forwriter.com
 
นวนิยายรักโรแมนติก

 


จับให้แต่ง แกล้งให้รัก

โดย ปานรตี
๑๐

 

บทที่ ๖

“ ดามีแขก ฝากโน้ตไว้ให้เธอ ”

วสุดาขมวดคิ้ว รับกระดาษที่เหมือนจะเป็นกระดาษจากสมุดฉีกที่ทางโรงแรมมีไว้เพื่อบริการลูกค้า ข้อความในนั้นเขียนสั้น ๆว่า

อีกสามวันจะกลับมาใหม่

ไม่มีชื่อหรือสิ่งใดลงท้ายกำกับเอาไว้ แต่วสุดาก็พอ จะเดาได้ว่าเป็นใคร

“ หล่อเป็นบ้า เลยนายคนนี้ ระวังบางคนจะหึงหน้ามืดนะ ”

แม้คนพูดจะพยายามพูดให้เหมือนล้อเล่นๆ แต่วสุดา ก็รู้ดีว่าคนพูดคิดยังไง

ตอนแรกวสุดารู้ว่าเธอตกเป็นขี้ปากคนทำงานร่วมกันว่า เป็นเด็กเส้น หรือบางทีก็ถึงขั้นเป็น เมียลับของนายวิทัศน์ไปเลย แต่เธอก็ไม่สนใจคนเม้าท์ก็เลยเงียบไป หากจะพูดก็จะกลายเป็นการล้อเลียนอย่างขบขันในเรื่องการทำตัวเป็นเฒ่าหัวงูของนายวิทัศน์ไป แต่ตั้งแต่นายบรรจบมาตามจีบเธอเข้าให้อีกคน คราวนี้เธอเกิดศัตรูลับๆ ขึ้นเหมือนกัน เพราะพนักงานหญิงหลายคนที่นี่แอบชื่นชมนายบรรจบกันมากพอควร จึงไม่แปลกใจอะไร ที่เธอจะถูกแหนะกระแหน อยู่เรื่อย แม้ว่าเธอจะแสดงให้เห็นอย่างแจ่มแจ้งแล้วว่า เธอไม่เคยสนใจนายบรรจบเลย แต่ก็นั่นแหละ ลองคนมันจะไม่ชอบหน้า เรื่องก็กลายเป็นว่า เธอเล่นตัวไป เสียนี่

โดยเฉพาะเพื่อนร่วมงานที่ยืนอยู่ต่อหน้าเธอคนนี้

เปรมสุดา ผ่องตระกาล เธอเป็นญาติห่างๆ ของภรรยานายวิทัศน์ นัยว่าภรรยานายวิทัศน์ต้องการให้ตกล่องปล่องชิ้นกับ นายบรรจบ สินสมบัติเป็นนักหนา ทุกอย่างก็ทำท่าจะไปด้วยดี หากไม่มี วสุดา โผล่เข้ามาให้นายบรรจบหันเหเสียก่อน

“ มาเข้าพักเมื่อวานนี้เอง แต่แปลกเธอเองก็หยุด รู้จักกันมาก่อนเหรอ? ”

“ ฉันยังไม่เห็นหน้าเลยว่าเป็นใคร? แต่แน่ใจนะว่านี่ฝากไว้ให้ฉัน ”

“ ก็แน่สิฉันจะมั่วได้ยังไง เขาบอกว่า วสุดา คุณแม่ของกิ่งอ้อ กอไผ่ นี่นา ”

“ ขอบใจนะ ” วสุดาบอกเสียอีกเรื่องตัดบทไม่อยากจะคุย ก็พอดีมีแขกชาวต่างประเทศผัวเมียคู่หนึ่งเข้ามา เธอเลยถือโอกาสไปต้อนรับลูกค้าเสียเลย

แต่ดูเหมือนเปรมสุดาจะยังติดใจ เมื่อแขกคู่นี้ ได้รับกุญแจห้องพร้อมเข้าพักแล้ว เปรมสุดาก็ยังไม่ลืมที่จะพูดขึ้นอีกว่า

