forwriter.com
 
นวนิยายรักโรแมนติก

 


จับให้แต่ง แกล้งให้รัก

โดย ปานรตี
๑๐

 

 

 

บทที่ ๕

บรรจบ สินสมบัติ ลงจากรถด้วยความรู้สึกมั่นใจในตัวเองเช่นเดิม

แม้ว่าเมื่อคืนเขาได้เจอกับท่าทีปฏิเสธการแต่งงานอย่างแข็งขันจากวสุดา

จนทำให้เขาต้องกลับไปทบทวนใหม่ว่า ที่ผ่านมาเป็นเพราะเธอเล่นตัว

หรือเป็นเพราะเธอไม่รักเขาจริงๆ


หรือเป็นเพราะเธอยังขัดใจที่เขาแสดงความรังเกียจลูกของเธอกันแน่

แต่วสุดาก็เป็นผู้หญิงที่เขาทุ่มเทให้มากที่สุด เขารักเธอจริงๆ

 

และหมายมั่นปั้นมือว่าจะต้องเอาชนะใจเธอให้ได้

วันนี้เขาตั้งใจมาขอโทษเธอพร้อมกับยื่นข้อเสนอให้ใหม่ว่า

 

เพราะเขายินดีที่จะรับลูกทั้งสองของเธอเป็นลูกบุตรธรรมเมื่อแต่งงานกัน

ถึงแม้ว่าเขาจะรังเกียจไอ้เด็กซนจอมแสบทั้งสองตัวนั่นก็เถอะ

 

ไว้แต่งงานกันเสียก่อนเขาจะจัดการส่งให้ทั้งคู่ไปอยู่โรงเรียนประจำไกลๆ ก็ได้

ซึ่งวสุดาน่าจะดีใจและพอใจเขามากขึ้น และแม้ว่าเธอจะยังไม่ตอบตกลงวันนี้

แต่เขาก็เชื่อว่าด้วยหนี้สินอันมีอยู่มากมายในขณะนี้ เธอจะแข็งขืนได้ไม่นาน

เพราะตอนนี้เธอไม่เหลือใครแล้ว

 

บรรจบเดินเข้าไปในบ้านอย่างคุ้นเคย เขาขมวดคิ้วเมื่อเห็นชายแปลกหน้าสองคน

 

อยู่ในห้องรับแขก แต่ด้วยความที่เป็นคนมั่นใจในตัวเอง

 

และไม่สนใจใครทำให้เขาถามห้วนๆ ว่า

 

“ มารอพบวสุดาหรือ? ”

 

วิสุทธิ์สบตากับธนากร

ซึ่งก็แววตาอีกฝ่ายพราวระยับด้วยความขบขันบางอย่างยังไม่ทันจะได้ตอบ บรรจบก็พูดต่อว่า

 

“ วสุดาคงยังไม่ตื่น เธอมักจะตื่นสายในวันหยุด ”

 

ฟังน้ำเสียงคนพูดก็เดาได้ว่าบอกเป็นนัยให้รู้ถึงความสนิทสนมของตนเองกับวสุดาแค่ไหน รอยยิ้มจึงเกิดขึ้นที่ใบหน้าของธนากรอีกครั้ง แล้วสายตานั้นก็แสดงความขบขำออกมาเมื่อเห็นวสุดา ที่คงได้ยินเสียงรถเหมือนกันได้เดินออกมาอย่างรวดเร็ว

 

เมื่อเห็นวสุดา บรรจบก็ไม่สนใจใคร เขาเดินตรงไปที่หญิงสาวอย่างรวดเร็ว

 

“ คุณดาครับ ผมมาขอโทษเรื่องเมื่อคืน ”

 

เปิดเผยและตรงไปตรงมา เหมือนหนึ่งไม่สนใจว่าจะมีใครอยู่ ในทีนี้ด้วย ทำเอาวสุดา ต้องสูดลมหายใจลึกก่อนจะพูดสั้นๆ ห้วนๆ ว่า

