ว่าด้วยเรื่องราวของ เออร์เนสต์ เฮมมิงเวย
์
(หนึ่งในหนังสือที่คุณธาร่าส่งมาให้)
ถ้าวันหนึ่งผมเขียนนิยายได้จนจบเล่มแล้วล่ะก้ ผมจะต้องขอบคุณคุณธาร่าก่อนใคร
และถ้าวันหนึ่ง นิยายที่ผมเขียนจนจบนั้นมีคนอ่านมากมาย ผมคงต้องกราบขอบพระคุณคุณธาร่าเลยทีเดียว
ที่พูดอย่างนี้ไม่ใช่ว่าจะประชดหรือประจบประแจงนะครับ แต่ผมพูดจริงๆ ด้วยความตั้งใจจริงและอยากจะบอกไว้ให้รู้ เพราะว่าใบบรรดาหนังสือที่คุณธาร่าส่งมาให้ผมอ่านนั้น มีสาระและประโยชน์ พร้อมทั้งเรื่องราวอันเป็นกำลังใจบวกการกดดันตัวเองให้เขียนนิยายต่อไปอย่าท้อถอย
หนึ่งในหนังสือเล่มที่ว่าคือ Ernest Hemingway on writing ซึ่งเป็นหนังสือดีมีคุณค่าอีกเล่มหนึ่งที่ผมอยากบอกต่อ
แต่ก่อนจะบอกต่อไปได้ ผมต้องบอกก่อนว่าผมยังอ่านหนังสือเล่มนี้ไม่จบ เพิ่งได้แค่ครึ่งเล่ม ซึ่งเพียงแค่ครึ่งเล่มผมก็ได้เปิดหูเปิดตา อีกทั้งยังได้ทวนความรู้ความจำเก่าๆขึ้นมาอีกเยอะ
เป็นต้นว่า หากจะเป็นนักเขียนที่ดีก่อน เราจะต้องเป็นนักคิด เพราะเมื่อขึ้นชื่อว่านักเขียนแล้ว ย่อมจะตามท้ายด้วยคำว่านักคิด เป้น นักคิด นักเขียน(ผู้เขียน)
นั่นคือส่วนที่ฟื้นฟูความทรงจำครับ แต่ส่วนที่เป็นทัศนคติใหม่ๆนั้นก็มีอยู่มาก อย่างเช่น
นักเขียนใหม่มีจุดเริ่มต้นที่จุดจบของนักเขียนเก่า
อ่านแค่นี้คงลึกซึ้งพอแล้ว ไม่ต้องอธิบายต่อ
หรืออย่างเช่นว่า นิยายนั้นไม่ได้มีความสำคัญอยู่ที่คำบรรยายเลิศหรู หรือเรื่องราวอันดีเลิศ แต่อยู่ที่ว่า คุณเขียนมันจบหรือเปล่า
สิ่งเดียวที่ควรทำกับนิยายคือ เขียนให้จบ เขียนให้จบ
ข้อนี้ต้องระลึกไว้เสมอครับ ผมจะไม่ลืมเลย ซาบซึ้งใจยิ่งนัก
ที่สำคัญขึ้นมาอีก คือ นักเขียนคือผู้ถ่ายทอดความจริง รู้ก่อนจะเขียน ไม่ใช่เขียนแล้วค่อยหาความรู้ (ผมจะจำไว้อีกอย่างหนึ่ง)
แต่ข้อนี้ต้องอธิบายหน่อย เดี๋ยวใครหลงมาอ่าน จะเข้าใจผิดว่า คำว่าเขียนในสิ่งที่รู้นั้นคือต้องรู้ในทุกเรื่องที่จะเขียน ความจริงแล้วไม่ใช่ ความรู้นั้นนักเขียนควรมี แต่เราต้องเอาจินตนาการ หรือ ภาพความจริงที่เราคิดขึ้นในหัว ถ่ายทอดออกไปอย่างมีศิลปะ ไม่ใช่เขียนตำราช่างขาย ต้องเข้าใจให้ตรงกัน
แต่ที่สุด และสุดยอดแห่งคมคิดของเออร์เนสต์ คือ
นักเขียนจะไม่พูดมาก เพราะการพูดมากมักจะทำให้หมดพลังในการเขียน นักเขียนที่ดีต้องตั้งใจฟัง และเมื่อสนทนากับใครแล้ว ให้ระลึกรู้ไว้ว่าคนๆนั้นพูดอะไร ไม่ใช่ฟังแล้วเอาแต่คิดว่า เราจะพูดอะไรตอบโต้เขาดี เพราะถ้าทำอย่างนั้น นักเขียนก็จะมีแต่พังกับพังเท่านั้นเอง
เมื่ออ่านจบก็เหมือนโดนคุณเออร์เนสต์ตบหน้าเข้าให้ เพราะผมเป็นคนชอบพูด และพูดมาก
แม้จะฟังคนอื่นอยู่บ้าง แต่ถ้าเทียบตามหลังสถิติแล้ว ผมพูดมากกว่าฟังอย่างแน่นอน
ดังนั้น หลังจากนี้ผมจะฟังให้มากขึ้นและพูดให้น้อยลงล่ะ
หมดล่ะครับ กระทู้ของวันนี้
ปล. ข้อความทั้งหมดไม่ได้ลอกมาจากในหนังสือ แต่เป็นการประมวลผลอีกรอบเพื่ออธิบายในภาษาของผมเอง
ปล. 2 วันนี้คุณธาร่าหายจ๋อยไปเลย มาบอกว่าขอถอนตัวแล้วเงียบหายไปเลยนั้นไม่ดีนะเจ๊ น้องๆหลานๆคิดถึง
ปล. 3 คุณแสงก็หาย น้องเดวี่ก็หาย และใครอีกหลายๆคนที่ผมจำชื่อไม่ได้ก็หาย
คิดถึงครับ กลับมาซะดีๆ