forwriter.com
 
นวนิยายรักโรแมนติก

 


จับให้แต่ง แกล้งให้รัก

โดย ปานรตี
๑๐

 

บทที่ ๗

 

ใบหน้าที่จ้องตอบมา ยังสะท้อนให้เห็นถึงความงดงามเพราะผ่านการตกแต่งอย่างประณีต จะมีเพียงสายตาที่เคยบ่งบอกความเชื่อมั่นในตัวเองเท่านั้นหรอกที่มันแปรเปลี่ยนเป็นวาววับลุกโชนด้วยความโกรธ เจ้าตัวเม้มปากแน่น แต่กระนั้นก็ไม่อาจยับยั้งอารมณ์พลุ่งพล่านได้ ชั่ววูบที่มือทั้งสองถึงกับปัดสิ่งของที่อยู่บนโต๊ะเครื่องแป้งตกลงระเนระนาด

“ ลูกเพ็ญ ใจเย็นๆ ”

เพ็ญจิตราหันขวับจากหน้ากระจก จ้องมารดาด้วยสายตากร้าว เสียงเธอสั่นอย่างระงับไม่อยู่

“ อย่ามาบอกให้เพ็ญใจเย็น ไม่ใช่เพราะใจเย็นเหรอคะ ถึงได้ออกมาเป็นแบบนี้ ”

“ คุณธนากร ไม่มีเค้าเรื่องนี้มาก่อน แน่ใจนะว่าเขาไม่ได้พูดล้อเล่น ”

“ ตั้งแต่เพ็ญรู้จักเขามา คำว่าแต่งงานไม่ว่าเล่นหรือจริงไม่เคยออกจากเขาหรอกค่ะ ”

“ ผู้หญิงคนนั้น เป็นใครกันนะ เรารู้จักหรือเปล่า ”

“ เพ็ญไม่ได้ถาม ”

คุณเพ็ญพักตร์มองหน้าลูกสาวด้วยความเห็นใจ เมื่อเกิดเรื่องตอนที่ธวัชชัยหนีการแต่งงานไป ทั้งเธอและคุณพงษ์ศักดิ์ก็โกรธ แต่ความเป็นเพื่อนเก่าและมีธุรกิจร่วมกันหลายอย่าง ก็ยากที่จะตัดรอน และอีกอย่างเพ็ญจิตราก็เป็นตัวเชื่อม และแสดงให้เห็นว่าไม่ได้สนอกสนอะไรกับเรื่องนั้น เพราะไม่ได้รักธวัชชัย ไม่ชอบวิธีการคลุมถุงชนเหมือนกัน และลูกสาวของเธอช่างวางตัวได้ดีหรือเกินในเรื่องนี้ จนคุณ ธงไชย และ ฤดีมาส ต่างเสียดายที่ไม่ได้เพ็ญจิตราเป็นสะใภ้ จนถึงกับโกรธลูกชายตัวเองประกาศตัดพ่อตัดลูกไปเลย นั่นแหละนางเพ็ญพักตร์ถึงได้รู้ว่า เพ็ญจิตราโกรธแค่ไหนเพราะลูกสาวถึงกับหัวเราะออกมาอย่างสะใจ

“ สมน้ำหน้านายนั่น คอยดูนะ เพ็ญจะแต่งงานกับคุณธนากรเป็นคุณผู้หญิงของบ้านกิตติสรวง และเป็นพี่ สะใภ้ของนายธวัชชัยนั่นให้ได้ ถ้าซมซานกลับมา กิตติสรวงเมื่อไหร่ เพ็ญจะให้เขากราบแทบเท้าเพ็ญเลยทีเดียว ”

