๑
ในชีวิต พายุ เบ็ญจรงค์ ไม่เคยคิดว่าเรื่องอย่างนี้จะเกิดกับเขา
เงินแค่ หกสิบเอ็ด บาท ไม่มีติดตัว
และตอนนี้กำลังถูกแม่ค้าอาหารตามสั่ง มองตั้งแต่หัวจรดเท้า
จะมาเบ่งกินฟรี กับข้าเหรอ รู้จักอีหวินน้อยไป ไอ้พวกวินหน้าซอยมันเด็กข้าทั้งนั้น
พายุ นึกอยากจะหัวเราะ แต่ก็หัวเราะไม่ออก
ผมไม่ได้ตั้งใจเบ่ง กระเป๋าตังค์หายจริงๆ ผมจะมาหาเพื่อน หมวดขจร น่ะป้ารู้จักไหม ผมแวะมาหาเขา แต่เขาเคยบอกผมว่า ร้านป้าทำข้าวผัดกระเพราอร่อย ผมเลยแวะกินก่อน ป้าไม่เชื่อก็ให้เด็กป้าไปกับเอาเงินที่บ้านเขากับผมก็ได้
อาจจะเพราะท่าทางและหน้าตาของพายุ กระมัง ที่ทำให้ป้าหวินยอม แต่ก็ยังเป็นโชคร้ายของเขา เพราะเมื่อไปถึงบ้านเช่า ของเพื่อน ก็ปรากฏว่า ใส่กุญแจเงียบ ไม่มีคนอยู่
เอางี้แล้วกัน วันนี้ผมอยู่ล้างชามให้ป้าทั้งวัน แทนค่าข้าวก็ได้
ป้าหวิน มองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกครั้ง ไอ้หนุ่มนี่หน้าตามันดี แม้หนวดเคราจะรุงรังเหมือนคนไม่ได้โกนมาหลายวัน แต่แววตามันสุกใส
ช่างเถอะ ! คิดเสียว่าข้าทำบุญแล้วกัน
พายุ อดจะยิ้มไม่ได้ เมื่อต้องพูดออกมาตรงๆ ว่า
ให้ผมทำเถอะป้า จะได้ไม่มีบุญคุณต่อกัน อีกอย่างถ้าทำถึงปิดร้าน ป้าจ่ายผมเพิ่มสักร้อยแล้วกัน จะได้มีเงินค่ารถกลับ
กำลังตกงานเหรอเอ็ง
ลาพักมาเที่ยวน่ะป้า แต่ซวยจัง ถ้าไม่ถูกล้วงกระเป๋า ก็ต้องหล่นในรถแน่ๆ
เขาไม่ได้บอกละเอียดว่าเป็นรถของ พี่ชาย ที่ให้ลูกน้องขับมาส่งเขาที่ปากซอยแห่งนี้ ความจริงเขาจะโทรศัพท์ไปบอกพลังพลก็ได้ แต่ก็นึกสนุกอยากจะทำอะไรเล่น ๆ ในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อนเท่านั้น
เคยเป็นอะไรมาตั้งหลายอย่าง มาเป็นเด็กเสริฟล้างชามดูบ้างจะเป็นไร?
ดังนั้น ทั้งวันร้านป้าหวินจึงได้ยินเสียงทักจากผู้คนว่า
แฟนนังหวีมาช่วยล้างจานเหรอนังหวิน
ป้าหวินขึ้เกียจอธิบายจึงตอบสั่นๆ ว่า
หลานชายมาจากต่างจังหวัด
ร้านป้าหวินขายดีจริงๆ แม้จะเป็นเพียงร้านอาหารตามสั่งเล็ก ๆ แต่พายุก็เรียนรู้ว่าหากจัดระบบไม่ดี มีหวังวุ่นเหมือนกัน ในเวลาที่ลูกค้าเข้ามาพร้อมๆ กัน ทั้งในเรื่องการรับคำสั่ง การเสริฟ การจัดคิวโต๊ะไหนก่อนหลัง ที่นี่มีเด็กเสริฟเป็นเด็กวัยรุ่นอยู่เพียงสองคนต้องทำหน้าที่ล้าง และทำน้ำปั่นไปด้วยหากมีคนสั่ง
เด็กของป้าหวินคล่องมาก จนเขานึกทึ่ง เพราะจำได้หมดว่าใครสั่งอะไร วางได้อย่างถูกต้อง และแม้แต่การเก็บเช็ดโต๊ะก็ทำได้อย่างรวดเร็ว
ความคล่องแคล่วของการเสริฟในร้านอาหาร เขาคิดว่ามันเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่ง ที่ดึงดูดใจคนกิน เพราะเขาเองเป็นคนรำคาญที่สุด ที่เห็นความเชื่องช้าในร้าน และเกลียดที่สุดก็คือการคุยกันในเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับงานในระหว่างการเสริฟ เพราะกว่าจะหยิบช้อนหยิบตะเกียบให้เข้าคู่ เพื่อนำมาเสริฟลูกค้า มันก็น่ารำคาญตาแล้ว มาตรฐานอย่างนี้ มันน่าจะมีการฝึกไม่ว่าจะเป็นร้านที่หรูหรา หรืออยู่ตามแผงฟุตบาท
พายุไม่ได้ช่วยเก็บเงินเพราะเขาไม่รู้ราคาอาหารแต่ละอย่าง แม้กระทั่งการรับคำสั่ง ก็ทำไม่ได้ เพราะเขาจำไม่ได้ว่าคนไหนสั่งอะไร จึงทำหน้าที่เพียงล้างจานและช่วยเสริฟเท่านั้น แต่การเสริฟของเขาก็แย่เพราะทำอะไรหกเรี่ยราด ลูกค้าไปหลายราย แต่อาศัยความสุภาพที่รีบขอโทษ ทำให้ลูกค้าไม่ต่อว่า
สองทุ่มกว่าๆ ร้านเริ่มจะว่าง ป้าหวินก็ถามเขาอย่างใจดีว่า
หิวไหมเอ็ง?
