ธนากร กิตติสรวง กำลังขะมักเขม้นอยู่กับตัวเลขที่ทาง บัญชีส่งเข้ามาให้ดู มันเป็นตัวเลขงบกำไรขาดทุน ของบริษัทที่เขาต้องการเข้าไปซื้อกิจการ ความจริงแล้วเขาไม่จำเป็นที่จะต้องดูมัน เพราะได้รับผลการวิเคราะห์ ข้อดี ข้อเสีย แนวโน้มความเป็นไปได้ และข้อมูลทุกอย่างจากทีมงานที่ไว้ใจ และทำงานอย่างมีประสิทธิภาพของเขาแล้ว
เพียงแต่ตอนนี้ เขาต้องการจะดู เพื่อที่จะทำให้ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้ตั้งอกตั้งใจกับการรอฟังข่าวบางอย่าง ด้วยความกระวนกระวายใจต่างหาก ไม่ถึงสิบห้านาที สัญญาณติดต่อของโทรศัพท์ภายในก็ดังขึ้น
คุณวิสุทธิ์ ขอพบค่ะ
ให้เข้ามา
วิสุทธิ์ เที่ยงตรง ชายหนุ่มวัยสามสิบต้น ๆ เป็นกึ่งเพื่อน กึ่งผู้ร่วมงาน เนื่องจากครอบครัวของวิสุทธิ์ ทำงานให้กับ ตระกูลกิตติสรวงมาตั้งแต่รุ่นพ่อมาแล้ว
ได้เรื่องไหม ธนากรยิงคำถามอย่างคนใจร้อน ปิดแฟ้มที่ดูอยู่เมื่อครู่ผลักออกไปข้างหน้า
วิสุทธิ์ ไม่ตอบในทันที แต่ดึงซองสีน้ำตาลออกมาจากกระเป๋า เปิดซองออก แล้วยื่นรูปภาพปึกหนึ่งให้ชายหนุ่ม แล้วทรุดตัวนั่งเก้าอี้ที่ว่างตรงหน้า พูดว่า
รูปเด็กแฝดนั่นเป็นลูกของธวัชชัย ส่วนผู้หญิงเป็นเมียเขา
ธนากรรับรูปมาดูด้วยความสนใจ ภาพแรกเป็นรูปของเด็กชายหญิงที่มีใบหน้าคล้ายคลึงกัน อยู่ในชุดนักเรียนอนุบาล ภาพต่อ ๆ มาก็เป็นรูปของเด็กทั้งคู่ ที่อยู่ในอิริยาบทน่ารัก น่าชังต่าง ๆ กัน ธนากรดูไปเรื่อย ๆ จนถึงภาพสุดท้ายที่เป็นรูปถ่ายครึ่งตัวของหญิงสาวที่กอดอกไว้ ผมเธอสยายเต็มหลัง ใบหน้าได้รูปสวย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ดวงตากลมโตที่ดูเหมือนจะจ้องตอบมาอย่างเยาะหยันท้าทายอยู่ในที
ดูดีทั้งแม่ทั้งลูก
อะไร
นายพูดได้แค่นั้นเหรอวะ ถ้าจะพูดให้ถูกนะ ต้องบอกว่า ลูกน่ารัก และแม่ก็สวยและเซ็กซี่เอามาก ๆ ด้วย เห็นอย่างนี้แล้ว ฉันไม่แปลกใจเลย ที่นายธวัชจะหนีการแต่งงานไปอยู่กับเธอเมื่อห้าปีก่อนน่ะ
ธนากร รวบภาพนั้นเข้ารวมกัน โดยเอาภาพหญิงสาวผู้เป็นแม่ไว้ด้านบน สายตายังจับอยู่ที่ใบหน้าสวยนั้นขณะถามว่า
เขาอยู่กันยังไง ตอนที่นายไปพบ
หลังจากที่ธวัชชัยเสียชีวิต น้องสะใภ้นายก็พาลูกไปอยู่ทางใต้
ทำไมไม่ติดต่อมาวะ ธนากรพูดอย่างฉุนเฉียว
