forwriter.com
 
นวนิยายรักโรแมนติก

 

 

มัดจำหัวใจไว้...เพื่อรัก
โดยหนึ่งลิปดา

๑๐

นวนิยายชุด ตระกูลเบ็ญจรงค์

 

 

 

มาร์โก รู้สึกตัวเพราะเสียงโทรศัพท์นั้นดังอยู่นานจนเงียบไปเอง แต่อีกสักพักมันก็ดังขึ้นอีก สองสามครั้ง จนชายหนุ่มรู้สึกหงุดหงิด เขาเกลียดเสียงโทรศัพท์ในตอนนอนที่สุด ทุกคนก็รู้ดี และเขาก็รู้อีกนั่นแหละว่ามันไม่ใช่เสียงโทรศัพท์ของเขา จึงทำให้หงุดหงิดเป็นสองเท่า เมื่อเจ้าของโทรศัพท์ยังนอนนิ่งเฉย เมื่อมันดังอีกครั้ง มาร์โกจึงต้องลุกขึ้น แล้วเขาก็เห็นว่า เธอรู้สึกตัวแล้ว แต่มันเป็นการรู้สึกตัว อย่างขี้เกียจมาก เมื่อเธอคราญหาโทรศัพท์ทั้งๆที่ยังนอนคว่ำหน้า เสียงเธอตอบรับอยู่สองสามคำ แล้วก็วางหู แล้วเขาก็เห็น เธอควานหาบางอย่างจากใต้หมอน แล้วเธอก็ยกมือเบี่ยงขึ้นมาทั้งๆที่ยังนอนคว่ำหน้าเช่นเดิม แล้วเสียงกระหึ่มของแซกโซโฟนก็ดังขึ้น จนเขาสะดุ้ง เจ้าตัวเองก็สะดุ้งเหมือนกัน เพราะพลิกตัวนอนหงาย มากดรีโมทให้เสียงเบาลง ท่าทาง เธอคงจะนอนต่อ หากไม่ตะแคงหันมาด้านเขา ดูเธอเป็นงงๆ ก่อนจะส่งยิ้มมาให้

“ คุณตื่นเช้าจัง ”

“ เสียงโทรศัพท์ แล้วก็เสียงแซกโซโฟนบ้าๆ นี่ ”

“ ฉันลดเสียงแล้ว คุณนอนต่อเถอะยังเช้าอยู่เลย ”

มาร์โก หันกลับมาล้มตัวลงนอนเหมือนว่าง่าย แต่ความจริงเขานึกโมโหตัวเอง ที่จู่ๆ ก็เกิดความคิดอยากไปนอนสบายๆบนเตียงกับเธอ เขาไม่อยากคิดลามก แต่ผู้หญิงคนนี้มีมากกว่าที่เห็น แม้ชุดที่เธอใส่นอนจะไม่ใช่ชุดกระโปรงผ้าซาติน หรือ เป็นพวกแพรบางเบา อย่างที่เคยเห็นผู้หญิงที่เป็นคู่นอนของเขาใส่ยั่วยวน มันเป็นเพียงเสื้อยืดแขนกุดและกางเกงผ้าลายทางขายาวที่ออกจะมิดชิดด้วยซ้ำ แต่มันทำให้เขาเกิดอารมณ์ได้อย่างประหลาด ทั้งที่รู้สึกปวดหัวขึ้นมาอยู่หนึบๆ นี่แหละ เขาไม่เคยเห็นผู้หญิงเวลาตื่นนอนเป็นอย่างนี้เลย

เธอทำได้ยังไงนะ กับไอ้หน้าใสๆ ดวงตาแป๋วแหวว ซื่อบริสุทธิ์อย่างนั้น

พิมพ์ดาวรู้สึกตัวแล้ว แต่เธอก็เคยชินกับการหลับตานอนนิ่งๆ ฟังเพลงคิดอะไรเรื่อยเปื่อยบนเตียง เธอไม่ได้พูดเล่นที่บอกว่า เธอฝึกศิลปะป้องกันตัวมา ก็จะไม่ฝึกได้ยังไง ในเมื่อ เวลาเจอพวกสุภาพบุรุษเบ็ญจรงค์ ไม่ใคร ก็ใครเป็นต้องสอนให้สักท่าสองท่า แม้ไม่อยากเรียนก็ต้องเรียน เพราะไม่งั้นจะเจ็บตัวฟรี