ถ้าป้าจะเลี้ยงผม ก็ขอเหมือนมื้อกลางวันแล้วกัน
พายุนั่งกินอยู่ที่โต๊ะว่างในร้านนั่นแหละ แล้วเขาก็เห็นรถคันหนึ่งแล่นมาจอดหน้าร้านสองคัน คันแรกเป็นหญิงชายคู่หนึ่ง ส่วนคันที่สองเป็นชายล้วนสามคน ทั้งหมดเป็นชาวต่างประเทศล้วน คงเป็นนักท่องเที่ยว ทั้งหมดเดินเข้ามาในร้าน แต่แทนที่จะนั่งโต๊ะด้วยกัน ผู้ชายสามคนกลับแยกนั่งไปอีกโต๊ะเหมือนไม่ได้มาด้วยกัน
แต่โดยประสบการณ์ พายุรู้สึกว่า ไม่ธรรมดา เพราะท่าทางของชายสามคนแม้จะอยู่ในเสื้อฮาวายและกางเกงขาสั้นก็มีบุคลิกที่ต่างออกไปจากนักท่องเที่ยวธรรมดา เพราะเวลาเดินเข้ามา ต่างพากันกวาดสายตาไปทั่วร้านทันทีเหมือนกัน
เหมือนบอดี้การ์ด เขานึก แต่ไม่สนใจ
เด็กป้าหวินสองคนซึ่งคงจะคุ้นเคยกับคนต่างประเทศและพอจะเข้าใจภาษาต่างประเทศอยู่บ้างไปรับคำสั่ง แต่ปรากฏว่า ชายหญิงทั้งคู่พูดภาษาไทยได้ชัดเจนทีเดียว
พายุ นั่งกินเงียบๆ เพราะผู้สตรีผู้นั้น นั่งอยู่โต๊ะหน้าเขาพอดี จึงอดไม่ได้เหมือนกันที่พายุจะมอง แล้วสายตาของเขาก็สบกับดวงตาเรียวสุกใสนั้น ชายหนุ่มไม่หลบเพราะเผลอตะลึงกับความงามมีเสนห์ของใบหน้านั้น ส่วนอีกฝ่ายก็มองตอบมาอย่างเรียบเฉยแกมถือตัว แต่ก็ไม่ยอมเมินเหมือนกัน เหมือนต่างฝ่ายจะไม่ยอมเป็นฝ่ายหลบก่อน แต่เมื่อบุรุษที่มาด้วยจะพูดบางอย่าง สายตานั้นจึงเบนจากเขาไป
พายุนึกขำนิด ๆ ไอ้เกมส์จ้องตากันอย่างนี้ ปกติเขาไม่เคยทำ แต่อะไรไม่รู้ที่ทำให้เขาไม่อยากเป็นฝ่ายหลบก่อน ความสวย หรือสายตาที่ติดจะหมิ่นๆ ของเจ้าของหรือเปล่านะ
ไอ้หนุ่ม มาเอาข้าวไปเสริฟโต๊ะห้าหน่อย
ป้าหวินตะโกนเรียกเขาจากหน้าร้าน พายุจึงลุกขึ้น ไปรับจานข้าวที่หน้าร้านจากป้าหวิน สองมือเขาถือจานข้าว เดินผ่านโต๊ะของชายสามคน ไปยังโต๊ะของชายหญิงคู่นั้น ยังไม่ทันจะวางจานข้าวลง หางตาเขาก็เห็นบางอย่าง แล้วเสียงปืนก็ดังรัวขึ้น
พายุเสียวแปลบที่ไหล่ และชายโครง แต่ปฏิกิริยาของเขายังเร็วเมื่อทิ้งตัวคร่อมร่างผู้หญิงคนนั้นจนล้มจากเก้าอี้ ส่วนขาอีกข้างก็ยันเก้าอี้ของชายหนุ่มที่นั่งข้างเธอล้มหงายไปกับพื้น
แล้วสติเขาดับวูบไปก่อนจะรู้ด้วยซ้ำว่าใบหน้าของตัวเองไปซบอยู่ส่วนใดของคนที่อยู่ด้านล่าง
*****
กลิ่นโรงพยาบาลเป็นกลิ่นพิเศษ ที่แม้พายุจะเกลียด แต่เขาเหมือนตกอยู่ในภวังค์ เหนื่อยและง่วง อยากจะนอนอย่างเดียว ดังนั้นเมื่อรู้สึกเหมือนใครมาสะกิดพร้อมเสียงปลุกที่เบาเหมือนเกรงใจคล้ายกับว่ามีคนมาเยี่ยม ก็ทำเอาเขาถึงกับบ่นอย่างหงุดหงิดทั้ง ๆ ยังหลับตาว่า
มาทำไม คนจะพักผ่อน รำคาญ !
