forwriter.com
 
นวนิยายรักโรแมนติก

 

 

มัดจำหัวใจไว้...เพื่อรัก
โดยหนึ่งลิปดา

๑๐

นวนิยายชุด ตระกูลเบ็ญจรงค์

 

 

มาร์โก้ อัลวาเลซ รู้สึกตัวเพราะรู้สึกเหมือน มีอะไรดึงหนึบอยู่ที่หน้าผากเขา ชายหนุ่ม ยกมือจะจับ ก็มีมือหนึ่งมายึดเอาไว้ก่อน

“ อย่า หมอกำลังเย็บแผล ”

เขาลืมตา ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า อาจเพราะ่สติจะยังไม่คืนดีนัก ทำให้เขาคิดว่าเธอต้องเป็นคนสวย แม้ว่าใบหน้าเรียวนั้นจะเหยเก ดวงตาเธอดูหรี่ เหมือนไม่อยากมองอะไรที่น่าหวาดเสียว ริมฝีปากที่ทาลิปสติคสีแดงด้านล่างถูกกัดเอาไว้ด้วยฟันซี่เล็กๆ เธอมองที่หน้าเขา แต่ความสนใจจับอยู่ที่ หมอกำลังเย็บแผลให้

ตลก ผู้หญิงคนนี้กลัว แต่กลับมอง

เมื่อเขา้ จะขยับตัว มือของเธอก็มายันที่หน้าอกไว้ทั้งที่ สายตาไม่เบนมามองด้วยซ้ำ

“ นอนนิ่งๆ ก่อน ไม่ต้องห่วงอะไร เหลืออีก หกเข็มก็เสร็จแล้ว ”

“ ผมพูดได้ไหม? ” มาร์โก้ชักหงุดหงิด

“ อย่าเพิ่งพูด ถ้ากล้ามเนื้อขยับ ฝีเย็บจะไม่สวย เป็นแผลเป็นล่ะแย่เลย ”

“ นี่ !” เขาขยับศีรษะแล้วก็เจ็บแปลบขึ้นทันที

“ อยู่เฉยๆ ก่อนครับ ” เสียงหมอเตือน พยาบาลรีบหยิบสำลีมาซับเลือดที่ซึมทันที

พิมพ์ดาวหันมาส่งสายตาดุให้เขา

“ เอาให้เสร็จที่ละอย่างก่อนได้ไหม? ค่อยโมโหน่ะ ”

“ ถ้าคุณหยุดพูดผมก็จะเงียบ ”

หญิงสาวตวัดสายตาค้อน

“ จะไปรอข้างนอก ”

พิมพ์ดาว มานั่งรออยู่ที่เก้าอี้ข้างนอก สถานพยาบาลแห่งนี้ไม่ใหญ่พอที่จะเรียกได้โรงพยาบาลขนาดเล็ก แต่ก็ดีที่เปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง นอกจากเธอและผู้ชายคนนี้แล้ว ก็ไม่มีคนไข้ที่ไหนอีก

พิมพ์ดาวนึกขันตัวเองที่พูดโกหกได้อย่างคล่องแคล่วเลยว่า เธอกับแฟนขับรถมา แล้วถูกมอเตอร์ไซด์ตัดหน้า เขาเบรคจนหน้าอกเขากระแทกกับพวงมาลัย แต่พอลงมาก็รู้ว่าถูกหลอก เพราะคนขับมอเตอร์ไซด์คันนั้นตีเขาจนหัวแตก แล้วชิงเอากระเป๋าไปได้ เธอจึงพาเขามาที่นี่ก่อนที่จะไปแจ้งความ ส่วนชื่อของเขานั้น ไม่มีปัญหาแม้ว่าเธอจะค้นหาหลักฐานของความเป็นใครของเขาจนทั่วทั้งเสื้อนอกและกางเกงไม่เจอ ชื่ออะไรที่คิดขึ้นได้ พิมพ์ดาวก็บอกไปอย่างคล่องแคล่ว หากหมอและพยาบาลจะมีความสงสัยอยู่บ้างก็ไม่กล้าโต้แย้งอย่างใด

สายตาพิมพ์ดาวเบนไปมองนาฬิกา็เกือบจะหกทุ่มแล้ว

เธอปิดปากหาว ก็พอดีเขาเดินหน้ามุ่ยออกมา รู้สึกจะมีผ้าคล้องไหล่เพิ่มมาเสียด้วยสิ

พิมพ์ดาวนึกตลกคิดว่า เออ หากเขาถูกกระแทกที่ศีรษะจนความจำเสื่อมนี่ เธอจะรู้ไหมนะว่าเขาคือใคร ?

