forwriter.com
Book in My life By Nightingale
 

                                                          

 

ยาแก้สมองผูกตราควายบินของวินทร์

 

วันนี้เพิ่งได้เปิดคอมพ์เข้าเน๊ตก็ตอนนี้แหละ เพราะตลอดทั้งวันมีโปรแกรมการเดินทางอันยาวนาน เนื่องจากต้องไปทำงานเชิงสารคดีเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและล้านนา จัดการทำแลปให้เสร็จตั้งแต่ช่วงเช้า จนกระทั่งถึงสิบโมงจึงได้ออกเดินทางไปโรงงานที่นัดหมายไว้ จากนั้นตกบ่ายจึงไปดูหลุมขยะ พอถ่ายเสร็จ ก็เป็นอันว่าแต่ละคนเหนื่อยไปตามๆกัน พากันสลบไสลเข้าเฝ้าพระอิทร์บนสวรรค์กันหมด ส่วนผมก็เพิ่งตื่นนี่แหละ

ตื่นแล้ว ลงมาทำงาน เสร็จไปในเวลาอัน(ไม่)รวดเร็ว 3 ชั่วโมงกับสไลด์ที่จะใช้พรีเซ็นต์งานวันจันทร์หน้าๆ(อีกสองจันทร์นู่น)ครึ่งหนึ่ง เหลืออีกครึ่งหนึ่งต้องไปสรุปหัวข้อก่อน

พอมีเวลาว่างปุ๊บเลยเข้ามาปั๊บ เข้ามาบ่นๆๆกันไปจนหูแฉะตาเหลือกกันไปข้างหนึ่ง ไม่คนอ่านก็คนเขียนนี่แหละ หวังว่าคงทนคำบ่นกันได้ เพราะหลังจากบ่นแล้วจะมีหนังสือดีมาเล่าสู่

หนังสือเล่มที่ว่านี้ก็คือ หนังสือ "ยาแก้สมองผูกตราควายบิน" ของคุณวินทร์ เลียววาริณ ที่คุณธาร่าส่งมา(พนมมือไหว้งามๆ แล้วแลบลิ้นใส่...เผื่อไว้ก่อน เผื่อคุณธาร่าเป็นตาแดง เหอ เหอ)

หนังสือเล่มนี้ เป็นหนังสือ แชร์ประสบการณ์การเขียน (อ้างอิงจากคำกล่าวในบทนำของคุณวินทร์) ว่าด้วยการคิดพล๊อต และการจัดจำแนกประเภทวรรณกรรมต่างๆ เป็นการชี้จุดให้ได้เห็นว่า ในเรื่องแต่ละแนวมีข้อควรสังเกตอะไร และพล๊อตแต่ละอย่าง มาจากทางไหนได้บ้าง กล่าวสั้นๆก็คือ เป็นหนังสือที่ว่าด้วยการสร้างไอเดียสร้างสรรค์ให้ปะทุขึ้นในสมอง

แล้วไอเดียสร้างสรรค์จะสร้างขึ้นมาได้อย่างไรเล่า

ไอเดียสร้างสรรค์ไม่จำเป็นต้องมาจากการคิดใหม่หมดทุกสิ่งทุกอย่าง แต่เป็นการคิดต่อจากของเก่า เพื่อจะได้เป็นวิวัฒนาการทางความคิด ไปสู่จุดที่ "ดียิ่งกว่า"

คุณวินทร์ได้กล่าวเอาไว้ช่วงท้ายๆเล่มว่า งานเขียนไม่จำเป็นต้องใช้อารมณ์(แต่ผมใช้อ่ะ เหอ เหอ) หรือยึดเอาอารมณ์เป็นตัวตั้ง เพียงแต่สร้างระบบความคิดให้ถูกต้องได้ ก็สามารถคิด และเขียนได้ทุกที่ เรียกง่ายๆว่า เป็นคนคิดง่าย เขียนง่าย ซ้ำยังคิดเร็ว เขียนเร็วอีก (น่าอิจฉาจริงๆ)