แต่ความเงียบก็ทำให้เขาต้องเป็นฝ่ายลืมตา หมอในชุดเสื้อกาวน์สีขาวยืนอยู่ตรงหน้า แล้วเมื่อกวาดสายตาเลยไปด้านหลังก็ต้องอึ้ง เมื่อเห็นสตรีและบุรุษชาวต่างประเทศคู่หนึ่ง เยื้องไปนิดก็ตำรวจนายหนึ่งยศไม่น้อยเพราะเป็นถึงพันตำรวจเอก และด้านหลังถัดไปยังคงเป็นชายสามคนที่เขาเคยเห็นอยู่ร้านอาหาร
มาเยี่ยม ไม่อยู่นานให้รำคาญหรอก เสียงบุรุษนั้นพูดยิ้ม ๆ แต่สตรีเคียงข้างเขา เพียงแต่มองมาสายตาติดจะขุ่นนิดๆ เหมือนไม่พอใจ
ไว้มานอนเองเถอะ ถึงไม่มีคนมาเยี่ยมก็ยังต้องรำคาญตัวเองเลย
พายุตอบ
ฉันกับน้องสาวมาขอบคุณที่ช่วยเอาไว้
ไม่เป็นไร มันบังเอิญไปสะดุดล้มเท่านั้นน่ะ ผมไม่ได้ตั้งใจ พายุตอบอย่างไม่ใส่ใจ แล้วหันไปถามนายตำรวจว่า
ป้าหวิน กับเด็กเสริฟสองคนเป็นไงบ้างครับคุณตำรวจ
ไม่มีใครเป็นอะไร นอกจากนาย ชื่ออะไรล่ะ?
พายุสบตานายตำรวจแล้วตอบอย่างเพลีย ๆ ว่า
ถ้าอยากสอบปากคำผม ขอเป็นอีกสักสามสี่ชั่วโมงได้ไหม? ผมอยากพัก ไม่พูดเปล่า พายุยังหลับตาเฉยเสียอีก
กิริยาไม่แยแสของพายุ มีอันทำให้ สีหน้าของนายตำรวจผู้นั้นเจื่อนลงไปทีเดียว เขามอง ไปยังชายหญิงที่แนะนำตัวเองว่าเป็นพี่น้องกันอย่างขออภัยแทน
อย่ารบกวนคนเจ็บเลย คงรำคาญพวกเราแย่แล้ว มอบเงินให้เขา แล้วกลับเถอะค่ะ
เพราะน้ำเสียงแม้จะหวานใส แต่ติดจะรำคาญนิด ๆทำให้พายุต้องลืมตาขึ้น แล้วก็สบสายตากับผู้พูดอย่างจัง อีกฝ่ายเชิดหน้ายิ้มนิด ๆ เมื่อหันไปบอกผู้เป็นพี่ชายว่า
แต่ต้องหักค่าปะทะที่เขาชนแรงเกินไป จนไหล่น้องเคล็ดด้วยนะ
จะหักค่าเสื้อคุณเปื้อนเลือดผม ไปด้วยผมก็ไม่ว่า เหลือเท่าไหร่ ก็เข้ามูลนิธิคนตาบอด หรือปัญญาอ่อนไปเลย เป็นพยานเลยนะคุณตำรวจ
ไม่อยากพูดอย่างนี้หรอก แต่บังเอิญเขาเป็นคนที่ไม่ชอบผู้หญิงสวยแล้วหยิ่ง มันกวนใจเขาจริงๆ
ใบหน้างามนั้นอึ้งคอแข็ง ผู้เป็นพี่ชายเพียงแต่จ้องเขานิ่ง ๆ
แล้วเธอผู้นั้นก็เดินออกจากห้องไปเงียบๆ
แต่นายตำรวจใหญ่นั้นถึงกับ เหงื่อตก พูดอย่างนอบน้อมว่า
ประทานอภัย ...
