forwriter.com
 
นวนิยายรักโรแมนติก

 


จับให้แต่ง แกล้งให้รัก

โดย ปานรตี
๑๐

 

 

 

บทที่ ๑ …

  ธนากร กิตติสรวง กำลังขะมักเขม้นอยู่กับตัวเลขที่ทาง บัญชีส่งเข้ามาให้ดู มันเป็นตัวเลขงบกำไรขาดทุน ของบริษัทที่เขาต้องการเข้าไปซื้อกิจการ ความจริงแล้วเขาไม่จำเป็นที่จะต้องดูมัน เพราะได้รับผลการวิเคราะห์ ข้อดี ข้อเสีย แนวโน้มความเป็นไปได้ และข้อมูลทุกอย่างจากทีมงานที่ไว้ใจ และทำงานอย่างมีประสิทธิภาพของเขาแล้ว

  เพียงแต่ตอนนี้ เขาต้องการจะดู เพื่อที่จะทำให้ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้ตั้งอกตั้งใจกับการรอฟังข่าวบางอย่าง ด้วยความกระวนกระวายใจต่างหาก ไม่ถึงสิบห้านาที สัญญาณติดต่อของโทรศัพท์ภายในก็ดังขึ้น

  “ คุณวิสุทธิ์ ขอพบค่ะ ”

  “ ให้เข้ามา ”

  วิสุทธิ์ เที่ยงตรง ชายหนุ่มวัยสามสิบต้น ๆ เป็นกึ่งเพื่อน กึ่งผู้ร่วมงาน เนื่องจากครอบครัวของวิสุทธิ์ ทำงานให้กับ ตระกูลกิตติสรวงมาตั้งแต่รุ่นพ่อมาแล้ว

  “ ได้เรื่องไหม ” ธนากรยิงคำถามอย่างคนใจร้อน ปิดแฟ้มที่ดูอยู่เมื่อครู่ผลักออกไปข้างหน้า

  วิสุทธิ์ ไม่ตอบในทันที แต่ดึงซองสีน้ำตาลออกมาจากกระเป๋า เปิดซองออก แล้วยื่นรูปภาพปึกหนึ่งให้ชายหนุ่ม แล้วทรุดตัวนั่งเก้าอี้ที่ว่างตรงหน้า พูดว่า

  “ รูปเด็กแฝดนั่นเป็นลูกของธวัชชัย ส่วนผู้หญิงเป็นเมียเขา ”

  ธนากรรับรูปมาดูด้วยความสนใจ ภาพแรกเป็นรูปของเด็กชายหญิงที่มีใบหน้าคล้ายคลึงกัน อยู่ในชุดนักเรียนอนุบาล ภาพต่อ ๆ มาก็เป็นรูปของเด็กทั้งคู่ ที่อยู่ในอิริยาบทน่ารัก น่าชังต่าง ๆ กัน ธนากรดูไปเรื่อย ๆ จนถึงภาพสุดท้ายที่เป็นรูปถ่ายครึ่งตัวของหญิงสาวที่กอดอกไว้ ผมเธอสยายเต็มหลัง ใบหน้าได้รูปสวย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ดวงตากลมโตที่ดูเหมือนจะจ้องตอบมาอย่างเยาะหยันท้าทายอยู่ในที

  “ ดูดีทั้งแม่ทั้งลูก ”

  “ อะไร … นายพูดได้แค่นั้นเหรอวะ ถ้าจะพูดให้ถูกนะ ต้องบอกว่า ลูกน่ารัก และแม่ก็สวยและเซ็กซี่เอามาก ๆ ด้วย เห็นอย่างนี้แล้ว ฉันไม่แปลกใจเลย ที่นายธวัชจะหนีการแต่งงานไปอยู่กับเธอเมื่อห้าปีก่อนน่ะ ”

  ธนากร รวบภาพนั้นเข้ารวมกัน โดยเอาภาพหญิงสาวผู้เป็นแม่ไว้ด้านบน สายตายังจับอยู่ที่ใบหน้าสวยนั้นขณะถามว่า

  “ เขาอยู่กันยังไง ตอนที่นายไปพบ ”

  “ หลังจากที่ธวัชชัยเสียชีวิต น้องสะใภ้นายก็พาลูกไปอยู่ทางใต้ ”

  “ ทำไมไม่ติดต่อมาวะ ” ธนากรพูดอย่างฉุนเฉียว

  วิสุทธิ์ มองหน้าเขาไม่แน่ใจว่าสิ่งที่กำลังจะพูดต่อไปจะทำให้อารมณ์ธนากรขุ่นมัวเพิ่มขึ้นอีกหรือเปล่า