“ เป็นผู้หญิงสมัยนี้ต้องแข็งแกร่ง และเอาตัวรอดได้ทุกสถานการณ์ ” พี่ๆมักจะบอกอย่างนี้เป็นประจำ และเพราะ พวกเขาต้องการให้เธอเป็นอย่างที่ต้องการ จึงไม่ค่อยจะยั้งมือ หรือคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงสักเท่าไร

ตอนอยู่ที่บ้านเบ็ญจรงค์ จึงเหมือนกับอยู่ค่ายฝึกทหารทีเดียว เพราะที่นั่นมีห้องยิม อุปกรณ์ครบครัน ชนิดที่เปิดให้บริการได้เลยล่ะ

พิมพ์ดาวยิ้มเมื่อคิดถึง คำว่าสุภาพบุรุษเบ็ญจรงค์ อันหมายถึงพวกพี่ชายตระกูลเบ็ญจรงค์ เธอบัญญัติมันขึ้นมาเองแหละ ระรินดาวถึงกับหัวเราะชอบใจ แต่พวกพี่ชายเหล่านั้น มองเธอตาขวาง เพราะรู้ว่าเธอประชด

แต่สุภาพบุรุษเบ็ญจรงค์คนที่เธอสนิทสนมมากกว่าใคร กลับเป็นพงษ์พันธ์ ผู้ซึ่งไม่ได้ผ่านโรงเรียนเตรียมทหารเหมือนพี่ชายคนอื่น แต่พิมพ์ดาวรู้ว่า ฝีมือไม่ใช่ย่อย เพราะเป็นคู่ซ้อมให้พี่ชายคนอื่นๆจนอาจจะกลายเป็นคนที่ชำนาญที่สุดก็ว่าได้ และที่สำคัญก็คือ เธอเป็นคนให้พงษ์พันธ์เป็นคนที่ดูแลทรัพย์สินต่างๆของเธอ เพราะทุกคนในตระกูล เบ็ญจรงค์ต่างก็ทำเช่นนี้เหมือนกันยกเว้น พลังพลที่เมื่อออกจากราชการแล้วเขาจึงได้ดูแลเอง แต่ก็ไม่

วายให้พงษ์พันธ์เป็นที่ปรึกษาโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องกฏหมาย เธอเคยพูดเล่นๆ ว่า

“ โห ... หากพี่พงษ์โกงนี่ รวยหลายพันล้านเลยนะเนี่ย ”

แต่ดูเหมือนทุกคนจะตอบง่ายๆว่า

“ อยากได้ก็เอาไป แถมตะกั่วให้มันเม็ดหนึ่งด้วย ”

พิมพ์ดาวเชื่อว่า ไม่มีใครอยากยิงพงษ์พันธ์หรอกหากเขาจะโกงจริงๆ พอๆกับไม่เชื่อว่าพงษ์พันธ์จะโกงใคร สิ่งหนึ่งที่เธอภาคภูมิใจที่มีส่วนในตระกูลเบ็ญจรงค์ ก็คือ ความรักระหว่างพี่น้อง แม้ไม่ได้แสดงให้เห็น แต่ทุกคนตระหนักว่า คนในครอบครัวต้องมาก่อน ไอ้ประเภทศึกสายเลือดล้างผลาญกัน เพราะเงินทองอย่างที่เคยเห็นในหนัง ไม่เกิดในครอบครัวนี้เด็ดขาด สิ่งนี้เธอยืนยันได้จากตัวเอง เพราะถ้าหากพงษ์พันธ์อยากได้ในส่วนของเธอ เธอก็คงยกให้เขาไปง่ายๆ ขอรับแค่เงินประจำเดือนพอมีชีวิตสบายๆ อย่างธรรมดาๆ เท่านั้นก็ได้ ซึ่งพงษ์พันธ์ ก็คงไม่ใจดำกับเธอหรอก

เมื่อครู่ พงษ์พันธ์โทรมาเตือนเธอว่า อย่าลืมเข้าประชุมผู้ถือหุ้นตอนสิบโมง การประชุมประจำปีของบริษัทนี้ พงษ์พันธ์ส่งรายงานต่างๆ มาให้เธอดูตั้งอาทิตย์แล้ว พิมพ์ดาวหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะพงษ์พันธ์สั่งให้เธอเข้า เนื่องจากเขาไม่ว่างไปแทน แต่พิมพ์ดาวคิดว่าอาจจะเพราะมันเพียงบริษัทเล็กๆ ยอดขายไม่กี่ร้อยล้านบาทก็ได้ พงษ์พันธ์จึงวางใจให้เธอเข้าประชุมได้โดยที่เขาไม่ห่วงด้วยคำพูดที่ว่า

