ฝนตกอีกแล้ว มันมาตกเอาตอนตีห้านี่เอง บรรยากาศอย่างนี้ ทำให้คนขี้เกียจเอาได้ง่ายๆ ฉันนอนมองผ่านกระจกออกไปข้างนอก ทะเลท่ามกลางสายฝน คลื่นลมไม่แรงนัก แต่สิ่งที่น่าดูก็คือ สายฟ้าที่แลบลงมาสู่พื้นน้ำเป็นระยะๆ บางครั้งก็ยาวบางครั้งก็สั้น
ฉันนอนดูอยู่อย่างนั้น พยายามคิดเทียบเคียงสิ่งที่เห็นตรงหน้าเข้ากับเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากนวนิยายที่เคยอ่าน มีหลายร้อยเรื่องที่มีฉากพายุคลั่งกลางทะเล อันเป็นสาเหตุให้เกิดเรื่องราวต่างๆ ตามมา
แต่ ฉันพยายามวาดภาพให้มีแต่สิ่งที่เป็นเรื่องของความโรแมนติกทั้งนั้น ก็ฉันจะเขียนนวนิยายแนวนี้นี่นา ไม่คิดแง่อื่นทำไมให้เปลืองสมอง !
เป็นครั้งแรกที่ฉันได้สัมผัสกับอารมณ์ของทะเลอย่างใกล้ชิด ก่อนหน้านั้น น้อยครั้งมากที่จะได้มา หรือถ้ามาก็จะเป็นตอนวันหยุดและพักอยู่ประเดี๋ยวประด๋าว ต้องรีบกลับไปทำงาน
สี่ห้าปีที่ผ่านมาฉันซ้ำซากอยู่กับการดำเนินชีวิตที่ตอนเช้าต้องตื่นไปทำงาน ตกเย็นกลับมานอนอ่านหนังสือที่บ้าน นานๆ ครั้งหรอกฉันถึงจะออกไปสังสรรค์กับเพื่อนๆ ดังนั้นสิ่งที่ช่วยให้ฉันหลุดออกไปจากโลกประจำวันได้มากที่สุด ก็คือ นวนิยายรัก ฉันชอบอ่านนวนิยายแนวนี้ แม้ว่าในบางครั้งมันจะเป็นสิ่งที่เดาได้ง่ายว่าเรื่องจะเป็นอย่างไร และแม้มันจะซ้ำซากแค่ไหน แต่ฉันก็ยังอ่าน อ่านมันมากเสียจนอยากจะเป็นนักเขียนนี่ไง? แรงบันดาลใจในการอยากเป็นนักเขียนของแต่ละคนนั้นต่างกัน แต่ของฉันคือสิ่งนี้ (ฉันเพิ่งจะยอมรับกับตัวเอง มากไปกว่าความท้าทาย ที่คิดไว้แต่แรก)
9.30 น. แค่ฉันใส่ key word ลงไปว่า what is love มีเป็นร้อยล้านหน้าในอินเตอร์เน็ทที่กล่าวถึงเรื่องนี้ แต่ไม่ว่ามันจะให้คำจำกัดความว่าอย่างไร ฉันก็เชื่อว่า มันคงไม่รู้สึกจริงสำหรับคนที่ไม่รู้เลยหรอก
ฉันกำลังมองหาอะไรสักอย่างมาเป็นเครื่องมือ ทำให้ฉันสามารถสร้างอารมณ์และเข้าถึงเรื่องของความรัก ของตัวละครในเรื่อง ฉันเกรงว่าความรู้สึกผิวเผินในความรักจะทำให้เรื่องที่ฉันสื่ออารมณ์ความรู้สึกของตัวละครออกไปอย่างแข็งๆ ไม่สมจริง
ดูสิ ! ฉันกังวลใจว่าตัวเองจะเขียนได้ไม่ดี ตั้งแต่ยังไม่เริ่มเขียนแล้ว บ้าชะมัด คิดอะไรบั่นทอนกำลังใจตัวเองไปได้ จินตนาการ จินตนาการ จินตนาการ จินตนาการ รู้จักไหม? พัดชาวดี
วันนี้ที่เตะตา ก็มีเพียงข้อนี้
ความรักไม่ใช่เครื่องมือที่คุณจะใช้เรียกร้องให้คนอื่นทำอย่างที่คุณต้องการ ไม่ควรจะพูดว่า
คุณต้องทำหากคุณรักฉัน
ฉันเห็นด้วยนะว่า ความรักไม่ใช่เครื่องมือ ที่จะมาใช้เรียกร้องอะไร และมันไปใช่วิชาเรขาคณิต ที่จะ ซตพ. มันด้วย หากฉันรักใครสักคน ฉันไม่ยอมให้คนที่ฉันรักพิสูจน์อะไรหรอก จริงๆ (ถ้ามีสักคนนะ ^-^ )
ฉันกำลังจะหยิบหนังสือคู่มือการเขียนนิยายรักมาอ่าน เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
ยัยพัด เฮียฉันอยู่แถวนี้ไหม?
