forwriter.com
 
นวนิยายรักโรแมนติก

 


คลื่นทราย ใต้แสงดาว

โดยหนึ่งลิปดา

นวนิยายชุด ตระกูลเบ็ญจรงค์

 

 

 

ไรอันเดินเข้ามา พร้อมกับถาดเครื่องดื่มอีกครั้ง

“ แอนนาบอกว่าเธอจัดเตรียมอาหารกลางวันให้ เรียบร้อย แล้ว ครับอาคิน แต่เธอฝากขอโทษผู้พันด้วยว่าไม่ได้เตรียม ของชอบ ของผู้พันเอาไว้ เพราะว่ามันฉุกลหุกเกินไป คุณอองตียาครับนี่คือเครื่องดื่มที่คุณโปรดปราน ” ไรอันพูดและจัดวางเครื่องดื่มลงอย่างคล่องแคล่ว

“ เอะ มิสเบ็ญจรงค์กลับแล้วเหรอครับ อ้าว ! อาคินหลังคอคุณเป็นอะไรน่ะ ” ตอนท้ายเขาถามอย่างสงสัย

“ ก็เพราะแม่นั่นนะซิ ” อองตียาพูดสะบัดค้อนควักไปทางประตูแม้ว่าระรินดาวจะออกไปเป็นครู่แล้ว “ ไปหาอะไรมาให้ฉันทำแผลให้อาคินหน่อยซิ ”

ไรอันยิ้มในหน้า พูดกับอาคินก่อนที่จะออกไปอีกครั้งว่า

“ หวังว่ามันคงคุ้มกับสิ่งที่คุณทำนะครับ ”

“ เมื่อสามเดือนก่อนผมไปที่ประเทศไทย ” ผู้พันฮัซซาร์เอ่ยขึ้นขณะที่มองอองตียากำลังใช้สำลีเช็ดแผลให้อาคิน ทุกคนในห้องอยู่ในท่าทีที่ผ่อนคลาย ไรอันนั่งอยู่ที่เก้าอี้ใกล้กับประตูที่สุด

“ คุณคงเดาได้นะอาคิน ว่าผมไปทำไม ”

“ ผมไม่สนใจ ” อาคินพูดเอื่อย ๆ

“ ผมตามรอย เบอร์ฮาน ไป ”

ชื่อของเบอร์ฮาน ไม่ได้ทำให้สีหน้าอาคินเปลี่ยนไป แต่อองตียาถึงกับหันขวับถามว่า

“ คุณได้ตัวเขาไหม? ”

ผู้พันฮัซซาร์ส่ายหน้า สายตาจับที่อาคินยังไม่ได้พูดอะไร อองตียาก็กระชากเสียงขึ้นว่า

“ ทำไมคุณไม่หาทางนำตัวเขากลับมา เขาเป็นฆาตกรนะ ”

“ เขาเพียงแต่ถูกกล่าวหา อองตียา ” อาคินขัดขึ้น

“ คุณอย่าแก้แทนเขาอาคิน ถ้าไม่ใช่เพราะเขาคุณคงไม่ต้องออกจากตำแหน่งหัวหน้าราชองครักษ์หรอก ”

“ มันเกิดจากความบกพร่องของผม ผมต้องรับผิดชอบ ”

“ กับข้อหาพยายามลอบปลงพระชนม์นะเหรออาคิน มันมากเกินไปแล้ว นี่ถ้าหากองค์รัชทายาท ไม่พระราชทานอภัยโทษให้ ป่านนี้คุณโดนโทษประหารไปแล้ว แล้วดูซิ คุณยังต้องถูกยึดสมบัติไปอีกไม่น้อยเลย ” น้ำเสียงอองตียาทั้งโกรธทั้งเสียดาย

ผู้พันฮัซซาร์มองหน้าเธอแล้วยิ้มนิดๆ

“ แค่บ่อน้ำมันไม่กี่บ่อ เทียบกับความมั่งคั่งที่แทบจะกุมเศรษฐกิจของวาโซดิเนียไว้ทั้งประเทศ ก็แค่ขนทรายหนึ่งคันรถออกจากทะเลทรายสะฮาราเท่านั้น จริงไหม ? อาคิน ”

" ฟังเหมือนคุณจะอิจฉาเขานะ " อองตียาเยาะ

" แน่นอน " ผู้พันรับหน้าเฉย

" มิน่า ... ข้อหาลักพาตัวองค์รัชทายาทครั้งนี้ คุณถึงได้ยัดเยียดให้เขานัก "

ผู้พันฮัซซาร์ ไหวไหล่ ไม่สนใจน้ำเสียงแดกดันของอองตียา พูดกับอาคินต่อว่า

" ผมรู้มาว่าเบอร์ฮาน ถูกยิงที่ไหล่ ท้อง และต้นขาซ้าย แต่โชคดีที่ถูกช่วยไว้ได้ทัน แต่ผู้ชายอีกห้าคนถูกเชือดคอตายด้วยคมมีดของเขา ...เป็นคนที่ผมส่งออกไปทั้งหมด " น้ำเสียงตอนท้ายบอกถึงความโกรธไม่น้อยเมื่อสรุปไปเลยว่า คนของเขาถูกเบอร์ฮานสังหา ร

" ผมเสียใจ " อาคินพูดเสียงเรียบ " แต่คุณมั่นใจได้ยังไงว่า เป็นฝีมือของเบอร์ฮาน "

" ผมไม่เคยสงสัยในความสามารถของการใช้มีดของลูกน้องคุณ "

" แล้วความสามารถของการใช้ปืนของลูกน้องคุณ "