คุณเพ็ญพักตร์เชื่อว่า ลูกสาวต้องทำสำเร็จ หากธงไชยและฤดีมาส จะไม่ด่วนเสียชีวิตลงเสียก่อน เพราะทั้งคู่ถึงกับได้เปรยทาบทามขอเพ็ญจิตรา ให้กับธนากร เพียงแต่การพูดนั้นมันไม่ได้เป็นมั่นเป็นเหมาะ และธนากรไม่ได้รับรู้เหมือนคราวที่เกิดกับขึ้นกับธวัชชัย และธนากรเองก็ไม่ใช่คนที่จะยอมตามใจใครเสียด้วย ดูภายนอกเขาก็ให้เคารพเธอและสามีดี แต่เขาก็รักษาระยะห่าง ให้เห็นว่านี่คือเพื่อนสนิทของพ่อแม่ กับเพ็ญจิตรานั้นเขาก็วางตัวประหนึ่งเป็นกึ่งเพื่อนกึ่งพี่ ไม่ได้มีทีท่าเกินเลยไปกว่านี้ แม้ว่าเพ็ญจิตราจะเข้านอกออกใน กิตติสรวง ได้ปานประหนึ่งเจ้าของคนหนึ่งก็ว่าได้ และธนากรเอง ก็ไม่เคยทำตัวสนิทสนม หรือมีผู้หญิงที่จะควงออกหน้าออกตามาก ไปกว่าเพ็ญจิตรา แต่เขาก็ไม่เคยตอบรับหรือให้คำรับรองเกี่ยวกับสถานะของเพ็ญจิตราเช่นเดียวกัน หากเมื่อใดที่คุณเพ็ญพักตร์มีทีท่าว่าจะเร่งรัดหรือบีบเขา จู่ๆก็จะมีข่าวว่าธนากรควงกับดาราหรือนางแบบชื่อดัง ขึ้นมาทันที มันเป็นการตอบโต้ที่เอาล่อเอาเถิดกันอยู่เช่นนี้ แต่เพ็ญจิตราเคยเตือนไม่ให้ไปวุ่นวายธนากร เพราะเขายังไม่พร้อมที่จะแต่งงาน และมั่นใจนักหนาว่า หากธนากรคิดจะแต่งงาน เขาจะต้องเห็นว่าเธอคือคนที่เหมาะสมแน่นอน เธอรอคอยที่จะให้ธนากรเป็นฝ่ายขอเธอแต่งงานเท่านั้น ไม่เคยคิดเผื่อเอาไว้เป็นอย่างอื่นเลย หัวอกแม่มีหรือจะไม่รู้ถึงความรู้สึกของลูกสาว

ในที่สุดคุณเพ็ญพักตรก็เอ่ยออกมา

“ พรุ่งนี้แม่จะไปถามดู ”

แต่เพ็ญจิตราส่ายหน้าบอกว่า

“ รออีกสองสามวันดีกว่าค่ะ อย่าไปถามเขาเรื่องนี้ คิดเสียว่าคุณแม่ไม่รู้เรื่อง หากมันเป็นเรื่องสำคัญเพ็ญคิดว่าเขาน่าจะเรียนคุณแม่ให้ทราบ และถ้ายังไง คุณแม่ก็เสนอตัวเป็นผู้ใหญ่สู่ขอให้เขาด้วยเลยนะคะ ”

“ อะไรนะ? ” คุณเพ็ญพักตร์ถึงกับย้อนลูกสาวเสียงสูง

“ เพ็ญอยากให้คุณแม่วางตัวให้เป็นผู้ใหญ่ที่น่านับถือ และทำให้เขาเกรงใจ ส่วนคุณพ่อ เพ็ญก็อยากให้คุณแม่เตือนอย่าให้แสดงความโกรธออกมากนัก แต่เพ็ญอยากให้ท่านช่วยให้งานของเขาสะดุดบ้าง สำหรับผู้หญิงที่จะแต่งงานกับเขาไว้เป็นหน้าที่เพ็ญเอง ”

คุณเพ็ญพักตร์ พยักหน้ารับตามที่ลูกสาวบอกอย่างไม่ติดใจ เพราะเคยชินกับการเป็นเจ้าแผนการของลุกสาว และผู้เป็นสามีมาตลอด เรื่องของธนากร จะต้องเล่นกันเป็นทีมให้สอดคล้อง และเพ็ญจิตรามักจะมีลูกเล่นที่ธนากรแม้ไม่จนมุม แต่ก็ไม่อาจจะเมินเฉยได้

“ ทำไมจู่ๆ เขาถึงจะแต่งงานขึ้นมานะ เจอผู้หญิงที่ไหนแบลคเมล์หรือเปล่า? ”