“ นี่ถ้าบรรจบ รู้ว่าเธอมีผู้ชายคนอื่นนอกจากเขาคงเต้นเป็นเจ้าแน่ ”

“ ไม่หรอก เพราะฉันตกลงกับเขาเรียบร้อยแล้ว ”

“ ตกลงเรื่องอะไร? ” เปรมสุดาถามเร็วปรื๋อ อยากรู้เต็มแก่

วสุดายิ้มนิด ๆ แกล้งพูดกำกวมว่า

“ เรื่องแต่งงาน ”

“ อะไร? เธอตกลงแต่งงานกับคุณบรรจบเขาแล้วเหรอ? ”

วสุดายังไม่ทันได้ตอบ พนักงานหญิงคนหนึ่งก็ตรงรี่เข้ามา ฉุดแขนเธอพูดว่า

“ เร็วเข้าพี่ดา ผู้จัดการโมโหใหญ่แล้ว ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร ให้ไปพบด่วน ”

“ อะไรอีกล่ะ? ” วสุดาตีหน้าเซ็ง แต่ก็เดินไปตามแรงกระชากนั้น

นายวิทัศน์นั่งหน้าขรึม อยู่ที่โต๊ะเมื่อวสุดาเปิดประตูเข้า ไป สายตาของเขาเบนไปที่เพื่อนร่วมงานของเธอสั่งว่า

“ ออกไป ! ฉันมีเรื่องจะคุยกับวสุดาเป็นส่วนตัว ”

แม่เพื่อนสาวรีบผลุบออกไป วสุดาถอนหายใจ

นายวิทัศน์ทำแบบนี้ มีหวังเธอตกเป็นขี้ปาก คนในที่ทำงานอีกแน่

“ บรรจบ โทรมาหาฉัน บอกให้ไล่เธอออกจากงาน ”

วสุดา กลืนน้ำลาย นายบรรจบนี่มันน่าจริงๆ

“ ด้วยเหตุผลอะไรคะ? ”

“ เธอจะแต่งงาน ”

แล้วสายตาของนายวิทัศน์กวาดมองร่าง วสุดา อย่างเสียดาย ปนฉุนเฉียว กับแม่กระดังงาลนไฟ คนนี้ เขาพยายามเอาอกเอาใจหล่อนมานานทีเดียว จะค่อยๆ ห่างไปหน่อยก็ตอนที่ บรรจบ ผู้เป็นหลานของเมียเขาเข้ามาพัวพัน แต่เขาเองก็ยังหวังอยู่ว่า จะได้ลองหล่อนสักครั้ง

“ แล้วผู้จัดการจะไล่ดิฉันออกเพราะเหตุนี้เหรอคะ? ” เสียงวสุดาเซ็งจัด

“ เธอก็รู้ โรงแรมนี้ บรรจบมีหุ้นอยู่ตั้งครึ่ง ”

“ แต่คุณคือผู้บริหาร ”

“ ก็จริง แต่เธอก็น่าจะรู้ดีนี่นาว่า เธอยังอยู่ที่นี่ได้ด้วยเพราะเหตุผลอะไร? ”

วสุดาเชิดหน้า มองนายวิทัศน์ตาขุ่น

“ ดิฉันทำงานที่นี่อย่างเต็มความสามารถ ”

“ ความสามารถอะไร มาทำงานสาย อารมณ์เสียใส่แขก กับเสียงร้องเพลงที่สุดแสนจะทนของเธอนะเหรอ นี่ถ้าหากไม่เป็นเพราะ ใบหน้ากับหุ่นของเธอแล้ว คิดเหรอว่า ฉันจะเอาเธอไว้ ในเมื่อนายบรรจบบอกฉันสักกี่ครั้งแล้วให้ไล่เธอออก ”

คำพูดตรงๆ แกมเย้ยหยันของนายวิทัศน์ทำเอา วสุดาถึงกับอึ้ง

“ และครั้งนี้ ฉันก็ไม่คิดจะผิดใจกับนายบรรจบเพราะเรื่องแค่นี้ เว้นเสียแต่ว่าเธอจะมีอะไรตอบแทนฉันบ้าง ผู้หญิงที่ผ่านการมีลูกมีผัวมาแล้วอย่างเธอ คงเข้าใจนะว่าฉันหมายถึงอะไร? ”

“ ก็ทำไมจะไม่รู้ ไปตายซะ ทั้งน้าทั้งหลานเลย ” วสุดาแว้ดใส่อย่างเหลืออด ก่อนจะเดินออกจากห้องปิดประตูดังโครม อย่างไม่เกรงใจ

ต้องออกจากงานจนได้สิ !