" เขาได้รับคำสั่งให้จับเป็น " ผู้พันฮัซซาร์พูดเสียงหนัก

" กับกระสุนสามนัดนะเหรอ ผู้พัน ผมไม่คิดหรอกนะว่าคนของผู้พันจะมือตกขนาดนั้น และต่อให้เบอร์ฮานเก่งแค่ไหน ก็ไม่ควรจะเชือดคอคนตายได้ทีเดียวห้าศพรวดอย่างนั้น "

ผู้พันฮัซซาร์มองหน้าอาคิน อย่างนับถือ แม้อาคินจะไม่อยู่ในวาโซดิเนียเกือบสองปี แต่เขาก็เกาะติดเรื่องนี้อยู่ดี โดยเฉพาะ เรื่องเกี่ยวกับเบอร์ฮาน

“ มันเป็นสิ่งที่ผมเองก็แปลกใจ ” ผู้พันฮัซซาร์ พูดออกมาอย่างเปิดเผย “ ฝีมือหมอเก่งทีเดียวล่ะ? แต่รู้ไหม? เรื่องของเขาถูกปิดเงียบเลยทีเดียว ผมหาข่าวไม่ได้แม้แต่นายตำรวจที่ทำคดี และหมอคนเก่งนั่นด้วย ”

“ ผมนึกว่าทางนี้จะ ขอความร่วมมือไป ”

“ ท่านผู้สำเร็จราชการต้องการให้สืบสวนในทางลับก่อน ”

“ ทำกันเอง? ”

เสียงอาคินติดจะเยาะ แต่ผู้พันฮัซซาร์ ไม่สนใจ

“ คุณก็รู้ว่า ผมเป็นคนยังไง เบอร์ฮานต้องถูกนำตัวกลับมาดำเนินคดีในประเทศให้ได้ พอๆ กับจะบอกข่าวเรื่อง องค์รัชทายาทถูกลอบปลงพระชนม์จากราชองครักษ์ไม่ได้เช่นกัน ”

อาคินมองผู้พันฮัซซาร์ด้วยสายตาล้ำลึก จริงอยู่ที่เขาและผู้พันจะเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกันมา แต่การที่ต้องรับใช้เจ้านายต่างกัน มันทำให้ยากที่จะไว้วางใจกันได้ง่าย เขารู้ว่าผู้พันฮัซซาร์เป็นคนซื่อตรง และอาจจะได้คัดตัวเข้าหน่วยราชองครักษ์เช่นกัน แต่มันขัดกับราชประเพณี ราชองครักษ์จะต้องเป็นผู้ที่สืบสายเลือดมาจากต้นตระกูลที่พระราชาธิบดีพระราชทานการแต่งตั้งเท่านั้น ความเป็นมาของผู้พันฮัซซาร์นั้นมืดมน ข่าวว่าเขาคือเด็กกำพร้าที่รอดตายจากพายุทะเลทราย ผู้สำเร็จราชการซึ่งมียศเพียงพันตรีไปพบเขาเร่ร่อนอยู่ท่ามกลางพวกพ่อค้าอูฐ จึงนำมาอุปการะดุจลูกชาย ซึ่งตอนนี้เขาเปรียบเสมือนแขนขวาของผู้สำเร็จราชการไปเลยทีเดียว ดังนั้นผู้พันจึงทั้งรักและจงรักภักดีต่อผู้สำเร็จราชการนัก และหากเรื่ององค์รัชทายาทถูกลอบปลงพระชนม์ และตอนนี้ก็หายพระองค์ไป หากยังไม่สามารถหาความกระจ่างได้ ความอึมครึมในเรื่องนี้ก็ยากที่จะไม่จับจ้องไปที่ ผู้สำเร็จราชการ เพราะเป็นคนที่จะได้รับประโยชน์สูงสุด ในการนี้

ทหารของผู้พันฮัซซาร์ เดินเข้ามายื่นโทรศัพท์ให้อย่างนอบน้อม

“ สายด่วนครับ ”

ผู้พันฮัซซาร์ รับมาฟังชั่วครู่ ใบหน้าเครียดขึ้น แต่แล้วก็เปลี่ยนเป็นเฉยชาเมื่อหันมาบอกอองตียาว่า

“ ท่านสั่งให้คุณกลับบ้านด่วน ”

“ ฉัน …”

“ เดี๋ยวนี้ ” ผู้พันเน้นเสียง พยักหน้าให้ลูกน้อง ซึ่งก็ตรงเข้ามาหาอองตียาทันที มันสร้างความฉุนโกรธให้กับเธอยิ่งนัก เพราะทุกคนจะปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด โดยไม่สนใจกับความเป็นธิดาของ ผู้สำเร็จราชการเลย จริงอยู่ที่ทุกคนจะรู้ว่าท่านพ่อรักและตามใจเธอมาก แต่มันก็อยู่ในขอบเขตของความเป็นลูกผู้หญิง และผู้พันฮัซซซาร์คนสนิทของท่านพ่อคนนี้ ก็ช่างมีความคิดคร่ำครึในเรื่องสิทธิสตรีเพศเสียเหลือเกิน หญิงสาวอ้าปากจะโต้แย้ง แต่อาคินรีบพูดออกมาก่อนว่า

“ คุณกลับไปเถอะ เรียนท่านด้วยว่า เย็นนี้ผมจะไปรายงานตัวต่อท่าน ”

ท่าทางที่จะอาละวาดขึ้นมาของอองตียาจึงลดลงไปเพราะคำพูดนี้ แต่กระนั้นเธอก็ยังไปกระชากเสียงใส่ผู้พันฮัซซาร์ว่า

“ ฉันไม่ชอบที่คุณบังอาจมาสั่งฉัน ”

“ ผมแค่ทำตามคำสั่งท่านพ่อคุณ ”

“ สักวันฉันจะบอกให้ท่านสั่งคุณไปตาย ” อองตียาเสียงขุ่น ก่อนจะสะบัดหน้าออกจากห้อง โดยมีนายทหารของผู้พันตามไปติด ๆ

