forwriter.com
 
นวนิยายรักโรแมนติก

 

 

มัดจำหัวใจไว้...เพื่อรัก
โดยหนึ่งลิปดา

๑๐

นวนิยายชุด ตระกูลเบ็ญจรงค์

 

 

บทที่๑

พิมพ์ดาว ขับรถช้าๆ เปิดไฟเลี้ยวกระพริบไว้ตลอดเวลา ผ่านมาสองสามซอยแล้ว

 

ที่เธอหักพวงมาลัยเข้า แล้วก็ต้องรีบเบนออกเมื่อคิดว่ามันไม่ใช่

 

เธอกำลังหาซอยที่เป็นทางลัดไปยังถนนที่จะตรงไปบ้านของเธอ

 

เวลาในตอนนี้ก็ไม่ดึกนัก แต่ก็โชคดีที่ไม่รถแล่นตามหลังเธอมามาก

 

ซึ่งถ้ามีมาก็มักจะวิ่งฉิวผ่านไปอย่างรวดเร็ว

 

พิมพ์ดาวขับรถได้ระดับที่เรียกว่ามือใหม่เลยทีเดียว

 

แม้ว่าจะเคยเฉี่ยวชนอยู่ถึงสองสามครั้ง และโชคดีที่เธอไม่ได้บาดเจ็บมากมายอะไร

 

แต่มันก็ไม่ได้เป็นประสบการณ์สะสม ให้เธอมั่นใจในการขับรถเพิ่มขึ้นเลย

 

เหตุหนึ่งอาจจะเป็นเพราะ เธอไม่ชอบการขับรถเลยก็ว่าได้

 

แต่เธอก็มีรถคันหนึ่งไว้ขับเพียงแค่ออกจากหมู่บ้าน

 

มาซื้อของที่ห้างตุนไว้เป็นอาทิตย์

 

ถ้าเป็นระยะทางไกลแล้วเธอมักจะเลือกใช้บริการของแท๊กซี่มากกว่า

 

ตามปกติในเวลาเช่นนี้ เธอควรจะ้นอนฟังเพลงโรแมนติกอยู่ในห้องนอนอัน


แสนสุขของตัวเองมากกว่าออกมางานเลี้ยงวันเกิดประมุขของครอบครัว


เบ็ญจรงค์ คือนายพิเศษ เบ็ญจรงค์ อันเป็นลุงแท้ๆ ของเธอ

 

ลุงพิเศษมีพี่น้องร่วมท้องเพียงคนเดียวคือแม่ของเธอ จึงรักและเอ็นดูเธอยิ่งนัก

 

ถึงแม้ว่าท่านจะมีลูกชายวัยไล่เลี่ยกันถึงห้าคน แต่ก็มีลูกสาวที่ห่างจากพี่ ๆ

 

เพียงคนเดียวคือระรินดาว

 

ชื่อพิมพ์ดาว ของเธอ ก็เป็นลุงพิเศษ ตั้งให้ คล้ายคลึงกับระรินดาว แต่พันเพลิง

 

เบ็ญจรงค์ ลูกชายคนโตของท่าน มักจะบ่นเมื่อเห็นหน้าเธออยู่บ่อยๆ ว่า

 

“ ไอ้ดาวๆ นี่ น่าเบื่อชะมัด ไม่มีชื่ออื่นจะตั้งกันแล้วรึไง? ”

 

ที่พันเพลิงบ่น ก็เพราะ นอกจากเขาจะมีน้องสาวชื่อระรินดาว

 

มีลูกพี่ลูกน้องคือเธอชื่อพิมพ์ดาวแล้ว ลูกสาวเจ้านายของเขายังชื่อแสนดาว

 

มิหนำซ้ำน้องสาวของเพื่อนพันเพลิงที่ถูกขอตัวไปช่วยงานในฝ่ายยังชื่อ

 

เปลวดาวอีกด้วย

 

ถ้าอยู่ในอารมณ์ไม่ดี เธอก็มักจะย้อนว่า

 

“ ก็ไปถามคุณพ่อพี่เพลิงเอาเองสิคะ ”

 

หากเขาไปซัดกลับ ก็จะพูดเพียงแค่ว่า

 