ฉันมองไปโซฟา ที่ประจำของเฮียเขา แล้วก็ตอบว่า
เปล่า ไม่เห็นตั้งแต่เช้าแล้ว
แกขึ้นไปดูบนห้องให้หน่อยสิ ทำไมฉันโทรแล้วไม่รับสาย ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ถ้าไงแกเอาเครื่องแกไปให้ฉันคุยกับเฮียหน่อย
อ้าว ทำไมแก ...
เร็วเข้า ถ้าไม่เจอในห้อง หาให้ทั่วเลยนะ ฉันมีเรื่องสำคัญจะคุยกับเฮีย
เพราะเสียงยัยดารามันจริงจังนั้นหรอก ฉัน จึงมายืนอยู่หน้าห้องเขา เคาะตั้งหลายครั้งก็เงียบ เลยลองเปิดดูเอง ปรากฏว่า ห้องไม่ได้ล็อก ฉันมองเข้าไปก็เห็นเขานอนอยู่บนเตียงนั่นแหละ
อะไรจะขี้เซาขนาดนี้ ฉันไม่อยากจะเข้าไปในห้องปลุกเขา เลยโทรกลับไปบอกยัยดารา
เฮียแกเขาหลับอยู่
แกก็ปลุกซี้ ! ทำไม ...
เออ ! ฉันรีบตัดบทก่อนคำว่า แกโง่อย่างนี้ จะตามมา
ฉันไม่คุ้นกับการเข้าห้องส่วนตัวผู้ชาย แม้จะมีพี่ชายอยู่คน แต่อย่างว่า ผู้ชาย กับ พี่ชาย มันย่อมไม่เหมือนกัน แม้นายคนนี้ จะเติมให้เต็มว่า พี่ชายของเพื่อนก็เถอะ
เขานอนคว่ำหน้า เห็นหลังเปลือยสีแทนพ้นผ้าห่มออกมา ฉันแกล้งเดินเสียงดังเข้าไปใกล้ หวังจะให้เขารู้สึกตัว แต่ก็ยังเงียบ
นี่คุณ คุณ คุณตื่น
เขายังนอนเฉย ฉันชักหันรีหันขวาง อยากจะหาอะไรทุ่มใส่แทนการเข้าไปสะกิดปลุก ฉันไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้ถูกปลุกแล้วจะเป็นยังไง แต่สำหรับพี่ชายฉัน เขาอารมณ์ไม่ค่อยจะดีเวลาถูกปลุกโดนด่าเอาง่ายๆ (ทั้งที่บางครั้ง สั่งให้เราปลุกเองแท้ๆ) แล้วเขาก็พลิกตัวนอนหงาย ผ้าห่มร่นต่ำลงจนฉันต้องรีบเบนสายตาไปที่หน้าเขาแทน พี่ชายยัยดารานี่เซ็กซี่แม้กระทั่งตอนนอน แล้วจู่ๆ เขาก็ลืมตาขึ้น สบกับฉันอย่างจัง ฉันรู้สึกร้อนวูบที่ใบหน้า สงสัยหน้าฉันคงแดงแน่ๆ เขาจะคิดว่าฉันมายืนมองเขาอยู่นานแค่ไนแล้วนะ
มีอะไร?