ไม่เป็นไร เสียงนั้นนุ่มลึก สายตามองไปที่พายุ
ไว้จะกลับมาเยี่ยมใหม่
ทุกคนต่างพรึบ เดินตามออกไป
นายตำรวจใหญ่นั้น ส่งสายตาขมึงถึงให้พายุ ก่อนจะรีบเดินตามทุกคนออกไปเช่นกัน
พายุขยับตัวจะนอนต่อ แล้วก็เห็นใบหน้า ของหมอที่ยืนนิ่งเงียบมองมายังเขาเหมือนตกตลึง ทำให้อดไม่ได้ที่จะถามว่า
มีอะไร?
นั่นเจ้าชาย ราเมซ กับเจ้าหญิง ราดิยัน ของประเทศ ซานตาบันกา นะ คุณไม่รู้จักเหรอ?
พายุส่ายหน้ากลืนน้ำลายเหนียว
ฉิบหาย ซวยแล้วสิ !
ขอยานอนหลับ เขาสั่งสั้นๆ
ยังไงก็ขอพักไว้ก่อนล่ะวะ เรื่องอื่นเอาไว้พูดทีหลัง โดยส่วนตัวน่ะไม่ได้กลัวเกรงอะไรหรอก แต่เรื่องหน้าตาของประเทศนี่สิ มันทำให้เขาวิตกนิดๆ แม้จะแก้ตัวว่า
ก็คนมันไม่รู้นี่หว่า ! แล้วก็เถอะ
แต่ไอ้ประเทศนี้ มันมีในโลกตั้งแต่เมื่อไหร่กันวะ !
เจ้าหญิงราดิยัน กระแทกตัวนั่งที่เบาะอย่างกระฟัดกระเฟียด
โมโหอะไรน้องหญิง
ก็ฟังที่นายคนนั้นพูดสิเพคะ?
เขาคงไม่รู้ว่าเราเป็นใคร ส่วนหญิงเองก็พูด ไม่เข้าท่า
สุรเสียงแม้จะเนิบนิ่ม แต่คนฟังก็รู้ตัวว่าถูกตำหนิอยู่กลายๆ
ก็ไม่คิดจะพูดอะไรให้มันหยาบคายแบบนั้น แต่สายตาจาบจ้วง ที่มองสบกันครั้งแรกที่ร้านอาหารนั้นต่างหาก ทำให้โกรธ แม้จะคิดในแง่ดีอีกหน่อย ตอนที่เขาช่วยบังร่างให้พ้นกระสุน แต่ก็เพราะถูก ล้อเลียน จากเจ้าพี่นี่แหละทำให้ จึงยังทำให้จิตใจไม่สงบนัก
นี่ถ้าไม่คิดว่ามันช่วยน้องหญิง เห็นทีต้องตัดหัว กอดเสียแน่น ท่าสวยเสียด้วย ยังกับชาตินี้จะไม่ให้ใครมาพรากเขาออกไปจากน้องแบบนี้
ตอนเกิดเรื่องก็ตกใจ แต่พอจะขยับลุกขึ้นก็ทำไม่ได้ เพราะร่างบึกบึนนั้นหนักไม่ใช่เล่น วงแขนก็รัดเสียจนหายใจไม่ออก นั้นไม่สำคัญเท่ากับใบหน้า ที่ช่างซุกที่ทรวงอกได้อย่างเหมาะเจาะ แต่อะไรก็ไม่ร้ายเท่า มือที่โอบอยู่ด้านหลังมันสอดเข้าไปในเสื้อด้านใน ความเลวร้ายก็คือ แหวนที่เขาใส่ดันไปคล้องเข้าตะขอบราเซียร์ได้อย่างไรก็ไม่รู้ หากจะคิดว่าทุกอย่างมันเป็นเรื่องจงใจ ก็ไม่น่าจะทำได้ถึงเพียงนั้น แต่หากจะคิดว่าเป็นความบังเอิญ ก็ช่างบังเอิญได้อย่างสมบูรณ์ ให้ได้อายจริงๆ
มันเป็นแหวนทองคำขาว ที่ฝังคริสตัลรูปหัวใจเล็ก ไว้รอบ ด้านในมี อักษรสลักไว้ เป็นตัวพีและตัวบี ตอนนี้มันประดับอยู่ที่นิ้วของพระองค์ ไม่ได้ตั้งใจจะขโมย แต่ตอนถอดแหวนเขาออก ก็สวมเอาไว้ ก็ตั้งใจจะคืนตอนมาเยี่ยมนี่แหละ แต่พอฟังน้ำเสียงของเขาแล้ว อารมณ์เสียขึ้นมาทีเดียวเลยลืม
ยังต้องอยู่ที่นี่อีกนาน อย่าเอาแต่ใจตัว ไม่ใช่ที่บ้าน
เจ้าหญิงเม้มโอษฐ์ พระจริยวัตรของเจ้าพี่นั้น งดงาม เป็นที่ชื่นชมของคนทั่วไปนัก ส่วนองค์เองนั้น เสด็จพ่อทรงตรัสสั้นๆ ว่า
คงเพราะไปอยู่เมืองนอกตั้งแต่เด็ก
แค่ประโยคเดียว ก็พระเศียรหดแล้ว เพราะรู้ว่า ไม่โปรด แต่การที่เจ้าพี่เสด็จมาด้วย ก็เป็นสิ่งที่องค์เองก็อึดอัดอยู่เหมือนกัน ความจริงแล้วไม่น่าจะเป็นห่วง เพราะเมืองไทยนี้ เสด็จมาบ่อยพระสหายที่เป็นคนไทยก็เยอะ