  “ น้องสะใภ้นาย เขาทำงานเป็นรีเซฟชั่นที่โรงแรม ตอนดึกก็ร้องเพลงในผับของโรงแรมนั่นแหละ ”

  “ เวร ” ธนากรสบถออกมา สะใภ้ของ ‘ กิตติสรวง‘ ต้องกลับไปทำงานเก่าอย่างที่ พ่อแม่เขาเคยดูถูกเอาไว้ จนตัดเป็นตัดตายกับลูกชายคนรอง ที่หนีการแต่งงานจากผู้หญิงที่เหมาะสมกับตัวเอง ไปลงเอยกับนักร้อง

  “ แล้วหลานฉัน ”

  “ อยู่กับยาย ยายเลี้ยงนะ … คือฉันหมายความว่า เธอมีแม่เลี้ยง เพราะฉะนั้นก็เลยกลายมาเป็นยายเลี้ยงของหลานนายไง ”

  “ ฉันไม่สนใจจะนับญาติ ” ธนากรพูดออกมาอย่างไม่แคร์ นิ่งไปอึดใจก็ถามต่อว่า “ ฐานะ เป็นยังไง ”

  “ ก็ไม่ค่อยจะดีนักหรอก ”

  “ ฉันส่งเงินให้ทุกครั้งที่นายธวัช ขอมา ” ธนากรพึมพำ

  แม้จะถูกพ่อแม่ตัดเป็นตัดตาย แต่ธนากรก็ไม่เคยทอดทิ้งน้องชาย จะมีก็สองสามปีหลังนี่ละที่ธวัชชัยเงียบหายไป เขาเองก็มัวแต่ยุ่งอยู่กับการทำธุรกิจไม่ได้สนใจที่จะสอบถามข่าวคราว เพราะรู้ว่าหากไม่มี ธวัชชัยก็คงจะติดต่อมาเอง จนเมื่อปีที่แล้ว บิดาและมารดาได้ถึงแก่กรรมเพราะอุบัติเหตุทางเครื่องบิน ท่านใจแข็งทำพินัยกรรมทุกอย่างยกให้แก่เขาหมด แต่ธนากรก็ยังนึกถึงน้องชายคนเดียว ชายหนุ่มจึงติดต่อไปที่ธวัชชัย เพื่อจะให้เขาพาลูกและเมียมาอยู่ที่ กิตติสรวง ด้วยกัน แต่ดูเหมือนจะสายไปเพราะเขาได้รับข่าวจากนักสืบที่ให้ช่วยค้นหาว่า น้องชายได้เสียชีวิตลงไปถึงสี่ปีมาแล้ว และน้องสะใภ้ของเขาได้พาลูก ๆ ย้ายไปอยู่ที่อื่นเสียแล้ว

  ความรู้สึกผิด ทำให้ธนากรต้องสืบหาหลาน เพื่อจะนำมาอุปการะ เพราะ อย่างน้อยหลานของเขาก็เป็นทายาทของ กิตติสรวง

  “ แต่นายอย่าลืมซิว่ามันนานมาร่วมสี่ปีแล้ว ที่เขาไม่ได้ติดต่อมา ฉันไม่แปลกใจเลยที่เธอจะหวนกลับไปทำอาชีพเดิมอีกครั้ง จากที่นายเห็นในรูป ก็คงจะรู้นะว่าเธอเป็นคนสวย มีคนมาติดพันเยอะมากเลยนะ น้องสะใภ้นายนี่ ” วิสุทธิ์หยุดยิ้มนิดหนึ่งเอ่ยต่อว่า“ แต่เธอไม่เล่นด้วย ท่าทีติดจะหยิ่ง ๆ ด้วยซ้ำ ”

   ธนากรเหยียดริมฝีปากอย่างดูถูก เขาไม่เชื่อว่าผู้หญิงจะซื้อด้วยเงินไม่ได้ อย่างน้อยก็มาจากประสบการณ์เกือบทั้งชีวิตหนุ่มของเขาละ

  “ มีอยู่รายหนึ่ง เข้าทางแม่เลี้ยงและลูก ท่าทางจะก้าวหน้ากว่าใคร เข้านอกออกในบ้านนี้ได้ตลอดเวลา ”

   “ ใคร ”