วิสุทธิ์ มองหน้าเขาไม่แน่ใจว่าสิ่งที่กำลังจะพูดต่อไปจะทำให้อารมณ์ธนากรขุ่นมัวเพิ่มขึ้นอีกหรือเปล่า
น้องสะใภ้นาย เขาทำงานเป็นรีเซฟชั่นที่โรงแรม ตอนดึกก็ร้องเพลงในผับของโรงแรมนั่นแหละ
เวร ธนากรสบถออกมา สะใภ้ของ กิตติสรวง ต้องกลับไปทำงานเก่าอย่างที่ พ่อแม่เขาเคยดูถูกเอาไว้ จนตัดเป็นตัดตายกับลูกชายคนรอง ที่หนีการแต่งงานจากผู้หญิงที่เหมาะสมกับตัวเอง ไปลงเอยกับนักร้อง
แล้วหลานฉัน
อยู่กับยาย ยายเลี้ยงนะ
คือฉันหมายความว่า เธอมีแม่เลี้ยง เพราะฉะนั้นก็เลยกลายมาเป็นยายเลี้ยงของหลานนายไง
ฉันไม่สนใจจะนับญาติ ธนากรพูดออกมาอย่างไม่แคร์ นิ่งไปอึดใจก็ถามต่อว่า ฐานะ เป็นยังไง
ก็ไม่ค่อยจะดีนักหรอก
ฉันส่งเงินให้ทุกครั้งที่นายธวัช ขอมา ธนากรพึมพำ
แม้จะถูกพ่อแม่ตัดเป็นตัดตาย แต่ธนากรก็ไม่เคยทอดทิ้งน้องชาย จะมีก็สองสามปีหลังนี่ละที่ธวัชชัยเงียบหายไป เขาเองก็มัวแต่ยุ่งอยู่กับการทำธุรกิจไม่ได้สนใจที่จะสอบถามข่าวคราว เพราะรู้ว่าหากไม่มี ธวัชชัยก็คงจะติดต่อมาเอง จนเมื่อปีที่แล้ว บิดาและมารดาได้ถึงแก่กรรมเพราะอุบัติเหตุทางเครื่องบิน ท่านใจแข็งทำพินัยกรรมทุกอย่างยกให้แก่เขาหมด แต่ธนากรก็ยังนึกถึงน้องชายคนเดียว ชายหนุ่มจึงติดต่อไปที่ธวัชชัย เพื่อจะให้เขาพาลูกและเมียมาอยู่ที่ กิตติสรวง ด้วยกัน แต่ดูเหมือนจะสายไปเพราะเขาได้รับข่าวจากนักสืบที่ให้ช่วยค้นหาว่า น้องชายได้เสียชีวิตลงไปถึงสี่ปีมาแล้ว และน้องสะใภ้ของเขาได้พาลูก ๆ ย้ายไปอยู่ที่อื่นเสียแล้ว
ความรู้สึกผิด ทำให้ธนากรต้องสืบหาหลาน เพื่อจะนำมาอุปการะ เพราะ อย่างน้อยหลานของเขาก็เป็นทายาทของ กิตติสรวง
แต่นายอย่าลืมซิว่ามันนานมาร่วมสี่ปีแล้ว ที่เขาไม่ได้ติดต่อมา ฉันไม่แปลกใจเลยที่เธอจะหวนกลับไปทำอาชีพเดิมอีกครั้ง จากที่นายเห็นในรูป ก็คงจะรู้นะว่าเธอเป็นคนสวย มีคนมาติดพันเยอะมากเลยนะ น้องสะใภ้นายนี่ วิสุทธิ์หยุดยิ้มนิดหนึ่งเอ่ยต่อว่า แต่เธอไม่เล่นด้วย ท่าทีติดจะหยิ่ง ๆ ด้วยซ้ำ
ธนากรเหยียดริมฝีปากอย่างดูถูก เขาไม่เชื่อว่าผู้หญิงจะซื้อด้วยเงินไม่ได้ อย่างน้อยก็มาจากประสบการณ์เกือบทั้งชีวิตหนุ่มของเขาละ
มีอยู่รายหนึ่ง เข้าทางแม่เลี้ยงและลูก ท่าทางจะก้าวหน้ากว่าใคร เข้านอกออกในบ้านนี้ได้ตลอดเวลา