ยัยดาราให้ขึ้นมาดูว่าคุณเป็นอะไรหรือเปล่า ถึงไม่รับโทรศัพท์ตั้งแต่เมื่อคืน
สงสัยจะลืมไว้ที่ห้องสมุด
บอกว่ามีเรื่องด่วนจะคุยกับคุณ
เอาของเธอมาสิ เขาสั่ง
ฉันเดินเข้าไปใกล้ยื่นโทรศัพท์ให้เขา
ไปหยิบของฉันที่ห้องสมุดมาให้หน่อยได้ไหม ปวดหัวไม่อยากลุก
ฉันพยักหน้า แล้วก็เดินออกจากห้องอย่างเร็ว ใครจะไปอยากอยู่ในห้องผู้ชายกึ่งเปลือยอย่างนี้ล่ะ
ห้องสมุด ยังเปิดไฟสว่าง ฉันเดินตรงไปที่โต๊ะ โน้ตบุ้คของเขายังเปิดอ้าทิ้งเอ้าไว้ แต่โทรศัพท์ไม่ได้อยู่ที่โต๊ะ ฉันมองกวาดไปที่โซฟา แล้วก็เห็นสาเหตุแห่งการปวดหัวของเขา กระป๋องเบียร์ไม่ต่ำกว่าสิบระเกะระกะอยู่
ถ้าคิดว่าฉันจะเก็บให้ละก็ ... เสียใจ ฉันไม่ใช่เจ้าของบ้าน
โทรศัพท์ของเขา วางทิ้งอยู่ที่โซฟา ฉันหยิบขึ้นมาเห็นแบตเตอรี่เหลือแค่ขีดเดียว แต่ก็ไม่สนใจ เดินย้อนกลับมาที่ห้องเคาะประตูก่อนจะเปิดเข้าไป ใช่ว่าจะมีมารยาทนักหนาหรอก แต่ฉันกลัวว่าหากผลุนผันเปิดเข้าไปจะเจอภาพหวาดเสียวเท่านั้น
แต่เขายังนอนอยู่บนเตียง สองมือประสานไว้ที่ท้ายทอย ดีหน่อยที่ผ้าห่มมันคลุมสูงถึงอกเขา โทรศัพท์ของฉันวางอยู่กลางอกนั่นแหละ แต่หน้าตาเขาไม่สู้ดีสักเท่าไหร่ สงสัยเรื่องที่ยัยดาราคุยจะเป็นเรื่องสำคัญจริงๆ และคงไม่มีอะไรไม่เกี่ยวกับฉัน ไม่งั้นยัยดาราก็คงบอกฉันแล้ว ฉันจึงเดินไปหยิบเอาโทรศัพท์ที่กลางอกแล้ววางของเขาไว้แทนที่ เดินออกมาเฉยๆ ในเมื่อเขาไม่พูดอะไร ฉันก็ไม่คิดจะถามอะไรเหมือนกัน
ป๋าจะมา เขาพูด ฉันหันมามองหน้าเขา
ว่าที่ ... คู่หมั้น ฉันด้วย เขาพูดต่อ น้ำเสียงเซ็งเอามากๆเลย ฉันเลยอดขำไม่ได้ถามอย่างอารมณ์ดีว่า
แล้วจะให้ช่วยอะไร?
