forwriter.com
 
นวนิยายโรแมนติก

 

บันทึกร้อยวันฉันจะเขียนนวนิยายให้จบ

 

 

วันที่ ๕

ตกหลุมรักแค่แรกเห็นมีจริงหรือ?

 

 

01 : 35 :07 (ดูจากนาฬิกาดิจิตอล)

 

นอนไม่หลับ ... เปล่า ! ไม่ใช่ฉัน โน่น ... เป็นยัยดารา แม่เพื่อนทูนหัวของฉัน

ความจริงฉันกำลังจะนอน แต่มันเพิ่งจะกลับจากงานเลี้ยง ถึงบ้านแทนที่จะอาบน้ำนอน แต่สงสัยจะเก็บอาการไว้ไม่อยู่ โทรมาหาฉันแบบไม่เกรงใจเลย

“ ฉันเจอผู้ชายคนหนึ่ง พัด ”

ฉันก็นึกว่าจะมีเรื่องอะไรสำคัญ ก็หมั่นไส้ เลยสิ คนจะหลับจะนอนนี่นา

“ เออ แต่ฉันก็เจอหลายคนว่ะ ”

“ ฉันว่า ฉันหลงรักเขา ”

“ อ้าว ”

“ จริงๆ นะ พัด แกก็รู้นี่ว่าฉันไม่เคยพูดเล่นเรื่องนี้ ” เสียงมันเหมือนกับตัวเองค้นพบสิ่งที่ยิ่งใหญ่อย่างนั้นแหละ มันก็ใช่ละนะ เพราะปกติยัยดาราพิสุทธิ์ ชอบทำตัวลอยละล่องฉายไปโฉบมา ควงหนุ่มๆ มากหน้าหลายตา แต่ก็ไม่เคยสักครั้งที่มันจะพูดถึงความรัก เอะไม่สิ มันเคยพูดว่า รักไม่เป็นโว้ย ! อยู่ครั้งหนึ่ง

“ ใครล่ะ? ”

“ ชื่อ มิสเตอร์ไมเคิล กงซัน ”

“ เฮ้ย ! ” ฉันหลุดอุทาน ถามต่อเร็วปรื๋อเลยว่า “ ลูกครึ่งฮ่องกงอิตาเลี่ยนสูงๆ หล่อ ๆ มีหนวดเรียวใช่ไหม? ”

“ ทำไม? แกรู้จักเหรอ ” เสียงยัยดารามันย้อนแปลกใจเลยล่ะ

“ ถ้าคนเป็นคนเดียวกันนะ ฉันก็เพิ่งเจอเมื่อกลางวันนี่เอง ”

“ เหรอ แล้วแกไปเจอได้ยังไง เขาหล่อมากเลยใช่ไหม แค่ฉันมองตาเท่านั้นนะยัยพัด ฉันรู้สึกหวิว ๆ สัญชาตญาณมันบอกต้องเป็นคนที่ใช่แน่ ”

ฟังยัยดาราพูดแล้วฉันไม่อยากบอกเล้ย ... แต่ทำไงได้

“ ฉันเจอตอนไปกินกลางวันกับครอบครัวเฮียแกไงล่ะ? นายไมเคิลที่แกว่านั่นเป็นสามีเก่ายัยลินดา ”

ข้อมูลจากฉันคงทำให้ยัยดาราอึ้งไป จนฉันต้องถามว่า

“ เฮ้ย เป็นไรรึเปล่า ทำไมเงียบไป ”

“ แกเล่าเรื่องกลางวันให้ฟังหน่อยสิ ไปเป็นแฟนพี่ชายฉันเจอใครบ้าง แล้วแกคิดว่า ... เขาเป็นไง ”

“ เอาเฉพาะเรื่องมิสเตอร์กงซัน ก็แล้วกัน ก็เงียบสุภาพดี แต่ท่าทางไม่กินเส้นกับเฮียแกนะ แต่ยัยลินดานั่นหลีเฮียแกน่าดู ไม่รู้ว่าทำใส่สามีเก่าหรือเปล่า แต่ตามสายตาฉันนายไมเคิลนี่เขาไม่สนใจเเท่าไหร่หรอกนะ จากที่ฟังเหมือนกันจะมาคุยเรื่องสิทธิ์การเลี้ยงดูลูกมากกว่า ”