ใคร
ชื่อบรรจบ สินสมบัติ เป็นนักธุรกิจหนุ่ม ฐานะไม่เลวเข้าขั้นเศรษฐีของจังหวัด
มีท่าทีจะลงเอยกันไหม
คงยาก วิสุทธิ์คาดคะเน เพราะข่าวว่า คั่วกันมานานแต่ยังไม่ลงเอยเสียที ว่ากันว่าฝ่ายหญิงเล่นตัวน่าดู
กับผู้หญิงม่ายลูกสองนี่เหรอ ? เสียงธนากรฟังดูเหยาะหยันมากกว่าแปลกใจ
นายบรรจบถึงกับลงทุนจะไถ่ถอนบ้านที่ติดจำนองให้เธอ พร้อมข้อเสนอเรื่องการแต่งงาน
กระดังงาลนไฟจริง ๆ ธนากรพูดยิ้ม ๆ หยิบภาพสตรีที่เป็นน้องสะใภ้ขึ้น มาดูอีกครั้ง ก่อนจะสั่งว่า
นายจะทำยังไงก็ได้นะ ฉันต้องการหลานฉันคืนมา ส่วนแม่ของเขานั้น นายจ่ายเงินไปตามที่หล่อนเรียกร้องมาก็แล้วกัน ในเมื่อหล่อนมีโครงการจะแต่งงานใหม่อยู่แล้ว งานของนายน่าจะง่ายขึ้น
ฉันว่านายออกจะพูดง่ายไปหน่อยนะ เพราะจากข่าวที่รู้มา เธอรักลูกมาก ที่ไม่ยอมปลงใจกับใครสักคน ก็เพราะลูกนี่ละ
ก็ในเมื่อตอนนั้น ยังไม่มีการเสนอเรื่องเงินตอบแทนนี่นา อีกอย่างหล่อนก็ต้องมั่นใจได้ซิว่า ลูกของหล่อนนะอยู่ที่ กิตติสรวง กับลุงแท้ ๆ ของเขา เด็ก ๆ จะเป็นทายาทของฉัน และฉันไม่มีวันที่จะทอดทิ้งได้หรอก
ก็
ถ้าเผื่อนายแต่งงาน วิสุทธิ์ติง
ธนากรหัวเราะ นายเก็บเอาไว้เลยเรื่องนั้น ในเมื่อ กิตติสรวง มีทายาทอยู่แล้ว ไม่มีความจำเป็นใด ๆ ที่ฉันจะต้องหาห่วงมาผูกคอตัวเองนี่หว่า
อ้าว
แล้วคุณเพ็ญจิตราละ ถามอย่างสงสัยเพราะเห็นเพื่อนหนุ่มออกจะให้ความสนิทสนมเป็นพิเศษ จนเธอสามารถเข้าไปจัดการทุกอย่างในบ้านของธนากรดุจดังเป็นคุณผู้หญิงของบ้านก็ว่าได้
ก็เขาชอบอย่างไร ฉันก็เล่นไปตามบทนั้น สิ่งเดียวที่ไม่ได้ คือการเป็นเมียฉัน ธนากรตอบอย่างไม่ยี่หระ ก่อนจะกำชับว่า
จัดการเรื่องหลานฉันให้เสร็จก่อนที่ฉันจะบินไปประชุมที่ฮ่องกงอาทิตย์หน้าด้วย
วสุดา รู้สึกปวดศีรษะเล็กน้อย หลังจากที่ร้องเพลงสุดท้ายจบลง และรู้สึกเซ็ง จนต้องนิ่วหน้าด้วยความเบื่อหน่าย เมื่อเห็นร่างของชายหนุ่มคนหนึ่งรี่เข้ามาหาเธอทันทีที่เธอลงจากเวที
ผมมารับคุณ ความจริงงานผมยุ่งมาก แต่ทนคิดถึงคุณไม่ไหว ต้องหนีประชุมมาก่อน คุณน่าจะโดนปรับนะที่ทำให้ผมต้องเสียงาน
บ้าเอ้ย ! ..ใครใช้ให้มาเล่า วสุดา สบถในใจ เซ็งมากจนไม่สามารถจะแกล้งฉีกยิ้มได้