 

“ ค่ะ ”

 

“ เรื่องที่ ... ”

 

“ ไม่เป็นไรค่ะ ดิฉันเข้าใจ อยู่ทานกลางวันด้วยกันสิคะ? ”

 

วสุดารีบตัดบทรับดอกไม้จากมือเขามาเกือบเป็นกระชากเสียด้วยซ้ำ เพราะขืนไม่พูดอย่างนี้ เรื่องที่ต้องขอโทษขอโพยของเขาต้องพรั่งพรูออกจากปากให้คนอื่นรับรู้แน่

 

เหมือนไม่คิดว่าเรื่องที่ตัวเองต้องการมาทำมันสำเร็จลงไปอย่างง่ายๆ

บรรจบจึงยืนอึ้งมองไปรอบๆ ก่อนที่จะพูดว่า

 

“ ผมไม่ยักรู้ว่าคุณมีเพื่อน …”

 

“ ผมไม่ใช่เพื่อน ” ธนากรพูดแทรกขึ้นยิ้มๆ

 

“ นั่นสิครับ ผมไม่น่าจะคิดว่าเป็นเพื่อน เพราะวสุดาไม่เคยมีเพื่อนชายคนไหนนอกจากผม ผมชื่อบรรจบ สินสมบัติ ”

 

เขาแนะนำตัวเองเสร็จในตัวอย่างไม่เก้อเขิน แม้ในใจจะเริ่มสงสัย และไม่ชอบใจกับท่าทางสบายๆ ของอีกฝ่าย

 

รอยยิ้มระบายที่ริมฝีปากของธนากร ก่อนจะแนะนำตัวว่า

 

“ ผมชื่อธนากร และนี่เพื่อนของผมชื่อวิสุทธิ์ เป็นทนาย ”

 

สายตาของบรรจบหันไปทางวิสุทธิ์ และย้อนกลับมาที่ธนากร ผงกศีรษะเหมือนเข้าใจ มันไม่ใช่ครั้งแรกหรอกที่เขาต้องเจอกับสถานการณ์แบบนี้ของวสุดา จึงพูดด้วยน้ำเสียงกึ่งวางอำนาจว่า

 

“ หากมาเรื่องหนี้สินของวสุดา คุณตกลงกับผมได้ทุกอย่าง ”

 

“ คุณบรรจบ ! ” เสียงวสุดากราดเกรี้ยวอย่างเหลืออด

 

“ ไม่เป็นไรที่รัก ปัญหาของคุณผมจัดการเอง ”

 

วสุดา หน้าบึ้งตาลุกวาว กับคำว่า ที่รัก จากปากของบรรจบ

 

และมันทำให้เธอถึงกับเม้มปากแน่น

 

เมื่อเห็นสีหน้าและแววตาที่คมปลาบมองมาอย่างหยันแกมขันของธนากร

 

อะไรก็ไม่ร้ายเท่ากับคำพูดกลั้วหัวเราะของเขา

 

“ ผมดีใจ ที่ได้พบกับคนที่จะจัดการปัญหานี้ได้เสียที ”

 

“ ผมก็ดีใจเพราะนี่อาจจะทำให้วสุดา โกรธผมน้อยลงจากเรื่องเมื่อคืน

 

เขามักจะหงุดหงิดเสมอเวลาต้องเจอกับปัญหานี้ ”

 

คำพูดของบรรจบมันช่าง แจ่มแจ้งเสียยิ่งกว่าอะไร

 

วสุดาโกรธจนแทบจะเอาช่อดอกไม้ฟาดหัวเขา

 

ความจุ้นจ้านของบรรจบที่ไปตามชดใช้หนี้ให้เธอมันเคยเกิดขึ้นมาก่อน

 