“ เราน่ะ มันยังไม่เท่าไหร่ แต่ไอ้พวกสามดาวนั่น อย่าไปเลียนแบบเชียวนะ

 

เหลือต้นแบบดีๆ เอาไว้ให้เห็นในความเป็นผู้หญิงหน่อย ”

 

พิมพ์ดาว รู้ว่า เธอไม่มีวันเหมือน พี่ ๆ สามดาว ที่ทั้งเก่งและมั่นใจในตัวเองอย่างนั้นได้แน่

 

เพราะเธอไม่ใช่คนเก่ง ไม่เคยทำอะไรที่เรียกได้ว่า

 

มีความสำเร็จในชีวิตเลย

 

หลังจากที่ทำอะไรพลาดๆ แย่ ๆ มามากแล้ว ตอนนี้เธออยากเป็นนักเขียนที่สุด

 

การมาวันนี้ก็ทำให้เธอได้พบกับผู้หญิงที่ พลังพล

 

เบ็ญจรงค์ลูกชายคนที่สามของลุงพิเศษกำลังควงอยู่ด้วย


แต่เป็นการทำความรู้จักที่ทำให้เธออดจะยิ้มไม่ได้เมื่อเห็น

 

เพราะมันไม่ได้มีความชื่นชมยินดีอะไรเลยบนใบหน้าหล่อเหลาของพลังพลเลย

 

พิมพ์ดาวจับความรำคาญของเขาได้ด้วยซ้ำ

 

เมื่อคู่ควงของเขาที่เป็นสาวรุ่นคอยเกาะแขนเขาไม่ห่าง เสียงพูดจ๋อยๆ

 

ของเจ้าหล่อนยิ่งเพิ่มแววเอือมระอาในสายตาของเขา และเมื่อถูกแนะนำให้รู้จัก

 

พลังพลก็ถือโอกาส คว้าข้อมือเธอฉับมายัดใส่มือสาวใกล้ตัวเขา

 

“ นี่พิมพ์ดาว น้องสาวผม คุยกันไปก่อนนะ ”

 

แล้วเขาก็เดินลิ่วๆ หยิบแก้ววิสกี้ที่พนักงานถือผ่านมา ถึงสองแก้ว

 

ไปเข้ากลุ่มคนหนุ่ม ๆ ในงานเสียเฉยๆ

 

งานเลี้ยงนี้ขาดลูกชายของลุงไปถึงสามคน พันเพลิงและพายุ ติดราชการด่วน

 

ส่วนพสุธานั้น เขาไม่ได้อยู่เมืองไทย

 

ระรินดาวหลังจากเข้ามาทักทายเธอแล้วก็สนุกกับเพื่อนๆ จะมีก็แต่คุณมณีกานต์

 

ผู้เป็นภรรยาคนใหม่ของลุงพิเศษนี่แหละเข้ามาดูแลเธอเป็นอย่างดี

 

“ แฟนพี่พลแน่เหรอคะ คุณกานต์ ”

 

เธอเรียกคุณมณีกานต์ เหมือนกับพี่ ๆ เรียก คุณมณีกานต์ยักไหล่

 

“ ก็ไม่รู้เขาสินะ ท่าทางก็ไม่ได้รักใคร่อะไรนักหนา

 

แต่ได้ข่าวว่าไปเทียวไล้เที่ยวขื่อถึงบ้านเขาเป็นเดือน ”

 

แต่ตอนจะกลับ พงษ์พันธ์ ผู้เป็นลูกชายคนเล็กของตระกูล เดินออกมาส่งเธอ

 

เมื่อถามคำถามเดียวกัน เขาก็ยิ้มพูดว่า

 

“ ก็ไม่มั่นใจเท่าไหร่หรอกว่าพี่พล เขาจะทำอะไร แต่เท่าที่รู้

 

พี่พลกำลังหาที่ดินที่เป็นเกาะสักแห่ง และผู้หญิงคนนี้มี ”

 

พิมพ์ดาว นึกสงสารผู้หญิงคนนี้ หากพลังพลไม่ใช่ญาติเธอก็คงเกลียดผู้ชายแบบนี้แน่

 

แต่นั่นแหละเรื่องของพลังพลอาจจะเป็นพล็อตที่ทำให้เธอเขียนนวนิยายก็ได้

 