คุณไม่จำเป็นต้องมาก็ได้ เธอพูดเสียงแข็ง ด้วยความเบื่อ แต่อีกฝ่าย กลับไป เข้าใจไปอีกทาง
ไม่เอาน่า
อย่างงอนผมซิ ผมแค่ล้อเล่นเท่านั้นเอง
หญิงสาวเบือนหน้าหนีอย่างเบื่อ ๆ นายบรรจบ นี่ อะไร ๆ ก็พอทนหรอก เธอพยายามคิดช่วยหาข้อดีให้เขา ในเรื่องรูปร่าง หน้าตา ฐานะ ก็เป็นสิ่งดึงดูดให้เป็นที่สนใจของผู้หญิงอื่น ความใจกว้างมีน้ำใจที่เขามีต่อเธอ วสุดา ก็ยอมรับว่ามัน ดีมาก แต่ไอ้เรื่องที่ชอบคิดเหมาเอาเองว่า เธอเป็นอย่างที่เขาคิด บวกกับความจุ้นจ้านอย่างถือดีของเขา ทำให้เธอทนไม่ไหวจริง ๆ โดยเฉพาะเรื่องเหมาเดาเอาเองในความรู้สึกที่เธอมีต่อเขาแล้ว ทำให้ วสุดา แทบจะอ้วก
วันนี้ ผมมีข่าวดีเรื่องบ้านของคุณด้วยนะ ผมตัดสินใจแล้วว่า ผมจะ
ดิฉันจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้า วสุดารีบตัดบท
ก็ดีครับ ผมก็ดู ๆ อยู่เหมือนกันว่าชุดนี้มันโป๊ไปหน่อย เวลาคุณขึ้นไปร้องเพลงให้คนเห็นแล้ว ผมรู้สึกหวงนะ บรรจบพูด โดยคิดว่าจะทำให้เธอเห็นว่า เธอเป็นคนพิเศษสำหรับเขาเพียงใด
วสุดาหน้าตึง อยากจะพูดอะไร ที่มันเจ็บ ๆ ออกมา แต่ก็ต้องกลั้นเอาไว้ อย่างน้อยตอนนี้ เธอยังต้องพึ่งพาเขาในเรื่องเงินทอง สิ่งที่เธอทำจึงเพียงแต่เดินอย่างเร็วไปทางห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า
พี่ดาครับ มีแขกที่โต๊ะ ขอพบพี่ครับ
บริกรหนุ่มที่คุ้นเคยกัน เข้ามาบอกทันทีที่ วสุดาเดินออกจากห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า
พี่ไม่ต้องการคุยกับใคร เธอบอกห้วน ๆ
เขาให้บอกพี่ว่า เป็นทนายความมาจาก ตระกูลกิตติสรวง
วสุดา ชะงัก คิ้วที่โก่งเรียว ขมวดเข้าหากัน แล้วคลายออกอย่างรวดเร็ว รอยยิ้มเยาะ ๆ ติดที่ริมผีปาก มาอะไรกันจนป่านนี้ เธอคิด
เสร็จแล้วใช่ไหมครับ
เสียงที่น่าเบื่อหน่ายสำหรับเธอสอดแทรกเข้ามา ความตั้งใจที่จะไม่ไปพบกับทนายความเลยเปลี่ยนไป
ขอตัวคุยธุระเดี๋ยวนะ คุณบรรจบ เธอรีบบอก แล้วดุนหลังให้ บริกรหนุ่มนำหน้าเธอไปโดยเร็ว
นิพนธ์ ไปบอกให้รถโรงแรมรอพี่หน่อยนะ ประเดี๋ยวคุยกับแขกเสร็จจะได้รีบกลับ เธอกระซิบระหว่างทางเดินไปที่โต๊ะ
บริกรหนุ่มยิ้ม พยักหน้าอย่างเข้าใจกันดี เพราะวสุดามักจะมีกรณีหลบเพื่อนชายคนนี้แบบนี้บ่อย ๆ