  “ ชื่อบรรจบ สินสมบัติ เป็นนักธุรกิจหนุ่ม ฐานะไม่เลวเข้าขั้นเศรษฐีของจังหวัด ”

  “ มีท่าทีจะลงเอยกันไหม ”

  “ คงยาก “ วิสุทธิ์คาดคะเน “ เพราะข่าวว่า คั่วกันมานานแต่ยังไม่ลงเอยเสียที ว่ากันว่าฝ่ายหญิงเล่นตัวน่าดู ”

  “ กับผู้หญิงม่ายลูกสองนี่เหรอ ? ” เสียงธนากรฟังดูเหยาะหยันมากกว่าแปลกใจ

  “ นายบรรจบถึงกับลงทุนจะไถ่ถอนบ้านที่ติดจำนองให้เธอ พร้อมข้อเสนอเรื่องการแต่งงาน ”

  “ กระดังงาลนไฟจริง ๆ ” ธนากรพูดยิ้ม ๆ หยิบภาพสตรีที่เป็นน้องสะใภ้ขึ้น มาดูอีกครั้ง ก่อนจะสั่งว่า

  “ นายจะทำยังไงก็ได้นะ ฉันต้องการหลานฉันคืนมา ส่วนแม่ของเขานั้น นายจ่ายเงินไปตามที่หล่อนเรียกร้องมาก็แล้วกัน ในเมื่อหล่อนมีโครงการจะแต่งงานใหม่อยู่แล้ว งานของนายน่าจะง่ายขึ้น ”

  “ ฉันว่านายออกจะพูดง่ายไปหน่อยนะ เพราะจากข่าวที่รู้มา เธอรักลูกมาก ที่ไม่ยอมปลงใจกับใครสักคน ก็เพราะลูกนี่ละ ”

  “ ก็ในเมื่อตอนนั้น ยังไม่มีการเสนอเรื่องเงินตอบแทนนี่นา อีกอย่างหล่อนก็ต้องมั่นใจได้ซิว่า ลูกของหล่อนนะอยู่ที่ ‘ กิตติสรวง‘ กับลุงแท้ ๆ ของเขา เด็ก ๆ จะเป็นทายาทของฉัน และฉันไม่มีวันที่จะทอดทิ้งได้หรอก ”

  “ ก็ …ถ้าเผื่อนายแต่งงาน ” วิสุทธิ์ติง

  ธนากรหัวเราะ “ นายเก็บเอาไว้เลยเรื่องนั้น ในเมื่อ กิตติสรวง มีทายาทอยู่แล้ว ไม่มีความจำเป็นใด ๆ ที่ฉันจะต้องหาห่วงมาผูกคอตัวเองนี่หว่า ”

  “ อ้าว … แล้วคุณเพ็ญจิตราละ ” ถามอย่างสงสัยเพราะเห็นเพื่อนหนุ่มออกจะให้ความสนิทสนมเป็นพิเศษ จนเธอสามารถเข้าไปจัดการทุกอย่างในบ้านของธนากรดุจดังเป็นคุณผู้หญิงของบ้านก็ว่าได้

  “ ก็เขาชอบอย่างไร ฉันก็เล่นไปตามบทนั้น สิ่งเดียวที่ไม่ได้ คือการเป็นเมียฉัน ” ธนากรตอบอย่างไม่ยี่หระ ก่อนจะกำชับว่า

  “ จัดการเรื่องหลานฉันให้เสร็จก่อนที่ฉันจะบินไปประชุมที่ฮ่องกงอาทิตย์หน้าด้วย ”

 

 

 

  วสุดา รู้สึกปวดศีรษะเล็กน้อย หลังจากที่ร้องเพลงสุดท้ายจบลง และรู้สึกเซ็ง จนต้องนิ่วหน้าด้วยความเบื่อหน่าย เมื่อเห็นร่างของชายหนุ่มคนหนึ่งรี่เข้ามาหาเธอทันทีที่เธอลงจากเวที

  “ ผมมารับคุณ ความจริงงานผมยุ่งมาก แต่ทนคิดถึงคุณไม่ไหว ต้องหนีประชุมมาก่อน คุณน่าจะโดนปรับนะที่ทำให้ผมต้องเสียงาน ”

   บ้าเอ้ย ! ..ใครใช้ให้มาเล่า วสุดา สบถในใจ เซ็งมากจนไม่สามารถจะแกล้งฉีกยิ้มได้

  “ คุณไม่จำเป็นต้องมาก็ได้ ” เธอพูดเสียงแข็ง ด้วยความเบื่อ แต่อีกฝ่าย กลับไป เข้าใจไปอีกทาง