“ มีลูกด้วยเหรอ? ”

“ เป็นเด็กผู้หญิงน่ารักมากสามสี่ขวบได้มัง ”

ยัยดาราเงียบไปอีก ก่อนจะถามฉันว่า

“ แกว่าฉันเดินหน้าต่อดีไหม? ”

“ แกจะเดินหน้าเรื่องอะไร? ” ฉันง่วงเลยตามไม่ทันคำถามของมัน

“ รักมิสเตอร์ไมเคิล นี่นะสิ ”

ฉันอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ

“ แกอย่าบ้ามาถามกระุ้นอารมณ์ฉันนะยัยดารา ฉันไม่เชื่อหรอกว่าแกจะตกหลุมรักแค่แรกเห็น จินตนาการอย่างนี้มันเหมาะสำหรับคนที่อยากเป็นนักเขียนของฉันมากกว่า นักธุรกิจหญิงแกร่งอย่างแก ”

ยัยดาราเงียบไปอีกก่อนจะพูดเหมือนโกรธว่า

“ ฉันว่าแล้ว แกต้องไม่เชื่อ แถมหัวเราะเยาะฉัน เสียเวลาเปล่าจริงๆ มีเพื่อนอย่างแกนี่ ถ้าฉัน รู้ว่าแกจะ ... ” แล้วมันก็วางหูไปเสียเฉยๆ

อ้าว พูดยังงี้ก็ยอมไม่ได้นะสิ ฉันกดหาเบอร์ยัยดาราโทรกลับไป รอตั้งนานมันปล่อยให้สายหลุดไปเลย แต่มีหรือที่ฉันจะยอม ฉันเรียกไปใหม่ เป็นไงเป็นกันสิ คราวนี้มันรับสาย

 

“ ทำไมไม่รับโทรศัพท์ฉันหา ! แกไม่มีสิทธิ์มาว่าฉันอย่างนี้นะ และฉันก็ไม่ได้หัวเราะเยาะแกด้วย ทุเรศจริงๆ กะอีแค่ตกหลุมรักนายไมเคิลแล้วมาทำโกรธใส่ฉัน ”

 

“ อะไร ? โทรมาดึกๆดื่นๆ เพราะทะเลาะกันเรื่องผู้ชายเหรอ? ”

ฉันอึ้งหน้าร้อนวาบไปเลย เสียงพี่ชายยัยดารานี่หว่า มารับสายได้ยังไง

“ ก็ยังดีี่นะ ที่ได้ยินแบบนี้ ตอนแรกยังนึกว่าเป็นเลสเบี้ยนกันเสียอีก ”

“ นี่ ... ” ฉันพูดไม่ออก โกรธ !

“ ไปหลับไปนอนซะ อย่าฟุ้งซ่านให้มากนัก ”   

ฉันอึ้งมองโทรศัพท์ในมืองงๆ นี่ฉันโดนวางหูใสู่อีกแล้วหรือ กำลังคิดว่าจะโทรกลับไปฉะดีไหม แล้วเสียงโทรศัท์ก็ดังขึ้นอีก

“ แกคุยกับใครยัยพัด ทำไมฉันโทรเข้าไม่ติด ” ยัยดาราแปร๋นมา

“ ฉันก็โทรกลับไปหาแกนะสิ แต่เจอเอาเฮียแกเข้า ”

“ อ๋อ ...เฮียเขายืมโทรศัพท์ของฉันไปใช้โทรหาเพื่อน เพราะของเขาแบตใกล้หมดเลยฝากฉันมาชาร์ท ก็ที่ฉันโทรหาแกมันหลุดไปเฉยๆ นี่แหละ ตอนนี้ฉันก็เสียบแบตคุยกับแกอยู่ ”

“ ซวยเลย เพราะฉันใส่แกไปเลยว่าตกหลุมรักนายไมเคิลแล้วมาโกรธฉัน ”