เรย์ รู้แล้วยังว่าคนเจ็บเป็นใคร? เจ้าชายราเมซตรัสถามองครักษ์
ทราบแต่ว่า เขาไม่ใช่คนที่นี่ ไปเสริฟอาหารที่ร้านนั่น เพราะไปกินแล้วไม่มีเงินจ่าย ก็เลยขอเจ้าของร้านทำงานแทน
ใบหน้าของเจ้าชายนิ่งสงบ แต่พระเนตร ฉายแววครุ่นคิด เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ได้ทำให้พระองค์ตกพระทัย เป็นห่วงก็แต่น้องหญิง หากยังอยู่ที่นี่จะปลอดภัยไหม? เกิดเรื่องอย่างนี้ พระองค์เองต้องรีบกลับไป ซานตาบันกา หรือสิ่งที่หน่วยข่าวของพระองค์เองสืบมาจะเป็นจริง
มีกลุ่มคนใกล้ชิดต้องการล้มล้างราชบัลลังถ์ แต่จะเป็นใครล่ะ?
พายุ ตื่นขึ้นมา และกลิ่นบางอย่างทำให้เขาถึงกับจามออกมาทันที อาการจามทำให้มันสะเทือนไปถึงแผลจนเจ็บขึ้นมา เขามองไปรอบ แล้วก็รู้สาเหตุ แจกันดอกไม้เต็มไปทั้งห้อง เขาจามอีกครั้ง ก่อนจะกดเรียกพยาบาลเข้ามา แค่ได้ยินเสียงเปิดประตู เขาก็สั่งโดยไม่มองเลยว่า
เอาดอกไม้ออกไปให้หมดเดี๋ยวนี้!
สั่งฉันเหรอไอ้ยุ
ชายหนุ่มเงยหน้า
อ้าว ! พี่เพลิง พี่รบ
ซ่า ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเลยนะแก
พายุยิ้มแหย หากพี่ชายเขาเดินทางมาเอง ก็ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญและพันเพลิงคงได้รับรายงานทั้งหมดแล้ว
ก็คนไม่รู้จริงๆ รู้ได้ไงว่าผมอยู่นี่ ตำรวจเหรอ?
เปล่า หมวดขจรเขาแจ้งไป เรื่องที่เกิดเขาปิดเงียบ กลัวเสียชื่อ
โห ! ยิงสนั่นเสียขนาดนั้น ปิดไหวเหรอพี่เพลิง
ก็ตอบว่าไม่ได้รับแจ้ง หรือไปที่เกิดเหตุแล้วไม่พบอะไร หน้าไหนมันจะพูด
อ้าว ! แล้วคนที่ร้าน
ตกใจจนไม่เห็นอะไร
พันเพลิงตอบน้องชาย แล้วดึงเก้าอี้ว่างมานั่งตรงหน้า ส่วนโรมรัน เดินไปสำรวจแจกันและช่อดอกไม้ต่างๆแล้วหันมายิ้มนิดๆ
เป็นคนไข้พิเศษเลยนะเรา
ถ้าพี่รบจะลองมั่ง ก็ได้นะครับพยาบาลสวยดี
เลยเจ็บสำออยพยาบาลอยู่นี่เลยสิ โรมรันพูดอย่างอารมณ์ดี เดินกลับมานั่งหย่อนขาที่ปลายเตียงมองหนุ่มรุ่นน้องเงียบๆ
เล่ามาให้ฟังสิ แกไปอยู่เป็นเด็กล้างจานที่ร้านนั่นได้ยังไง? พันเพลิงถาม
ก็ผมออกจากเกาะพี่พล จะมาหาไอ้จร เลยแวะกินข้าวกระเพราไข่ดาว แต่ไม่รู้ กระเป๋าตังค์หายไปไหน เลยขอล้างจานแทนค่าข้าว
ทำไม ไม่โทรกลับไปหานายพล
ไม่รู้สิ อารมณ์มันนึกสนุกอยากทำอะไรเล่นๆ เท่านั้น พูดแล้ว พายุก็จามออกมาอีกครั้ง
เรียกใครมาเอาดอกไม้ออกไปทีเถอะ จามทีมันกระเทือน เจ็บแผล
ดอกไม้ทรงเยี่ยมเชียวนะ ใครมันจะกล้าเคลื่อนย้าย ยังไม่เหี่ยวเลย โรมรันบอก
โอย พี่เพลิง พี่รบ ขอร้องล่ะ ผมแพ้กลิ่น
เวรเอ้ย ! เป็นทหารกับเขาได้ยังไง พันเพลิงสบถใส่ แต่ก็พยักหน้าให้โรมรัน ลุกเดินไปหยิบเอาแจกันดอกไม้คนละหอบเปิดประตูออกไป
สวนทางกับนางพยาบาลที่กำลังจะเดินเข้ามา เธอหน้าตื่น ถามทันทีว่า
พวกคุณเอาออกมาทำไม?
