ลูกเห็บในใจ และคุณยายใน All that matter
วันนี้ผมไม่มีเรื่องจะเล่าเลย เพราะอยู่ในห้องแอร์ที่หนาวมากๆ หนาวจนไม่รู้จะหนาวยังไง อธิบายไม่ถูก ทั้งนี้เพราะผมเป็นคนขี้หนาวครับ เวลาอากาศเย็นที่คนปกติบอกว่าสบาย ผมก็จะบอกว่ามันหนาวและไปหาเสื้อกันหนาวมาใส่ทันที ดังนั้น ไม่ว่าหน้าไหน ทุกคนก็จะเห็นผมใส่เสื้อกันหนาวตลอดเวลา
เมื่อหนาวๆอย่างนี้แล้วสมองผมก็ตีบ คิดอะไรไม่ออก พาลให้นึกถึงอะไรที่เย็นจัด อย่างฝน พายุ และลูกเห็บ
นั่นไง ลูกเห็บ ผมมีเรื่องจะเล่าแล้ว วันนี้ผมจะเล่าเรื่องลูกเห็บนะครับ
บ้านใครที่ไม่เคยมีพายุเข้า และไม่เคยอยู่ในเขตหนาวมาก่อน อาจต้องลำบากใจสักนิดที่นึกภาพลูกเห็บไม่ออก งั้นผมขออธิบายลักษณะของลูกเห็บก่อนนะครับ
ลูกเห็บมีสัณฐานออกจะมนรี สีขาวขุ่น เป็นน้ำที่อัดตัวแน่นเป็นก้อนน้ำแข็ง มีขนาดตั้งแต่เล็กเท่าปลายนิ้วก้อยเด็ก จนมหึมาขนาดไข่ไก่ ที่หล่นใส่หัวคนก็หัวแตกนั่นแหละครับ
ทีนี้สัญญาไว้ในกระทู้ที่แล้วว่าคราวนี้จะเล่าเรื่องสบายๆ ไม่เครียดไม่เศร้า ผมก็จะย้อนระลึกถึงวัยเด็กของผมเองให้คุณๆฟัง
ในช่วงปลายฤดูฝน มีเหตุการณ์พายุเข้า เป็นหย่อมความกดอากาศต่ำจากจีนนะครับถ้าจำไม่ผิด เวลานั้นทุกคนกลัวกันมากเลย เพราะเวลาที่พายุมาที ต้นไม่ไร่สวนจะล้มระเนระนาด ลมแรงที่พัดมาจะพายอดมะพร้าวให้เอนลู่จนแทบจะนอนลงไปกับพื้น ท้องฟ้ามั่วๆไม่ได้มืดดำอย่างที่นิยายเขาพรรณนา แต่มันมัวแบบสีครามเจือดำ และมีก้อนเมฆหนาเคลื่อนต่ำเป็นรอยคลื่นเว้าโค้ง ฟ้าจะแลบแปลบเป็นสายยาวลอดผ่านท้องฟ้า ให้สีส้มบ้าง แดงบ้าง บางทีก็เขียว และน้ำเงิน อีกทั้งเม็ดฝนเม็ดโตๆก็ซัดลงมาดังโครมๆไม่บันยะบันยัง เสาไฟฟ้าล้ม หม้อแปลงระเบิดมีประจำ และนั่นก็ทำให้ไฟดับ
เมื่อไฟดับ คุณยายก็จะพาหลานๆเข้าไปนั่งซุกอยู่ใต้บันได ซึ่งคุณยายเชื่อว่าเป็นที่ปลอดภัยที่สุด (ผมล่ะอยากบอกเหลือเกินว่า ที่ที่ปลอดภัยที่สุดคือที่ๆอันตรายที่สุดนะคุณยาย) ทั้งนี้ทั้งนั้น เพราะคุณยายเคยได้ยินเรื่องฟ้าผ่าคนตาย แม้กระทั่งฟ้าผ่าควายตายกลางทุ่งนา และไม่แน่ว่าคุณยายอาจเคยเห็นกับตา เลยกลัว
"เปรี้ยงเดียว ตายเรียบ"
ไม่ต้องยืดเยื้อครับ แค่คำสั้นๆก็สามารถถ่ายทอดความกลัวจากคุณยายมาสู่ผมได้โดยไม่ต้องกินน้ำลายสืบทายาท