บอกไปแล้วฉันก็เงียบรอว่าเพื่อนฉันจะว่ายังไง เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัว ยัยดาราคงไม่อยากให้ใครรู้ ไม่รู้เป็นไงนะคนตระกูลนี้ อะไรๆ ก็ดีอยู่หรอก แต่เรื่องคู่ครองนี่เป็นต้องเข้าบอร์ดของครอบครัวก่อน (จริงๆ ฉันไม่ได้แกล้งพูด เพราะอย่างนี้ไงพี่ชายมันแต่ละคนที่ฉันรู้จัก ถึงยังไม่มีใครแต่งงานเลย แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาโสดนะ)

“ แล้วเฮียฉันเขาว่าไง ”

“ ก็คิดว่าเราทะเลาะกันเพราะผู้ชายคนเดียวนะสิ ” ฉันข้ามไม่บอกอีกอย่างไป กะจะเก็บความโกรธไว้คนเดียว คิดได้ยังไง ... หาว่าฉันเป็นแอลบี

 

“ เป็นฉันรักหรือว่าแกรักล่ะ? ”

“ คงคิดว่าฉันละมัง คงไม่คิดว่าจะเป็นแกหรอก ”

ยัยดารามันเงียบไป แล้วก็บอกว่า

“ ถ้างั้น ... แกก็ทำให้เฮียคิดอย่างนั้นไปก็แล้วกัน ถ้ารู้ว่าเป็นฉันมันจะเรื่องมาก ยิ่งเป็นสามีเก่าแม่นั่นด้วย จะให้ใครรู้ไม่ได้ อีกอย่าง ฉันก็เพิ่งรู้จักเขาเพราะมางานเลี้ยงพร้อมกับเฮียนี่เอง เดี๋ยวโดนยำเละ”

จากคำพูดนี้ ทำให้ฉันชักจะวิตก นี่ยัยดารามันตกหลุมรักจริงๆ เหรอ?ก็อดไม่ได้ที่จะถามละว่า

“ นี่ดารา ... แกรักเขาจริงๆ หรือทึกทักเอาวะนี่ ”

“ พัดชา แกกับฉันคบกันมาตั้งเท่าไรแล้ว ”

แค่คำพูดนี้ ฉันก็รู้แล้วว่ามันเอาจริง

“ จะให้ช่วยอะไรบ้างล่ะ? ” ฉันเสนอตัวเป็นเพื่อนนางเอก

“ เอาไว้ฉันคิดอะไรได้จะโทรมาคุยด้วย แค่นี้นะ ”

เอากับมันสิ วางหูไปเฉยเลย แต่ฉันยังงงๆอยู่นะ ให้ตาย ... เป็นไปได้เหรอนี่ จู่ๆ ยัยดาราก็ตกหลุมรักขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

มิสเตอร์ไมเคิล น่ะ จะว่าไปก็ฉันก็สะดุดตาเหมือนกันตอนถูกแนะนำให้รู้จัก แต่ความสะดุดตาของฉันมันไปผูกกับความคิดที่ว่า นายคนนี้น่าจะเป็นพระเอกนวนิยายของฉันได้เลย ซึ่งความรู้สึกของฉันมันก็ไม่ต่างไปจากการมองดาราหล่อๆ แล้วอยากคัดเอาสักคน มาใส่ในหนังสือที่ฉันจะแต่งเท่านั้น

ตอนกินข้าวฉันยังแอบมองเขาบ่อยๆ จนเกือบไม่ได้ยินแม่ของเฮียเขาถามเลยว่า

“ ไปรักกันกับโทนี่ตอนไหนล่ะ? ”

ฉันหันมาทำหน้างง ใคร ? โทนี่ ... อ๋อ สงสัยจะเป็นชื่อเฮียเขาแฮะ ยังไม่ตอบ ยัยลินดาก็พูดยิ้มๆ ขึ้นมาเลยว่า

“ สงสัยจะมองหน้าไมเคิลเพลิน เลยไม่ได้ยินคำถาม ระวังนะโทนี่เขาขี้หึง ”

 

“ ตอนไหนดีคะ? ” ฉันแกล้งย้อนไปถามเขา ก็ไม่เคย เตี๊ยม กันไว้ก่อนกะจะให้เขาช่วยบ้างสิ ประเดี๋ยวตอบไม่ตรงกัน ก็เสียเท่านั้น

“ จำไม่ได้ ” เขาตอบแบบมะนาวไม่มีน้ำเลย

เอาไงดี ... สายตาจับผิดมองมาตั้งสองคู่ แต่ฉันรังเกียจสายตาเย้ยๆ ของยัยลินดาเป็นพิเศษ