พระเอกอยากได้ที่ของนางเอกจึงขอแต่งงานโดยไม่ได้รัก

 

แต่ในที่สุดก็อาจจะหลงรักนางเอกในตอนหลังก็ได้

 

 

พิมพ์ดาวคงจะคิดต่อไปถึงตอนที่นางเอกท้องแล้วหนีพระเอกไปแน่ ถ้าหากจู่ๆ

 

ไม่มีรถมอเตอร์ไซด์พรวดออกมาจากซอย อารามตกใจ

 

เธอจึงหักพวงมาลัยเบนหนีจนรถเกินเข้าไปอีกเลนและเบรคเอาดื้อๆ

 

และเธอเองยังคุมสติไม่ได้ เมื่อมีแสงไฟจากรถที่ส่องเข้าตาพร้อมเสียงแตรดังลั่น

 

เธอมือไม้อ่อนไปหมดเบิ่งตาดูรถคันนั้นเข้ามาใกล้ แล้วมันก็เบี่ยงหลบออก

 

มีเสียงเบรคล้อรถคันนั้นแฉลบครูดไปตามฟุตบาท

 

แล้วเสียงดังสะนั่นจากการปะทะอย่างแรงก็เกิดขึ้น

 

พิมพ์ดาวสูดลมหายใจลึก พยามคุมสติให้มั่น รถคันนั้นไม่ได้วิ่งมาชนรถเธอ

 

มันเบนออกไปด้วยความเร็ว เมื่อตั้งสติได้เธอก็รีบเคลื่อนรถของตัวเองเข้าข้างทาง

 

เปิดประตูลงมาเธอก็ได้เห็นสภาพของรถที่หักหลบเธอด้วยความเร็ว

 

จนเสียหลักชนเข้ากับเสาไฟฟ้า ห่างจากเธอประมาณสามสิบเมตร หน้ารถพังยับเยิน

 

พิมพ์ดาวสาวเท้าเข้าไปด้วยความรวดเร็ว

 

ภาวนาในใจอย่าให้คนในรถเป็นอะไรมากมายเลย

 

พิมพ์ดาวเปิดลอคประตูไม่ได้ ส่องเข้าไปก็เห็นมีเพียงผู้ชายคนเดียวเท่านั้น

 

ใบหน้าเขาฟุบอยู่ที่พวงมาลัย เธอเคาะกระจกอย่างแรง ร่างนั้นก็ยังนิ่ง

 

เธอสอดส่ายตาไปรอบ กำลังตัดสินใจหาอะไรมาทุบกระจก

 

หันกลับมาก็เห็นใบหน้านั้นขยับเงยขึ้น เขาแหงนหน้าพิงเบาะ

 

ท่าทีไม่ได้ยินเสียงเธอเคาะกระจกรถเลย เป็นครู่เขาก็เปิดประตูลงมา

 

“ เธอขับรถภาษาบ้าอะไรของเธอ ”

 

เป็นประโยคแรกที่พิมพ์ดาวได้ยินจากร่างสูงใหญ่บึกบึนที่ยืนอย่างไม่มั่นคงนัก

 

แล้วคำว่า

 

“ ซวยระยำ !” ก็ตามออกจากปากเมื่อเขาเห็นตอนหน้ารถที่พังยับเยิน

 

ใบหน้าขมึงถึงของเขาดูน่ากลัวในแสงไฟสลัวเช่นนี้

 

หน้าผากเขาคงแตกหรือไม่ก็ที่หัว เพราะพิมพ์ดาวเห็นเลือดไหลซึมออกมาเป็นทาง

 

จนหญิงสาวตกใจ

 

“ มันน่าจะเป็นรถเธอมากว่าของฉัน ที่ยับเยินแบบนี้

 

ทำไมคนที่มีสติดีกว่าถึงต้องเป็นฝ่ายเสียเปรียบด้วยนะ ”

 

เขาพูดเป็นนัยอย่างฉุนเฉียวใส่หน้าเธอ

 

พิมพ์ดาวยืดตัวตรง แม้จะใส่รองเท้าส้นสูงถึงสี่นิ้ว เธอก็สูงแค่ไหล่เขาเท่านั้น

 