พ้นร่างของอองตียา ใบหน้าของผู้พันฮัซซาร์ก็เครียด จ้องอาคินเขม็ง พูดว่า

“ ฮอ เมื่อครู่ ขาดการติดต่อ ”

ท่าทางอาคินยังเรียบเฉย เมื่อย้อนว่า

“ ที่จุดไหน? ”

“ บริเวณ ทุ่งหินแดง ”

คำว่าทุ่งหินแดง ทำให้แววตา อาคินเปลี่ยนไปเล็กน้อย

“ มีสัญญาณแจ้งเหตุก่อนขาดการติดต่อไหม? ”

ผู้พันฮัซซาร์สั่นหน้า

“ ไม่มี เจ้าหน้าที่สื่อสารเกรงว่า ... จะตก ”

เมื่อเอ่ยคำนี้ออกไป สายตาก็จ้องจับพิรุธของอาคินหากเฮลิคอปเตอร์เมื่อครู่นำบุคคลสำคัญไปด้วย อาคินลำบากแน่ แต่ท่าทางอาคินนั้นร้อนใจ แต่ไม่ถึงกับวิตกเพราะย้อนถามว่า

“ แล้วคุณได้รับคำสั่งให้ควบคุมตัวผม หรือ ไปตรวจค้นที่นั่น ”

ผู้พันไม่ตอบ แต่ย้อนว่า

“ แค่คุณบอกผมเท่านั้นว่า ใช่ การติดตามเพื่อค้นหาช่วยเหลือ จะอยู่ในระดับสูงสุดและเป็นความลับ ”

อาคินสบตาผู้พันฮัซซาร์อย่างไม่หวั่นพูดว่า

“ ผมบอกแล้วไงว่า ไม่รู้เรื่ององค์รัชทายาทจริง ๆ บนนั้นเป็นคนของผม จะขอบคุณหากคุณคิดจะช่วยติดตามอีกทาง ”

ผู้พันฮัซซาร์ มองหน้าเขา อย่างนับถือนิด ๆ แล้วก็พูดเป็นเชิงเยาะว่า

“ ไม่ว่ายังไง เราก็ต้องค้นหาอยู่แล้ว และผมก็หวังว่า การเดินทางไป คาเดียร่า ของมิสเบ็ญจรงค์จะราบรื่นขึ้นเพราะใบเบิกทางของผมนะ ”

“ ถ้าผมมีโอกาสได้เจอเธออีก จะแนะนำให้ขอบคุณ คุณ ”

ผู้พันฮัซซาร์ แค่นยิ้มกับคำพูดนี้ พยักหน้าให้ลุกน้องที่เหลือของตัวเองเดินออกไปโดยไม่กล่าวคำใด ๆ อีก

เมื่อพ้นร่างผู้พันฮัซซาร์ อาคินก็พยักหน้าให้ไรอัน

“ วิทยุตามจามาล ใช้รหัสเฉพาะถึงผู้โดยสาร บอกว่าผมจะออกไปค้นหา แล้วตรวจสอบทางฟันจาร์ด้วย ถึงไหนแล้ว ”

ไรอันลุกขึ้นเดินไปยัง ผนังด้านที่มีรูปปั้นนักรบโบราณ เพียงแตะ ที่ด้ามดาบ ผนังก็เลื่อนเปิดออก เขาเดินเข้าไปข้างในอย่างรวดเร็วเหมือนรู้ที่ทางดี

เมื่ออยู่คนเดียว สีหน้าเรียบเฉยของอาคิน มีแววเครียด แต่แล้วก็คลายลงเมื่อสายตากระทบกับตุ้มหูเพชร ชายหนุ่มหยิบมันขึ้นมา มองแสงวูบวาบในมือเล่น

น่าแปลก ที่เหมือนกับเธอถูกส่งเข้ามาขจัดความยุ่งยากให้กับเขา ความเฉียดฉิวของสถานการณ์เมื่อสองสามชั่วโมงมานี้ มันทำให้เขาเครียดอยู่เหมือนกัน ทุกอย่างแม้จะคลี่คลายไปได้ในตอนนี้ แต่เขาเชื่อว่า ความฉลาดของผู้พันฮัซซาร์ จะต้องรู้ภายในไม่ถึงสองชั่วโมงนี้แน่ และเชื่อว่าความเคลื่อนไหวของเขาต้องถูกจับตาในทุกด้าน

สีหน้าของไรอัน ยุ่งยากเมื่อเดินเข้ามา

“ มีอะไร ? ”

“ ด้านจามาลไม่มีปัญหา แต่ทางมิสเบ็ญจรงค์ ... เธอเจอก่อนถึงจุดหมายครับ ”

อาคินถอนหายใจยาว คลึงตุ้มหูรูปหยดน้ำในมือเล่นก่อนจะสั่งว่า

“ ให้กักตัวไว้ด้วย ”

...........

ระรินดาวขับรถไปตามเส้นทางแคบ ๆ อย่างไม่มั่นใจนัก สองข้างทางเป็นไม้ยืนต้นสูงรกครึ้ม มีบ้านอยู่ประปราย ก่อนที่จะมายังถนนสายนี้ ระรินดาวขับอย่างสบาย เธอได้รับความสะดวกจากจดหมายของผู้พันฮัซซาร์ ในทุกด่านปราศจากการตรวจค้น แต่เธอคงจะไม่อยู่บนเส้นทางนี้ ถ้าหากถนนที่เธอใช้อยู่ก่อนหน้าจะไม่ถูกปิดเนื่องจากเกิดอุบัติเหตุรถบรรทุกคว่ำขวางทางจราจร และเจ้าหน้าที่ที่อยู่ตรงนั้นแนะนำว่า เธอสามารถใช้ถนนนี้เพื่ออ้อมไปตัดเข้าไปยังถนนเส้นเดิมของเธอได้ในระยะเวลาไม่เกิน หนึ่งชั่วโมง