พี่ชายยัยดาราไม่ได้ช่วยอะไรเล้ย ! ต้องเล่นบทนี้เสียแล้ว

 

“ ก็อย่างนี้ทุกที ” ฉันแกล้งพูดแบบโกรธนิดๆ “ พบกันครั้งแรกก็จำไม่ได้ วันเกิดก็จำไม่ได้ ครบรอบสองเดือนก็จำไม่ได้ อะไรๆ ก็จำไม่ได้ สงสัยคงจะจำไม่ได้ด้วยสิว่ารักฉันตรงไหน ”

เป็นไงล่ะ? คำพูดฉันฟังเหมือนผู้หญิงแสนงอนไหม? คู่รักกำลังจะทะเลาะกันล่ะ?

 

คราวนี้ทุกคนหันมามองหน้าฉันกับเขาสลับกันไปเลยล่ะ รวมแม้กระทั่งอังเคิล ที่ตอนแรกดูจะไม่สนใจอะไรกับฉันเลย เพราะมีแต่คุยๆๆๆ กับเฮียเขาและไมเคิลเท่านั้น

แล้วฉันก็เห็นเฮียเขาแกล้งถอนใจดังๆ ทำหน้ายิ้มๆหยิบกุ้งเผามาวางที่จานฉันพูดเหมือนง้อว่า

“ เอาน่า ... อย่างน้อยผมก็ยังจำได้ว่าคุณชอบกินกุ้งเผา ”

เอะ ... เล่นได้ไม่เลวแฮะ แต่ยังก่อน ... ฉันหยิบกุ้งตัวนั้นไปคืนที่จานเขาพูดเสียงงอนๆว่า

“ ต้องจำได้ด้วยว่า ฉันชอบให้คุณแกะให้ ”

พูดไปแล้วฉันก็ต้องกัดลิ้นตัวเอง กลัวจะหัวเราะออกมา เพราะเขาทำหน้าเหมือนจะค้อนแต่ก็แกะกุ้งตัวนั้นให้ฉันแต่โดยดี อ้อ ... มีตัวต่อมาทยอยมาเรื่อยๆ เสียด้วยสิ

 

 

ยัยลินดา หน้าบึ้งเชียวล่ะ? ไอ้คำถามว่ารู้จักกันตอนไหน ไม่จำเป็นต้องตอบแล้ว

“ จะแต่งงานกัน เมื่อไหร่? ” แม่ของเขาถามฉันหลังจากเงียบไปตั้งนาน งานนี้เล่นเอาฉันอึ้ง เพราะไม่รู้จะตอบยังไง มันเป็นคำถามที่ตรงเกินไป ฉันโกหกไม่ทัน

“ ไม่เกินปีนี้ครับ ” เขาตอบแทนฉัน
เออ ...แล้วเขาจะแต่งกับใคร

แต่ก็ยังดีนะที่ตอบ ก็นึกว่าจะสนใจแต่คุยกับอังเคิลเท่านั้น แสดงว่าก็ฟังอยู่เหมือนกัน

 

“ เอาเวลาที่แน่นอนหน่อยสิ ได้ข่าวว่ามาอยู่ด้วยกันแล้วไม่ใช่เหรอ?ท้องขึ้นมาจะทำไง ”

 

ฉันหน้าร้อนผ่าวกับคำพูดโต้งๆ ของแม่เขาเลยล่ะ

 

“ ก็ดีสิครับ ลูกผมจะได้อยู่ในงานแต่งงานพ่อแม่เขาด้วย ”

 

“ อย่ามาพูดเล่น แม่กับอังเคิลรอฟังอยู่ ”

 

มีอะไรบางอย่างที่ฉันรู้สึกว่า เขาไม่พอใจ

 

แต่ดูเหมือนแม่ของเฮียเขาจะไม่สนเพราะหันมาคาดคั้นเอาที่ฉันว่า

 

“ จะแต่งงานกันเมื่อไหร่? ”

 

ฉันหันไปทางเขา ก็เห็นทำหน้าเฉย ไม่พูด ให้ฉันเล่นเองอีกล่ะซิ ก็เอามันตรงๆ ก็แล้วกัน