แต่วสุดาก็พยายามทน อาจจะเป็นเพราะเธอเองก็พยายามทำไม่รู้ไม่ชี้

 

แกล้งบอกกับตัวเองว่ามันไม่ใช่เรื่องของเธอโดยตรงเพราะเขาไม่เคยทำต่อหน้าเธอ

 

เพียงแต่ไปตกลงเออออเอากับคุณมัทนาลับหลัง แต่นี่มันเกิดขึ้นต่อหน้าเธอ

 

และยังเกิดจากความเข้าใจผิดเสียด้วย

 

“ เราจะคุยกันก่อนหรือหลังทานอาหารเที่ยงกันล่ะ? วสุดา ” ธนากรเลิกคิ้วถามยิ้มๆ

 

“ ตอนนี้เลยดีกว่า เพราะผมมีประชุมบ่าย ” บรรจบรีบพูดออกมา

 

เรื่องที่เกิดขึ้น วสุดาไม่ได้อาย แต่เธอโกรธ โกรธที่เธอเห็นรอยยิ้มของผู้ชนะของธนากรเมื่อเธอต้องเป็นฝ่ายพูดออกมา เพื่อยุติการพล่ามของบรรจบว่า

 

“ คุณธนากรเป็นลุงของกิ่งอ้อ กอไผ่ ”

 

“ อ้าว ! เหรอครับ ” คราวนี้บรรจบมองธนากรนิ่ง

ก่อนจะถามออกมาเหมือนไม่พอใจว่า

 

“ แล้วทำไมถึงปล่อยให้ผมเข้าใจผิดว่า คุณเป็นเจ้าหนี้วสุดา ”

 

“ อ้าว ! คุณคิดว่าผมเป็นเจ้าหนี้ของวสุดาเหรอครับ ” ธนากรย้อนเสียงซื่อ จนแม้กระทั่งเพื่อนของเขายังต้องมองแปลกๆ

 

“ ก็คุณรับว่ามาเรื่องหนี้สินของวสุดาไม่ใช่เหรอ? ”

 

“ ใช่ครับ แต่ผมหมายถึงเงินที่ผมต้องจ่ายคืนกับวสุดาต่างหาก เอะ... เธอยังไม่ได้ปรึกษาคุณเรื่องนี้หรอกเหรอ? ”

ธนากรตีตลบมาเป็นฝ่ายถามอย่างฉลาด

 

แต่บรรจบก็ใช่ว่าจะตกหลุมง่ายๆ เมื่อตอบกลับว่า

 

“ บังเอิญว่าผมกับวสุดาปรึกษากันหลายเรื่องจนไม่ทราบว่าเรื่องไหนเป็นเรื่องไหน หรือผมจะลืมไปแล้วก็ไม่รู้ ”

 

วสุดามองคนทั้งคู่ แล้วพูดห้วนๆ ว่า

 

“ จะคุยกันอีกนานไหมคะ ดิฉันหิวแล้ว ”

 

“ โอย จริงสิผมลืมขอโทษด้วยวสุดา เชิญครับ คุณธนากร คุณวิสุทธิ์ทางนี้ ”

 

บรรจบเจ้ากี้เจ้าการเดินนำหน้าอย่างเจ้าของบ้านไปเลย

 

วสุดาเองก็ระงับความโกรธอย่างเต็มที่ แม้จะไม่พอใจแค่ไหน เธอก็ไม่อยากจะแสดงอารมณ์ร้ายๆ ต่อหน้าบุคคลที่สาม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับสายตาที่คอยมองมาเหมือนเห็นเป็นเรื่องน่าขัน เธอไม่ต้องการเป็นตัวตลกของใคร กับการแสดงความโกรธบรรจบ ผู้ชายผู้ซึ่งคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าเธออย่างน่าตบคนนี้

หญิงสาวก้าวตามหลังชายทั้งสามคนไปช้าๆ แต่วิสุทธิ์ที่อยู่รั้งท้ายกลับหยุดรอเธอ

“ เป็นผู้ชายที่น่าทึ่งนะครับ ”