มีรถหลายคันวิ่งตามในตอนแรก ระรินดาวขับรถช้า เพราะมัวแต่สนใจกับทิวทัศน์ข้างทาง ที่เป็นตึกเก่าสร้างด้วยอิฐสีแดง มีหน้าต่างเจาะเป็นช่องเล็ก ๆ เหมือนรวงผึ้งเรียงเป็นแถวยาว เด็กๆ แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสีสดใสวิ่งเล่นกันอยู่ มีผู้หญิงบางคนใส่เสื้อคลุมยาว มีผ้าคลุมปิดหน้า เห็นแต่ลูกตา ทุกบ้านจะมีธงชาติประดับปลิวไสว แต่เมื่อขับผ่านไปประมาณยี่สิบนาที ระรินดาวเหมือนกับตัวเอง หลงเข้ามาในอีกสถานที่หนึ่ง บ้านคนที่เห็นก็เป็นอิฐสีแดงเก่า ๆ ชักจะหดหายไป ยิ่งขับถนนก็ยิ่งเงียบ ต้นไม้ก็ดูจะร่มครึ้มมากขึ้นเรื่อยๆ ระรินดาวคิดว่าตัวเองจะหลงเลี้ยวรถผิดทางหรือเปล่า จึงชะลอจอดรถ เอาป้ายชื่อถนน มาเปรียบเทียบเข้ากับแผนที่ที่เธอมีอยู่ แล้วก็ใจชื้นขึ้นเมื่อเห็นว่ามันเป็นทางอ้อม ย้อนเข้าไปสู่ถนนใหญ่จริง ๆ จึงขับต่อ ยังไง ๆ วันนี้เธอก็ต้องไปถึง คาเดียร่าให้ได้ แม้จะเสียฤกษ์ตั้งแต่เช้าแล้วก็ตาม

แล้วระรินดาว ก็สังเกตเห็นรถคันหนึ่งแล่นตามหลังเธอมา ไม่ว่าเธอจะขับช้าหรือเร็วแค่ไหน รถคันนั้นก็ยังรักษาระยะห่างได้อย่างน่าอัศจรรย์ ระรินดาวไม่สามารถเก็บความสงสัยไว้ได้ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเธอในช่วงเวลาเพียงสองวันที่มาประเทศนี้ ทำให้ระรินดาวไม่ไว้ใจในสถานการณ์นัก จึงตัดสินใจจอดรถเข้าข้างทางอีกครั้ง เสียดายที่เธอไม่สารมารถพกปืนในเมืองนี้ได้ แต่ในกระเป๋าของเธอมีชุดมีดสั้นที่เหมือนกับเป็นของที่ระลึกซ่อนอยู่ หนึ่งในมันเป็นมีดที่เธอได้รับเป็นของขวัญจาก ชายชาววาสิโดเนีย มันคงจะทำให้เธออุ่นใจขึ้นถ้าได้นำมันมาไว้ใกล้ตัว

ระรินดาวลงมาเปิดท้ายรถ จึงเห็นสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาอยู่ในท้ายรถ เธอไม่สนใจกับตะกร้าอาหาร ที่เหมือนจะใส่สิ่งของสำหรับการไปปิคนิค เธอไม่สนใจกับกระเป๋าเดินทางของเธอที่ร่นมาอยู่ด้านหน้าจนชิดขอบประตู เพื่อจะแทนที่ด้วยกองผ้าสีดำขนาดใหญ่ ที่ดูเหมือนป้ายอะไรสักอย่างถูกจับยัดลงไปอย่างไร้ระเบียบ เธอรู้ว่าเธอไม่ใช่คนจับมันยัดลงไปแน่ รถของเธอถูกใครบางคนเอาของมาซุกซ่อนไว้ มันอาจจะเป็นสิ่งผิดกฎหมาย หรืออาวุธร้ายแรงสักอย่าง

ข้อสันนิษฐานของเธอใกล้เคียงกับความจริง เพราะเพียงเธอเอาผ้านั้นออก ปลายกระบอกปืนก็จี้เข้าที่ทรวงอกเธอทันทีหญิงสาวยืนตัวแข็ง จ้องหน้าเขาเขม็ง เธอไม่คิดว่าจะเจอเขาที่นี่ แต่ ...

“ ฉันจะไม่ทำร้ายเธอ ถ้าเพียงแต่เธอจะให้โดยสารไปด้วย สักระยะหนึ่ง ”

น้ำเสียงคนพูดแม้จะแฝงไว้ด้วยความขึงขัง แต่มันก็ฟังอ่อนล้า เธอสบสายตาเขา แล้วก็กวาดสายตาเร็ว ๆ ไปทั่วร่างที่นอนตะแคงพับเข่าเพื่อให้พอดีกับความยาวของรถ เขากำลังบาดเจ็บและเจ็บหนักเสียด้วย แต่ปืนในมือมันไม่ดูอ่อนล้าเลยสักนิด

“ ถ้าคุณวางปืนลง ดิฉันยินดีที่จะให้คุณไปนั่งสบายที่ข้างหน้า ”

รอยยิ้มนิด ๆ ผุดขึ้นที่ใบหน้าอันซีดเซียวนั้น

“ เธอไม่รู้หรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ถ้าจะให้ปลอดภัยทั้งเธอและฉันแล้วละก้อ ไม่เกินสิบนาทีเธอจะขับรถผ่านบ้านหลังหนึ่งมีกระถางต้นไม้สีแดงวางอยู่ข้างหน้า ขับต่ออีกหน่อยเธอจะพบกับคนๆหนึ่ง หากเขาโบกมือให้จอด ก็จอดเลยนะ ไม่ต้องตกใจ ไม่มีอันตราย ”