 

- - - - -

“ ทำไมกลับเร็ว ”

“ โดนไล่ออกค่ะ ”

วสุดา ตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมาที่สุด ก่อนจะทุ่มทั้งตัวลงที่โซฟา ไม่สนใจกับกระโปรงตัวสั้นที่มันร่นขึ้นมาจนเห็นขาอ่อน

“ ทำไมมันต้องเกิดเรื่องอย่างนี้กับดาด้วยนะ ระยำจริง ”

คุณมัทนา ถอนหายใจ เธอเองก็ไม่มีกำลังจะไปตักเตือน ให้วสุดาพูดจาให้สุภาพอีกแล้ว

“ ทำไมล่ะ? ”

“ ก็นายบรรจบนั่นสิคะ ไปบอกกับคุณวิทัศน์ว่าดาจะแต่งงาน และให้ไล่ดาออกจากงานซะ ”

“ อ้าว ! เขาก็พูดอย่างนี้บ่อย ”

“ แต่หนนี้นายวิทัศน์พูดออกมาตรงๆ เลยค่ะหากจะให้เขาแตกหักกับนายบรรจบ ดาก็ต้องยอมเขา ”

“ ไอ้เลว ! ” คุณมัทนาหลุดด่าออกมาทันควัน จนวสุดาถึงกับอ้าปากค้าง แล้วหัวเราะคิกคักออกมาอย่างชอบใจ ปกติเธอจะไม่ได้ยินคุณมัทนาพูดอะไรหยาบๆ ออกมาอย่างนี้

“ ไม่ต้องมาหัวเราะ คิดยังไงถึงตกลงแต่งงานกับนายบรรจบ ”

“ ใครว่าดาจะแต่งงานกับนายบรรจบ ”

“ ยังไง? รึว่า ... ”

วสุดารีบส่ายหน้า เพราะรู้ว่าคุณมัทนาจะพูดถึงใคร

“ ดายังไม่คิดแต่งงานกับใครหรอกค่ะ แต่ไม่คิดว่าเรื่องจะออกมาอย่างนี้ เห็นทีต้องหางานใหม่อีกแล้ว ”

คุณมัทนา มองร่างที่คว่ำนอนเหยียดยาวบนโซฟาของวสุดาอยู่ครู่หนึ่ง ก็พูดว่า

“ แม่ตัดสินใจแล้วจะขายบ้านหลังนี้ ”

วสุดาลืมตามองคุณมัทนา

“ ทำไมคะ? คิดว่าเราจนกรอบขนาดนั้นแล้วเหรอ? ”

“ แม่ไม่อยากให้เราฝืนอีกต่อไป ดาเองก็ควรจะมีความสุขกับชีวิตตัวเองเสียที ไม่ใช่มาแบกรับภาระหนี้สินอะไรแบบนี้ ”

“ คุณก็รู้ว่า ดาไม่เคยคิดว่ามันเป็นภาระ มันเป็นความต้องการของดาเอง ”

“ แต่มันไม่ควรที่จะทำให้ชีวิตทั้งชีวิตของหนูมาติดแหงกอยู่ที่นี่ ”

น้ำเสียงของคุณมัทนา ทำให้วสุดาลุกขึ้นนั่ง มองหน้ามารดาเลี้ยงอย่างสงสัย เพราะ คุณมัทนาไม่เคยพูดตรงๆ อย่างนี้ออกมาสักครั้ง

“ คุณมีแผนอะไรเหรอคะ? ”