 

“ มันสำคัญนักเหรอคะกับการแต่งไม่แต่ง ในเมื่อตอนนี้เราก็อยู่ด้วยกันแล้วในสังคมไทยดูเหมือนผู้หญิงต่างหากเป็นฝ่ายเสียเปรียบ แต่นี่ดิฉันก็ยังสุขสบายดีไม่เข้าใจว่าคนอื่นจะมายุ่งทำไม อีกอย่างเชื่อเถอะค่ะว่า ลูกชายคุณไม่ได้พรากผู้เยาว์หรอก ”

 

เงียบไปทั้งโต๊ะเลย
ตาย
! ฉันทำพังหรือเปล่านะ?

แล้วเขาก็ลุกขึ้น บอกกับฉันว่า

“ กลับเถอะ ”

 

ความจริงจากบ้าน มาโรงแรมที่ครอบครัวเขาพักอยู่ สามารถขับรถมาได้นะ แต่เขาเลือกที่จะขับเรือ ถ้าตอนขามาเขาก็ไม่พูดอะไรแล้ว ตอนขากลับก็ยิ่งกว่านั้นเพราะหน้าขรึมเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ด้วย เล่นเอาฉันพลอยเงียบรู้สึกแย่หน่อยๆไปด้วย พอเขาขับมาถึงจอดเรือแล้ว ฉันเลยพูดกับเขาว่า

“ ขอโทษนะ ถ้าทำพัง ”

แต่เขาสั่นหน้าบอกว่า

“ ไม่มีอะไรพัง ”

“ ก็แล้วทำไมหน้าบึ้ง เงียบนักล่ะ? ” ฉันใส่ให้เลย มันเรื่องอะไรปล่อยให้เราเป็นกังวลอยู่ได้

“ จะทวงคำขอบคุณเหรอ? ” เขาย้อน กระโดดลงเรือไปก่อนฉัน

“ ฉันไม่เอาของคุณหรอก คำนั้นน่ะ ” ฉันพูดแล้วนั่งที่กราบเรือเตรียมจะลงบ้าง

“ เดี๋ยวจะเข้ากรุงเทพฯ อยู่คนเดียวได้ไหม? ”

“ ทำไมจะไม่ได้ ”

“ อยากได้อะไรไหม? ”

“ ไม่ ”

ฉันกระโดดลง แต่ไม่ทันที่เท้าจะถึงน้ำเขาก็ช้อนฉันไว้ในอ้อมแขน ไม่สนใจอาการแข็งขืนของฉันอุ้มเดินมาส่งที่ทรายแห้งๆ

“ ถือว่าแทนคำขอบคุณแล้วกัน พรุ่งนี้เจอกัน ”

 

เฮ้อ ! อีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะเช้าแล้ว ฉันจะนอนหลับไหมเนี่ย?

 

12 : 37 น.

 

ดีจัง ฝนตก ฟ้ามืด ไม่เห็นดวงอาทิตย์ตั้งแต่เช้า ถ้าไม่ดูนาฬิกาฉันก็คงคิดว่าฉันนอนข้ามวันข้ามคืนไปเลยนะนี่ (ฉันเคยทำจริงๆ เรื่องนอนแบบนี้)

ตื่นมาชงกาแฟกิน แล้วก็นั่งซุกที่โซฟามองฟ้ามองฝนไปเรื่อย ๆ

๑. จะเกิดอะไรขึ้นนะ ถ้าจู่ๆ ฟ้าผ่าโครมลงมา แล้วเกิดมีใครสักคนเดินทางข้ามมิติมายืนอยู่ตรงหน้าฉัน (เขียนในนวนิยายรักแนวเดินทางข้ามเวลา บวกกับ แฟนตาซีหน่อยๆ ใส่อารมณ์ขันเข้าไปด้วย)

๒. เอ ... หรือว่ามีชายคนหนึ่งมาเคาะประตูที่หน้าบ้านขอ เข้ามาหลบฝน แต่ถึงตอนเช้าเขาต้องตกเป็นผู้ต้องหาฆ่าเจ้าของบ้านสาวแสนสวยตาย ( ลึกลับ ) หรือพบว่าตัวเองมานอนอยู่ในบ้านร้างได้อย่างไร? ( ผี ! )