“ แล้วคุณจะรู้ได้ยังไง ถ้าฉันไม่ขับไปยังเส้นทางที่คุณบอก ”

เขายิ้มเพลีย ๆ กับคำถามนี้

“ เสียงปืนที่ถล่มรถคันนี้ จะทำให้ฉันรู้ว่าเธอเปลี่ยนเส้นทาง ”

ระรินดาวเม้มปาก ถอยห่าง ปิดฝากระโปรงท้ายอย่างแรง

เหมือนกันมาก แต่ก็ไม่ใช่ ชายชาววาโซดิเนียที่เธอเคยรักษาให้ที่เมืองไทยแววตาดูจะกร้านกว่านี้

สัญชาตญาณ ทำให้ระรินดาวรู้สึกว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในเรื่องอันตรายสักอย่าง

และผู้ชายคนนี้มาอยู่ที่ท้ายรถเธอได้ ต้องเป็นฝีมือของ อาคิน แน่ ๆ

บ้าเอ๊ย ! ช่างหาเรื่องให้เข้ามายุ่งนัก ยิ่งเป็นคนอยากรู้อยากเห็นเสียด้วยสิเรา

ผ่านบ้านที่มีกระถางต้นไม้สีแดงสักหน่อย ก็มีเด็กสาวคนหนึ่งโบกมือให้เธอจอดรถจริง ๆ หล่อนเคาะประตูให้ระรินดาวเปิด และก็เป็นอีกครั้งที่ ระรินดาว อยากจะกรีดเสียงออกมาด้วยความเจ็บใจ เมื่อหล่อนเปิดประตูรถเข้ามานั่ง มีดคมแหลมก็จ่อที่คอเธอทันที และไม่รู้ว่ากลุ่มชายฉกรรจ์ที่นั่งบนหลังม้าโผล่พรวดออกมาจากทางไหน จำนวนห้าหกคน แต่ละคนถืออาวุธครบมือปลายกระบอกปืนพุ่งมาทางรถเธอ

“ ขับตรงไป ”

ระรินดาว เหยียบคันเร่งจนมิด เธอไม่กลัวแล้ว แต่เธอโกรธ

“ เลี้ยวซ้ายข้างหน้า อย่าขับเร็วนัก ถ้าพวกนั้นไม่ทัน เขาจะหยุดรถเธอด้วยกระสุนปืน และฉันก็ไม่แคร์ด้วย ในเมื่อชีวิตเธอมันไม่ได้อยู่ในสัญญา ”

ระรินดาวผ่อนความเร็ว โกรธไปก็มีแต่จะเสียหน้า สู้เฉยเสียดีกว่า ตราบใดที่มันยังไม่ถึงจุดคับขัน เธอก็ไม่ควรจะแสดงความรู้สึกให้ใครจับได้

“ จะไปอีกไกลไหม ? ฉันกลัวจะถึงคาเดียร่าไม่ทันนัด ”

“ อีกประมาณยี่สิบนาที ถ้าเธอใช้เวลาแต่งตัวให้น้อยลงคงทันนัด ”

“ ฉันต้องการสร้างความประทับใจ เมื่อแรกเห็น ”

“ โง่ ... ที่ประเทศนี้ ผู้ชายเขาไม่ให้ความสนใจกับหน้าตาหรอก เขาเพียงแต่หวังว่าเธอจะเป็นแม่พันธ์ที่ดีแค่ไหนเท่านั้น ”

“ แฟน เธอเป็นอย่างนั้นเหรอ ? ”

“ หุบปาก ”

ระรินดาวยิ้ม เด็กสาวคนนี้น่าทึ่ง เจ้าหล่อนตอบรับการสนทนาเหมือนคุยกับเพื่อนธรรมดา ๆ คนหนึ่ง และที่เยี่ยมที่สุดก็คือ มีดที่จ่อเธออยู่มันไม่กระดิกหรือสั่นไปทิศทางไหนเลย มือหล่อนมั่นคงมาก

“ ถ้าเธอเอามีดลง จะทำให้ฉันสบายใจขึ้น ” ระรินดาวบอก

“ ฉันเลือกเอาความสบายใจของฉันมากกว่า จอดที่พุ่มไม้นั่น ” ระรินดาวทำตามสั่ง

“ เปิดท้ายด้วย ”

แสดงว่าคนพวกนี้รู้ดีว่ามีอะไรอยู่ในรถเธอ จบ ๆ ไปซะ เธอจะได้ไปตามทางของเธอเสียที

เมื่อเธอเปิดท้ายรถ ชายสองคนก็มาขนาบข้าง เขาดึงเอาผ้าสีดำโยนทิ้ง ร่างของชายหนุ่มในชุดสีดำที่เธอเห็นเมื่อยี่สิบนาทีที่แล้ว นอนนิ่งเงียบหมดสติ

เสียงพูดและร้องเรียกอย่างโกลาหลเกิดขึ้น เมื่อชายในชุดสีดำถูกอุ้มออกมาอย่างทุลักทุเล ผ้าสีดำที่ถูกโยนทิ้งเมื่อครู่ ถูกนำมาพับซ้อนปูรับร่างที่บาดเจ็บทันที

รถที่ระรินดาวจำได้ว่า แล่นตามเธอมา ตรงมาจอดไม่ห่างแล้ว ชายร่างเล็กคนหนึ่ง ก็ลงมาเขา แหวกคนอื่น ๆ เข้าไปยังคนเจ็บอย่างรวดเร็ว ระรินดาวเป็นเขาแตะตามร่างกายร่างที่ไร้สตินั้น แล้วก็พูดเป็นภาษาที่เธอไม่เข้าใจให้ทุกคนฟัง