คนไข้เขาแพ้กลิ่น
เอาเข้าไปก่อนได้ไหม? กำลังเสด็จขึ้นมา
พันเพลิงกับโรมรันมองหน้ากัน แล้วก็ย้อนกลับเข้าไปในห้องใหม่
กำลังจะเสด็จขึ้นมาไอ้ยุ อดทนเอาหน่อย เดี๋ยวจะกลับมาคุยด้วย
สั่งเสร็จทั้ง พันเพลิง และโรมรัน ก็ฉากหลบออกไปทันที
พายุ ถึงกับจามออกมาอีกครั้ง เขาอยากจะทำเป็นนอนหลับไม่รู้ไม่เห็นไปเลย แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะความรู้สึกอยากจะจามมันหยุดไม่ได้ ดังนั้นคนที่เปิดประตูเข้ามาจึงเห็นเขาจามและอยู่ในอาการที่ทุลักทุเลเต็มทน แล้วชายหนุ่มก็ไม่คิดอยากจะฝืน เมื่อเห็นหมอเขาก็พูดทันทีว่า
คุณหมอ ผมแพ้กลิ่นดอกไม้ ช่วยให้ใครเอาออกไปทีเถอะ
หมอทำสีหน้าจืดๆ หันไปทางนายตำรวจใหญ่ก็มีสีหน้าพอกัน ยิ่งมองไปยังเจ้าของแจกันดอกไม้อันใหม่ที่ให้คนติดตามถือขึ้นมายิ่งทำหน้าไม่ถูก
ให้ใครเอาออกไปเถอะ เดี๋ยวคนไข้จะยิ่งอาการหนักกว่านี้ น้ำเสียงนี้ไม่ส่อวี่แววความรู้สึกใด ๆ ยิ่งใบหน้าคนพูดยังยิ้มละไมอยู่ คนปฏิบัติตามจึงหายใจสะดวกขึ้น แต่จะเรียกใครก็คงไม่สะดวกเท่ากับทำเอง ดังนั้นหมอและนายตำรวจใหญ่ รวมทั้งผู้ติดตามอีกสองคนจึงต้องดำเนินการเอง ต่างพากันหยิบแจกันดอกไม้ออกไป
ร่างสูงระหงนั้นเดินเข้ามาใกล้ ถามขึ้นว่า
แพ้กลิ่นน้ำหอมด้วยไหม? จะได้ยืนห่างๆ
พายุแกล้งจามเป็นคำตอบ
แต่...วันนี้ไม่ได้ใช้
คราวนี้สุรเสียงเหมือนจะส่อแววรู้ทัน
พายุถึงกับกัดลิ้นตัวเองไว้ กลัวจะเผลอต่อปากออกไป
เงินน่ะ จะเอาเข้ามูลนิธิคนตาบอดให้นะ แต่ยังไม่รู้เลยว่าจะใช้ชื่ออะไร
คำว่า ตาบอด เหมือนจะเน้นเป็นพิเศษ
ทำไมไม่ลงชื่อ เป็นผู้ไม่ประสงค์จะออกนาม
คิ้วโก่งเรียวขมวดเข้าชิดกัน เหมือนไม่เข้าใจ
ก็เวลา คนทำบุญไม่ต้องการให้คนรู้ชื่อ ก็จะบอกว่า จากผู้ไม่ประสงค์จะออกนาม เมื่ออีกฝ่ายยังงง ๆ พายุก็เลยพูดซ้ำว่า
หมายถึง โนเนมน่ะ
อ๋อชื่อ โนเนม เหรอ แปลกดีนะ มิสเตอร์โนเนม คนพูดทวนคำเบา ๆ ในตอนท้าย
แต่พายุมองนิ่ง ชักไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายแกล้ง ไม่รู้จริงหรือเปล่า?