๓. ก็ถ้าเป็นแบบ หลังฝนตกนางเอกของเราไปเดินเล่น ไปเจอชายคนหนึ่งเข้า นอนฟุบอยู่ เธอพาเขามาอยู่ในบ้าน เขาฟื้นขึ้นมาจำตัวเองไม่ได้ว่าเป็นใคร? ( นวนิยายรัก บวกพล็อต ความจำเสื่อม ถ้านางเอกของเราเป็นตำรวจสาว ก็ต้องเพิ่มพล็อตบอดี้การ์ดเข้าไปด้วย )

๔. พระเอกนางเอกติดอยู่เกาะด้วยกัน เพราะเกิดพายุ กลายเป็นข่าวฉาวโฉ่ จึงต้องแต่งงานกัน เพื่อรักษาภาพพจน์ หรือ อื่นๆ

๕. Enforced Intimacy จากที่เคยเห็น

  • แต่งงานเพราะความสะดวกสบาย แก้ปัญหาด้านการเงิน เพื่อเอาตัวรอด ฯลฯ
  • เป็นบอดี้การ์ด
  • ถูกจับให้แต่งแบบคลุมถุงชน หรือ ถูกบีบบังคับด้วยวิธีที่อื่น จากผู้มีอำนาจหรือผู้ที่เคารพรัก
  • ตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากด้วยกัน
  • แกล้งแต่งงาน หรือเป็นแฟนกัน เพื่อจุดประสงค์สักอย่าง แล้วก็หลงรักกันจริงๆ จะสนุกโดยมากก็เป็นเพราะต่างฝ่ายต่างปกปิดความในใจของตัวเอง ( รับรองไม่เหมือนเรื่องของฉัน เพราะฉันเป็นคนที่เปิดเผย ม้ากมาก ...)
  • ถูกชักนำจากพ่อสื่อแม่สื่อ คนรอบข้างเชียร์ และสร้างสถานการณ์ให้ด้วย
  • ต้องใช้สถานที่ร่วมกัน ที่ทำงานเดียวกัน หรือ อยู่ห้องพัก บ้าน เดียวกัน

๖. จะเริ่มที่ตัวละครหรือว่าพล็อต?

ความจริงคิดอันไหนได้ก่อน ก็เขียนลงไปก่อน เพราะมันจะเสริมกันและกัน แต่ ...

 

๗. ว่ากันว่าพล็อตที่ธรรมดาหากมีตัวละครที่น่าสนใจสร้างได้ดี จะทำให้คนอ่านสนใจ มากกว่า พล็อตที่คิดว่าดี แต่สร้างตัวละครได้ธรรมดาไม่มีความน่าสนใจ

 

๘. ในนวนิยายรัก คนอ่านมีแนวโน้มจะอ่านเพราะอยากรู้ว่า ตัวละครที่เขาเอาใจช่วย คิดอะไร จะทำอะไร จะตัดสินใจยังไง จะทำวิธีไหน เพื่อต่อสู้กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับเขา และจะทำได้สำเร็จไหม? (ไม่รู้ว่าใช่หรือเปล่าแฮะ แต่ฉันเคยอ่านเจออย่างนี้ ถ้าวัดจากตัวเองมันก็น่าจะใช่)

 

๙.ในนวนิยายรัก ความขัดแย้งระหว่างพระเอกนางเอก มักจะเป็นความขัดแย้งภายในมากกว่าความขัดแย้งภายนอก ความขัดแย้งภายในเป็นเรื่องของอารมณ์ความรู้สึกอันลึกซึ้ง ซึ่งจะแสดงออกทางความคิดและการตัดสินใจของตัวละคร ซึ่งเป็นสิ่งที่จะทำให้ คนอ่านเข้าใจพวกเขามากขึ้น (จริงหรือเปล่าก็ไม่รู้นะ?)

 

๑๐. นวนิยายรัก เป็นนวนิยายประเภทเดียว ที่แม้คนอ่านจะรู้ตอนจบต้องแฮปปี้ แต่ก็ยังอยากอ่าน เป็นนวนิยายที่แม้จะมีพล็อตซ้ำๆ ซากๆ ก็ยังมีคนติดตามอ่าน (อ่านไป ด่าไปก็มี) ยกตัวอย่างที่เห็นบ่อยที่สุด คือพล็อตในนิทานเรื่องซิลเดอเรลลา และ ??????? เพียบแตตอนนี้่ยังคิดไม่ออก

 

 

เป็นไง?