เขามองฉันตาขุ่นคงรู้ว่าฉันขำเรื่องของเขา แล้วเขาก็ขยับตัวขึ้นนิดหนึ่งก่อนจะใช้มือตบข้างๆตัว
ถ้าอยากช่วย มานอนให้กอดหน่อยสิ อยากกอดผู้หญิงสักคน
ก็เอาสิ ฉันพยักหน้าให้ก่อนจะเดินออกมาปิดประตูดังโครม
นายบ้าเอ้ย ! ถ้าไม่กลัวนายช็อก ฉันทำจริงแล้ว พูดดีด้วยเป็นไม่ได้
๑๔.๐๕ น. ฉันนั่งเล่นอินเตอร์เน็ทอยู่เป็นนาน ก็บอกกับตัวเองล่ะว่า หาข้อมูล (ก็ไม่รู้ว่าจะหาอะไรกันนักกันหนา ข้ออ้างของฉันแน่ๆ เลย ) แล้วในที่สุดฉันก็เอาไอเดียเรื่องที่ฉันเขียนไว้เมื่อวาน มานั่งทบทวนอยู่ แต่ก็ยังไงๆก็คิดอะไรไม่ออกมากไปกว่านั้น เลยต้องหันไปหยิบหนังสือเล่มนั้นขึ้นมาอ่านผ่านๆ
การเขียนนวนิยายรักให้ดี คุณต้องขุดลึกเข้าไปในจิตใจของตัวละครทั้งคู่และหาให้พบถึงความแตกต่างของความนัยที่ซ่อนเร้นจุดมุ่งหมายที่คู่รักซ่อนลึกระหว่างกัน
ไม่เพียงแต่จะต้องเขียนให้คนอ่านรับรู้ จะต้องให้คนอ่านรู้สึกด้วย
โห ... เขียนนวนิยายรักนึกว่ามันจะง่ายๆ ที่ไหนได้ มันชักจะยากขึ้นแล้วสิ รึว่ายิ่งรู้มาก ยิ่งยากขึ้นก็ไม่รู้ สินะ
มาคุยกันหน่อยสิ
ฉันเลยเงยหน้าก็เห็นเจ้าของบ้านเดินไปที่ครัว เมื่อกี้เขาพูดกับฉัน หรือหูฉันแว่วไปเองนะ ลงมาเอาเกือบจะบ่ายสาม นอนกินประเทศได้เลยนายคนนี้
เพราะไม่แน่ใจฉันเลยไม่สนใจนั่งอ่านหนังสือต่อ
องค์ประกอบของนวนิยายรัก
๑.จบลงด้วยความสุข
๒.เรื่องราวของความรักเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในแง่มุมของปัญหา
๓.โดยทั่วไปจะมีลักษณะเหมือนสามเส้า เรื่องจะถูกท้าทายด้วยคน หรือ ปัญหา
๔. เล่าโดยใช้ pov ของทั่งสองฝ่าย
๕. คนอ่านเพื่อ ...
แล้วก็มี มือมาดึงหนังสือจากฉันไป
เรียกไม่ได้ยินเหรอ
ฉันมองหน้าส่งสายตาไม่พอใจให้แล้วส่ายหน้า ดึงหนังสือคืนจากเขา
ไปคุยทางโน้น เขาพูดเสียงหนัก ถือหนังสือฉันไปเฉยเลย
ฉันไม่พอใจท่าทางเขานักหรอก แต่เมื่อนึกถึงเหตุผล หนึ่งเขาเป็นผู้ชายที่มีพละกำลังมากกว่าฉัน สอง แม้จะไม่กลัวเขาในเรื่องนั้นแต่การที่เขาเป็นพี่ชายเพื่อน อย่างน้อยฉันก็ควรเห็นแก่ความอาวุโส ฉันเลยลุกขึ้นแต่การจะให้เดินตามโดยดี มันไม่ใช่นิสัยฉัน ดังนั้นฉันจึงเดินไปที่เคาน์เตอร์ชงกาแฟถ้วยหนึ่งเสียก่อนจึงเดินไปนั่งที่โซฟาตรงข้ามกับเขา ไม่พูดอะไร ในเมื่อเขามีเรื่องจะคุยกับฉัน ก็ให้เขาเริ่มก่อน