เพ็ญจิตรา ส่ายหน้า สีหน้าและท่าทางของเขาไม่ได้บอกอย่างนั้นสักนิด เขากำลังสนุกอยู่ต่างหาก หญิงสาวเม้มปากแน่น น้ำตาเธอรื่นด้วยความเจ็บใจ เมื่อคิดถึงภาพที่ตัวเองถึงกับช็อกไปชั่วครู่ มารู้ตัวก็เอาตอนที่ นายศาสตรา พูดแสดงความยินดีกับเขาเท่านั้น นั่นมันก็พอที่จะทำให้เธอปั้นยิ้ม กล่าวแสดงความยินดีกับเขาได้ ในเวลาต่อมา เธอทนอยู่ในงานทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอฝืนทำตัวเริงรื่นในงาน และยอมให้เขามาส่ง พูดคุยกับเขาเป็นปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น นี่เป็นสิ่งหนึ่งที่เธอปฏิบัติเสมอ เพื่อจะได้ให้เขาเห็นว่า เธอยังรักษาระยะห่างจากเขาเสมอ เธอไม่ได้ต้องการจับเขา หรือว่าเขาจะรู้ทันตลอดว่าเธอคิดอย่างไรกับเขา หากเป็นเช่นนั้นจริง สนุกแน่ เธอจะต้องให้เขาชดใช้อย่างแสนสาหัสเลยจริงๆ

“ พรุ่งนี้เพ็ญน่าจะไปที่กิตติสรวง ลองเลียบเคียงยายประยงค์ดูสิ รู้บ้างไหมว่าคุณธนากรจะแต่งงาน ”

ยายประยงค์ ไม่ใช่ญาติพี่น้องจริงๆของธนากร แต่เป็นพี่เลี้ยงของคุณ ฤดีมาส และดูแลธนากรกับธวัชชัยมาตั้งแต่เด็กเป็นเสมือนแม่นมของพวกเขามากกว่า แต่ก็จัดได้ว่าเป็นคนที่ธนากรให้ความรักนับถือไม่น้อย และเพ็ญจิตราก็เข้ากับนางประยงค์ได้ดี ไม่มีจุดใดเลยที่เพ็ญจิตราจะเปิดช่องว่าง ให้คนเก่าแก่ หรือ คนทำงานที่นั่นได้เห็นข้อบกพร่องของเธอ เพราะเธอดูแลทุกคนอย่างทั่วถึงและเอาใจใส่ อีกอย่างคนที่นั่นกว่าครึ่งต่างเป็นคนที่เธอจัดหาเข้าไปทั้งนั้น ทุกอย่างที่อยู่ในกิตติสรวงจึงไม่อาจรอดหูรอดตาเธอไปได้เลย

“ นายวิสุทธิ์นั่นก็อีก น่าจะถามเขาได้ เพราะไม่มีอะไรที่ธนากรทำแล้วเขาจะไม่รู้ ”

ใบหน้าของเพ็ญจิตราเครียดขึ้ง กัดริมฝีปากตัวเอง เมื่อมารดาเอ่ยถึงชื่อนี้ เพราะเธอรังเกียจผู้ชายคนนี้ เป็นคนเดียวที่เธอไม่คิดอยากจะฝืนทำตัวให้เขาชื่นชมเธอได้ แม้จะรู้ดีว่าวิสุทธิ์ไม่ได้เป็นเพียงลูกจ้างแต่เป็นเพื่อนสนิทของธนากร เขาเป็นทนายความที่เก่ง มีชื่อเสียง พ่อของเธอก็ชอบเขา แต่เธอเกลียดสายตาของเขา ให้ตายเธอก็ไม่เอ่ยปากเรื่องนี้กับนายคนนี้แน่ แค่คิดว่าเขารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ ใบหน้าที่ส่อแววรู้ทันแกมสมเพชของเขาก็ผุดขึ้นมาให้เห็นเลยทีเดียว

“ เพ็ญจะไม่พูดกับนายคนนี้ ”

ฟังน้ำเสียงลูกสาวคุณเพ็ญพักตร์ ถึงมองอย่างแปลกใจ มันแฝงความเกลียดโกรธเอาไว้อย่างชัดเจนทีเดียว