 

วสุดาไม่รู้หรอกว่า เขาคือผู้ชายคนไหน ที่วิสุทธิ์หมายถึง

 

แต่เธอเหยียดยิ้มก่อนจะเพยิดหน้าไปที่ชายทั้งคู่พูดด้วยเสียงธรรมดาที่สุดว่า

 

“ เขาสมกันจังเลยนะคู่นั้น ”

 

วิสุทธิ์ปล่อยก๊ากออกมาอย่างอดไม่ได้   

ชายทั้งคู่หันกลับมา สายตาคู่หนึ่งแสดงอาการฉงนที่ทำไมเพื่อนถึงได้หัวเราะออกมาอย่างชอบใจอย่างนั้น แต่อีกคู่หนึ่งมองมาอย่างไม่ชอบใจเหมือนตัดสินใจไม่ได้ว่า ระหว่างชายที่ยืนคู่เขากับหนุ่มที่ยืนเคียงวสุดากันแน่ ที่จะเป็นคู่แข่งของเขา

มาที่โต๊ะอาหาร วสุดาก็เห็นมะลิจัดโต๊ะเตรียมพร้อมเอาไว้สี่ด้านละสองคู่กันไม่มีที่นั่งหัวโต๊ะ แล้วก็วิสุทธิ์เดินไปนั่งคู่กับบรรจบที่นั่งตรงข้ามธนากรอย่างหน้าตาเฉย หญิงสาวจึงต้องไปนั่งคู่กับธนากรอย่างไม่พอใจนัก ความจริงจะให้นั่งคู่กับบรรจบเธอก็ไม่พอเช่นกันนั่นแหละ การมาของสามคนนี้ ทำให้วันหยุดของเธอกลายเป็นวันที่แสนเซ็งไปเสียแล้ว

“ ขอโทษนะครับที่เข้าใจผิดเมื่อครู่ แต่ทำไมผมไม่เคยเห็นคุณมาก่อนเลยนะ หลานของคุณ กิ่งอ้อ และกอไผ่เป็นเด็กน่ารักมาก แม้ว่าเอ้อ ... จะซนไปหน่อย ”

 

บรรจบชวนคุย เขาถือว่าตัวเองเป็นเจ้าของบ้าน ก็ต้องชวนแขกคุย แม้จะไม่พอใจนักที่ วสุดาไม่ได้นั่งคู่กับเขา

 

“ เข้าใจว่าคงจะเป็นเพราะวสุดาตามใจลูกเกินไป ” ธนากรพูด

 

“ เรื่องตามใจลูกไม่มีใครเกินวสุดาหรอกครับ ” เสียงบรรจบพูดเหมือนเอ็นดูเสียเหลือเกิน “ ใครแตะเป็นไม่ได้ ”

 

“ หลานผม คงไม่ทำให้คุณรู้สึกลำบากใจนะครับ อ่า ... คือว่าผมได้ข่าวว่าวสุดาจะแต่งงานกับคุณ ”

 

วสุดาอารมณ์ขุ่นขึ้นทันทีเธอปรายตามอง ธนากร อย่างจะกินเขาแทนผัดไทย ผิดกับบรรจบยิ้มจนหน้าฉีกกับคำถามนี้

 

“ ไม่มีปัญหาอะไรเลยครับ เมื่อแต่งงานกันผมพร้อมที่จะรับเด็กทั้งสองเป็นลูกบุญธรรมของผม ดีไหมที่รัก ” เขาถามวสุดาอย่างสนิทสนมในตอนท้าย

 

แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อชายที่นั่งตรงข้ามเขาหันไปทำหน้าบึ้งใส่วสุดา ส่วนวสุดานั้นก็มองธนากร ราวกับเป็นศัตรูมากว่าร้อยปี