หมอเป็นคนเดินนำหน้ากลับเข้ามาก่อน ร่างนั้นถอยห่างออกเล็กน้อย นิ่งมองหมอเข้ามาตรวจบาดแผล อย่างสนใจ
ทำไมเลือดซึมออกมาล่ะ? ขยับตัวจนแผลปริหรือเปล่า? หมอเปรยขึ้น
ฟังเหมือนตัวเองถูกตำหนิ พายุกำลังหาทางลงเสียด้วยเลยตอกกลับไปว่า
ก็แพ้ดอกไม้ จามจนกระเทือนไปถึงแผลนะสิ ใครเขาจะแกล้งทำเป็นเล่น นอนอยู่นี่สนุกเสียที่ไหน คุณหมอ
หมอเองก็เผลอชักสีหน้า เพราะตั้งแต่รักษาคนไข้คนนี้มา แม้แต่พยาบาลก็ลงความเห็นเช่นเดียวกันว่า
ให้มันหลับ น่ะดีที่สุด
ความจริงเขาไม่ได้เป็นหมอประจำโรงพยาบาลนี้ แต่ถูกเรียกตัวมาผ่าตัดด่วน ท่าทางคนไข้สำคัญไม่ใช่เล่น เพราะอลเวงกันทั้งโรงพยาบาล ทั้งผู้ว่าราชการ นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ เดินกันให้ว่อน ข่าวว่ารัฐมนตรีมหาดไทยยังมาแบบเงียบๆ เสียงซุบซิบกันวงในนั่นแหละ เขาถึงได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
คนไข้รายนี้ช่วยชีวิต เจ้าชาย และเจ้าหญิง จากประเทศซานตาบันกาเอาไว้จากการลอบสังหาร
เขารู้ว่าตำรวจจากทั้งสองประเทศกำลังสืบเรื่องนี้ในทางลับ ไม่อยากให้เป็นข่าวใหญ่โต
แต่ไม่มีใครรู้ว่า คนไข้รายนี้เป็นใคร จะถามไถ่ก็เหมือนยังไม่มีสติจะตอบ เอาแต่นอนอย่างเดียว
แต่เวลาตื่นขึ้นมา ก็มักจะหงุดหงิดอารมณ์เสีย จะว่าเป็นชาวบ้านไร้การศึกษา ก็ไม่ได้น่าจะใช่
ก็ดูแต่วิธีพูดมันสิ แขวะทั้งเขาทั้งเจ้าของดอกไม้เลย
ร่างสูงระหงนั้นเดินเข้ามาใกล้
เจ็บมากไหม? คราวนี้น้ำเสียงฟังห่วงใยอย่างเห็นได้ชัด
พายุมองสบตา แล้วก็ตอบว่า
ไม่มาก
งั้นจะกลับแล้ว จะได้พักผ่อนหายเร็วๆ นะ พูดเสร็จก็ยิ้มให้เขา เดินออกไปอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย คนติดตามก็พรึบออกไปเช่นกัน
แต่หมอก็ไม่ลืมที่สั่งพยาบาลเข้ามาปิดแผลให้เขาใหม่
เจ้าหญิงราดิยัน นี่สวยนะ ไปประกวดนางงามจักรวาลได้สบายๆ เลย พยาบาลชวนคุย
แล้วก็สงสัยที่เห็นชายหนุ่มเงียบขรึมผิดปกติ
เจ็บแผลหรือเปล่า? เอายานอนหลับไหม?
พายุยังไม่ได้ตอบ แล้วประตูห้องก็เปิด พันเพลิง กับโรมรันเดินเข้ามา
อ้าวเป็นไรล่ะ? พันเพลิงถามเมื่อเห็นพยาบาล ทำแผลให้น้องชาย
จามแล้วแผลมันปริครับ
คำตอบนี้สุภาพเสียจน พยาบาลมองหน้าคนไข้ ก่อนจะหันไปยังคนที่เข้ามาใหม่
เอาดอกไม้ออกแล้วคงดีขึ้น จะเสร็จแล้วยัง?
จะเสร็จแล้วค่ะ พยาบาลตอบ แม้จะนึกสงสัยว่าสองคนนี้เป็นใคร แต่ท่าทางคงจะเข้าใจอะไรๆ อยู่บ้างหรอก ดูแต่เธอบอกเอาแจกันดอกไม้กลับเข้ามาสิ พวกเขาก็ทำโดยไม่ถามเลย แต่ที่น่าสนใจก็คือ หล่อเอาเสียอยากจะไปคุยให้เพื่อนๆ ฟังเสียแล้วสิ
พี่เพลิง มารับงานนี้เหรอ? พายุถามพี่ชายทันทีที่ พยาบาลออกไปแล้ว
ก็ไม่เชิง แต่คนดูแลของทางโน้น รู้จักกัน
รวมถึงพวกบอดี้การ์ดไหม?
ยังไม่ได้คุยถึงเรื่องนั้น มีอะไร? พันเพลิงย้อนถาม เมื่อเห็นสีหน้าของน้องชาย
ถ้ามองไม่พลาดนะ ไอ้กระสุนที่ชายโครงผม มาจากคนใกล้ พวกบอดี้การ์ดนั่นแหละ แต่ไม่แน่ใจว่าคนไหน?