ความตระหนกตกใจเกิดขึ้นกับทุกคน

แต่ดูเหมือนเด็กสาวนั่นจะไม่อนาทรร้อนใจ ไปกับใคร ๆ

ระรินดาวก็ทนที่จะเฉยต่อไปอีกไม่ได้ เธอแทรกเข้าไปคุกเข่าตรวจชีพจร มันเต้นอ่อนเต็มทน หญิงสาวแกะกระดุมเสื้อเขาออกอย่างรวดเร็ว ผ้าพันแผลสีขาวที่พันรอบตัวเขามีเลือดสีแดงซึมออกมาเต็มไปหมด

“ ฉันเป็นหมอ ” ระรินดาวพูดกับชายร่างเล็ก

“ ฉันต้องการสถานที่สะอาด ๆ เพื่อตรวจดูแผลของเขาอีกครั้ง ”

ชายร่างเล็กนั้นชะงัก กวาดสายตามองเธอ แล้วก็พยักหน้า ตะโกนพูดกับเด็กสาวที่จี้เธอเข้ามา โต้เถียงกันอยู่สองสามประโยค เด็กสาวก็กระโดดขึ้นหลังม้าควบออกไป

“ ที่พักอยู่ไม่ไกล หลังเนินเขา ” เขาหันมาพูดกับเธอด้วยภาษาอังกฤษอย่างชัดเจน และแค่พยักหน้า ชายที่เหลือก็มาอุ้มร่างคนเจ็บขึ้นรถ

“ คุณไปกับผม ” เขาดึงแขนระรินดาวไปที่รถ

ถ้าไม่มีอารมณ์ขันมากไปกว่านี้ ระรินดาวคิดว่าเธอต้องตบหน้าเขาแน่ เมื่อขึ้นรถแล้วยังบังอาจ เอาปืนมาจ่อที่เอวเธอไว้

บ้านหลังเล็ก เหมือนเป็นบ้านพักตากอากาศ มันอยู่ในหุบเขาถ้าไม่สังเกตก็คงไม่เห็น ภายในมีเฟอร์นิเจอร์ครบครัน แต่ระรินดาวไม่มีเวลาจะเอาใจใส่ เมื่อร่างคนเจ็บถูกอุ้มเข้าไปในห้องที่มีอุปการณ์ปฐมพยาบาลเบื้องต้น เด็กสาวที่ล่วงหน้ามาก่อนคงจะจัดเตรียมเอาไว้

“ ถอดเสื้อเขาออก ต้มน้ำ หาผ้าสะอาด ๆ เตรียมไว้ด้วย ฉันจะเปิดแผล ” ระรินดาวสั่ง และดูเหมือนจะไม่ทันใจ เธอคว้าเอามิดที่เหน็บที่เอวของเด็กสาวออกมา ตัดผ้าที่พันแผลเอาไว้อย่างชำนาญ ไม่สนใจที่แม่สาวนั่นถึงกับอ้าปากค้าง ที่ถูกแย่งมีดไป และเมื่อระรินดาวเปิดแผลเสร็จ หล่อนก็คว้าหมับที่ข้อมือเธอทันที

“ เอามีดฉันคืนมา ”

ระรินดาวบิดข้อมือเพียงนิดเดียว ก็หลุดแค่พริบตาก็บิดมืออีกฝ่ายไขว่หลัง มีดจ่อเข้าที่ลำคอทันที

“ ฉันจะใช้มีดเล่มนี้ จนกว่าจะมีคนหาให้ฉันใหม่ เข้าใจไหม ? ”

แค่จบประโยค ระรินดาวอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาจริง ๆ เมื่อชายฉกรรจ์ทั้งสี่ห้าคนที่ยืนอยู่รอบ ๆ ต่างยื่นมีดที่เหน็บเอวยื่นให้เธอทันที แต่เธอเลือกที่จะรับจากชายร่างเล็ก โดยยังไม่ปล่อยเด็กสาว

“ ฉันต้องการที่จะดูบาดแผลของเขา ถ้าเธออยากจะแก้มือ ให้เก็บไว้ทีหลัง ตกลงไหม? ”

หล่อนพยักหน้าง่าย ๆ แม้แววตาจะมีรอยขึ้งโกรธ

ระรินดาวตรวจดูบาดแผลที่ระบม มีหนอง มันอาจจะติดเชื้อไปแล้ว หญิงสาวตรวจซี่โครงหักไปหลายซี่ แต่สิ่งที่เธอกังวลก็คือ บางซี่มันแทงทะลุอวัยวะภายในซึ่งอาจทำให้เลือดครั่งได้ เขาต้องเป็นคนที่แข็งแรงและอดทนมากทีเดียวจึงอยู่ได้นานถึงขนาดนี้

“ ควรส่งเขาไปโรงพยาบาล เขาต้องได้รับการผ่าตัดด่วน ”

ชายร่างเล็ก มีสีหน้ากังวล เขาพูดกับชายที่เหลือ ซึ่งแต่ละคนต่างมีสีหน้าตระหนกเมื่อรับรู้ แล้วต่างก็ถกเถียงกัน

ระรินดาวเริ่มทำความสะอาดบาดแผลให้คนเจ็บ หูก็พยายามจับใจความว่าจะมีคำไหนให้เธอเข้าใจได้บ้าง มันรัวเร็วเสียจนมีอยู่คำเดียวที่เธอเข้าใจ คือคำว่า ... อาคิน

แสดงว่าผู้ชายคนนี้ต้องมีความสำคัญมากทีเดียว อาจจะเป็นคนที่ผู้พันฮัซซาร์เข้าใจว่า อาคิน ลักพาตัว และที่แน่ ๆ เฮลิคอปเตอร์ลำนั้นต้องเป็นเป้าล่อให้ผู้พันฮัซซาร์สนใจ ป่านนี้ผู้พันฮัซซาร์จะไหวตัวทันแล้วยังนะว่า จริง ๆ แล้ว คนที่เขากำลังค้นหา ถูกนำมาใส่ไว้ที่ท้ายรถเธอ โดยมีจดหมายของเขาเป็นใบเปิดทางเสียด้วยสิ