“ ดูแลให้เรามาตั้งสามร้อยหกสิบสี่วันแล้ว ไปประชุมวันเดียวไม่ตายหรอก ”

พิมพ์ดาวเบื่อ และไม่สนใจ แต่รู้ว่าพงษ์พันธ์หวังจะให้เธอไปช่วยงานเขาเหมือนกัน เพราะความจริงเธอจบด้านบริหารธุรกิจมา แต่ตอนนั้น มันเป็นการเรียนเพราะพ่อและแม่อยากให้เธอเรียน โดยนิสัยแล้วเธอเป็นคนเรียบๆ ง่ายๆ ไม่ค่อยจะชอบการแข่งขัน และต้องการความเป็นส่วนตัวสูง เมื่อไม่มีพ่อแม่ ก็ยากที่คนอื่นๆ จะเคี่ยวเข็ญเธอได้

“ ยัยพิมพ์น่ะ เห็นเงียบๆ ง่ายๆ อย่างนี้ก็เถอะ เอาเข้าจริง ฤทธิ์มากพอๆ กับรินดาวนั่นแหละแต่ตีหน้าซื่อเก่งที่สุด ” คุณมณีกานต์ เคยพูดอย่างนี้

แต่พิมพ์ดาวก็นึกเถียงในใจอยู่ว่า ยังไงๆ เธอก็ไม่เก่งเท่ากับรินดาวหรือชื่อเต็มๆ ว่า ระรินดาวแน่นอน และยอมรับอย่างจริงใจเสียด้วยสิว่า ระรินดาว คือต้นแบบผู้หญิง ที่เธออยากเป็น สวย มีเสน่ห์ ฉลาด เก่ง มีอารมณ์ขัน เธอชื่นชม ระรินดาว เสียจนคิดไม่ออกว่าจะมี ผู้ชายคนไหนเหมาะสมกับระรินดาว แต่เวลาคุยเรื่องนี้ ระรินดาวจะหัวเราะ แล้วพูดเล่นว่า

“ ต้องเป็นเศรษฐีพันล้านอัพ ไม่งั้นไม่ผ่านคุณกานต์ และต้องแข็งแกร่งพอที่จะทนหมัดสุภาพบุรุษแห่งเบ็ญจรงค์ได้ ด่านแรกน่ะไม่เท่าไหร่ถ้ารู้ว่าเรารักจริง แต่ด่านหลังยังไงก็ต้องเจอ พิมพ์ก็ระวังไว้เถอะ อย่านึกนะว่าจะหมายถึงแค่พี่คนเดียว ในเมื่อพิมพ์ก็เป็นสายเลือดของเบ็ญจรงค์คนหนึ่ง ฉะนั้นจะรักจะชอบใครพาหนีไปไกลๆ เลย ”

ถึงระรินดาวจะพูดอย่างนั้น แต่พิมพ์ดาวก็เชื่อว่า หากคนอย่างระรินดาวรักใคร แม้คนในครอบครัวจะไม่เห็นด้วย แต่ทุกคนจะต้องยอมรับการตัดสินใจของเธอ

แปลกที่สิ่งนี้ พิมพ์ดาวเองก็คิดเช่นเดียวกัน หากเธอจะรักใครสักคน เธอก็ไม่แคร์หรอกว่า คนอื่นๆ จะคิดยังไง และไม่คิดว่าจะให้ใครมาบงการเรื่องนี้กับเธอ และเธอเองก็ไม่เคยจะล็อคสเปคว่า ผู้ชายที่เธอจะรักต้องเป็นอย่างไร เธอไม่ค่อยจะใช้เหตุผลนักหรอกสำหรับเรื่องนี้ มันก็ง่ายๆ เหมือนตอนที่หมั้นกับ นี่โน่ นั่นแหละ