แต่ถึงผมจะกลัวยังไง ผมก็ยังเป็นเด็กที่มีความอยากรู้อยากเห็น
วันหนึ่ง พายุตั้งเค้ามาแต่ไกล ผมกำลังเล่นอยู่กับน้อง และเริ่มได้ยินเสียงตุ๊บ ตั๊บ ตุ๊บ ตั๊บ ปะปนกับเสียงโคร้งคร้างโครมคร้างบนหลังคา คุณแม่ผมตะโกนลั่นมาจากหลังบ้าน
"ลูกเห็บตก"
ทีแรกที่ผมได้ยินคำว่าลูกเห็บตกผมก็นึกไปถึงเห็บหมา เพราะตอนอยู่บ้านย่า เคยช่วยย่าหาเห็บหมามาก่อน ก็ได้แต่นึกในใจว่า ลูกเห็บที่ไหนจะมาเวลาฝนตก
แต่เมื่อลูกพี่ลูกน้องซึ่งเป็นคนท้องถิ่นกรูกันออกไปดู มีหรือที่ผมจะอยู่คนเดียว ผมก็วิ่งออกไปมั่งโดยไม่ฟังคำทัดทานขอคุณยายที่ชะแวบหายไปหลังบันได
แต่พอออกไปแล้ว ผมก็ไม่เห็นว่าจะมีลูกเห็บ(หมา)แบบที่ผมคิดไว้เลย มีแต่ก้อนน้ำแข็งเหมือนน้ำแข็งที่ออกมาจากช่องแช่แข็งในตู้เย็นเวลาเรากดละลาย
ลูกพี่ลูกน้องผมก็ใจดีครับ ถามผมว่าเคยเห็นลูกเห็บไหม แล้วก็ช่วยอธิบายว่านั่นคือลูกเห็บ
จากนั้น เขาก็หยิบลูกอมโอเล่ จำได้แม่นมากครับว่าโอเล่สีแดงแจ๋ออกมาให้ผมเม็ดหนึ่ง แล้วเก็บลูกเห็บให้ พร้อมบอกว่าให้อมไว้ในปากด้วยกัน
พอผมทำตามก็ได้บรู้ถึงรสชาติแปลกๆที่ไม่เคยได้รับ ผมรู้สึกว่าน้ำแข็งจากสวรรค์นี้มีเนื้อแน่นกว่าน้ำแข็งบนโลกมนุษย์ แต่ถึงจะอัดแน่นอย่างนั้นแล้ว มันก็ยังให้ความรู้สึกลื่นๆเหมือนลูกแก้ว และเวลาละลายมันก็นุ่มๆ ความเย็นเจี๊ยบบวกกับความหวานของลูกอมทำให้นึกไปถึงน้ำแข็งใส มันก็พอเทียบกันได้แหละครับ
พอลูกเห็บในปากก้อนนั้นหมดลง ผมก็เลยเอาก้อนใหม่มากินอีก รู้สึกสนุกสนานกันไป ทั้งที่ฝนตกฟ้าคะนอง และคุณยายนั่งสวดมนตร์อยู่หลังบันไดคนเดียว
แต่เวรกรรมย่อมต้องตามสนองครับ เนื่องจากอกตัญญู ทิ้งคุณยายไว้คนเดียว ผมเลยปวดท้อง
คุณแม่บอกผมว่า เพราะผมกินมากเกินไป มันเย็น แล้วธาตุในร่างกายปรับไม่ทัน
ธาตุเทิดอะไรผมไม่รู้จักหรอกครับตอนนั้น ผมรู้แต่ว่าปวดท้อง
และสัญญากับตัวเองว่า ถ้าหายแล้วจะซื้อโอเล่เก็บไว้ เผื่อลูกเห็บตกอีก
นั่นแหละครับ ลูกเห็บในความทรงจำของผม แต่ ไม่ขอแนะนำให้ใครทำตามนะครับ
โธ่! คุณ สมัยนี้กับสมัยก่อนมันเหมือนกันซะที่ไหนเล่า สมัยนี้ลองกินเข้าไป กระเพาะลำไส้ได้รั่ว ไม่ก็ชักแหง๊กๆตายเพราะมีพิษสะสมล่ะสิ