 

วสุดานั้นโกรธกรุ่นที่เขาบังอาจเปิดเรื่องการแต่งงานเธอกับบรรจบอยู่แล้ว

 

แต่ธนากร ก็โกรธที่วสุดา แม่น้องสะใภ้คนนี้กล้าปฏิเสธเขา แถมยังจะเอาหลานของเขาไปยกให้กับคนอื่น

 

“ ฉันจะไม่ยอมให้เธอยกหลานของฉันให้เป็นลูกบุตรธรรมของใครทั้งนั้น ”

 

“ ฉันก็ไม่ยอมให้คุณเข้ามาจุ้นจ้านในชีวิตฉัน ” วสุดาสวนกลับ เปลี่ยนสรรพนามไปตามอารมณ์ไปเลย

 

“ ฉันจะยุ่ง หากเราตกลงกันเรื่องนี้ไม่ได้ ”

  

“ ถ้าอยากได้ลูกของฉันไป ก็ไปฟ้องศาลเอาเถอะ ”

 

“ ฉันทำแน่ ”

 

บรรจบมองทั้งคู่ที่ใส่อารมณ์กันอย่างเผ็ดร้อน และเมื่อจับประเด็นได้ว่า ธนากร ต้องการ หลานของเขา ก็อดจะพูดไม่ได้ว่า

“ ผมว่า ... ”   

ยังพูดไม่จบ ธนากรก็ลุกขึ้นพูดเสียงเน้นหนักกับเขาว่า

 

“ ผมไม่สนว่าคุณจะทำยังไง ถ้าคุณคิดจะแต่งงานกับวสุดาต้องทำให้เธอยกลูกให้ผมก่อน ไม่งั้นอย่าคิดว่าคุณจะได้แต่งงานกับเธอ ”

 

“ คุณมีสิทธิ์อะไรมาวุ่นวายในชีวิตฉัน ” เธอตวาดใส่ธนากร

 

“ สิทธิ์ที่ลูกเธอเป็นหลานฉันไงล่ะ? ” เขาเหลือบมองนาฬิกาที่ผนัง “ อีกห้านาทีเที่ยง ฉันไม่สนว่าเธอจะรักษาคำพูดของเธอหรือเปล่า แต่สำหรับข้อเสนอของเธอ ฉันตกลง ”

 

พูดเสร็จชายหนุ่มก็เดินออกไป ไม่สนใจแม้แต่จะรอดูผลลัพธ์จากคำพูดของตัวเอง

วสุดา นั้นถึงกับอึ้งไปเลยทีเดียว ส่วนวิสุทธิ์ก็ขยับตัวลุกขึ้นช้าๆ ยิ้มน้อยๆ พูดว่า

 

“ แม้ว่าผมจะไม่ชอบกินสักเท่าไหร่ แต่ผัดไทยอร่อยมาก เรากันเองไม่ต้องลุกไปส่งหรอกครับ ”

 

บรรจบมองวิสุทธิ์ที่เดินตามธนากรไปอย่างงงๆ

 

“ เขาตกลง กับข้อเสนออะไรของคุณวสุดา ”

 

หญิงสาวนิ่งมองเขาอยู่อึดใจ นอกจากจะเจอผู้ชายที่ชอบวางอำนาจอย่างธนากรแล้ว เธอยังต้องทนกับผู้ชายจอมตื้ออย่างบรรจบอยู่อีกหรือนี่

กับธนากร เขาเพียงต้องการหลาน แต่บรรจบเขาแสดงให้เห็นมาตลอดว่ารังเกียจกิ่งอ้อ กอไผ่ และเธอเองไม่เคยทนเขาได้เลยจุดเดือดของเธอมันระเบิดตั้งแต่เมื่อคืน หากเลือกจะทนใครคนหนึ่ง เธอก็เลือกที่จะทนคนที่มีทีท่าเห็นความสำคัญของลูกเธอไม่ดีกว่าหรือแล้ว วสุดาก็ยิ้มนิดๆ เมื่อพยายามพูดอย่างสบายๆ ว่า