“ เมื่อวาน แม่พบคุณธนากรที่โรงเรียน ” คุณมัทนาเริ่ม

“ ทำไมไม่คุยให้ดาฟัง ” น้ำเสียงเธอเหมือนกล่าวหา เพราะไม่ว่ามีเรื่องอะไรเธอกับคุณมัทนาไม่เคยมีความลับต่อกัน แต่คุณมัทนาไม่สนใจพูดต่อว่า

“ เขาไปแวะหากิ่งอ้อกอไผ่ แต่บังเอิญเจอกับแม่ ท่าทางก็ดูดีนะ ยังบอกเลยว่า เขาพร้อมที่จะทำตามข้อเสนอของดา ”

“ ไปพูดกับคุณอย่างนั้นเหรอ? ” วสุดาถามอย่างไม่แน่ใจ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวาน เธอคิดว่าธนากรกำลังโมโห และอยากเอาชนะจึงพูดออกไปอย่างนั้นเอง เธอไม่เก็บไปคิดเลยว่าเขาจะพูดจริงไม่จริง

คุณมัทนา มองหน้าลูกเลี้ยงสาวอย่างประเมิน เพราะไม่รู้ว่าที่เธอจะพูดต่อไปจะทำให้ วสุดาวีนออกมาหรือเปล่า

“ แต่คุณธนากร ก็บอกแล้วว่า หนูคงไม่ตกลง เขาเลยเสนอใช้หนี้ทั้งหมดให้กับเรา โดยแลกกับบ้านหลังนี้ และเงินสดอีกจำนวนหนึ่งให้กับแม่ ”

วสุดาขมวดคิ้ว

“ เขาอยากได้บ้านหลังนี้ไปทำไมคะ? ”

คุณมัทนาส่ายหน้า

“ เขาไม่อยากได้หรอก แต่ต้องการให้ทุกคนย้ายไปอยู่กรุงเทพฯ กับเขา ”

วสุดา กระแทกตัวไปพนักหลัง กอดอก เม้มปาก ฉลาดเป็นบ้า นายธนากรนี่ เอาเงินมาฟาดหัว ขุดรากถอนโคน ไม่ให้เธอมีที่อยู่เลย ก็ใช่ว่าจะอาลัยอาวรณ์ที่นี่หรอก แต่ไม่อยากออกไปเพราะเข้าตาจน เหมือนคนไม่มีทางเลือกแบบนี้ ย้ายไปอยู่กรุงเทพฯ กับเขา ก็คงเข้าแผนได้กิ่งอ้อ กอไผ่ ไปอยู่ในปกครองนั่นแหละ น้ำเสียงเธอจึงรวนทีเดียวเมื่อย้อนถามว่า

“ แล้วคุณคิดว่าไง? ”

“ แม่จะไม่สนใจข้อเสนอนี้ หากหนูจะไม่ถูกไล่ออกจากงาน และก็คิดว่านายบรรจบนั่นคงไม่หยุดแค่นี้ “ คุณมัทนาตอบเน้นในตอนท้าย

วสุดาเองก็พอเข้าใจ หากเป็นอย่างนี้ เธอคงหางานทำที่นี่ยากแน่นอน แม้บรรจบจะไม่ได้เป็นคนมีอิทธิพลมากมายไปทั่วทั้งจังหวัด แต่บริษัทที่จะรับเธอเข้าทำงาน และให้รายได้พอเจือจุนครอบครัวแล้ว มันมีไม่กี่แห่ง และแต่ละแห่ง ก็เชื่อมโยงกับตระกูลสินสมบัติทั้งนั้น หากเธอไม่แต่งงานกับบรรจบ ก็เหมือนกับว่าเธอจะหาที่ยืนอยู่ในจังหวัดนี้ไม่ได้เสียแล้ว

“ ความจริง คุณธนากรเขายังบอกอีกนะว่า ... ” คุณมัทนาหยุดมองหน้าวสุดาเหมือนไม่แน่ใจว่าจะพูดต่อดีหรือเปล่า

“ อะไรคะ? ”

“ เขาว่าหากหนูไปอยู่ที่โน่น เขาจะดูแลพาหนูเข้าสังคมและหาสามีที่เหมาะสมให้หนู ”