หมดเรื่องโม้ของผมแล้วครับ วันนี้ก็ได้เวลาเล่าเรื่องหนังสือเสียที
หลังจากที่เมื่อคืนอ่านเรื่องปฏิกิริยารักไม่จบ (เนื่องจากหาข้อผิดพลาดได้ตั้งแต่ต้นเรื่อง ความสมจริงหายไป ผมเซ็ง เลยวางไว้ก่อน) และบวกกับวันนี้ได้มาห้องสมุด เลยไปหาหนังสือเรื่อง ของขวัญจากดวงใจ สายใยแห่งชีวิต(All that matter) มาเล่าให้คุณๆฟังกัน
หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือแปลครับ เขียนโดย ยัน โกลชไตน์ แปลโดยคุณเฉิดฉวี แสงจันทร์ จัดพิมพ์โดย สนพ. purefiction ราคาปก 200 บาท
เรื่องราวของหนังสือเล่มนี้กล่าวถึงความสัมพันธ์ของคุณยายกับหลานสาว โดยผู้แต่งแสดงให้เห็นถึงจุดๆหนึ่งครับ
คนที่มีอนาคต กลับเลือกที่จะตาย เพราะสิ้นหวัง
แต่คนที่ใกล้ตายกลับเลือกที่จะสู้เพื่อมีชีวิตอยู่
ความซาบซึ้งในเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อหลานสาว เจนนิเฟอร์ เกิดความรู้สึกว่าตัวสูญเสียทุกอย่างดีๆในชีวิต จึงเสพยา ฆ่าตัวตาย แต่โชคดีที่ว่า มีคนช่วยชีวิตเธอได้ เธอจึงไม่ตาย
เมื่อพ่อของเธอรู้ข่าวเข้า เขาก็จะให้ลูกสาวอยู่ในความคุ้มครองของจิตแพทย์ซึ่งนั่นทำให้เธอรู้สึกแย่ ดีที่ว่าคุณยาย แกบบี้ มาช่วยเหลือ เธอจึงไม่ต้องไปใช้ชีวิตในแบบที่พ่ออยากให้เป็น
คุณยายแกบบี้เป็นผู้หญิงแก่ที่มีโรคร้ายติดตัว ด้วยเรี่ยวแรงอันน้อยนิดนั้น คุณยายแกบบี้มีความหวังว่าจะเปลี่ยนแปลงทัศนคติของหลานสาวได้
แล้วคุณยายแกบบี้ก็ทำได้จริง แต่กว่าจะทำได้ คุณยายต้องใช้พลังทั้งหมด รวมทั้งชีวิตของเธอเพื่อดึงหลานคนเดียวให้กลับมาอยู่ด้านสว่างของชีวิต
"ยายอยากให้หนูรู้ไว้เสมอว่าหนูเป็นเด็กผู้หญิงที่น่ารัก เท่านี้ก็พอแล้วและหนูจะสมควรต่อการมีชีวิตที่ยืนยงไปกว่านี้"
นั่นสิครับ คนเราไม่จำเป็นต้องมีอะไรมากมายหรอกที่จะมีชีวิตอยู่ต่อน่ะ
แค่น่ารักพอ ก็อยู่ต่อได้แล้ว
เมื่อเป็นหนังสือดีอย่างนี้แล้ว มีหรือที่ผมจะไม่แนะนำ
ลองหาอ่านกันดูเถอะนะครับ ถ้าได้อ่านแล้วคุณจะรักโลกนี้ รักชีวิต
และที่สำคัญ จะรักคุณยายมากขึ้นกว่าเดิม
http://forwriter.com/mysite/forwriter.com/webboard/question.asp?QID=890
:ไนติงเกล:
ก่อนหน้า ต่อไป
|
|