|
สัมพันธ์แห่งเวลา
โดย แบงค์ี |
1
แสงจันทร์สีเหลืองอ่อนสว่างไสว เมฆสีดำบดบังดวงดาวทั้งหลายให้หมดแสง มีเพียงจันทร์เต็มดวงที่เมฆมิอาจเอื้อมไปกลบแสงได้ ต้นไม้ส่งเสียงดั่งเพลงกล่อมให้นิทรา แท้จริงเพียงถูกลมเบาบางสั่นไหวให้โอนอ่อน คืนนี้หากไร้จันทราแล้วคงช่างมืดยิ่งนัก แสงไฟตามบ้านเรือนทั้งหลายนั้นดับไปแล้ว ผู้คนคงหลับเคียงคู่สบายอารมณ์ สุนัขตามทางซบหน้ากับขาทั้ง2ข้างของมันมีบ้างบางเวลาที่จะตื่นขึ้นเห่าหอนใส่ผู้คนที่เร่งรีบเดินทางยามดึก หมู่บ้านนอกเมืองเช่นนี้ช่างชวนให้คนในเมืองที่พบเห็นผ่อนคลายเหลือเกิน
ห่างออกจากหมู่บ้านมาหน่อย ปรากฏบ้านไม้หลังหนึ่งปลูกสร้างขึ้นบนเนินหญ้าเขียวล้อมรอบ มีแสงไฟจากตะเกียงสลัวๆส่องผ่านออกมาจากหน้าต่างบ้านชั้น2 ที่เปิดไว้รับลมยามดึก มองผ่านไปทางระเบียงบ้านมีกระถางต้นไม้เล็กๆเรียงรายมากมาย เว้นที่ว่างริมระเบียงตั้งโต๊ะและเก้าอี้หวายสำหรับนั่งผักผ่อน
ในความมืดที่แสงไฟจากตะเกียงส่องไม่ถึง ปรากฎคนผู้หนึ่งนั่งเอนหลังผิงเก้าอี้ สองตาทอดยาวสู่ฝากฟ้า เป็นเวลาเดียวกับที่แสงจันทราผ่านพ้นหมู่เมฆกระทบรอบกาย คนผู้นี้มองไปผมเผ้ารุงรัง สวมเสื้อยืดสีขาวกางเกงผ้าแพร ใบหน้าสามเหลี่ยม ตาคมกริบ หัวคิ้วพันกันดั่งมีเรื่องทุกข์ใจให้ขบคิด รอบปากที่บางดั่งเส้นเชือกมีหนวดและเคราดำประปราย ดูไปหล่อเหลามิใช่น้อยเพียงแต่ไม่ยอมยิ้มเท่านั้นเอง
บนโต๊ะหวายด้านข้างมีแก้วกาแฟที่ถูกวางไว้เนิ่นนานจนกาแฟเย็นชืดแล้ว ที่เขี่ยบุหรี่ที่ก้นบุหรี่มอดยาวเป็นสาย
ผ่านไปเนิ่นนาน ได้ยินเสียงถอนหายใจแรงๆ แทรกผ่านบรรยากาศที่วังเวงเช่นนี้พร้อมคำพึมพัมบางๆที่ฟังไม่ได้ศัพท์
เสียงพึมพัมนั้นวนเวียนอยู่เนิ่นนาน คล้ายดั่งคนเสียสติที่ไม่อาจหาคำตอบได้ ตามด้วยเสียงสะอื้นและร้องไห้ที่ยาวนาน คลอไปกับคำพึมพัมนั้นอยู๋ไม่ขาด ช่างน่าหดหู่ยิ่งนัก.......เงาร่างๆบางในความทรงจำสีเทาๆยังไม่เคยลืมหาย มันเพิ่งผ่านมาได้เพียงไม่นานนี่เอง อะไรกันเล่าที่ทำให้ทุกอย่างกลับกลายผลิกผันเป็นเช่นนี้ ยิ่งคิดยิ่งสะทกสะท้อน วุ่ยวายใจยิ่ง
ทันใดนั้น เสียงหนึ่งที่แทรกผ่าอากาศมาปานฟ้าผ่า ชายหนุ่มสะดุ้งขึ้นดั่งโดนเหล็กร้อนจี้ หันมองรอบกายเหมือนค้นหาอะไรบางอย่างที่เป็นต้นตอของเสียงนั้นอย่างรวดร็ว ..........