“ โอ๊ย ! ” วสุดาตาวาวกำหมัดอย่างโกรธจัด “ บังอาจพูดอย่างนี้เชียวหรือ ”

“ แต่แม่เห็นด้วยนะ ” คุณมัทนา บอกไม่สนใจท่าทางโกรธจัดของวสุดา “ อีกเหตุผลหนึ่งที่คุณธนากรต้องการให้เราไปอยู่กับเขา ก็เพื่อจะได้รู้จักและดูด้วยว่า เขาเหมาะที่จะเป็นผู้ดูแลกิ่งอ้อกอไผ่ไหม? หากเรายังไม่มั่นใจในตัวเขา หรือยังไม่พร้อมก็ไม่ต้องยกให้เขา เพียงแต่เขาขอโอกาสได้ใกล้ชิดและดูแลหลานบ้างเท่านั้น ”

“ หมายความว่า เมื่อถึงที่สุดคุณก็ยินดียกกิ่งอ้อ กอไผ่ ให้เขาด้วยใช่ไหม? ” วสุดาถามเสียงแข็ง

คุณมัทนาส่ายหน้าอีกครั้ง

“ หากหนูไม่ทิฐิเกินไปแม่ก็คิดว่าเป็นข้อเสนอที่ดี เพราะไม่มีใครเสีย มีแต่ได้ทั้งนั้น โดยเฉพาะกิ่งอ้อ กอไผ่ ”

“ ก็หมายความว่าที่ผ่านมา คุณคิดว่าหนูดูแลหลานได้ไม่ดีพอ ”

“ อย่าพูดอย่างนี้ วสุดา “ เสียงคุณมัทนาเหมือนเตือนสติ เพราะรู้ว่าลูกเลี้ยงสาวชักจะไม่พอใจ คำพูดใดก็ตามที่ไปกระทบให้เธอเกิดความรู้สึกว่า ไม่สามารถดูแลครอบครัวได้ วสุดาเป็นอารมณ์ขึ้นทุกครั้ง การจะหว่านล้อมวสุดา เป็นสิ่งที่ต้องพูดด้วยเหตุผลและใจเย็นมากๆ ด้วย

“ แม่ไม่อยากให้หนูติดแหงกอยู่ที่นี่ อยากให้หนูหาความสุขใส่ตัวเองบ้าง ในเมื่อมีทางออกให้หนูเลือกอีกทาง หนูจะไม่พิจารณามันเหรอ เราไม่ได้ไปอ้อนวอนขอร้องเขานะ เขาเสนอมาเอง ”

“ เสนอเอาเงินฟาดหัวนะสิ ” เสียงเธอแดกดัน

“ ก็ถ้าไม่ให้เขาชดเชยด้วยเงิน หนูคิดว่าจะให้เขาชดเชยด้วยอะไรล่ะ อย่าลืมนะว่าคุณธนากร เขาไม่ได้ทำผิดอะไรกับหนู หรือพี่ของหนู หรือแม้กระทั่งกิ่งอ้อกอไผ่ มองไปเขาก็เป็นเพียงคนนอก ที่ต้องการยื่นมือเข้ามาดูแลหลาน ซึ่งก็คงเหมือนกับหนู ลองคิดดูสิหากเขาแต่ต้องการทายาทจริงๆ คนฉลาดอย่างหนูก็น่าจะรู้นะว่า คนอย่างเขาจำเป็นต้องกลับมาสนใจหลานที่ไม่เคยรู้จักหน้าค่าตาไหม ”

วสุดานิ่ง คำพูดของคุณมัทนาใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล และมันยิ่งมีน้ำหนักมากขึ้นเสียด้วย เมื่อเธอตกอยู่ในสภาวการณ์จนตรอกแบบนี้ งานไม่มีทำ จะให้กลับไปง้อคืนดี กับนายบรรจบ ก็ยิ่งแย่ไปใหญ่ ทางเดียวที่พอจะทำได้มันก็ช่างทำให้เธออึดอัดเสียเหลือเกิน แล้ววสุดาสูดลมหายใจลึก ลุกขึ้นพร้อมกับพูดว่า

