้งแต่ตอนสองทุ่มกว่า ๆ แต่ฉันก็ไม่ได้ออกจากห้องไปอีก กาแฟทำให้ฉันนอนไม่หลับ เลยอ่านหนังสือที่ฉันชอบ การอ่านหนังสือที่ชอบ มันเหมือนเป็นการกระตุ้น สร้างแรงบันดาลใจอย่างหนึ่งของฉัน เมื่อก่อนฉันก็อ่านมันอย่างผ่าน ๆ แต่เมื่อคิดจะเขียนนวนิยาย ฉันจึงต้องอ่านช้าลง เพื่อศึกษาว่า คนเขียน เขียนอย่างไร ถึงได้ดึงให้ฉันซึ่งเป็นคนอ่านในตอนนี้ เข้าถึงความรู้สึกของตัวละคร หรือวาดภาพฉากเหตุการณ์ ในตอนนั้นได้ หากฉันจะเขียนของฉันขึ้นมาเอง ฉันจะต้องเขียนในสิ่งที่ฉันต้องการเล่าออกมายังไง คนอ่านถึงจะเข้าใจ สิ่งเหล่านี้จะยากเกินไปสำหรับฉันไหมนี่?

 

 

หลังฝนตก ท้องฟ้ามักจะแจ่มใส

มันเป็นเช่นนี้จริง ๆ เพราะตอนที่ฉันเขียนบันทึกอยู่ตอนตีสอง กว่า ๆ นี้ มองออกไป ท้องฟ้าแจ่มใสมาก

แสงจันทร์สุกสว่างจริง ๆ สายตาฉันผิดปกติไปหรือเปล่าก็ไม่รู้นะ ที่มองเห็นดวงจันทร์มันกลมโตกว่าปกติ

มองเห็นชายหาดอยู่ด้านหน้าเลย

หากมีตัวอะไรประหลาด ๆ โต ๆ ขึ้นมาจากในน้ำ เหมือนนวนิยายลึกลับ สยองขวัญ ฉันเห็นจะเผ่นแน่

แต่จะเผ่นไปไหนล่ะ ถึงจะพ้น ?

ข้างบนข้างล่าง ซ้ายหรือขวา หน้าหรือหลัง ?

 

โธ่เอ้ย ! ... ไม่ได้อยากคิดถึงหรอก

 

แน่จริงก็เขียนหนังสือขึ้นมาสักเล่มสิ นายโทนี่ !

 

 

•  พรุ่งนี้ต้องเริ่มงานอย่างจริงจัง แต่ก่อนอื่น ไปเดินเล่นชายทะเสียก่อนเพราะยังไม่เคยไปเดินอย่างจริงจังเลย

•  เริ่มที่สร้างตัวละคร พระเอกนางเอก - เปิดดูรูปในหนังสือต่าง ๆ อินเตอร์เน็ทด้วย

•  พล็อตของตัวละครแต่ละตัว

•  หาตัวละครสัก 3 คน

•  อย่าลืมให้อาหารปลา เอะ ... หาเหตุการณ์อะไรสักอย่างที่เกี่ยวกับปลาในมีอยู่ในเรื่อง

•  นางเอกจะทำยังไง เมื่อถูกขอแต่งงาน ? ( ในนวนิยายย่ะ ! )

•  คิด ธีม ของเรื่อง เรื่องความรักนะของแน่ แต่รักยังไงนี่สิ !

•  อ่านหนังสืออย่างน้อย 1-2 ชั่วโมงด้วย

•  หากจะเล่นอินเตอร์เน็ท ต้องเตรียมหัวข้อที่ต้องการหาเสียก่อน ไม่งั้นจะเพลิน คลิกไปเรื่อยๆ

•  ถ้ายัยดาราไม่โทรมา ก็ไม่ต้องโทรไปหา

**********

 


ฟีลิปดา

 

©  ลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย โดย ฟีลิปดา
ติดต่อ  philipda@forwriter.com

 

 


 

๑๐๐ คำถามสร้างนักเขียน
นวนิยายคุณเขียนได้ด้วยตัวเอง
 

 

ดั่งไฟรัก

 

 

ดั่งไฟพิศวาส
นวนิยายรักเร้าอารมณ์
 

 


2009 free writing
 

 

 

http://www.forwriter.com . © 2005 All rights reserved.