“ ถ้างั้นไม่เป็นไร ถ้าไงแม่อาจจะให้ ยัยยอด ลองถามให้ก็ได้ ”

“ อะไรนะคะ ยัยยอดนะเหรอ? ”

เพ็ญจิตรา ถามอย่างแปลกใจ ยอดปรารถนา เป็นน้องสาวที่มีอายุห่างจากเธอถึงสี่ปี ด้วยวัยขนาดนี้ก็ไม่น่าจะให้เธอห่างเหินน้องสาวนักหรอก แต่มันเป็นเพราะเธอเองมีงานที่ต้องรับผิดชอบ และมีเป้าหมายแน่วแน่ จึงมุ่งมั่นแต่ในเรื่องของตัวเอง อีกอย่างหนึ่งก็คือ เวลาเจอหน้ากัน น้องสาวมักมีเรื่องที่ทำให้เธอฉุนเฉียวได้บ่อย เพราะยอดปรารถนา เป็นเด็กที่เถียงคำไม่ตกฟาก และชอบยั่วให้อารมณ์เสียบ่อยๆ

“ ยัยยอด เขาไปฝึกงานที่สำนักงานนายวิสุทธิ์ สนิทกันเพราะนายนี่เขาเป็นรุ่นพี่มหาวิทยาลัย ”

อายุห่างกันเป็นสิบปีนะเหรอสนิทกัน เพ็ญจิตราคิดอย่างเหยียดๆ เห็นทีเธอต้องปรามน้องสาวในเรื่องนี้สักหน่อยแล้ว ในเมื่อเธอไม่ชอบ มันเรื่องอะไรจะปล่อยให้น้องสาวเธอไปสนิทด้วย แต่ต้องให้เรื่องนี้จบเสียก่อน

“ ถ้างั้นก็ดีค่ะ จะได้รู้อะไรมากขึ้น แต่คุณแม่อย่าบอกนะคะว่า เพ็ญรู้เรื่องนี่แล้ว ไม่งั้นมีหวังน้องหัวเราะเยาะหนูแน่ ”

คุณเพ็ญพักตร์พยักหน้า อย่างเดียวที่เธอเป็นกังวลกับลูกสาวคนนี้ก็คือ เพ็ญจิตรา ห่วงเรื่องการเสียหน้าเสียจน ไม่ยอมคำนึงถึงสิ่งที่ตัวเองต้องการจริงๆ ไม่อยากจะโทษลูกสาวในเรื่องนี้ เพราะเธอและผู้เป็นสามีเองก็สนับสนุนในเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้น

และธนากร กิตติสรวง ก็เป็นผู้ชายทีเหมาะสมกับ เพ็ญจิตราในทุกด้านมากเสียยิ่งกว่า เจ้าธวัชชัยที่หายสาบสูญไปนั่นเสียอีก

 

 

วิสุทธิ์ขับรถโตโยต้ากลางเก่ากลางใหม่ของตัวเองเข้าไปจอดเทียบเบนซ์สีเงินอย่างไม่เคอะเขิน และมันทำให้เขายิ้มออกมาเมื่อลงจากรถ แล้วมองเปรียบเทียบความแตกต่างของมัน แล้วรอยยิ้มของเขาก็ต้องเปิดกว้างขึ้นอีกเมื่อ หันไปเจอกับสาวใช้ ที่อยู่ในชุดเครื่องที่เป็นกระโปรงยาวติดกันสีเขียวอ่อนยาวเหนือเข่า มีผ้ากันเปื้อนลายสกอตสีเขียวเข้มสลับขาวคาดไว้ตรงเอว เมื่อก่อนคนทำงานที่นี่ไม่มีเครื่องแบบ แต่ผู้หญิงที่ทุกคนคิดว่าจะต้องมาเป็นคุณผู้หญิงที่บ้านหลังนี้ได้เข้ามาจัดการปฏิรูปเรื่องเครื่องแบบเสียใหม่ เขาไม่รู้ว่า ธนากร จะสังเกตุเห็นหรือเปล่า แต่ตัวเขาเองนั้น หัวเราะลั่นเลยเมื่อมาเจอครั้งแรก

“ ธนากรกลับมาแล้วยัง? ”