ทีนี้ปัญหามันก็มาติดตรงที่ว่า แล้วการจะคิดให้ง่ายนั้น มันทำได้อย่างไร คุณวินทร์ก็ได้ให้คำตอบอีกว่า ก็คิดในแง่ดี คิดในแง่ดีนี้ไม่ได้หมายถึงคิดแต่จะถ่ายทอดเรื่องดีๆในด้านเดียวนะครับ แต่หมายถึง มองโลกอย่างสบายๆ มีความสุข เพื่อให้สมองโปร่ง ไม่เกิดอาการสมองผูก พอสมองไม่ตันแล้ว เราก็สามารถผลิตงานออกมาได้เยอะขึ้น

แต่อย่างไรก็ตาม ในการเขียนงานทุกชิ้นจำเป็นที่จะต้อง "อิน" เพราะการอินเป็นรากฐานของการปั้นเรื่องให้ดีที่สุด และถ้าไม่อินบ่อยๆ ผมว่า เราขอให้คุณวินทร์ช่วยเขียนหนังสือ ยาแก้อารมณ์ผูกอีกสักเล่มเถอะ(ไม่ต้องก็ได้ ล้อเล่น...)

ดังนั้น จากที่ผมได้อ่านมาทั้งหมด ผมจึงรู้ว่า สมองผมไม่ผูกครับ แต่อารมณ์ผมมันผูกบ่อยๆ อารมณืในที่นี้คือความเข้าถึงตัวงานน่ะแหละ ตัวนี้สำคัญนะ เพราะถ้าสร้างไม่ได้ แม้แต่จะสะกดคำออกมาสักคำหนึ่งก็ยากเย็นเหลือเกิน

เอาล่ะ ผมเริ่มบ่นออกไปนอกทางอีกแล้ว กลับเข้าสู่หนังสือตามเดิมดีกว่า

แล้วหนังสือเล่มนี้ก็ยังสอนวิธีการคิดพลีอตอีก เป็นการคิดพล๊อตแบบเชื่อมโยง เรียกง่ายๆว่า ใครมั่วเก่งก็ทำได้เก่งแหละ

วิธีทำก็แสนจะง่ายแสนง่าย เริ่มจาก

1. หาข้อความอะไรก็ได้ที่อยู่ใกล้ๆตัว มาชิ้นหนึ่ง
2. อ่านผ่านๆ แล้วจับเอาคำที่เป็นข้อมูลหลักๆมาสักห้าคำ (แนะนำให้เอาคำนามและคำกิริยา ... อ้าว มันก็หมดแล้วนี่หว่า เหอ เหอ) เช่น

สยองขวัญกลางหมู่บ้าน เห็นผีเดินกลางวันแสกๆ ... ชาวบ้านละแวกบ้านท่าสุด(เอาบ้านตัวเองก็ได้วะ) สุดผวา เพราะเห็นร่างสีขาวเดินวนเวียนในบ้านกลางหมู่บ้าน ซ้ำตกกลางคืนยกได้ยินเสียงโหยหวน...

ก็จับคำออกมาสักห้าคำ ได้แก่(ผมเลือกล่ะนะ) ผี ชาวบ้าน บ้านกลางหมู่บ้าน กลางวัน เสียงโหยหวน

พอได้คำที่ต้องการมาแล้วก็เข้าข้อต่อไป

3. จากนั้น ให้คิดถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่เชื่อมโยงกันกับคำที่เลือกมาให้ได้มากที่สุด และในมุมที่แปลกมากที่สุด เช่น

(ผมทำก่อนนะ)

ผี > ตาย > วิญญาณ > รอคอยใครสักคนหนึ่งจนตาย > หิวเลยมาขอส่วนบุญ > เปรต > ผีปลอม > คิดไปเอง > ประสาท!