พิมพ์ดาวลุกขึ้น ยิ้มให้เขาถามว่า

“ ดีขึ้นไหมคะ? ”

มาร์โก้ไม่ตอบ พอๆ กับพิมพ์ดาวก็ไม่ได้สนใจ เพราะเธอหันไปคุยกับพยาบาลว่า

“ จ่ายเงินแล้วกลับได้เลยใช่ไหมคะ? ”

“ ค่ะ รับยาและจ่ายเงินด้านนี้เลย ”

พิมพ์ดาวเดินตามพยาบาลไปอีกด้านที่ไม่ห่างกันนัก กลับมาอีกครั้งก็เห็นมาร์โก้ นั่งอยู่เก้าอี้แทนที่เธอ สายตาจ้องไปที่เครื่องรับโทรทัศน์ขนาดเล็ก ที่กำลังเสนอข่าวภาคดึก พิมพ์ดาวมองตามก็เห็นภาพรถคันหนึ่งไหม้กรียมทั้งคัน จากการสอบถามคนที่อยู่แถวนั้น ก็บอกแต่ว่าได้ยินแต่เสียงระเบิดดังขึ้น เมื่อวิ่งออกมาดู ก็เห็นรถไหม้ทั้งคันแล้ว ข่าวรายงานว่า ไม่มีสิ่งใดระบุว่ามีคนขับ หรือ พบศพในที่เกิดเหตุแต่อย่างใด ตำรวจยังอยู่ในระหว่างการสอบสวนมากกว่านี้ และอาจจะรอให้เจ้าทุกข์หรือเจ้าของมาแจ้งความเองก็ได้

“ ไปเถอะค่ะ เสร็จแล้ว ” พิมพ์ดาวชวนแล้วก็เดินนำหน้าออกไปก่อน

ชายหนุ่มเดินตามหลังมาเงียบๆ เขาไม่ได้ทักท้วงอะไรที่พิมพ์ดาว ขึ้นไปนั่งในตำแหน่งคนขับ

ขับออกไปพ้นบริเวณสถานพยาบาล พิมพ์ดาวก็พูดว่า

“ ไม่ต้องห่วงนะคะ เรื่องรถของคุณดิฉันยินดีรับผิดชอบ ”

เขายังนิ่ง

“ จะให้ไปส่งที่ไหนคะ? ”

เขายังนิ่ง จนพิมพ์ดาวต้องหันมามอง แต่ก็โดนดุทันทีว่า

“ ขับดีๆ อย่าหันมา ”

พิมพ์ดาว เบ้ปากแม้เธอไม่ค่อยจะมีสมาธินักหรอกกับการขับรถ แต่ก็ไม่ชอบเหมือนกันที่จะมีใครมาว่า

“ จะให้ไปส่งที่ไหน? ” พิมพ์ดาวย้ำถามคำเดิม

“ คุณพักอยู่กับใคร? ” เขาย้อน

“ คนเดียว ”

“ งั้นคุณก็รับผิดชอบผมได้ ผมจะไปพักกับคุณ ” เขาพูดเฉย แล้วก็ไม่วายส่งเสียงเตือนอีกว่า

“ ดูถนน อย่าหันมา ”

“ ฉันยินดีจ่ายเงินค่าโรงแรมให้คุณ ”

“ ใครจะดูแลผม กำลังบาดเจ็บอยู่นะ ”

“ ฉันจะจ้างพยาบาลดูแลคุณ ”