เธอเคยอ่านพวกนิยายโรม้านต์ ที่มักจะกล่าวถึงปฏิกิริยาเคมี เมื่อนางเอก เจอกับพระเอก เขาบรรยายให้เห็นเสียดิบดี ว่าตัวร้อนหัวใจจะเต้นวูบวาบอย่างโน้นอย่างนี้ แต่สงสัยเธอจะเป็นนางเอกในนวนิยายไม่ได้ เพราะ เธอไม่ค่อยจะรู้สึกอะไรเท่าไหร่ กับการเห็นผู้ชายหล่อๆ เธอมองหาความแตกต่างเป็นพิเศษไม่เจอ แม้กับผู้ชายที่นอน อยู่ต่อหน้าห่างเธอไปราวเธอสี่ห้าเมตรนี่แหละ

เขาจัดได้ว่าเป็นผู้ชายที่หล่อ และดูดีเชียวล่ะ กับใบหน้าเสี้ยม คิ้วหนาเป็นปื้น ตาดุ ๆ ริมฝีปากหนาที่มักจะเหยียดเยาะๆ อย่างไม่รู้ตัว ถ้อยคำที่พูดออกมา ก็บ่งบอกได้ว่า เขาเป็นคนเจ้าอารมณ์เอาแต่ใจตัวแค่ไหน แต่พิมพ์ดาวก็ไม่นึกกลัวเขาแต่อย่างใด อาจจะเพราะการที่เธออยู่ที่บ้านเบ็ญจรงค์ระยะหนึ่งกระมัง จึงไม่ทำให้เธอคิดกลัวผู้ชายประเภทไหนอีก เพราะประเภทหล่อ เก่ง กวน กล้า ร้าย เจ้าเล่ห์ ต่างมีอยู่ในพี่ชายตระกูลเบ็ญจรงค์ของเธอหมดแล้ว ดังนั้นผู้ชายคนนี้จึงไม่ได้ก่อให้เกิดความรู้สึกใดๆ เป็นพิเศษกับเธอเลยจริงๆ

ในที่สุด พิมพ์ดาว ก็ตัดสินใจลุกขึ้น หันไปทางเขาอีกครั้ง ก็ยังเห็นนอนเงียบอยู่ จึงเตรียมตัวจะอาบน้ำ ตอนอยู่คนเดียว เธอก็ไม่ค่อยจะระมัดระวังนักหรอกเรื่องจะโป๊ไม่โป๊ แต่เมื่อมีเขาอยู่ด้วย พิมพ์ดาวก็ไม่อยากจะประเจิดประเจ้อมากนัก ประเดี๋ยวจะคิดว่าเธอให้ท่าเข้าไปอีก ยิ่งชอบถามโง่ๆ อยู่เรื่อย

คิดได้ยังไง เธอจะกลัว กะอีแค่ผู้ชายคนเดียว ต่อให้มาเป็นโหลยังไม่กลัวเลย

พิมพ์ดาวอาบน้ำ แต่ความคิดยังวนเวียน เกี่ยวกับเขา แม้แต่ตอนนี้เธอก็ยังไม่รู้จักชื่อของเขาเลย แล้ววันนี้เธอจะ เอาเขาไปส่งไว้ที่ไหนดีล่ะ? ไม่อยากคิดมาก แต่ท่าทางเขาออกจะเกาะติดเธออยู่ไม่น้อย มันไม่ใช่เรื่องจิตพิศวาสอะไรหรอก แต่เหมือนเขาจะปิดๆ บังๆ อะไรสักอย่าง ท่าทางเขาก็ไม่น่าจะเป็นคนร้าย แต่ไอ้เรื่องรถที่ระเบิดนั่นก็น่าสงสัย อยู่ดีๆ ก็ระเบิดขึ้นมา แล้วเจาะจงอะไรจะมาพักกับเธอเท่านั้น แสดงว่าเขาไม่ต้องการเปิดเผยตัวเองหรือเปล่านะ

พิมพ์ดาวสะบัดหน้า นึกขำตัวเอง ยิ่งคิดก็ยิ่งจะกลายเป็นนิยายลึกลับไปแล้วสิ สู้อาบน้ำเสร็จ ก็บอกเขาตรงๆ ว่า เธอไม่ให้พักที่นี่ จะให้ไปส่งที่ไหนก็ได้ หากดื้อนัก ก็เอาเงินให้สักจำนวนหนึ่ง ไล่ลงรถไปเลยดีกว่า หากยังไม่ยอม ก็เจอมาตรการสุดท้ายล่ะ แจ้งตำรวจ