“ รออยู่ ที่ในห้องนั่งเล่นค่ะ ” สาวรุ่นค้อมตัวตอบอย่างเรียบร้อย ก่อนจะเดินเลี่ยงไป

วิสุทธิ์หัวเราะหึ กับท่าทีพินอบพิเทานั้น ยังไงเขาก็ไม่ชินกับสิ่งนี้เด็ดขาด และหายใจโล่งอกเป็นบ้า เมื่อผู้หญิงที่ธนากรเลือก ไม่ใช่ เพ็ญจิตรา

ธนากรนั่งเหยียดยาวอยู่ที่ห้องนั่งเล่น และเมื่อวิสุทธิ์เดินเข้าไป เขาก็บอกว่า

“ วันนี้อยู่กินข้าวเย็นด้วยกัน ยายยงค์เตรียมของชอบนายไว้ด้วย ”

“ ลาภปากเป็นบ้า ” วิสุทธิ์ตอบ แล้ววางประเป๋าเอกสารเอาไว้ที่โต๊ะกลาง เดินเลยไปที่เคาน์เตอร์อย่างคุ้นเคย เสริฟเครื่องดื่มให้ตัวเองก่อนจะย้อนกลับมานั่งตรงข้ามเพื่อน

“ มีเรื่องอะไร ถึงได้ถ่อมาถึงนี่ ทางโน้นเป็นไง? ”

วิสุทธิ์ไม่ตอบในทันทีเขาจิบเครื่องดื่มในมือ เหมือนจะยั่วดูปฏิกิริยาของอีกฝ่ายเสียก่อน แต่ดูเหมือนธนากรจะรู้ทัน เพราะเมื่อถามออกไปแล้ว ก็ลุกเดินไปที่เคาน์เตอร์ เติมเครื่องดื่มของตัวเองบ้างเสียอย่างนั้น แล้วมันก็กลายเป็นเขาเสียเอง ที่ใจร้อนกว่า เปิดกระเป๋าเอกสารหยิบกระดาษขึ้นมาสองแผ่น ยื่นให้ธนากร

“ อะไร? ”

“ พรีนนัพ สัญญาก่อนแต่ง ”

“ สัญญาก่อนแต่ง? ” ธนากรทวน มองกระดาษในมืออย่างงงๆ

วิสุทธิ์มองท่าทางเพื่อนแล้วก็อดจะขำไม่ได้

“ ใช่ คุณวสุดา ต้องการทำสัญญาก่อนแต่ง นี่เป็นสิ่งที่คุณวสุดา โทรบอกฉันคร่าวๆ ว่าต้องการอะไรบ้างยังไม่ใช่เอกสารจริงๆ ”

ธนากร ส่ายหน้าพ่นลมออกจากปากอย่างเซ็งๆ แม่น้องสะใภ้เขาชักจะเรื่องมากจริงๆ เขายื่นกระดาษคืนให้วิสุทธิ์

“ บอกมาสิแกคิดว่าไง? ฉันขี้เกียจอ่าน ”

“ แกเป็นคนแต่งไม่ใช่ฉัน ”

“ แกเป็นผู้รักษาผลประโยชน์ของฉันไม่ใช่เหรอ ”

วิสุทธิ์ยิ้มส่ายหน้า มองธนากรด้วยสายตาขำๆ ตอบเคล้าเสียงหัวเราะว่า

“ แต่เรื่องพวกนี้มันค่อนข้างจะเป็นส่วนตัวว่ะ ”

“ อะไรวะ? ” ธนากรบ่นพึม แต่แล้วก็หยิบขึ้นมาอ่านเอง แต่พออ่านเสร็จเขาก็ทิ้งกระดาษลงส่ายหัวน้อย

“ แม่คุณเอ้ย ... ได้คืบจะเอาศอก ท่าจะติดหนังฮอลลีวู้ดมากไปหน่อยแล้วแม่น้องสะใภ้ฉัน ”

วิสุทธิ์อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงหัวเราะอย่างกลั้นไม่อยู่ กับน้ำเสียงกระแหนะกระแหนของธนากรซึ่งไม่เคยได้ยินมาก่อนแบบนี้

“ เอ้า หัวเราะอยู่นั่นแหละ ยังกรุณานะที่หล่อนไม่เขียนเอาไว้ด้วยว่า ห้ามฉันแตะเนื้อต้องตัวหล่อน ”