“ ข้อเสนอแต่งงานกับเขาค่ะ ”

 

บรรจบอ้าปากค้าง หน้าซีด โพล่งออกมาว่า

 

“ คุณจะแต่งงานกับเขาไม่ได้นะ ”

 

“ ทำไม? ” เธอย้อน

 

ชายหนุ่มอึ้งไปก่อนที่จะพูดว่า

 

“ วสุดา ผมรู้จักคุณดีคุณโกรธและหงุดหงิดเรื่องเมื่อคืนนี้ อย่าทำประชดผมได้ไหม? คุณจะแต่งกับเขาได้ยังไง เขาไม่ได้รักคุณเหมือนผม ”

 

วสุดาหายใจลึก นายบรรจบนี่พูดได้เฉียดหัวใจดีแท้

 

“ ดิฉันเองก็ไม่รักเขา เหมือนกับที่ไม่ได้รักคุณ เข้าใจตรงนี้ไหมคะบรรจบ ” เธอเน้นเสียงในตอนท้าย จ้องหน้าเขาเขม็ง

 

บรรจบมองเธออย่างไม่เชื่อสายตา สีหน้าและแววตาของวสุดาบ่งบอกความจริงใจและยืนยันในคำพูดอย่างหนักแน่น ไม่ใช่อาการฉุนเฉียว โกรธเกรี้ยวรำคาญเหมือนทุกครั้งที่พูดกับเขา

 

“ และที่ผ่านมาดิฉันแน่ใจได้ว่าไม่เคยพูดอะไรหรือทำอะไรให้คุณคิดได้ว่า ดิฉันรักคุณ ”

 

ชายหนุ่มหน้าแดงนิ่งอึ้งไปนาน ก่อนจะพูดว่า

 

“ ผมรู้ คุณไม่เคยแสดงท่าทีใดๆ ให้ผมเห็นหรอกว่าคุณรักผม ออกจะรำคาญผมด้วยซ้ำ แต่ผมทนได้เพราะผมรักคุณจริงๆ และหวังว่าสักวันคุณคงจะรักตอบผมในที่สุด เพราะคุณไม่มีใคร แต่ตอนนี้ผมเห็นแล้วว่าคุณมีคนใหม่ แต่อย่าได้ลืมว่า คุณกับผมรู้จักกันมานาน และใครๆ ก็รู้ว่าเราเป็นแฟนกันทั้งจังหวัด การที่คุณจะทิ้งผมไปในทันทีมันจะทำให้ผมถูกหัวเราะได้ ”

 

“ คุณพระ ! … นี่ดิฉันต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ด้วยเหรอ ” วสุดาครางอย่างเหลืออด เธอพยายามแล้วที่จะไม่อารมณ์เสีย แต่มันเรื่องอะไรที่เธอจะต้องมารับมือกับผู้ชายที่ชอบวางอำนาจ ทั้งสองคนพร้อมกันอย่างนี้

 

“ คุณจะแต่งงานไม่ได้ จนกว่าผมจะมีแฟนใหม่ ” น้ำเสียงเขาวางอำนาจ อย่าง มั่นใจเช่นเคย

 

วสุดาเม้มปากแน่น ยกแก้วน้ำขึ้นช้าๆ จ้องเขาเขม็ง

 

“ คุณก็รู้ว่าฉันเป็นคนไม่มีมารยาท ดังนั้นคุณกลับก่อนไปดีกว่า บรรจบ ”

 

บรรจบลุกขึ้น เพราะรู้ว่าเธอสาดแน่ แต่เขายังไม่วายทิ้งท้ายว่า

“ คุณถูกไล่ออกจากงาน ”

 

*****

“ เอาจริงเหรอ? ”

 