แล้วให้ตาย ... ทำไมเธอต้องเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยนะ

ระรินดาวลอบถอนใจ พอดีกับที่สายตาเบนไปสบกับคนเจ็บที่ไม่รู้ว่า ฟื้นตัว ขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่

“ ยังไม่ไปเหรอ ? เขาถาม

ระรินดาวยิ้ม ตอบว่า

“ อีกครึ่งชั่วโมง ”

เธอถอยออกมา เมื่อเห็นชายร่างเล็กนั้นแทบจะผวาไปหาคนเจ็บ สำหรับเด็กสาวคนนั้น ระรินดาวเห็นหล่อนเดินออกไปด้านนอก ระรินดาวเดินตามออกมา

“ ฉันอยากเข้าห้องน้ำ ” เธอพูด

หล่อนหันมามองอย่างไม่เป็นมิตร แต่ก็ชี้ทางให้

ทันสมัยและหรูอย่างไม่น่าเชื่อว่า จะมีห้องน้ำแบบนี้ในป่าทึบ เพราะเครื่องสุขภัณฑ์ทุกอย่างประทับตราถึงยี่ห้อดังทีเดียว

พอออกจากห้องน้ำ ก็เห็นชายร่างเล็กนั่งอยู่ทีโซฟา

“ ผมชื่อ ฟันจาร์ ” เขาแนะนำตัวเอง

“ สตาร์ค่ะ ” เธอแปลชื่อจากดาวให้เลย

“ ต้องทำการผ่าตัดที่นี่ ผมต้องการความช่วยเหลือจากคุณ ”

“ ไม่ปลอดภัย ” ระรินดาวบอก

เขานิ่งไปครู่ แล้วก็พูดว่า

“ เราจะเตรียมอุปกรณ์ทุกอย่างตามที่คุณต้องการ ”

“ ฉันขอย้ำว่า ไม่ปลอดภัย ”

ใบหน้าเขาเองก็มีความกังวล ชายคนหนึ่งโผล่หน้าออกจากห้องเรียกชื่อเขา ฟันจาร์รีบเดินเข้าไปทันที

แล้วเสียงหึ่ง ๆ ของใบพัดเครื่องบินดังขึ้น ระรินดาวมองทะลุหน้าต่างออกไป ก็เห็น เครื่องบินเล็กลำหนึ่ง กำลังลงจอด สักครู่ร่างสูงใหญ่คุ้นตา ก็ลงจากเครื่อง เขาวิ่งเข้ามาในบ้านพยักหน้าให้กับเด็กสาวที่นั่งนิ่งอยู่โซฟา ไม่มองมาทางเธอด้วยซ้ำ เดินตรงไปเข้าไปยังห้องคนเจ็บอยู่ทันที

ระรินดาวนั่งลงที่โซฟา หน้าเตาผิง ปกติในหน้าหนาวสมัยที่เรียนอยู่ที่เยอรมัน เธอเองก็ชอบที่จะได้นั่งเหยียดยาว อ่านหนังสือหน้าเตาผิงมันให้ความรู้สึกสงบและอบอุ่นสบาย แต่ที่ประเทศนี้ มันคงอยู่ในระหว่างหน้าร้อน อากาศอบอ้าว แถมสถานการณ์ก็ยังไม่เป็นปกติด้วย

และให้ตายสิ เธอมานั่งอยู่นี่ทำไม ในเมื่อเธอไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับคนพวกนี้เสียหน่อย เธอควรจะไปเสียที

ระรินดาวลุกขึ้น แล้วเด็กสาวที่นั่งนิ่งอยู่ที่โซฟาก็ลุกขึ้น และเมื่อระรินดาวเดินไปที่ประตู เจ้าหล่อนก็ยืนขวางไว้

“ ฉันจะกลับ จะออกไปด้วยกันไหม ? ” ระรินดาวชวนเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา

“ เธอยังไม่ได้รับอนุญาตให้ไป ”

ระรินดาวยิ้ม กะจะเดินชนไปเลย ไม่ได้กลัวสักนิดกับมีดในมือหล่อน

“ มิส ” เสียงร้องเรียกของฟันจาร์ ดังขึ้นท่าทางเขาตระหนกไม่น้อย

ระรินดาวหันกลับ ก้าวเร็ว ๆ เข้าไปในห้อง ทุกคนเปิดทางให้เธอทันที คนเจ็บสลบไสล นอนหายใจรวยริน หญิงสาวส่ายหน้าเมื่อตรวจชีพจร พูดว่า

“ เขาต้องได้รับการผ่าตัดด่วน ไม่งั้นอาจไม่รอด ”

“ มีโรงพยาบาลเล็กๆ ไม่ห่างจากที่นี่ ”

“ ก็พาเขาไปสิ จะเสียเวลาอยู่ทำไม ” ระรินดาวตวาดใส่

ดวงตาคมเข้ม จ้องเธออยู่ครู่ ก่อนจะเดินไปเอาปืนสั้นที่เหน็บอยู่ที่สะโพกชายคนหนึ่งยืนให้เธอถามว่า

“ คุณยิงปืนได้เก่ง พอๆ กับจูบไหม? ”

ระรินดาว เม้มปากแน่น พยายามอดกลั้นโทสะ แต่สายตาเธอคงฟ้อง ยังไม่ทันได้หลุดวาจา อาคินก็พูดอย่างเคร่งขรึมว่า

“ ผมต้องการความช่วยเหลือจริงๆ สักนัดแบบ ...ปืนลั่น ”

น้ำเสียงจริงจังของเขาสะกดอารมณ์ที่พลุ่งขึ้นมาของระรินดาวได้ หญิงสาวรับปืนจากเขา ถามว่า

“ ทำไม? ”