“ ก็ถ้าจะเขียนแบบนั้นนายจะตกลงไหม? ” วิสุทธิ์แกล้งย้อน ซึ่งธนากรถึงกับอึ้งทำหน้าชอบกล ก่อนจะเน้นเสียงขุ่นว่า

“ ฉันต้องหลาน ไม่ได้ต้องการเมีย ”

“ ฉันก็ว่างั้น ” ปากวิสุทธิ์เออออ แต่ใจนั้นคิดอีกอย่าง “ แล้วนี่นายคิดจะบอกคุณเพ็ญจิตรา รึเปล่าว่านายจะแต่งงาน ”

“ ก็บอกตอนที่แกโทรศัพท์ไปหานั่นแหละ ”

“ หา ! ” วิสุทธิ์อุทาน “ แล้วเธอว่าไง? ”

ธนากร ยิ้มนิดๆ เมื่อนึกถึงความฉลาดของสาวสวยนามเพ็ญจิตรา เธอหัวเราะใช้มือจิ้มที่อกเขาพูดอย่างล้อเล่นว่า

“ คุณทำฉันอกหักแล้ว ” ก่อนจะยิ้มหวานให้บุรุษที่เดินมาพร้อมเธอ “ ไปเต้นรำกันต่อเถอะค่ะ คุณศาสตร์ ”

คืนนั้น เขาไปส่งเธอถึงบ้าน เพ็ญจิตราไม่ได้เอ่ยถึงสิ่งที่เขาบอกกับเธอเลย เธอชวนคุยเรื่องนั้นนิด เรื่องโน้นหน่อย ดุจไม่สนใจคำพูดของเขาในตอนนั้น

“ จะว่าไง ก็ทำเป็นเรื่องตลกเหมือนเคย แต่เชื่อเถอะ เดี๋ยวคุณเพ็ญพักตร์ก็มาจัดการเลียบเคียงฉันแน่ ”

“ ไม่คิดบ้างเหรอว่า คุณเพ็ญจิตรา อาจจะรักนายจริงๆ ”

ธนากรชะงักไปนิด แต่แล้วก็สั่นหน้า โดยไม่ต้องคิด

“ ไม่เคยรู้สึกอย่างนั้น ”

วิสุทธิ์ มองหน้าผู้เป็นกึ่งเพื่อนกึ่งนาย

“ แปลก บางทีฉันก็สงสัยนะว่า ผู้หญิงที่สวยเพียบพร้อมอย่างคุณเพ็ญจิตรา ทำไมยังทำให้นายรักไม่ได้ แล้วจะหาผู้หญิงแบบไหนกันวะ มาเป็นเมียจริง รึชีวิตนี้นายไม่คิดจะแต่งงานจริงๆ ”

ธนากรหัวเราะ

“ นายท่าจะลืมว่า ฉันจะแต่งงานอยู่แล้ว และนายก็เป็นคนดำเนินเรื่องเองทั้งหมด ”

“ แล้วนายคิดว่านี่คือการแต่งงานจริงๆ เหรอวะ ธนากร ” วิสุทธิ์เรียกเสียเต็มยศ

“ อ้าว ! แกคิดว่าฉันจะหลอกอะไรใครล่ะ? ”

“ งั้นแสดงว่า แกก็ไม่คิดว่าการแต่งครั้งนี้เป็นการแต่งเพียงในนามเท่านั้น ”

“ หมายความว่าไง? เจ้าหล่อนไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องนี้ไว้ไม่ใช่เหรอ? ” ธนากรย้อน ยกกระดาษขึ้นมาดูอีกครั้ง

“ คุณวสุดา ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ แต่ฉันอยากรู้ว่านายคิดยังไง? ”

“ ถามทำไม? ”

“ คือฉันสงสัยน่ะว่า ที่นายยอมแต่งนี่จะเป็นเพราะเหตุผลเรื่องหลานอย่างเดียวหรือเปล่า? หรือเป็นเพราะน้องสะใภ้คนสวยด้วย ”