สนใจอะไร พันเพลิง พี่ชายเธอเป็นตำรวจนี่นา

พิมพ์ดาว คิดว่าจะเป็นเรื่องง่าย แต่เมื่ออาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เดินมาหา เขาก็ยังหลับอยู่ และเมื่อเธอจับตัวเขาเพื่อจะเขย่าปลุก ก็รู้สึกกังวลเพราะตัวเขาร้อนผ่าวทีเดียว แต่เขาก็รู้สึกตัว ลืมตามองเธออย่างไม่พอใจ

“ มีอะไร? ”

“ ดิฉันจะออกไปข้างนอก ... ”

“ จะไปไหนก็ไป จะนอน ”

“ ตัวคุณร้อนจัด ปวดหัวไหม? ”

“ ก็คนมันไม่สบาย ตัวก็ต้องร้อน หัวก็ต้องปวด อยู่แล้ว อย่ายุ่งได้ไหม ผมจะพักผ่อน ” เสียงเขารำคาญเต็มที่

พิมพ์ดาวเม้มปากอย่างไม่พอใจ นายคนนี้พูดดีๆ ไม่เป็นรึไงนะ

“ ลุกขึ้น ฉันจะพาคุณไปหาหมอ ” เธอสั่งเสียงเฉียบ

“ เฮ้อ ! ”

พิมพ์ดาวก็แค่ ได้ยินเสียงเขาถอนหายใจดังๆ แต่ที่ตามมานั้นมันรวดเร็วมาก เมื่อเขากระชากเธอลงไป ล้มทับตัวเขา และยังงงๆ อยู่ มารู้สึกตัวอีกที เธอก็เป็นฝ่ายถูกกดทับ มือทั้งสองข้างของเธอถูกเขายึดเอาไว้จากแขนข้างที่ไม่เจ็บ แต่เขาใช้ทั้งร่างล็อคลำตัวเธอไว้จนกระดิกไม่ได้ พิมพ์ดาวนิ่งไม่กระดิก เธอไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะเธอตะลึงกับผิวสีแทน กับขนที่หน้าอกอันดกดำเป็นแผงสามเหลี่ยมไปเกือบถึงท้องเปลือยเปล่านั่นหรือเปล่า เธอยังคิดอะไรไม่ออก เสียงเครียดๆ ของเขาก็ดังขึ้นว่า

“ มาตกลงกันก่อนดีไหม คุณติดค้างผมอยู่ในเรื่องนี้ ผมแค่ขอพักอยู่ที่นี่สักสามสี่วันแล้วจะไป จากนั้นก็ไม่มีอะไรเหลือติดค้างกันอีก คุณไม่ต้องมาชดใช้ค่าเสียหายใดๆ ให้ผมทั้งสิ้น ตกลงไหม? ”

“ ฉันจะรู้ได้ไง ว่าคุณไม่ใช่คนร้าย และไอ้รถคันนั้นคุณอาจจะขโมยใครมาก็ได้ ”

“ พูดอย่างนี้ เอาซะเลยดีไหม? ”

พิมพ์ดาวเบี่ยงหน้าหลบเสียก่อน ใบหน้าของเขาเลยพลาดไปที่ซอกคอแทน แต่เมื่อรู้สึกถึงความอ่อนเปียกอุ่นที่แหย่เข้าไปในหูของเธอ พิมพ์ดาวแทบตะโกนเลยว่า

“ ปล่อย ! เอาไงก็ได้ ฉันไม่อยากดิ้น เดี๋ยวชุดจะยับ ”

มาร์โก ยกศีรษะขึ้น

เหลือเชื่อ ผู้หญิงคนนี้ กลัวชุดยับ มากกว่าเขาข่มขืน

เมื่อครู่ก็เห็นอยู่หรอกว่า เธอดูดีในเดรสผ้าไหมสีน้ำเงินเข้มตัวนี้เพียงใด มันขับให้ผิวสีน้ำนมของเธอดูยวนตา จนอดไม่ได้ที่จะแตะต้อง ไอ้ผ้าที่ห่อหุ้มเธออยู่ มันไม่ได้ทำหน้าที่เป็นปราการกางกั้น ผิวเนื้อของเธอเลย

“ เป็นอันว่าตกลงใช่ไหม? ” เขาถามย้ำ เหมือนจะถ่วงเวลา รู้สึกไม่อยากจะปล่อยร่างนุ่มนิ่มนี่สักเท่าไหร่ แต่

พิมพ์ดาวพยักหน้าพูดขึงขังว่า

“ ขออย่างเดียว อย่ามาตายที่บ้านฉันแล้วกัน ”