“ ค่ะ แล้วไงดาจะพิจารณาให้สะใจไปเลย ”

“ ถ้างั้น อย่าลืมคิดในมุมมองที่ว่า หากหนูเป็น สุนิสา แล้วจะทำยังไงเพื่อให้ลูกตัวเองได้สิ่งที่ดีที่สุดด้วยนะ ” คุณมัทนาสำทับ

เกือบจะห้าทุ่มแล้ว แต่วสุดายังนั่งคุกเข่า มองร่างของกิ่งอ้อ กอไผ่ ที่นอนอยู่บนฟูกขนาดใหญ่ ทั้งคู่นอนห่างกันโดยมี ตุ๊กตายัดนุ่นเจ้าไดโนเสาร์ทีเร็กซ์สีเขียวที่เป็นของกอไผ่ และเจ้าโปเกม่อนสีเหลืองของกิ่งอ้อคั่นกลาง ห้องของหลานอยู่ติดกับห้องเธอ ดังนั้นการที่เธอจะตื่นขึ้นมานั่งมองหลานในตอนดึกๆ อย่างนี้จึงเป็นสิ่งที่ทำบ่อยๆ บางครั้งก็ถึงกับมานอนกับหลานเลยก็มี นอกจากฟูกที่นอนและตู้เสื้อผ้าเด็กๆ แล้ว ในห้องนี้ก็เต็มไปด้วยบรรดาตุ๊กตุ่นตุ๊กตาที่บางตัวก็เก่า กะดำกะด่าง บางตัวก็ฉีกขาดแล้ว แต่เด็กทั้งคู่ก็ไม่ยอมให้ทิ้ง เพราะชอบเอามาเป็นกระสุนโยนเล่นใส่กัน สนุกตามประสาเด็ก มีหนังสือนิทานสำหรับเด็ก เป็นหนังสือเล่มสวยขนาดแตกต่างกัน โดยมากจะเป็นภาษาอังกฤษ เพราะวสุดา ถนัดการอ่านภาษาอังกฤษมากกว่า ภาษาไทย น้อยคนที่จะรู้ว่า วสุดาแทบจะอ่านภาษาไทยไม่ได้เพราะเธอไปอยู่ต่างประเทศเสียแต่เด็ก หนังสือเหล่านั้นถูกจัดวางไว้บนชั้นไม้อย่างไม่เป็นระเบียบนัก คงจะเป็นกิ่งอ้อ กอไผ่หยิบออกมาดูรูปภาพที่สวยงามเล่น เมื่อก่อนวสุดามีเวลานั่งอ่านหนังสือให้หลานฟัง แต่เมื่อต้องทำงานในตอนดึกเธอจึงหาซื้อหนังสือที่เป็นแบบมีเทปเปิดอ่านให้ฟังแทน ดังนั้นบนชั้นจึงมีวิทยุเทปหูหิ้วเล็กๆ เครื่องหนึ่งอยู่ด้วย นาฬิกาปลุกนั้นเป็นรูปมิคกิ้เม้าท์ แม้ขาตั้งมันจะหักไปข้างหนึ่ง แต่มันก็ยังส่งเสียงดังปลุกเด็กๆ ให้ตื่นอาบน้ำไปโรงเรียนได้

สิ่งของที่เธอพอหาให้กิ่งอ้อ กอไผ่จะว่าไปแล้วก็ไม่ได้ขัดสนอะไร อาจจะมีมากกว่าเด็กบางคนด้วยซ้ำ แต่ถ้า หากเธอมีมากกว่านี้ วสุดารู้ดีว่า เธอก็ต้องให้หลานได้มากกว่านี้แน่ เพราะเธอรักเด็กสองคนนี้เสียเหลือเกิน

แล้ววสุดาก็ตั้งคำถามกับตัวเอง หากเป็นสุนิสานะเหรอ?