เธอไม่คิดว่าเขาจะเป็นคนไทย แต่พูดภาษาไทยได้ชัดเจนเหลือเกิน

 

หญิงสาวถอยห่างจากร่างสูงใหญ่ที่ข่มเธอทางสรีระ พยามพูดอย่างใจเย็นว่า

 

“ ก็แล้วทำไมคนที่มีสติดีกว่า ถึงได้ห่วงรถของเขามากกว่าอาการบาดเจ็บของตัวเองนักละ ”

 

“ ก็เพราะเขาเกรงว่า จะหารถไปโรงพยาบาลเองไม่ได้นะสิ ” เขาศอกกลับเสียงขุ่น

 

“ ฉันยินดีที่จะขับรถพาคุณไปโรงพยาบาล พร้อมกับชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้น ”

 

พิมพ์ดาวปรายตามองรถของเขา ดูรุ่นมันแล้ว หลายล้านแน่

 

“ ไอ้เรื่องค่าเสียหายไม่ต้องหรอกแม่คุณ ฉันจะคิดว่าเป็นคราวซวยของฉันเอง ”

 

เขาบอกอย่างไม่ยี่หระ “ แล้วไอ้เรื่องไปโรงพยาบาลนั่น

 

ฉันจะไปกับเธอแต่ฉันต้องเป็นคนขับ ไม่ใช่เธอ ”

 

“ แต่คุณกำลังบาดเจ็บนะ ” เธอท้วง

 

“ แต่ฉันมั่นใจตัวเองมากกว่าฝีมือการขับรถของเธอ ”

 

ถ้าไม่ใช่เพราะรอยเลือดที่เปรอะ จนเห็นได้ชัดจากเสื้อสีขาวของเขา

 

ลำพังไอ้ท่าทางยโสโอหังของเขา พิมพ์ดาวก็คงไม่ยอมหรอก

 

แต่เธออยากให้เรื่องจบโดยเร็วจึงพยักหน้า

 

“ ก็ได้ ”

 

ชายหนุ่มก้มลงไปคว้าเสื้อนอกที่ที่เบาะด้านหน้ามาพาดบ่า

 

จัดการลอครถตัวเองอย่างเคยชิน

 

ถึงแม้มันจะยับเยินแค่ไหนแต่ข้าวของข้างในคงล่อตาล่อใจมิจฉาชีพได้อยู่หรอก

 

พิมพ์ดาวเดินคู่กับเขาไปยังรถเธอที่จอดอยู่ แล้วจู่ ๆ ร่างสูงใหญ่ที่เดินคู่มากับเธอดีๆ

 

ก็ทำท่าจะทรุดฮวบลงไป หากหญิงสาวไม่คอยสังเกตอยู่แล้ว เขาคงทรุดกับพื้นแน่

 

เพราะแม้เธอจะเข้าไปประคองทันเขาก็ยังเซไปเหมือนกัน

 

“ โธ่เอ้ย ! ทำอวดเก่ง ”

 

เสียงเยาะ ๆ ของหญิงสาวเป็นเสียงที่เขาได้ยินก่อน

 

ที่จะได้ยินเสียงเหมือนระเบิดดังขึ้น แล้วชายหนุ่มก็หมดสติในอ้อมแขนเธอ

 

พิมพ์ดาวไม่ได้ตกใจที่เขาหมดสติไป

 

แต่ตาเธอเบิกโพลงกับรถของเขาที่ระเบิดขึ้นมาเสียเฉยๆ

 

ความแรงของมันทำให้ชิ้นส่วนปลิวว่อน ไฟลุกไหม้อย่างรวดเร็ว

 

เธอรีบพาเขาขึ้นรถ และขับออกไปอย่างรวดเร็ว

:+:+:+:+:+:

 

 


โดยหนึ่งลิปดา
© ลิขสิทธิ์ตามกฏหมายโดย หนึ่งลิปดา

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

๑๐๐ คำถามสร้างนักเขียน
นวนิยายคุณเขียนได้ด้วยตัวเอง
 

 

ดั่งไฟรัก
 

 

ดั่งไฟพิศวาส
นวนิยายรักเร้าอารมณ์
 

 

2009 free writing

 



๕๐๕แคนโต้แห่งความรัก
 
 

 

  http://www.forwriter.com . © 2005 All rights reserved.