อยากบอกว่าฉันไม่ชอบสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี่พอๆ กับเธอ และไม่อยากจะมีปัญหาเพิ่มมากไปกว่านี้จากทั้งป๋าทั้งแม่ และตัวเธอด้วย
ฉันชักเซ็งแล้วสิ
ในเมื่อเรื่องมันบานปลายออกมาอย่างนี้ เธอกับฉันควรจะร่วมมือกันให้ดีที่สุด และควรรู้ด้วยว่านี่ไม่ใช่เรื่องการขอร้องให้เธอเล่นละครเพื่อช่วยใครแล้ว หากเป็นไปได้ อยากให้เรื่องนี้มันจบเร็วที่สุด
นี่เขากำลังจะโทษว่า ทุกอย่างบานปลายเป็นเพราะฉันล่ะสิ
ก็บอกมาแล้วกันจะให้ทำยังไง ฉันพูดอย่างไม่พอใจนัก และเขาเองก็คงรู้
คิดว่าตัวเองถนัดนักเหรอเรื่องทำตามสั่งนี่
ก็ถ้าจะทำให้ทุกอย่างจบเร็วขึ้น ก็พอจะกลั้นใจทำได้อยู่หรอก คุณบอกมาแล้วกัน
เขามองหน้าฉัน แล้วส่ายหัวนิดๆ
อย่ามาทิ้งภาระให้ฉันคนเดียว รู้จักคิดเองเสียบ้าง
อ้าว ! ก็แล้วคุณจะเอาไง ในเมื่อคุณพูดเหมือนกับฉันทำให้มันบานปลาย ฉันก็ต้องปล่อยให้คุณเป็นนำนะสิ
แน่ใจนะ จะให้ฉันนำ เขาย้ำมองฉันอย่างไม่เชื่อใจนัก
เฉพาะอยู่ต่อหน้าคนอื่นและมีเหตุผลเข้าท่า
ฉันรีบบอก ความจริงก็อยากจะย้อนไปหรอกว่า ฉันพูดคำไหนคำนั้น แต่ใครจะไปโง่ปิดทางถอยตัวเองขนาดนั้นล่ะ เขามองหน้าฉันแล้วยิ้มนิดๆ เหมือนจะรู้ทัน
จะกลัวฉันเกินไปหรือเปล่า พัดชาวดี
ให้ตาย ... ฉันไม่ชอบน้ำเสียงที่เรียกชื่อฉันเต็มๆ อย่างนี้เลย
- - - - - - - - - - - - -
๑๘.๑๐น. เวลาที่เหลือของวันนี้ ฉันไม่มีสมาธิจะทำอะไร เลยหารูปดารา มาตัดและติดเข้ากับกระดาษ A4 แยกออกเป็นชายและหญิง ได้ไม่กี่คนหรอก เจ้าของบ้านหลังจากคุยกับฉันแล้ว เขาก็ขึ้นข้างบน ไม่นั่งแท่นประจำที่โซฟาเหมือนอย่างเคย
ช่วงเย็นพระอาทิตย์ตกฉันออกไปเดินเล่น ท้องฟ้าและทะเลเป็นสีทองไปหมด ฉันดื่มดำกับความงามนี้ อยู่จนมืดจึงเดินเข้าบ้าน ก็เห็นเขารออยู่แล้ว
ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เดี๋ยวจะพาไปกินข้าวข้างนอก
ไม่ไปไม่ได้เหรอ?