ฉันว่าเวลาฝนตกนี่ทำให้ฉัน คิดอะไรๆ ได้ดีกว่าเวลาอื่นนะเนี่ย ... ตั้งสิบข้อแน่ะ

ฉันลองเขียนรายการ ที่คิดขึ้นได้เอาไว้ เพื่อทำความคิดของตัวเองให้ชัดเจนเสียก่อนที่จะลงมือทำอะไร ก็ตั้งใจจะเขียนอย่างนี้ทุกวันอย่างน้อยก็ ๕-๑๐ ความคิดต่อวันนั่นแหละ จะได้ใช้หรือไม่ได้ใช้ ก็ถือเสียว่าเป็นการฝึกเขียนแบบอุ่นเครื่องของฉันก่อนจะตกผลึกทางความคิดลงมือเขียนเรื่องจริงๆ

อย่างน้อยก็ได้เขียนอะไรสักอย่างในวันหนึ่งๆ ล่ะ?

จะเป็นนักเขียนก็ต้องเขียนนี่นา แม้แต่คำๆ เดียวก็ต้องเขียนลงไป อย่างเช่น

 

ศพ !

 

เอ ... ลองคิดเรื่องห้อมล้อมมันดีไหม?สร้างเรื่องแบบใช้สูตร ดับเบิ้ลยูไฟว์เอชวันน่ะ W5 H1

(ไม่ใช่ H5N1 นะ ความจริงเรื่องไข้หวัดนกนี่น่าจะเอามาพล็อตเป็นนวนิยายวิทยาศาสตร์ได้สักเรื่องเลยนะ )

การสร้างเรื่องด้วยวิธี W5H1 ก็ไม่น่าจะยาก แค่ตอบคำถามเหล่านี้ได้ ก็นำไปเป็นไอเดียสร้างเรื่องหรือสร้างฉากเหตุการณ์ได้เหมือนกันนา

 

Who ใคร

นางสาวพัดชา แสนสวย ... (ฉันหมายถึงหน้าตา ไม่ใช่นามสกุล )

 

What ทำอะไร

มาสืบหาความจริง

 

Where ที่ไหน

คฤหาสน์ร้างที่ร่ำลือกันว่ามีผีสิง มีฆาตกร มีคำสาป มีศพซ่อนอยู่ ฯลฯ

 

When เมื่อไหร่

ในบ่ายวันฝนตก

 

Why ทำไม

ก็เพราะความอยากรู้อยากเห็นนะสิ ... ขยาย Who อีกหน่อย เอาเป็นว่ายัยนี่เป็นนักข่าวก็ได้เอ้า ! เอะ รึว่าเป็นนักเขียนนวนิยายลึกลับดี หรือ ... เออช่างมันเหอะ

 

How อย่างไร

ลอบเข้ามาในบ้านหลังนี้ในตอนเจ้าของบ้านเขาไม่อยู่ แล้วดันถูกขังอยู่ในบ้านออกไปไม่ได้ บรื๋อว์ ... มันน่าสงสาร เอะ หรือน่าสมน้ำหน้ากันล่ะ?

 

เอ ... ฉันนี่ก็ไม่ย่อยเหมือนกันนา คิดเป็นตุเป็นตะไปได้ สงสัยแววนักเขียนจะโผล่แฮะ

ออดๆๆๆ

ฉันวางปากกา

 

ใครมายืนอยู่ที่หน้าประตูบ้านละนั่น?

 


ฟีลิปดา

 

©  ลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย โดย ฟีลิปดา
ติดต่อ  philipda@forwriter.com

 

 


 

๑๐๐ คำถามสร้างนักเขียน
นวนิยายคุณเขียนได้ด้วยตัวเอง
 

 

ดั่งไฟรัก

 

 

ดั่งไฟพิศวาส
นวนิยายรักเร้าอารมณ์
 

 


2009 free writing
 

 

 

http://www.forwriter.com . © 2005 All rights reserved.