“ สำหรับคนเจ็บไปโรงพยาบาล...อีกคน ”

ระรินดาว ชำเลืองไปยังร่างที่อยู่บนเตียง มีปัญหาอะไรล่ะ? ถึงต้องการเพิ่มคนเจ็บไปโรงพยาบาลอีกคน

“ จะให้ฉันยิงใคร? ”

“ ผมเอง ”

ระรินดาวมองหน้าเขา แล้วก้มมองปืนในมือ พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า

“ ฉันยิงไม่เก่งนัก แต่ยินดีที่ได้ช่วยเรื่องนี้ จะให้ยิงตรงไหน? ”

“ ไหล่ซ้ายเป็นไง? ”

“ ในห้องนี้เหรอ? ”

อาคินพยักหน้ายิ้มๆ มองหญิงสาวที่ถอยหลังห่างจากเขาไปประมาณสองเมตร ไม่อยากเชื่อว่า เขาจะไว้ใจเธอถึงเพียงนี้

“ ยิงเสร็จ สัญญาได้ไหม? ว่าจะให้ฉันเดินทางไปคาเดียร่าเสียที ”

คำพูดของเธอทำเอาอาคิน รู้สึกละอายใจวูบ ไม่ว่าเขาจะคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงยังไง แต่เรื่องอย่างนี้มันก็ไม่ควรจะเกิดขึ้นกับผู้หญิงคนไหนไม่ใช่เหรอ เธอเป็นคนต่างชาติเสียด้วยซ้ำ แต่เขาจะปล่อยเธอไปได้ยังไง สิ่งที่เธอรู้มันเป็นอันตรายกับเธอมากกว่าการอยู่กับเขาเสียอีก

“ คุณได้ไปคาเดียร่าแน่ ” เขารับคำหนักแน่น

ระรินดาวยิ้มนิดๆ มองเขาอย่างเชื่อใจ อย่างหนึ่งที่เธอมั่นใจ ผู้ชายลักษณะนี้ ไม่ผิดคำพูด แม้จะสนใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นแค่ไหน แต่ระรินดาวก็ไม่คิดจะเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงด้วย หญิงสาวมองรอบ ๆ ไปยังทุกคนในห้องต่างจ้องมาที่เธอ และอาคิน เป็นตาเดียว

“ ทำไมคุณไม่ให้คนของคุณยิงเอง ”

อาคิน สั่นหน้า

“ ทำไม่ได้ พวกเขา ... ”

ปัง !

อาคินเซไปสองสามก้าวรู้สึกแปลบเข้าที่ไหล่ขวา แต่สายตาเขายังจับอยู่ที่เธอ

“ โทษทีนะ ปืนมันลั่นจริงๆ พลาดไปนิด คุณบอกไหล่ซ้ายใช่ไหม? ”

ระรินดาวพูดหน้าเฉยยื่นปืนคืนให้เขา จะเดินออกจากห้อง แล้วก็ชะงักเมื่อฟันจาร์ เดินมาขวางเธอเอาไว้ หญิงสาวหันกลับเลิกคิ้วมองอาคิน

“ เราจะไปคาเดียร่าด้วยกัน และอย่าหาว่าผมผิดคำพูดเลยนะ เพราะคุณ ...จงใจยิงไหล่ขวาผม ”

พูดจบอาคินก็พยักหน้า ระรินดาวมองเขาอย่างไม่เชื่อที่ได้ยิน แต่แค่อ้าปากจะค้าน ก็มีมือมาตะปบที่ปากกลิ่นฉุนแรงทำให้หญิงสาวตาลายสติดับวูบทันที

อาคินมองไปยังร่างที่อ่อนระทวยของเธอ ไม่สนใจกับเลือดที่ไหลซึมออกมาจากไหล่ พูดเสียงเฉียบรวดเร็วว่า

“ บอกไรอัน เราจะไปถึงโรงพยาบาลภายในสามสิบนาที คาริดาจัดการเรื่องรถ ส่งมิสเบ็ญจรงค์ไปให้โทโท่ดูแล เคลียร์ที่นี่ ”

:+:+:+:+:+:

พูดคุยเกี่ยวกับนวนิยายเรื่องนี้ ได้ที่นี่ http://phiilipda.com/forum/viewtopic.php?f=15&t=20

หรือที่ี่บล็อกนี้ http://tantrawee.exteen.com/20080425/entry

 

 

สวัสดีค่ะ

นวนิยายเรื่อง คลื่นทรายใต้แสงดาว นี้

ดิฉันได้เขียนลงเว็บครั้งแรกก็ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2549

เขียนแล้วก็หยุดไประยะหนึ่งไปเร่งเขียน บันทึกรัอยวัน...ฉันจะเขียนนวนิยายให้จบ แทน

และก็ได้กลับมาเขียนเรื่องนี้ต่ออีกครั้ง

จนได้อัพถึงตอนจบ ในวันที่ 25 ธันวาคม 2551

ก็ร่วมเดือนแล้วค่ะ จึงขอลบตั้งแต่บทที่ 5 ออกไปนะคะ

นวนิยายเรื่องนี้อยู่ในการจัดพิมพ์ซึ่งจะวางแผงประมาณ มีนาคม 2552 นี้

  ขอบคุณมากค่ะ

ฟีลิปดา

24 มกราคม 2552


© ลิขสิทธิ์ตามกฏหมายโดย หนึ่งลิปดา

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

๑๐๐ คำถามสร้างนักเขียน
นวนิยายคุณเขียนได้ด้วยตัวเอง
 

 

ดั่งไฟรัก
 

 

ดั่งไฟพิศวาส
นวนิยายรักเร้าอารมณ์
 

 

2009 free writing

 



๕๐๕แคนโต้แห่งความรัก
 
 

 

  http://www.forwriter.com . © 2005 All rights reserved.