มาร์โกยิ้ม กับคำพูดนี้ ให้ตาย ... เขาอยากจะจูบปากช่างเจรจานี่เหลือเกิน แต่ก็รู้ว่าไม่เหมาะแน่ เลยต้องลุกขึ้น พร้อมกับช่วยดึงตัวเธอขึ้นด้วย แล้วก็นิ่งมองเธอที่พอยืนได้ ก็เอียงซ้ายเอียงขวา เหมือนจะหารอยยับ เพราะเรื่องเมื่อครู่จริงๆ

“ รถคันนั้นไม่ได้ขโมยมา แต่ยืมมาจากเพื่อนคนหนึ่ง ” เขาบอก

แต่พิมพ์ดาวโบกมือ พูดอย่างไม่ใส่ใจว่า

“ ช่าง เถอะ เมื่อตกลงให้คุณอยู่ได้ ฉันก็หมายความตามนั้น ถ้าฉันไม่ถาม คุณก็ไม่ต้องพูด เพราะฉันไม่อยากรู้เรื่องของคุณ ”

เธอเดินไปหยิบกระเป๋าใบเดิม เอาถุงยาของเขาออกมาวางไว้

“ นี่ยา คุณกินเองก็แล้วกัน แต่ท่าทางไม่น่าจะเจ็บเท่าไรเลยนะ ” เธอกวาดตามองเขา “ อีกอย่าง … อยู่บ้านฉัน แต่งตัวให้สุภาพ อย่างน้อยคุณต้องใส่กางเกง ไม่ใช่มีแต่บอกเซอร์อย่างนี้ ”

มาร์โก หรี่ตามองเธอ ด้วยสายตาแปลกๆ ก่อนจะพูดว่า

“ นี่คุณผู้หญิง ผมปวดหัวแทบตายที่ต้องมาทะเลาะกับคุณ อยากให้ผมสุภาพกว่านี้ก็หามาให้ผมสิ ใครมันจะไปนอนทั้งเสื้อทั้งกางเกงอย่างนั้นได้ ที่ไม่แก้ผ้านอนก็เพราะกลัวคุณจะนึกว่าผมให้ท่าคุณเท่านั้น ”

พิมพ์ดาวมองหน้าเขาแล้วเป่าลมออกจากปาก ส่ายหน้า เดินหนีเสียเฉยๆ

มาร์โก ล้มตัวลงนอน ความจริงแล้วเขาปวดแผล แต่มันอดไม่ได้ ที่ต้องแสดงกำลังออกมา ไม่งั้นมีหวังเจ้าหล่อนบงการเขาแน่ ท่าทางจะชอบออกคำสั่ง เอาแต่ใจตัวเองไม่น้อย แต่ก็ยังดีที่เป็นคนประนีประนอมเก่ง ไม่งั้นเมื่อครู่อาจจะไปถึงไหนต่อไหนแล้วก็ได้ เขาเองก็ชักไม่ไว้ใจตัวเองนักหรอกว่ามันเป็นเพราะอะไรแน่ แต่จะให้ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งมามีอิทธิพลเหนือเขา ยอมไม่ได้ เด็ดขาด ต่อให้ที่นี่เป็นบ้านของเธอก็เถอะ !

บ้านทั้งหลัง เหมือนเป็นลานโล่งกว้างมองเห็นทุกอย่าง ดังนั้นสายตาของเขาจึงมองตามร่าง ที่เดินไปที่ตู้เย็น แล้วตรงเข้าไปห้องหนึ่งเขาเดาว่าน่าจะเป็นห้องน้ำ ชั่วครู่เธอก็เดินออกมาขึ้นบันไดสามสี่ขั้น จากด้านนั้น ตรงไปยังตู้เสื้อผ้าของเธอ ค้นอะไรอยู่ชั่ววินาทีก็จะโยนสิ่งที่หาได้ลงบนเตียง เขาเห็นเธอเดินไปที่โต๊ะกระจก ขยับชุดตัวเองไปมา แล้วก็ตบแต่งใบหน้าอยู่เป็นครู่ ก่อนจะฉวยกระเป๋าอีกใบมาคล้องไหล่ หอบเอาเสื้อผ้าที่เธอโยนลงเตียงขึ้นมาเดินตรงมายังเขา เธอโยน ของในมือ ไว้ที่ปลายเท้าเขา