ยิงพลาดหรือเปล่าวะ?
ผมอยู่ด้านใน พายุตอบขรึมๆ
ทั้งพันเพลิง และโรมรันสบตากัน
เรื่องใหญ่แล้วสิ ไอ้ยุ
ก็รู้ เลยยังไม่บอกใคร
ข่าวว่าจะอยู่นี่อีกสองสามเดือนเชียว พันเพลิงพูดขึ้นหลังจากเงียบไปครู่
อยู่ทำอะไร?
เจ้าหญิงน่ะ มาศึกษาเรื่องโบราณคดีแถบนี้
ประเทศไทยมันมีอะไรให้ศึกษาด้วยเหรอ? พายุพูดแล้วก็หัวเราะ
หัวเราะทำไม ไอ้แกนี่มันน่ากระทืบจริงๆ ไม่รู้จักคุณค่าของตัวเองมีอยู่
อย่ามาว่าผม พี่เพลิงพี่รบเองก็เถอะ จะรู้สักเท่าไหร่ แม้กระทั่งพี่ดิน ยังไม่ศึกษาเรื่องของทางนี้ โน่นถ่อไปขุดซากมัมมี่อยู่โน่น ไม่รู้จักกลับบ้านกลับช่อง พายุกล่าวถึง พสุธา เบ็ญจรงค์ พี่ชายอีกคน
ก็คงจะกลับมาเร็วๆ นี้ล่ะ? โรมรันตอบแทนพลางมองหน้าพันเพลิงยิ้มๆ พายุก็เร็วในการจับสังเกตุจึงถามว่า
มีอะไรเหรอครับ?
ก็นายดินเขาส่งเมียของเขากลับมาให้นายเพลิงดูแลก่อนแล้วนี่
อะไรนะ? พี่ดินแต่งงานแล้วตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมพี่เพลิงไม่บอกให้ใครรู้ พายุซักทันที
พันเพลิงไม่ตอบน้องชาย แต่หันไปทำตาขุ่นใส่โรมรันพูดเบาๆว่า
กระทืบเสียดีไหม ทำเป็นปากโป้ง
อ้าว ! ก็นึกว่ารู้กันแล้ว โรมรันแกล้งพูดหน้าเฉย
ตั้งแต่ได้แต่งงานใหม่กับเมียนี่ ออกจะแส่เรื่องคนอื่นมากไปแล้วนะ
คนอื่นที่ไหน ครอบครัวแกก็เหมือนครอบครัวฉัน รึว่ามีเรื่องนี้แล้วแกถึงกับตัดคนอื่นๆ ออกไปหมด
ไอ้ ...
ถ้าจะชกกัน ผมเชียร์พี่รบ
หุบปาก สองเสียงพูดพร้อมกัน
ถ้างั้นออกไปทั้งสองคน ผมจะนอน พายุพูดแล้ว ก็หลับตาเฉยเสีย เรื่องพสุธาแต่งงาน แม้จะเป็นข่าวใหม่ แต่ถ้าหาก พันเพลิงไม่พูดให้ใครฟัง ก็แสดงว่ามีเหตุผลที่จะทำเช่นนั้น เขาจึงไม่สนใจที่จะซักไซ้
พันเพลิงมองน้องชายที่ทำท่านอนหลับเฉย แล้วก็ส่ายหัว
เออ ...เดี๋ยวจะไปตามเรื่องทุกอย่างแล้วจะกลับมาคุยกับแกใหม่ จะให้บอกคุณกานต์ไหมว่าแกอยู่นี่
โอย ... อย่าเชียวนะพี่เพลิง
น้ำเสียงของพายุ ทำให้ทั้งพันเพลิงและโรมรันถึงกับหัวเราะออกมา คุณมณีกานต์ที่แม้จะเป็นเพียงมารดาเลี้ยง แต่กิตติศัพท์เรื่องความห่วงใยของเธอต่อพี่น้องเบ็ญจรงค์เป็นที่น่าขยาดนัก ในสายตาลูกผู้ชายอย่างพวกเขา
พันเพลิงเดินออกไปก่อน แต่โรมรันเดินมาต่อยที่คางพายุเบาๆ เหมือนสัพยอก
นอนให้หลับ ไม่ต้องฝันสูงมากหรอกนะ
ให้ตายสิ ตั้งแต่ได้แต่งงานกับคุณหญิงศีตลาใหม่นี่ พี่รบแส่เรื่องคนอื่นจริงๆ พายุคิดอย่างเห็นด้วยกับพี่ชายขณะหลับตาฟังเสียงฝีเท้าที่ก้าวออกจากห้อง
แล้วรอยยิ้มที่ทิ้งท้ายก่อนกลับ จากใบหน้ามีเสน่ห์นั้นก็เข้าแทรกความคิดอื่นๆ ของเขาจนหลับไป
:+:+:+:+:
บทที่๒