“ เอาไว้คุยทีหลัง ปวดหัว ” เขาตัดบทแล้วหลับตา

หญิงสาว เบ้ปากอีกครั้ง หนอย...ทีงี้เอาเรื่องบาดเจ็บมาอ้าง

พิมพ์ดาวตั้งใจจะหาโรงแรมสักแห่งให้เขาพัก แต่เมื่อคิดว่าจะต้องขับรถกลับเข้าไปในย่านจอแจอีกก็ชักใจออก อีกอย่างหากไปถึงโรงแรมจริง เผื่อนายคนนี้งอแงขึ้นมาเธออายตายเลย ท่าทางยิ่งชอบวางอำนาจ คงจะสั่งคนจนชินสิท่า เมื่อครู่เธอขับผ่านโรงแรมม่านรูดแห่งหนึ่งแต่ใจยังไม่ถึงพอจะเลี้ยวรถเข้า เอาไปเอามาเลยตัดสินใจ ขับรถกลับบ้าน

คิดเสียว่า เก็บลูกหมาข้างถนน เข้าบ้านแล้วกัน เธอสรุปกับตัวเอง

พิมพ์ดาวอยู่บ้านคนเดียวจริงๆ มันเป็นบ้านชั้นเดียวแต่เล่นระดับในเนื้อที่ประมาณเจ็ดสิบตารางวา ที่เธอซื้อเอาไว้หลังจากที่บิดามารดาเสียชีวิตลงเพราะอุบัติเหตุรถคว่ำ ตอนนั้นเธอรู้สึกเคว้งคว้างอยู่เป็นปี เพราะยังทำใจไม่ได้กับการสูญเสีย เพราะเธอเป็นลูกเพียงคนเดียวจึงสนิทสนมกับพ่อและแม่ เธอถูกเลี้ยงอย่างทะนุถนอม ไม่เคยจะได้ทำอะไรด้วยตัวเอง หรือตัดสินใจอะไรโดยปราศจากคำแนะนำของท่าน เพราะความอ้างว้างและเหงาทำให้เธอถึงกับหมั้นกับผู้ชายคนหนึ่งที่รู้จักกันไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำ เป็นหนุ่มอีตาเลี่ยน ที่เธอรู้จักขณะไปท่องเที่ยวที่อิตาลีตามคำชักชวนของเพื่อนสนิทคนหนึ่งที่ทำหน้าที่เป็นไกด์ในบริษัททัวร์มีชื่อแห่งหนึ่ง และเธอคงจะแต่งงานกับเขาไปแล้วหากระรินดาวไม่ทราบเสียก่อน และระรินดาวที่กำลังศึกษาอยู่ที่เยอรมันถึงกับบินไปเตือนสติเธอ เกลี้ยกล่อมให้เธอเข้าใจว่า ความรักที่เธอมีต่อ นิโน่ การ์ดิโอ เป็นเพียงความเงียบเหงาและต้องการหาใครมาเติมเต็มความรู้สึกที่สุญเสียพ่อแม่เธอเท่านั้น

ในที่สุดเธอก็ถอนหมั้นกับนิโน่ ไม่ใช่เพราะเธอปฏิเสธเขาแม้ว่าจะเปิดประตูห้องของเขาเข้าไปพบว่าเขากำลังนอนอยู่กับแม่สาวผมทองเพื่อนข้างห้อง แต่เป็นนิโน่ ที่ขอถอนหมั้นเธอ ด้วยเหตุผลที่ว่า เขาหมั้นอยู่กับเธอเป็นเดือนสองเดือนแล้ว แต่เขายังไม่ได้นอนกับเธอเลย เขาจึงสรุปเอาว่าเธอเป็นคนเย็นชา หากแต่งงานกันไปคงมีปัญหาในเรื่องเซ็กส์แน่ เพราะเขาเป็นคนที่มีความต้องการสูง นิโน่พูดเสียจนเธอรู้สึกว่า เป็นความผิดของเธอเองที่ไม่นอนกับเขาก่อนแต่ง มากกว่าจะเป็นเพราะเขาจะไร้ความซื่อสัตย์มั่วกับผู้หญิงอื่น

แต่หลังจากมึนงงและสับสนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ร่วมอาทิตย์ ความเศร้าที่เคยสูญเสียบิดามารดา บวกกับการถูกถอนหมั้นจากผู้ชายที่เธอคิดว่าเธอตกหลุมรัก มันเหมือนกับลบเจอลบกลายเป็นบวก พิมพ์ดาวก็กลับมาเป็นตัวของตัวเองอีกครั้งหนึ่ง อารมณ์ขันของเธอมีถึงขนาดส่งกุหลาบแดงไปให้ นิโน่ ช่อใหญ่ พร้อมกับการ์ดขอบคุณ แต่แล้วเธอก็รีบเผ่นจากอีตาลีแทบไม่ทัน เมื่อกลัวว่านิโน่ จะเข้าใจผิด คิดว่าเธออยากจะคืนดีกับเขาอีก

สิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอ ทำให้ลุงพิเศษเป็นห่วงมาก ท่านสั่งให้เธอไปพักอยู่ด้วย และคุณมณีกานต์ก็เริ่มแนะนำเธอให้เป็นที่รู้จักในสังคม แต่มันเป็นสังคมที่เธอไม่ชอบ และเบื่อ คุณมณีกานต์มีความคิดที่จะให้เธอแต่งงานกับผู้ชายที่คิดว่าเหมาะสมคนหนึ่ง แต่โชคดีที่ลูกชายทั้งหมดของลุงไม่เห็นด้วย และยังไม่เห็นว่าจะมี ไอ้หนุ่มหน้าไหนจะเหมาะสมกับเธอ เรื่องนี้จึงเป็นอันพับไป แต่ในที่สุดเธอก็ประกาศจุดยืนของเธอเองว่า เธอต้องการเป็นนักเขียน และขอเวลาส่วนตัวเงียบๆ เพื่อผลิตผลงานออกมา เธอได้รับอนุญาตอย่างที่ขอ พร้อมเสียงหัวเราะตามมาด้วย แต่เธอก็ไม่สน และได้ย้ายออกจากบ้านเบ็ญจรงค์มาอยู่บ้านของเธอเองจะร่วมปีแล้ว และยังไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันออกมาเหมือนเดิม

เมื่อจอดรถสนิทแล้วพิมพ์ดาวเขย่าปลุกเขา เห็นว่าเขารู้สึกตัวแล้ว เธอก็ลงจากรถ เดินไขประตูเข้าบ้าน แต่หันกลับมาเขาก็ยังไม่ลงจากรถ จึงย้อนไปเปิดประตูด้านที่เขานั่ง

“ ถึงแล้วลงมาสิ ”

ท่าทางเขายังเบลอๆ เมื่อตามเธอลงมา แต่เมื่อเข้าไปข้างในและพิมพ์ดาวเปิดสวิทซ์ไฟ เขาก็พูดว่า

“ อยู่คนเดียว ทำไมกล้าพาผู้ชายไม่รู้จักเข้าบ้าน ”

พิมพ์ดาว มองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า พูดด้วยเสียงธรรมดาที่สุดว่า

“ สารรูปคุณจะพาเข้าโรงแรม ฉันก็อาย ไปนั่งโน่น เดี่ยวจะจัดที่นอนให้ ” เธอชี้นิ้วไปที่เก้าอี้ตัวหนึ่ง จากนั้นก็เดินไปที่โซฟา ที่ตั้งอยู่หน้า โทรทัศน์จอใหญ่ ปรับแต่งมันชั่วครู่ก็กลายเป็นเตียงนอนได้อย่างสบาย หญิงสาวเดินไปยังส่วนที่เล่นระดับสูงขึ้นโดยมีบันได้สามสี่ขั้นเป็นตัวเชื่อม ทอดขึ้นไปมีเตียงขนาดใหญ่ตั้งอยู่ เหมือนเป็นห้องส่วนตัวของเธอ พิมพ์ดาวเปิดลิ้นชักที่ซ่อนอยู่ใต้เตียงหยิบเอา ผ้าห่มผืนบางกับหมอนใบหนึ่งออกมา