“ อะไร? ”

 

“ ที่บอกตกลงตามข้อเสนอของน้องสะใภ้นายนะสิ ”

 

ธนากร หัวเราะหึๆ

 

“ เขาไม่กล้าหรอก ฉันยั่วประสาท ไปงั้นเอง โรงเรียนหลานฉันอยู่ไหน? ” ตอนท้ายเขาถามเป็นเชิงสั่งในตัว

 

วิสุทธิ์ชำเลืองมองหน้าธนากรงงๆ แต่ก็ขับรถมุ่งไปทางโรงเรียนอนุบาลที่ กิ่งอ้อและกอไผ่ เรียนอยู่ทันที

 

แล้วรถสปอร์ตสีเทาเข้มก็แซงปาดหน้ารถไปอย่างรวดเร็ว จนวิสุทธิ์ต้องเบรครถดังเอี๊ยด !

 

“ ไอ้เวร !” เขาด่าออกมา

 

ธนากรยิ้มเหยียด ยักไหล่พูดว่า

 

“ รถว่าที่เขาล่ะ? ”

 

“ สงสัยจะทะเลาะกัน ”

 

“ แน่อยู่แล้ว ไม่งั้นฉันจะรีบออกมาเหรอ? ”

 

“ พูดยังไงวะ   รู้ได้ไงว่าเขาจะทะเลาะกัน? ”

 

“ อ้าว ! แกไม่ได้สังเกตเหรอ แม่น้องสะใภ้ฉัน ลูกกะตายังกับจะฆ่าคนอยู่แล้ว ตั้งแต่นายนั่นเรียกว่าเขาว่า ที่รัก น่ะ ”

 

วิสุทธิ์ อดไม่ได้ที่จะยิ้มยอมรับว่า

 

“ ไม่ได้สังเกตเก่งเหมือนแกว่ะ ”

 

“ ตอนแรกก็ยังเก่ง เก็บอารมณ์ได้ แต่พอฉันแหย่เรื่องแต่งงานเท่านั้นแหละ แกก็เห็นแล้วนี่ เก็บอาการได้เสียที่ไหน ”

 

“ ฉันก็เห็นอยู่หรอกนะตอนนั้น แต่เอาไปเอามาฉันว่าแกกับคุณวสุดาจะโกรธกันเองเสียมากกว่านายนั่นอีกว่ะ แต่นั่นก็ช่างเถอะ เพราะที่ฉันสงสัยก็คือ แกจะทำไง ถ้าเธอเกิดเกิดเปลี่ยนใจเอาตามข้อเสนอ ขึ้นมาน่ะ ”

 

ธนากรอึ้งไปนิด แต่แล้วก็สั่นหน้า

 

“ คงไม่หรอกมัง? ... แกอย่าพูดให้ฉันสยองนักสิ ”

 

วิสุทธิ์ยิ้มน้อย ๆ

 

แสดงว่า ธนากรเอง ก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกันว่า วสุดา จะเอาไง

 

ถ้าวสุดา เกิดตกลงขึ้นมา คราวนี้ล่ะ สนุกแน่...เพราะเท่าที่รู้จักกันมา ธนากร

 

ไม่เคยผิดคำพูดเสียด้วยสิ และที่สำคัญเขาไม่คิดว่า ธนากร

 

จะสยองอย่างที่พูดเสียดัวย

:+:+:+:+:+:

 


© ลิขสิทธิ์ตามกฏหมายโดยฟีลิปดา

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

๑๐๐ คำถามสร้างนักเขียน
นวนิยายคุณเขียนได้ด้วยตัวเอง
 

 

ดั่งไฟรัก
 

 

ดั่งไฟพิศวาส
นวนิยายรักเร้าอารมณ์
 

 

2009 free writing

 


๕๐๕ แคนโต้แห่งความรัก
 

 

 

  http://www.forwriter.com . © 2005 All rights reserved.