ถ้าได้ ฉันจะรอเธออยู่ทำไม
มีอะไรจะน่าเบื่อไปกว่านี้ไหมนี่ฮึ
๐๐.๐๕ น. โดยฟีลิปดา
ความจริงแล้วเขาพาฉันไปกินข้าวกับอังเคิล มีเพียงอังเคิลคนเดียวจริงๆ ไม่รู้คนอื่นไปไหนหมด แต่มันทำให้ฉันกินข้าวได้อร่อยทีเดียว กับการดินเน่อร์ในโรงแรมหรูอย่างนี้ อังเคิลไม่ค่อยจะสนใจฉันและคุยกับนายโทนีเสียเป็นส่วนมาก แม้จะพูดกันเป็นภาษาจีนฉันก็พอจะฟังได้ว่า เขาคุยกันแต่เรื่องธุรกิจทั้งนั้น จึงไม่ค่อยจะสนใจนัก อีกอย่างฉันก็ชักเพลินกับการดื่มไวน์ฟังเพลงจากนักร้องสาวชาวฟิลิปปินส์นั่นเสียจนไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด จนกระทั่งเขามาดึงแก้วไวน์ออกจากมือฉันวางไว้บนโต๊ะนั่นแหละ
ดื่มมากไปแล้ว
ฉันส่ายหน้ายิ้มหวานให้เขา หยิบแก้วไวน์มาถือ
ไม่เมาหรอก ถ้าเมาอนุญาตให้ทิ้งไว้ที่นี่เลย
ทิ้งได้ไง พันธุ์นี้หายาก
ฉันหัวเราะ ทุบที่อกเขาเบาๆ แล้วหันไปสนใจกับนักร้องนั่นต่อ ฉันคงมึนเต็มที่เหมือนกันตอนจะกลับเมื่ออังเคิลพูดว่า
ขอบใจมากนะ ที่ให้แม่โทนี่ไปพักด้วย
ไม่เป็นไรค่ะ ท่านเป็นคนน่ารัก เหมือนลูกชาย
รับรอง ถ้าไม่เมาฉันไม่พูดแบบนั้นเด็ด ! ฉันรู้จักนิสัยตัวเองดี
ขากลับฉันหลับมาตลอด และคงนอนทั้งชุดที่ใส่ไปดินเน่อร์แล้ว ถ้าไม่เป็นเพราะมาพลาดเอาตอนลงเรือ ฉันตกเรือ ... ความจริงเขาก็คงมีน้ำใจจะช่วยรับฉันตอนลงอยู่หรอก เพราะตอนขึ้นเขายังช่วยเลย แต่บังเอิญว่าฉันมึน และรีบไปหน่อย เขายังไม่ทันจะได้หันมารับ ฉันก็กระโดดลงใส่หลังเขาเสียก่อนแล้ว เลยเป็นว่า เปียกทั้งคู่ เสมอกันไป
แต่เชื่ออะไรไหม ฉันมีความคิดบ้าๆ อยากแก้ผ้าเล่นน้ำทะเลกลางแสงจันทร์จริงๆตอนนั้น
และคุณพระช่วย ... ฉันเห็นมันอีกแล้ว ! เจ้าตัวมีปีกสีขาวที่ฉันเคยเรียกว่านางฟ้าน้อย มายืนกอด อกทำหน้าขรึมใส่ฉัน กับนายสุภาพบุรุษสวมเขาที่หัวถือสามง่ามมายืนยิ้มพยักหน้าให้ฉัน เหมือนจะบอกว่า
เอาเลยสิ ...
โอยไม่นะ ... มันเกิดขึ้นอีกแล้วหรือนี่ เจ้าสองตัวนี่มันโผล่มาอีกแล้ว เมื่อก่อนมัน ชอบมาเพ่นพ่านที่บ่าฉันบ่อย แต่มันหายไปตั้งแต่ ฉันตั้งใจแน่วแน่ที่จะเขียนบันทึกนี้ แทนที่จะคุยกับตัวเอง แต่ช่วยด้วยเถอะ มันโผล่มาได้ยังไง มันเป็นลางอาถรรพ์อะไรหรือเปล่านี่?
:+:+:+:+:
๑. กำจัดนางฟ้าน้อย
๒. กำจัดนายหัวเขาถือสามง่าม
๓. อ่านตำราพรหมชาติ เพื่อเอามาสร้างตัวละคร
๔. เอ... หรือจะเป็นพวกทฤษฎีบุคลิกภาพดี แต่ ...อย่าเพิ่งเลย ปวดหัว
๕. โทรหายัยดารา ให้มันส่งนิตยสารมาให้ฉันเพิ่ม
๖. เอาซิดีหนังรักมาหลายๆ เรื่องด้วย
๗. ขอให้นายโทนี่ ย้ายโต๊ะทำงานของฉันขึ้นไปอยู่ข้างบนดีไหมนะ?
๘. ถ้าย้าย เสียดายวิวข้างล่างเป็นบ้า
๙. หายาพารา หรือ แอสไพรินติดตัวเสียหน่อยก็ดี
๑๐. ไม่ควรดื่มสุราเกินวันละสองขวด มันจะอ้วก !