“ คืนนี้คุณนอนตรงนี้ ”

บอกเขาแล้ว พิมพ์ดาวก็เดินลึกเข้าไปด้านในที่เป็นส่วนของครัวเล็กๆ เปิดตู้เย็นหยิบเอาขวดน้ำ ฉวยแก้วที่คว่ำไว้ เดินกลับมาก็เม้มปากนิดหนึ่ง เมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังพยายามถอดเสื้อออก แต่มันติดขัดที่แขนข้างหนึ่งของเขาถูกคล้องด้วยผ้าพาดไหล่อยู่ พิมพ์ดาวจึงวางขวดน้ำและแก้วลงตรงโต๊ะกลางหน้าโซฟา

“ มานี่ฉันช่วย ”

มาร์โก้มองหญิงสาวอย่างงงๆ ครั้งแรกก็เห็นว่าเธอค่อนข้างขี้ตื่น ตกใจง่าย แต่เอาเข้าจริงก็ไม่ใช่อย่างนั้น คงกล้าเหมือนกันที่พาเขามานอนที่นี่ แถมยังช่วยถอดเสื้อให้เสียอีก

นี่หล่อนไร้เดียงสา หรือ เคยจนชินมาแล้วนี่?

พิพม์ดาวโยนเสื้อที่ถอดออกของเขาไปยังเก้าอี้ที่เขานั่งอยู่เมื่อครู่ แล้วหันมาบอกว่า

“ เดี๋ยวกินยาก่อนค่อยนอน ”

เธอเดินไปที่กระเป๋าตัวเอง หยิบซองยาขึ้นมาอ่าน แล้วเทเม็ดยาออกมา สามสี่เม็ด ยื่นให้เขา ซึ่งชายหนุ่มก็รับมากินแต่โดยดี

“ ดูไม่กลัวเลยนะ กับการมีผู้ชายมานอนด้วยสองต่อสอง ”

พิมพ์ดาวพ่นลมออกจากปากด้วยกิริยาไม่เป็นกุลสตรีนัก เมื่อเขายังร่ำไรในเรื่องนี้อยู่ เธอก็เลยยิ้มเซ็งๆ พูดว่า

“ ก็ไม่รู้จะกลัวทำไม ฉันเรียนรู้ศิลปะป้องกันตัวมา และคุณก็บาดเจ็บ ยาที่กินไปเมื่อครู่ก็มียานอนหลับอยู่ด้วย เอาตัวเองยังไม่รอดเลย แล้วคุณจะเอาอะไรมาทำร้ายฉัน อีกอย่างคุณต่างหากควรจะกลัวฉันมากกว่า เพราะความจริงแล้วฉันไม่ใช่คน ฉันเป็นแวมไพร์ ตื่นเช้าขึ้นมา ระวังจะซีดตายล่ะ กุ๊ดไน้ท์ ”

มาร์โก้ยิ้มไล่หลังหญิงสาว ที่เดินทำหน้าเบื่อๆ ไปยังที่ส่วนตัวของเธอ

“ กุ๊ดไน้ท์ ”

เขาตอบเธอเบาๆ ก่อนล้มตัวลงนอนพร้อมกับรอยยิ้มค้างที่ริมฝีปาก

ผู้หญิงคนนี้มีอารมณ์หลายอย่างอยู่ในตัว มากกว่าที่เห็นครั้งแรก แต่อารมณ์ขันแกมหยามเขานิดๆ นี่สิ มันท้าทายความรู้สึกจริงๆ

 


โดยหนึ่งลิปดา
© ลิขสิทธิ์ตามกฏหมายโดย หนึ่งลิปดา

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

๑๐๐ คำถามสร้างนักเขียน
นวนิยายคุณเขียนได้ด้วยตัวเอง
 

 

ดั่งไฟรัก
 

 

ดั่งไฟพิศวาส
นวนิยายรักเร้าอารมณ์
 

 

2009 free writing

 



๕๐๕แคนโต้แห่งความรัก
 
 

 

  http://www.forwriter.com . © 2005 All rights reserved.