นักรบคู่แผ่นดิน
. ทัพและขุนทวยเทพออกเดินทางต่อ ระหว่างทางเต็มไปด้วยธรรมชาติที่สวยงาม ทัพชมชอบที่จะชื่นชมกับสายน้ำที่ใสสะอาด ปลาที่อยู่ในน้ำนั้นต่างแหวกว่ายอย่างสนุกสนาน ปลาไม่เคยคิดที่จะแก่งแย่งกับใคร ไม่เคยคิดที่จะรุกรานใคร มันมีชีวิตอยู่อย่างสงบ หากินไปวันๆ โดยไม่สนใจว่าใครจะมาแก่งแย่งที่อยู่ของมันหรือไม่ มันสามารถเปลี่ยนที่อยู่ไปได้เรื่อยๆตราบเท่าที่มันยังอยู่ในน้ำ มันไม่เคยหวังว่าจะมาใช้ชีวิตอยู่บนบก มันพอใจในสิ่งที่มันเป็นอยู่แล้ว แล้วคนละทำไมจึงไม่พอใจในสิ่งที่ตนเองมีอยู่ เหตุใดจึงทำสงครามกันไม่หยุดหย่อน
. ขณะที่ทัพกำลังใช้ความคิดอยู่นั้น ขุนทวยเทพพลันสะกิดทัพ พร้อมกับชี้มือให้หลบเข้าหลังพุ่มไม้ ทัพรีบทำตามอย่างว่องไว สายตาของสองพ่อลูกพลันเห็น ชายสามคนแต่งกายเช่นชาวบ้านนั่งล้อมกินอาหารกัน ชายทั้งสามแม้แต่งกายเช่นชาวบ้านแต่มีท่าทีไม่น่าไว้วางใจ ทัพและขุนทวยเทพจึงแอบฟังคำสนทนาของทั้งสามคนนั้น ปรากฏว่าภาษาที่พวกนั้นใช้กลับเป็นภาษาพม่า แต่ขุนทวยเทพเคยรับราชการมาก่อนย่อมมีความรู้ด้านภาษาพม่าเป็นอย่างดี
. หนึ่งในสามกล่าวว่า "คราครั้งนี้ข้าว่าเราคงกำชัยเป็นมั่นเหมาะแน่ " ชายอีกคนกล่าวว่า "แน่นอนพวก อโยธยามันคงคาดไม่ถึงว่าพวกเราจะแบ่งออกเป็นห้าทัพหรอกกระมัง จะเห็นขุนศึกที่เก่งกาจของทางอโยธยาก็คงมีแต่พระมหาธรรมราช"
. ชายอีกคนจึงกล่าวว่า "เลิกกล่าววาจาไร้สาระได้แล้ว อยู่ที่โล่งแจ้งเช่นนี้เดี๋ยวก็โดนจับได้ดอก อย่างไรเราก็ต้องส่งข่าวให้กับเจ้าเมืองเชียงใหม่ทราบถึงสถานการณ์ทางอโยธยาโดยไว เกี่ยวกับเรื่องแผนการส่งเสบียงให้กับสี่ทัพที่เหลือ รีบๆกินแล้วจะได้เดินทางต่อ"
. ทัพและขุนทวยเทพมองหน้ากันต่างเห็นเพลิงโทสะในแววตาของอีกฝ่าย
. ไม่ต้องรอให้ผู้ใดบอก ทั้งทัพและขุนทวยเทพ พุ่งออกจากพุ่มไม้ ทัพตีลังกาขึ้นฟ้า เปลี่ยนเป็นหัวอยู่ล่างเท้าอยู่บนกดน้ำหนักทั้งหมดลงที่กำปั้นทั้งสองข้าง พุ่งหมัดเข้าหาศีรษะของชายที่นั่งล้อมวงผู้หนึ่ง คนผู้นั้นแสดงว่าเป็นคนมีฝีมือ ก่อนที่หมัดของทัพจะถึงศีรษะตนนั้น พลันรู้สึกถึงพลังคุกคามจึงหงายตัวไปทางด้านหลังหลบพ้นจากหมัดพิฆาตของทัพอย่างหวุดหวิน แต่ถึงกระนั้น ทัพยังมีไหวพริบที่รวดเร็วกว่า รู้ว่าหมัดของตนพลาดเป้า จึงเอามือยันพื้นพร้อมทั้งปล่อยพลังลงสู่เท้าทั้งสองฟาดเท้าใส่กระหม่อมของชายผู้นั้นเสียชีวิตไป
. ส่วนขุนทวยเทพ ดึงดาบออกจากฝัก ตัวดาบประกายสีเขียวส่วนฝักดาบประกายสีเหลือง ไม่ต้องบอกก็ทราบได้ว่าดาบเล่นนี้ตัวดาบทำจากหยกมรกต ซึ่งหายากยิ่ง เมื่อดาบหลุดพ้นจากฟัก ก็เป็นเวลาพอดีกับที่บรรลุถึงตัวศัตรูทั้งสองคน ขุนทวยเทพ ตวัดดาบกับฝักดาบไขว้เข้าหากัน ดาบปาดคอหอยชายคนหนึ่งเลือดสาดกระเซ็นเป็นฟูฟอย ขณะที่ฟักดาบฟาดเข้ากับกระเดือกของชายอีกคนแตกละเอียดตกตายตามกันไป
. การลงมือของสองพ่อลูกคู่นี้รวดเร็วเกินไปแล้ว ศพทั้งสามเลือดย้อมพื้นดินเป็นสีแดงขัดกับธรรมชาติอันเขียวชอุ่มรอบข้างอย่างชัดเจน ทัพหันมามองขุนทวยเทพ ขุนทวยเทพกล่าวว่า "หากเป็นเช่นนี้ อโยธยาคงไม่ล่วงรู้ความนัยแน่ เพราะไม่มีการจัดทัพเพื่อต่อกรกับห้าทัพของพม่าเลย หรืออโยธยาจะถึงวาระสุดท้ายแล้วจริงๆ"
. ทัพใช้ความคิดแล้วกล่าวว่า "ถ้าเช่นนั้น เราควรวางแผนซ้อนแผนดีไหมพ่อ หากเราสามารถทำลายทัพของเจ้าเมืองเชียงใหม่ได้ ทัพของพม่าก็จะเหลือเพียงแค่สี่ทัพ นอกจากนั้นยังทำลายการส่งเสบียงให้กับอีกสี่ทัพที่เหลือด้วย"
. ขุนทวยเทพพลันกล่าวว่า "พวกเราปลอมตัวเป็นเจ้าเดรัจฉานสามตัวนี่เข้าไปหาเจ้าเมืองเชียงใหม่ หลอกให้มันชะลอแผนการส่งเสบียงออกไปเป็นอย่างไร"
. ทัพกล่าวว่า "ข้าว่ามันคงไม่ง่ายดายขนาดนั้นหรอกกระมังพ่อ"
. ขุนทวยเทพพลันกล่าวตัดบทว่า "เรื่องนั้นค่อยพลิกแพลงตามสถานการณ์แล้วกัน"
kawklai
© ลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย โดย kawklai
|
|