ถ้าสุนิสา ได้ใกล้ชิดเลี้ยงดูกิ่งอ้อกอไผ่ ก็คงคิดไม่ต่างกับเธอ คือต้องการให้ลูกได้รับในสิ่งทีดีที่สุด เยี่ยมที่สุด และมากที่สุด

สุนิสาคงไม่รีรอที่จะรับข้อเสนอของ ธนากร ทันที มันไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องปฏิเสธไม่ใช่เหรอ

แล้วเธอเป็นอะไรล่ะ? ที่จะปิดกั้นสิ่งที่กิ่งอ้อกอไผ่ควรจะได้รับ หากสุนิสากลับมาและรับรู้เรื่องนี้คงตำหนิเธอ และอาจเป็นไปได้ว่า เมื่อกิ่งอ้อกอไผ่โตขึ้นอย่างขาดแคลน ก็คงจะตำหนิเธอ คุณมัทนาแม้จะยอมโอนอ่อนตามเธอแต่ก็คงเห็นว่ามันเป็นความดันทุรัง หาเรื่องใส่ตัวของเธอเองแท้ๆ

หากเธอตอบตกลง ทุกคนต่างได้รับความพอใจหมด แต่ถ้าเธอตอบไม่ เหตุผลมันจะเพราะอะไรล่ะ นอกจากศักดิ์ศรีความหยิ่งจองหอง หรือทิฐิอย่างที่ คุณมัทนาพูด หากเธอตัดสินใจโดยเอาสิ่งเหล่านี้มายุ่งเกี่ยวก็แสดงว่า เธอเห็นตัวเธอเองแท้ๆ ไม่ใช่เพื่อคนอื่นเลย

วสุดา มอง ใบหน้าเล็กๆ ยามพริ้มหลับ ที่ปากนิดจมูกหน่อย แก้มยุ้ยๆ น่าเอ็นดูเป็นนักหนา ความแตกต่างของเด็กทั้งคู่เห็นได้ชัดที่สุดในตอนนอน เพราะ ขนตากอไผ่นั้นจะสั้นกว่ากิ่งอ้อนิดหน่อย นอกนั้นแทบไม่มีอะไรที่จะแตกต่างกันเลย การแกล้งทำตัวเป็นอีกคนจึงเป็นเรื่องสนุกสำหรับเด็กสองคนนี้ไปเลย

แล้วเธอก็ ก้มลงจูบแก้มยุ้ยๆ ของหลานทั้งสองคนเบาๆ เพราะกลัวจะตื่น ก่อนจะลุกขึ้นเดินกลับไปที่ห้องตัวเอง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์ โดยไม่สนใจว่าจะเป็นเวลาเท่าไหร่เลย

 

- - - - -

ธนากร มีสีหน้าเฉยเมย แม้ว่าสายตาของเขาจะจ้องจับไปยังร่างในชุดราตรีสีแดงเปลือยไหล่อวดเนื้อเนียนขาว ที่กำลังหัวเราะพูดคุยกับคู่เต้นของเธออย่างมีความสุข เพ็ญจิตรา เป็นผู้หญิงที่สวย เก่งและฉลาด เธอเป็นนักธุรกิจหญิงที่ได้รับการยอมรับ เคยลงนิตยสารหลายฉบับ เขาเคยคิดสงสัยอยู่เหมือนกันว่า ทำไมเขาไม่ขอแต่งงานกับเธอเสียเลย หรือจะเป็นเพราะเขาไม่ได้รักเธอ

รัก? ธนากรยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงคำนี้ เขาไม่มีความรู้สึกจับจิตจับใจกับคำนี้เลยมันเป็นเฉยๆ หากจะมีการแต่งงานเกิดขึ้น เขาก็เชื่อว่าเพ็ญจิตรา เองก็คงไม่สนใจกับคำนี้หรอก ความเหมาะสม อาจจะเป็นประการแรกที่เธอมองเห็น และเธอก็คงคิดได้แล้วว่า เป็นเขา แต่เขาไม่เคยคิดที่จะแต่งงานกับเธอเลยจริง ๆ แม้จะถูกรุกอย่างหนักจากผู้ปกครองของเธอ ที่อาจจะเปรียบได้ว่า เป็นญาติสนิทที่เขาเหลืออยู่ ทั้งพ่อและแม่ของเธอคือ เพื่อนสนิทของพ่อแม่เขา เป็นเพื่อนร่วมรุ่นกันมา จนอยากจะให้มันสืบทอดถึงลูกหลาน เพ็ญจิตรา คือผู้หญิงที่พ่อแม่เขาเลือกให้กับธวัชชัย แต่น้องชายเขาปฏิเสธ และหนีไป