แต่มันไม่ทันเสียแล้ว ท่ามกลางเสียงที่อื้ออึงรอบๆนั้น เสียงเด็กทารกระเบิดเสียงร่ำไห้ออกมาดังลั่นจนแทบกลบเสียงแรกไปซะหมด พร้อมกับการตื่นเต็มที่ของชายหนุ่มซึ่งตอนนี้เลิกหาต้นตอของเสียงนั้นไปแล้ว
" ใครน่ะ...โทรมาเอาป่านนี้ คืนนี้คงครื้นเครงไปอีกนานแน่" ชายหนุ่มบ่นพลางเดินเข้าบ้านพลาง
เมื่อเดินเข้ามาถึงบ้าน สองตามองตรงไปบนโต๊ะทำงานตัวใหญ่ที่มีหนังสือประวัติศาสตร์และอีกมากมายกองเป็นพะเนินเทินทึก โทรศัพท์มือถือตัวดีส่งเสียงร้องน่ารำคาญอยุ่ตรงนั้นน่ะเอง เดินเข้าไปกดปุ่มวางสายโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว กดวางมันซะ! แล้วเดินเข้าห้องนอนไปที่เปลลูกน้อยที่กำลังส่งเสียงร้อง ชายหนุ่มเห็นดังนั้นก็รีบไกวเปลที่หอบร่างเล็กๆน้อยๆเอาไว้อย่างช้าๆเอื่อยๆ กระซิบเสียงเบาๆข้างหูทารกน้อย "โอ๋ๆๆ..ใครทำน้องบีมร้องไห้เหรอ..โอ่ๆๆไม่ร้องน่ะๆ เดี่ยวป๊าจะร้องด้วยแล้วน่ะ "
ไม่ว่าจะพูดอย่างไรเด็กน้อยคงไม่เข้าใจแน่ๆ เสียงร้องนั้นยังไม่มีวี่แววจะลดลงแต่อย่างใด เสียงโทรศัพท์ก็เงียบไปแล้วทำอย่างไรให้ลุกหลับดีล่ะ ยิ่งคิดยิ่งหวนกลับไปเรื่องที่เศร้าใจ หยุดคิดเถอะ ตอนนี้เหลือแต่เราแล้ว คิดไปก็เท่านั้น หาทางดูแลลูกให้ดีที่สุดเถอะเรา คิดได้ดังนั้น ก็เดินไปหยิบขวดนมที่ใส่นมไว้เต็มขวดมาส่งเข้าปากทารกที่ขณะนี้ดูเหมือนจะไม่ต้องการขวดนมเอาซะเลย น่าแปลก!เหตุใดไม่ทราบ วิธีนี้กลับได้ผลนัก
ทารกหยุดร้องโดยง่ายดาย เริ่มพยายามดูดนมออกจากขวดอย่างไม่คิดชีวิต ทีละน้อยๆมือทั้งสองข้างก็ไม่ชูขึ้นอีกแล้ว บรรยากาศเริ่มกลับมาเงียบเหมือนเดิม ชายหนุ่มยิ้มออกมาอย่างพอใจสองมือยังจับขวดนมประคองไว้ไม่ให้หลุดออกจากปากทารกได้ หากไม่เช่นนั้นแล้วระเบิดลูกต่อไปคงตามมาติดๆแน่
ความเศร้าหมองกลัดกล่อนอยู่ในความคิดคำนึง ยิ่งเห็นเด็กทารกที่น่าเอ็นดูนี้ความในใจที่อัดอั้นไว้แทบระเบิดออกมา ชายหนุ่มยืมเหม่อลอยอยู่ตรงนั้นเนิ่นนาน เวลาผ่านไปๆ พลันรู้สึกตัว
ทารกหลับไปแล้ว ชายหนุ่มเริ่มดึงขวดนมออกจากปากอย่างช้าไม่ยอมให้มือสั่นแม้แต่น้อย .. รู้งี้ทำอย่างนี้ตั้งแต่นานแล้ว... คิดอย่างเบาๆในใจ แล้ววางขวดนมลงข้างๆเปลพร้อมกับนั่งยองๆเกาะขอบเปลมองดูลูกรักอย่างหวงแหน