ชาวบ้าน > คน > อ๊ะ ชาวบ้านเป็นผีก็ได้นี่นา > รุมประชาทัณฑ์ > นินทา > ร่วมแรงร่วมใจ > สามัคคีคือพลังยังผลเลิศ > การปกครอง

บ้านกลางหมู่บ้าน > บ้านคนรวย > บ้านผู้ใหญ่บ้าน > หลังใหญ่มากๆ > ใครๆผ่านไปผ่านมาก็ต้องเห็น ก็มันอยู่กลางหมู่บ้านนี่ >

กลางวัน > แดด > พระอาทิตย์ > รู้สึกว่าปลอดภัยดี > ทำมาหากิน > ร้อน > หงุดหงิด > น่านอน

เสียงโหยหวน > ร้องไห้ > ร้องเพลงโอเปร่า > เล่นงิ้วรึเปล่า > เจ็บ เลยร้องโหยดวน อย่างคลอดลูก หรือตะปูตำเท้า > ทรมาน > ขอความช่วยเหลือ แต่แบบหมดแรง ไม่มีแรงช่วย > คลื่นเสียงสูงที่ได้ยินไม่ชัด

4. หลังจากคิดข้อสามได้แล้ว เราก็จะนำเอาข้อมูลทุกอย่างมารวมกันให้เละไปข้างหนึ่ง ก็จะได้พล๊อตออกมาหลายๆแนว ตัวอย่าง

- บ้านหลังใหญ่กลางหมู่บ้านเป็นบ้านของผู้หญิงที่สามีหายตัวไป ผู้หญิงคนนี้เลยปิดประตูขังตัวเองแล้วตายอยู่ในนั้น - ธรรมดาไป ไม่เอาดีกว่า - ผู้หญิงคนหนึ่งอยู่บ้านหลังใหญ่ สามีไม่อยู่เลยจะหนีไปกับชู้ แต่สามีมาเห็นก่อน นึกว่าเป็นขโมยเลยฆ่าผู้หญิงคนนั้นตาย พอเห็นว่าเป็นภรรยาตนเองเลยเสียใจ ฆ่าตัวตายตาม ฝ่ายชู้เห็นเหตุการณ์เลยวิ่งหนี แต่ชาวบ้านเห็นแต่หลังไวๆเลยนึกว่าเป็นผี

- ที่บ้านหลางหมู่บ้านเป็นบ้านใหญ่ มีผู้ชายคนหนึ่งเป็นโรคเรื้อน เลยถูกรังเกียจ ชาวบ้านเลยไปฆ่าทิ้ง(รุมประชาทัณฑ์) แล้วก็โดนผีหลอก จึงต้องไปหาหมอผีมาช่วยปราบอีกที - ยังกระจอกไป เอาอีก - หักมุมที่ พอชาวบ้านไปหาหมอผี เลยรู้ว่าตัวเองก็เป็นผีเหมือนกัน เพราะวันที่ไปรุมประชาทัณฑ์นั้น เกิดทำไฟไหม้บ้าน แล้วโดนไฟครอกตายกันหมดทุกคน

แค่นี้ก่อนแล้วันครับ

นี่แหละครับ วิธีคิดพล๊อตจากหนังสือ ยาแก้สมองผูกตราควายบิน ถ้าหากใครมีปัญญหาว่าพล๊อตติดก็ลองนำวิธีนี้ไปใช้ได้ หวังว่าจะได้ผลกันทุกคนนะครับ

ส่วนถ้าไม่มีอารมณ์เขียน นั้นช่วยบ่ได้เน้อครับ เหอ เหอ เหอ

ไปแล้ว!!!

http://forwriter.com/mysite/forwriter.com/webboard/question.asp?QID=1591

:ไนติงเกล:

ก่อนหน้า                  ต่อไป

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

                                                             

อ่านหนังสือต่างประเทศ
Free E-book
โดยฟีลิปดา
หนังสือของฟีลิปดา

 

๑๐๐ คำถามสร้างนักเขียน
นวนิยายคุณเขียนได้ด้วยตัวเอง

 

ดั่งไฟพิศวาส
นวนิยายรักเร้าอารมณ์
 

 
ดั่งไฟรัก
 


๕๐๕ แคนโต้แห่งความรัก