ความรู้สึกผิดในใจเหมือนเขาต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของน้องชายกระมัง ที่เขายอมๆ อะไรหลายอย่างเมื่อ เพ็ญจิตรา เข้ามาวุ่นวายในเรื่องของเขา เพ็ญจิตรา เป็นผู้หญิงฉลาด เขาคิดว่า เธอน่าจะรู้ว่า เขาไม่ได้รักเธอ แต่คงเพราะความฉลาดของเธอนั่นแหละ ที่ทำเฉย ไม่รู้ไม่ชี้เสียนี่

เธอไม่ได้กดดันเขาในเรื่องนี้โดยตรง แต่เธอใช้พ่อและแม่เธอเป็นเครื่องมือ นายพงษ์ศักดิ์ ฉมามาตร ซึ่งเป็นนักธุรกิจใหญ่ มักจะคอยใช้เส้นสายช่วยเหลืองานเขาเสมอ เสมือนหนึ่งว่า เป็นครอบครัวเดียวกัน แม่ของเธอ คุณหญิงเพ็ญพักตร์ ไปเยี่ยมเขาที่ทำงานบ่อย เสมือนผู้ใหญ่เอ็นดูเด็ก แต่ทั้งหมด ก็คือการสร้างภาพว่า นี่คือลูกเขยของฉัน

ธนากรรู้ทันและคิดว่าสามพ่อแม่ลูกนี้ ต้องการจะให้เขารับผิดชอบกับเรื่องที่ ธวัชชัย หนีไป คุณหญิงเพ็ญพักตร์ ถึงกับเปรยเรื่องนี้กับเขา ว่าก่อนที่พ่อแม่เขาจะเสียชีวิต เคยคิดที่จะให้เขาแต่งงานกับเพ็ญจิตราแทนธวัชชัย แต่เขาไม่สนใจและไม่สนับสนุนและคัดค้านแต่อย่างใด ความเฉยของเขา ทำให้คุณหญิงไม่กล้าพูดเรื่องนี้กับเขาอีก

เขาเคยคิดอย่างมันๆเหมือนกันว่า จะปุบปับแต่งงานกับใครสักคน แล้วดูสิคนพวกนี้จะทำอย่างไร?

แล้วเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ธนากรหยิบขึ้นมากดรับสาย

“ มีอะไร? ”

“ แกนอนอยู่หรือเปล่า ”

“ ฉันอยู่ในงานเลี้ยง ”

“ เออ ดี ฉันมีข่าวดีมาบอก ” วิสุทธ์หัวเราะร่วนออกมาก่อนที่จะพูดต่อว่า

“ อย่าถึงกับช็อกนะ คุณวสุดาตอบตกลงตามข้อเสนอของเธอ ที่นายตกลงแล้ว ”

ธนากร ไม่ได้ช็อก แต่เขาปิดมือถือในทันที เมื่อ เพ็ญจิตราเดินเคียงกับคู่เต้นของเธอตรงเข้ามา

“ ธนา ยิ้มชอบใจอะไรเหรอคะ? ”

ธนากร มองคนทั้งคู่ ยิ้มก่อนจะตอบว่า

“ ก็แค่ ผู้หญิงคนหนึ่ง ตอบตกลงแต่งงานกับผม ”

 

:+:+:+:+:+:

 

 


© ลิขสิทธิ์ตามกฏหมายโดยฟีลิปดา

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

๑๐๐ คำถามสร้างนักเขียน
นวนิยายคุณเขียนได้ด้วยตัวเอง
 

 

ดั่งไฟรัก
 

 

ดั่งไฟพิศวาส
นวนิยายรักเร้าอารมณ์
 

 

2009 free writing

 


๕๐๕ แคนโต้แห่งความรัก
 

 

 

  http://www.forwriter.com . © 2005 All rights reserved.