สองตาส่งประกายของความเป็นพ่อแวววาว จ้องมองอยู่เนิ่นนานความคิดเริ่มสับสนวุ่นวาย วกกลับไปเรื่องเก่าที่ทิ่มแทงในหัวใจอีกแล้ว! น้ำตาทยอยไหลหลั่งลงอาบแก้มทีล่ะน้อยๆ ไม่ว่าอย่างไรไม่อาจลืมมันได้เลย...ลูกน้อยของพ่อ...ไม่ว่าอย่างไร ต่อให้วันข้างหน้าจะเป็นเช่นไร พ่อจะดูแลลูกเอง ทดแทนสิ่งที่ลูกต้องขาดไป พ่อจะไม่ยอมให้ลูกเสียใจเมื่อยามเติบใหญ่เด็ดขาด!!.... คิดพลางน้ำตาก็ทะลักออกมาไม่หยุดยั้ง ลูกขึ้นยืนช้าๆก้มตัวลงหอมแก้มลุกรักเบาๆ แล้วเดินออกจากห้องไปกลับไปนั่งบนเก้าอี้ไม้ตามเดิม
ยามนี้แสงจันทร์หายลับเข้าสู่หมูเมฆดำรอบข้างอีกแล้ว มันมืดสนิทซะเหลือเกิน ความง่วงเริ่มคืบคลานเข้ามาทีล่ะน้อย แต่ยังรู้สึกไม่อยากนอน คิดดังนั้นก็หยิบบุหรี่ออกมาคาบไว้ เสียงไฟแช็กดังขึ้น ดัง แชะแชะ แชะแชะ
" ปั๊ดโธ่! เป็นอะไรอีกล่ะนี้ อย่ามาซ้ำเติมกันเยอะนักซี่ ติดหน่อย.." แชะแชะ จุดต่ออีก 2-3ครั้ง ก็สมใจ.....
เปลวไฟสว่างพรึ่บขึ้นตามมา ...... เพียงแค่เสียงไฟเพียงแว่บเดียวเท่านั้น! ชายหนุ่มต้องหัวใจตกวูบไปที่ตาตุ่ม ! สองตาเบิกโพล่ง หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ขนทั่วร่างลุกซู่! เลือดในกายเย็นยะเยือกไปแล้ว บุหรี่นั้นยังคาบอยู๋ในปากแต่ไม่ได้สูบเอาควันเข้าไป สองตาเหลือกมองค้างอยู่ที่นั่น!!
" อ๊าาาาาา" เสียงอุทานที่ระเบิดออกมาทันใด พร้อมกับลุกขึ้น กระโดดถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว ในเงาดำมืด ข้างๆกระถางนั่น!!!!!
" ใคร!!"
เงาดำมืดข้างๆกระถางนั่น! ปรากฎใบหน้าใบหน้าหนึ่งที่ทำเอาชายหนุ่มแทบใจสลาย เด็กชาย!!อายุ10-12ปี มองมาอย่างไม่กระพริบตา โผล่พ้นให้เห็นเฉพาะส่วนใบหน้าเท่านั้น !...... สองตานั่นส่องประกายแวววาวในความมืด
" ใครร เธอเป็นใคร!! " ไม่มีเสียงตอบรับจากใบหน้านั่น ..... มันไร้ความรู้สึก สายตาที่เย็นเฉียบจับจ้องมองไม่กระพริบ
ห้วงสมองของชายหนุ่มแทบหลุดโลกไปแล้ว เกิดมาเกือบ30ปี นี้เป็นครั้งแรก ความกลัวสุดขีดทะลักออกมาไม่สามารถควบคุมอารมณ์เอาไว้ได้อีกแล้ว
" อย่า! อย่ามองชั้นหยั่งนั้น อย่า!...."
" อ้ากกกกก"
ท้องฟ้าสว่างขึ้นมาทันที แสงอาทิตย์ยามเช้าโพล่พ้นขอบฟ้ามาแล้ว บุหรี่ที่จุดไว้ดับไปตั้งนานแล้ว เสียงไก่ขันยามเช้าเรียกความสดชื่นขึ้นมา แต่ยังไงก็ไม่ทำให้ความหวาดกลัวเมื่อกี๊หายไปได้ "เราฝันไปหรือนี่..... โอ...." สมองเริ่มเรียบเรียงความคิดได้แล้ว สลัดหัวเรียกความแจ่มใสคืนมาซะหน่อย ภาพที่เราเห็นมันความฝันงั้นหรือ ?? น่ากลัวเหลือเกิน .....
© ลิขสิทธิ์ตามกฏหมายโดย แบงค์