“ พวกนี้พอจะใส่ได้ มีข้าวต้มแช่แข็งในตู้เย็น ฉันแยกออกมาให้แล้ว ใส่ไมโครเวฟ กินเอง แปรงสีฟันฉันเตรียมไว้ให้แล้วในห้องน้ำ บ้านฉันคุณไปได้ทุกที่ ยกเว้นขึ้นไปบนนั้น เข้าใจไหม? ”

เธอชี้ไปบริเวณส่วนตัว อันมีเตียงน่านอนของเธอตั้งอยู่

ดันห้ามในสิ่งที่เขาอยากทำที่สุดเสียด้วยสิ มาร์โกคิด แต่ก็พยักหน้ารับ

พิมพ์ดาว เดินไปที่ประตู แตะลูกบิด หันกลับมา

“ ฉันจะกลับมาบ่ายๆ ดูแลตัวเองได้นะ ”

“ ห่วงมากขนาดนี้ มาจูบลาผมก่อนไหม? ”

ปัง !.

เธอกระแทกประตูปิดดังเสียจนเขาสะดุ้ง ผู้หญิงคนนี้เจ้าอารมณ์เป็นบ้า แต่คงใจถึงน่าดูเหมือนกัน ที่ยอมปล่อยให้เขาอยู่บ้านเธอเพียงคนเดียวอย่างนี้ หากเป็นคนร้ายมิขนของออกไปหมดหรอกหรือ

มาร์โกเดินไปที่ซองยา เอาออกมาซองละเม็ดโดยไม่อ่านฉลากบอก เขาจัดการกินมันพร้อมกันเสร็จ ก่อนจะล้มตัวนอนต่อ เมื่อคืนเธอบอกว่ามียานอนหลับรวมอยู่ด้วย เขาคงจะหลับไปได้หลายชั่วโมง โดยไม่คิดถึงเรื่องอะไรเพราะเขาอยากพักจริงๆ

ความจริง พิมพ์ดาวเอง ก็ไม่ได้หวาดระแวงอะไรมากมาย เธอก็ทำตามปกติเหมือนอย่างที่เคยทำ ก็คือ จัดการล็อคสายยูกุญแจประตูหน้าบ้าน เหมือนขังเขาไปเลย แล้วขึ้นไปสตาร์ทรถ ถอยหลังออกไปพ้นบ้านแล้วก็ลงมาจัดการลอคกุญแจรั้วบ้านอีกรอบ ความพิเศษที่เพิ่มเข้ามาก็คือ ไปจอดรถหน้าบ้านข้างๆ ที่พอจะคุ้นเคยอยู่บ้าง บ้านหลังนี้เจ้าของไม่ค่อยจะอยู่ แต่ก็มีแม่บ้านมาทำความสะอาดให้ประจำ เมื่อเธอกดกริ่ง ก็มีสตรีวัยกลางคนเดินออกมา

“ ป้าคะ นัดเพื่อนเอาไว้ แต่จะไม่อยู่ ถ้าเห็นใครมา ช่วยโทรไปบอกที่เบอร์นี้ด้วยนะคะ ”

เธอยื่นกระดาษจดเบอร์โทรศัพท์ให้ ก่อนจะขับรถออกไป พยายามคิดถึงเรื่องที่ต้องเช้าประชุมมากกว่า ใบหน้าหล่อๆ พฤติกรรมห่ามๆ ของผู้ชายที่อยู่บ้านเธอ

แต่ .. พิมพ์ดาวถึงกับสั่นหน้าแรงๆ เมื่อคิดถึงตอนที่เขาใช้ลิ้นที่ใบหู แล้วรู้สึกร้อนซู่ขึ้นมาเสียเฉยๆ

ให้ตายสิ ! เธอนี่ความรู้สึกช้าจริงๆ

นายบ้านั่นมีตาสีเขียวด้วยสิ เธอไปสังเกตเห็นได้ยังไงนะ

 

 

 

 

 


โดยหนึ่งลิปดา
© ลิขสิทธิ์ตามกฏหมายโดย หนึ่งลิปดา

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

๑๐๐ คำถามสร้างนักเขียน
นวนิยายคุณเขียนได้ด้วยตัวเอง
 

 

ดั่งไฟรัก
 

 

ดั่งไฟพิศวาส
นวนิยายรักเร้าอารมณ์
 

 

2009 free writing

 



๕๐๕แคนโต้แห่งความรัก
 
 

 

  http://www.forwriter.com . © 2005 All rights reserved.