ธนากร ยิ้มกว้าง มองหน้าเพื่อนอย่างขำนิดๆ

“ ฉันบอกนายแล้ว ให้จีบเขาซะ แล้วยกหลานให้ฉัน อีกอย่าง เรื่องแต่งฉันไม่ได้เป็นคนบังคับเธอให้ตกลง และถ้าจะห่วงเธอมาก ก็ลองไปโน้มน้าวเธอใหม่สิ ฉันน่ะยังไงก็ได้ ขอเพียงแต่เด็กสองคนนั่นต้องมาอยู่กับฉัน ”

วิสูทธิ์จ้องหน้าเพื่อน แล้วอมยิ้ม ตอบว่า

“ พูดจริงๆ เลยนะ ไอ้ที่ฉันห่วงน่ะ ฉันเป็นห่วงนายมากกว่า เพราะฉันไม่เห็นผู้หญิงทำให้นายตอบตกลงแต่งงานได้ง่ายๆ อย่างนี้เลย ”

ความนัยในคำถามทำให้ ธนากรเบิกตาโต แล้วระเบิดเสียงหัวเราะออกมาเต็มเสียง ขณะที่วิสุทธิ์ก็อมยิ้มมองเพื่อนเฉยๆ

“ เอาล่ะ ฉันจะบอกให้นายสบายใจ น้องสะใภ้ ก็เหมือนน้องสาว ฉันไม่มีวันคิดไปเป็นอื่น ”

“ งั้น ... ถ้าฉันจะถามว่า หากไม่ต้องแต่งงานกับคุณวสุดา แต่มีวิธีเอาหลานคืนมา นายจะทำไหม? ”

ท่าทีของเพื่อน ทำให้ ธนากรชะงัก มองอย่างสงสัย

“ มีอะไร? ”

“ ยังไม่ได้ตอบคำถามฉัน ”

ธนากรยักไหล่

“ มาถึงตอนนี้ถึงไม่อยากแต่ง แต่ก็ไม่อยากเสียคำพูดว่ะ นายคิดแผนอะไรได้เหรอ? ”

วิสุทธิ์ยิ้มส่ายหน้า เขาจะปรักปรำเรื่องนี้กับธนากรไม่ได้ เพราะธนากรเป็นคนที่รักษาคำพูดจริงๆ แต่สิ่งที่เขาจะบอกให้รู้ต่อไปนี่สิ มันต้องเผยอะไรสักอย่างให้รู้บ้างล่ะว่า ธนากรคิดยังไง

“ ฉันไม่มีแผนอะไร แต่มีข้อมูลใหม่ ”

“ อะไร? ”

วิสุทธิ์ไม่ตอบ แต่เปิดเอากระดาษอีกแผ่นยื่นให้ แล้วก็อมยิ้มมองธนากรที่ใช้สายตากวาดคร่าวๆ อย่างรวดเร็ว และนิ่งไปนาน ก่อนจะพูดออกมาว่า

“ บอกเธอว่า วันอาทิตย์นี้ฉันจะไปตกลงเรื่องสัญญาก่อนแต่งนี้ด้วยตัวเอง ”

“ อ้าว ! ฉันนึกว่านายจะเปลี่ยนแผน ”

“ แผนน่ะเปลี่ยนไปแล้ว แต่จะสนุกกว่าเดิม และระวังอย่าทำให้เธอรู้เด็ดขาด ว่าฉันรู้เรื่องนี้แล้ว ”

ธนากรร่อนกระดาษคืนเพื่อน ใบหน้าเขาเรียบเฉย มีแต่แววตาเท่านั้น ทีดูเหมือนจะสนุกกับสิ่งที่ตัวเองจะทำ

 

 

 

 

 

เรื่องนี้ยังเขียนไม่จบนะคะ ^--^

 

 

 


© ลิขสิทธิ์ตามกฏหมายโดยฟีลิปดา

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

๑๐๐ คำถามสร้างนักเขียน
นวนิยายคุณเขียนได้ด้วยตัวเอง
 

 

ดั่งไฟรัก
 

 

ดั่งไฟพิศวาส
นวนิยายรักเร้าอารมณ์
 

 

2009 free writing

 


๕๐๕ แคนโต้แห่งความรัก
 

 

 

  http://www.forwriter.com . © 2005 All rights reserved.