ชุดประดาน้ำและผีเสื้อ (หนังสือดีที่น่าอ่านฉบับของผมเองแหละ)
ก่อนจะไปตอบกระทู้ใครในที่ใดๆ ผมก็อยากจะเล่าเรื่องของผมก่อน เพราะทุกวันนี้ เว็บ forwriter.com กำลังจะกลายเป็นไดอารี่ประจำชีวิตผมไปเสียแล้ว
วันนี้มีเรื่องอยากจะเล่า ซึ่งไม่เกี่ยวกับเทคนิคการเขียนนิยายที่อ่านแล้วงงๆของผมเลย หากแต่เป็นการบันทึกอย่างหนึ่งที่ผมอยากเผยแพร่ และที่สำคัญ ในฐานะที่ผมอยากเป็นนักเขียน และเป็นคนชอบเขียนหนังสือ ผมจึงต้องตอบแทนและขอบคุณผุ้มีอุปการระคุณด้วยวิธีนี้
เนื่องจากวันศุกร์ที่สี่ที่ผ่านมา ผมได้รับกล่องหนังสือที่แสนจะหนักสองกล่องใหญ่ๆจากคุณธาร่าเป็นของขวัญ ของรางวัล สินน้ำใจ(ตลอดจนสินบนก็ได้ถ้าใครจะคิด) ซึ่งข้างในกล่องนี้ก็มีหนังสือมากมายที่ผมอ่านแทบไม่หมด ดังนั้นผมจึงค่อยๆเลือกอ่านไปทีละนิดทีละหน่อย
และหลังจากเลือกเรื่องอยู่พักหนึ่ง หนังสือเล่มหนึ่งก็สะดุดตาผมเข้า เนื่องจากผมไม่ได้เห็นหนังสือเล่มนี้นานพอดู และเมื่อได้กลับมาเห็นอีกครั้ง ผมก็มีความสุขใจที่ได้พบกัน และก็เหมือนเพื่อนเก่าที่เวลามาเจอกันแล้วจะระลึกย้อนถึงความหลังในวันก่อนๆ หนังสือเล่มที่ผมว่าคือ วรรณกรรมฝรั่งเศสเรื่อง ชุดประดาน้ำและผีเสื้อ (Le Scaphandre et Le Papilion)เขียนโดย ณ็อง-โดมินิก โบบี้ แปลโดยคุณ วัลยา วิวัฒน์ศร
และก่อนที่ผมจะเขียนต่อไป ผมต้องบอกก่อนว่าผมจะไม่ทำการวิจารณ์หนังสือเล่มนี้ เหมือนที่เคยคิดจะวิจารณ์หนังสือเล่มอื่นๆ เนื่องจากหนังสือเล่มนี้มีคุณค่ามากกว่านั้น เป็นหนังสือที่ให้แรงบันดาลใจต่อผู้อ่านอย่างยิ่ง อย่างน้อยก็ผมคนหนึ่ง และผมคิดว่าใครที่อยากจะเป็นนักเขียนควรได้อ่านและเอาเยี่ยงคุณโบบี้ด้วย
สิ่งที่ผมจะกล่าวถึงหนังสือเล่มนี้ ในวันนี้คือความอุตสาหะวิริยะ ตลอดจนแรงใจของนักประพันธ์ เนื่องจาก ตามประวัติแล้ว คุณโบบี้แต่งหนังสือเล่มนี้ขณะที่ตัวเองเป็นอัมพาตทั้งตัว วิธีการแต่งหนังสือนั้นก็ค่อนข้างจะประหลาดเนื่องจากจะขยิบตาเลิกตาเลือกตัวอักษร คือ เมื่อผู้ช่วยบอกตัวอักษรถึงตัวที่คุณโบบี้ต้องการ คุณโบบี้ก็จะเลิกตาขึ้นทีหนึ่ง เพื่อให้คุณผู้ช่วยจัดการบันทึกลงไป (จะด้วยวิธีใดก็แล้วแต่ แต่ผมว่าน่าจะเป็นเขียนนะ) และตามประวัติก็กล่าวเอาไว้อีกว่า หลังจากหนังสือเล่มนี้วางตลาดได้สามวัน คุณโบบี้ก็เสียชีวิตลง
การกระทำของคุณโบบี้นี้ ผมถือว่าคุณโบบี้มีสิ่งหนึ่งซึ่งยากนักที่ใครจะมีด้วย นั่นคือ คุณโบบี้มีหัวใจแห่งนักประพันธ์
และหัวใจดวงเดียวกันนี้เอง ยังเป็นหัวใจแห่งมนุษย์ เป็นหัวใจที่เหนือขึ้นไปกว่าหัวใจของคนอีก
เพราะเมื่อคุณโบบี้ป่วย แทนที่คุณโบบี้จะนอนอยู่เฉยๆ และปล่อยให้ชีวิตเป็นไปตามยถากรรม แต่คุณโบบี้ไม่ยอมทำเช่นนั้น กลับเลือกที่จะฝ่าอุปสรรคทางกาย และใช้พลังใจกับพลังสมองให้ถึงที่สุด เพื่อสร้างคุณค่าให้แก่โลกนี้อย่างถึงที่สุดเช่นกัน
ผมเองก็เคยคิดเล่นๆว่า หากวันหนึ่งผมแก่ตัวลง และไม่มีแรงที่จะเขียนหนังสือ หรือถ้าวันหนึ่งชีวิตผมได้รับทุกข์ภัยใหญ่หลวงซึ่งส่งผลให้ผมไม่สามารถจะเขียนหนังสือได้อีกต่อไป ผมจะทำอย่างไร ผมจะยอมเลิกเขียนหนังสือไปเลยไหม หรือว่าดื้อแพ่งเขียนต่อด้วยวิธีอื่น
แต่แล้วผมก็คิดว่า วันนั้นยังมาไม่ถึง เอาแค่ทุกวันนี้ให้ผมสามารถเขียนงานออกมาให้จบเสียก่อนเถอะ (นิยายที่เขียนค้างไว้ เอาให้จบก่อนเถอะ) ก่อนที่จะไปนึกถึงอะไรที่ไกลตัว
ดังนั้น เมื่อได้มาเจอเพื่อนเก่าเล่มนี้เข้า ก็ทำให้ผมได้คิดสองด้านด้วยกัน ด้านหนึ่งคือผมขอชื่นชมคุณโบบี้ และอีกด้านคือ ผมจะขอเขียนนิยายผมให้จบเสียที
หนังสือดีก็เป็นแรงใจอย่างนี้แหละครับ
และการที่ผมได้มีแรงใจดีๆเช่นนี้ ผมก็ต้องยกประโยชน์ให้คุณธาร่าไปเหมือนกัน เพราะหนังสือเล่มนี้คุณธาร่าเป็นคนส่งมาให้ผมได้อ่าน และได้ระลึกถึงความหลังเก่าๆ ตลอดจนทัศนะคติบ้าๆบอๆของผม ดังนั้นจึงต้องขอบคุณคุณธาร่าอีกทางหนึ่งเช่นกัน
วันนี้กระทู้ผมมีแค่นี้แหละครับ ผมไปหาเรื่องคุณธาร่าที่กระทู้อื่นต่อดีกว่า
ปล. คำขอบคุณนี่ยกรวมเป็นคำชมได้ไหมคุณธาร่า จะได้เห็นนิยายคุณธาร่าเสียที