  “ ไม่เอาน่า … อย่างงอนผมซิ ผมแค่ล้อเล่นเท่านั้นเอง ”

  หญิงสาวเบือนหน้าหนีอย่างเบื่อ ๆ นายบรรจบ นี่ อะไร ๆ ก็พอทนหรอก เธอพยายามคิดช่วยหาข้อดีให้เขา ในเรื่องรูปร่าง หน้าตา ฐานะ ก็เป็นสิ่งดึงดูดให้เป็นที่สนใจของผู้หญิงอื่น ความใจกว้างมีน้ำใจที่เขามีต่อเธอ วสุดา ก็ยอมรับว่ามัน ดีมาก แต่ไอ้เรื่องที่ชอบคิดเหมาเอาเองว่า เธอเป็นอย่างที่เขาคิด บวกกับความจุ้นจ้านอย่างถือดีของเขา ทำให้เธอทนไม่ไหวจริง ๆ โดยเฉพาะเรื่องเหมาเดาเอาเองในความรู้สึกที่เธอมีต่อเขาแล้ว ทำให้ วสุดา แทบจะอ้วก

  “ วันนี้ ผมมีข่าวดีเรื่องบ้านของคุณด้วยนะ ผมตัดสินใจแล้วว่า ผมจะ … ”

  “ ดิฉันจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ” วสุดารีบตัดบท

  “ ก็ดีครับ ผมก็ดู ๆ อยู่เหมือนกันว่าชุดนี้มันโป๊ไปหน่อย เวลาคุณขึ้นไปร้องเพลงให้คนเห็นแล้ว ผมรู้สึกหวงนะ ” บรรจบพูด โดยคิดว่าจะทำให้เธอเห็นว่า เธอเป็นคนพิเศษสำหรับเขาเพียงใด

วสุดาหน้าตึง อยากจะพูดอะไร ที่มันเจ็บ ๆ ออกมา แต่ก็ต้องกลั้นเอาไว้ อย่างน้อยตอนนี้ เธอยังต้องพึ่งพาเขาในเรื่องเงินทอง สิ่งที่เธอทำจึงเพียงแต่เดินอย่างเร็วไปทางห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า

  “ พี่ดาครับ มีแขกที่โต๊ะ ขอพบพี่ครับ ”

  บริกรหนุ่มที่คุ้นเคยกัน เข้ามาบอกทันทีที่ วสุดาเดินออกจากห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า

  “ พี่ไม่ต้องการคุยกับใคร ” เธอบอกห้วน ๆ

  “ เขาให้บอกพี่ว่า เป็นทนายความมาจาก ตระกูลกิตติสรวง ”

  วสุดา ชะงัก คิ้วที่โก่งเรียว ขมวดเข้าหากัน แล้วคลายออกอย่างรวดเร็ว รอยยิ้มเยาะ ๆ ติดที่ริมผีปาก มาอะไรกันจนป่านนี้ เธอคิด

  “ เสร็จแล้วใช่ไหมครับ ”

  เสียงที่น่าเบื่อหน่ายสำหรับเธอสอดแทรกเข้ามา ความตั้งใจที่จะไม่ไปพบกับทนายความเลยเปลี่ยนไป

  “ ขอตัวคุยธุระเดี๋ยวนะ คุณบรรจบ “ เธอรีบบอก แล้วดุนหลังให้ บริกรหนุ่มนำหน้าเธอไปโดยเร็ว

  “ นิพนธ์ ไปบอกให้รถโรงแรมรอพี่หน่อยนะ ประเดี๋ยวคุยกับแขกเสร็จจะได้รีบกลับ ” เธอกระซิบระหว่างทางเดินไปที่โต๊ะ

  บริกรหนุ่มยิ้ม พยักหน้าอย่างเข้าใจกันดี เพราะวสุดามักจะมีกรณีหลบเพื่อนชายคนนี้แบบนี้บ่อย ๆ

 

 

 


© ลิขสิทธิ์ตามกฏหมายโดยฟีลิปดา

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

๑๐๐ คำถามสร้างนักเขียน
นวนิยายคุณเขียนได้ด้วยตัวเอง
 

 

ดั่งไฟรัก
 

 

ดั่งไฟพิศวาส
นวนิยายรักเร้าอารมณ์
 

 

2009 free writing

 


๕๐๕ แคนโต้แห่งความรัก
 

 

 

  http://www.forwriter.com . © 2005 All rights reserved.