forwriter.com
Book in My life By Nightingale
 

                                                          

 

คุณชายทอง............และหนังสืออีกเล่มของโรอัลด์ ดาห์ล

 


ทีแรกผมจะพูดเรื่องเหล้า แต่คิดดูอีกที ผมกลัวว่ามันจะมีสาระมากเกินไป ซึ่ง สมองของผมอาจรับไม่ไหว และมันจะล้างข้อมูลทั้งหมดทิ้ง ผมก็เลยจะหาเรื่องเบาๆ มาเล่าให้ทุกท่านอ่าน เผื่อว่า ใครมาอ่านในตอนเช้า หรือ ก่อนเข้านอน จะได้ผ่อนคลาย ไม่เครียดกันมาก

แล้วผมจะเล่าเรื่องอะไรล่ะ นั่นสิ ผมจะเล่าเรื่องอะไรดี งั้น...เอาเรื่องนี้ก็แล้วกัน

วันนี้ผมมีความสุข ผมเลยอยากเล่าเรื่องที่เกี่ยวกับความสุข ผมก็จะเล่าถึงแมวเหมียวตัวหนึ่ง ที่มาแอบอาศัยอยู่ที่บ้าน เขาชื่คุณชายทอง แต่ตอนนี้เขาป่วย และทำท่าว่าจะตาย ผมอยากเล่าถึงเขาก่อนที่เขาจะตาย ไม่อยากเล่าถึงเขาในตอนที่เขาตายไปแล้ว

คุณชายทองเป็นแมวเหมียวที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น ด้วยขนชี้ตั้งสีขาวกับสีชมพู และเสียงร้องแหลมปรี๊ดที่ฟังแล้วได้ยินเป็น แงะ แงะ แทนที่จะเป็นม้าว โม้ว แบบแมวตัวผู้ตัวอื่น

คุณชายทองไม่ใช่แมวเลี้ยงครับ ผม พ่อ และแม่ ไม่เคยคิดจะเลี้ยงคุณชายทองเอาไว้ในบ้าน คุณชายทองมาในฤดูร้อนของปีที่แล้ว มันมาพร้อมกับแมวสีดำตัวหนึ่งและไล่กัดกันหน้าบ้านผมในตอนดึกเป็นประจำ ศึกระหว่างแมวตัวผู้สองตัวนี่ไม่มีอะไรมากหรอกครับ แค่ขู่กันแง้วๆ แล้วคุณพ่อผมก็จะเอาน้ำไปสาด จากนั้นมันก็จะเอาหางไปอุดที่ก้น เผ่นแผล๊วไปคนละทาง น่าตลกดี

คุณชายทองมาที่บ้านผมได้เพราะเสน่ห์อันร้ายกาจของคุณหนูยิ่งรวยครับ คุณหนูยิ่งรวยคงแอบไปเที่ยวกลางคืนแล้วหว่านเสน่ห์ใส่ คุณชายทองถึงได้หลงเสน่ห์คุณหนูยิ่งซะขนาดนี้ คิดดูสิครับว่า ขนาดจะไปเที่ยวไหน คุณชายทองก็ต้องตามประกบ แล้วพอคุณหนูยิ่งจะกลับบ้าน คุณชายทองก็ตามมาส่ง แบบเด็กหนุ่มที่ตามจีบเด็กสาวซึ่งมีผู้ปกครองดุ(ผม พ่อ แม่ และน้อง)อย่างนั้นเลยครับ ผมดูพฤติกรรมคุณชายทองแรกๆแล้วก็ไม่น่าไว้วางใจหรอกครับ และมันเองก็คงไม่ไว้ใจพวกผมเหมือนกัน ดังนั้น ช่วงแรกๆที่มันมาส่งคุณหนูยิ่งที่บ้าน มันจะส่งแค่ที่ประตูรั้ว และเมื่อนานวันเข้า แม้ความไม่ไว้วางใจของผมยังอยู่ แต่มันก็ไว้วางใจพวกผมเสียแล้ว อีกทั้งคุณหนูยิ่งยังทำท่าพยักเพยิดเชิญชวนให้เข้ามากราบคุณพ่อคุณแม่เสียอีก แล้วมีหรือที่คุณชายทองจะปฏิเสธ ทีนี้ พอมาส่งคุณหนูยิ่งอีก คุณชายทองก็จะมาส่งถึงหน้าประตูบ้านโดยไม่ยี่หระต่อสายตาแค้นเคืองของคนในบ้านเท่าไหร่

แต่คุณชายทองเป็นแมวนะครับ และเป็นแมวเจ้าชู้ บังเอิญว่าที่บ้านผมยังมีแมวผู้หญิงอีกสองตัว คือคุณนายนำลาภ และคุณหนูนำทรัพย์ ซึ่งคุณชายทองก็ตามป้อไม่ห่าง คุณนายลาภก็วางท่าเป็นแมวหยิ่งคือไม่สนใจ ส่วนคุณหนูนำทรัพย์นั้นยิ่งแล้วใหญ่ พอคุณชายเข้าใกล้ เธอก็ตบหน้าซะทีหนึ่ง เพื่อบอกว่า ดิฉันเป็นกุลสตรีนะคะ อย่ามาใกล้มากเกินไปนะ หรือแม้แต่คุณหนูยิ่ง ซึ่งเป็นคนพาเขามาที่บ้าน พักหลังๆก็ทำห่างเหินไป และไปคบหาสมาคมกับพ่อดำยอดขมองอิ่มผู้เป็นแมวอริของคุณชายทอง คุณชายทองจึงตกกระป๋องจากบรรดาแมวทั้งหลายด้วยเหตุนี้

แต่นั่นอาจถึอเป็นโชคดีของคุณชายทองล่ะครับ เพราะเมื่อโดนแมวด้วยกันทอดทิ้ง คุณชายทองก็ได้คนเข้าไปโอบอุ้มทันที แรกคือคุณพ่อผม และคุณแม่ งานนี้ผมไม่ยุ่งครับ ถึงผมจะเริ่มคุ้นเคยกับคุณชายทองและคิดว่ามันเป็นส่วนหนึ่งที่ประดับชีวิต แต่ผมก็ไม่เคยคิดขนาดว่านี่คือลูกรักที่เป็นชีวิตและจิตใจของผม คุณพ่อกับคุณแม่เริ่มทำความสนิทสนมกับคุณชายทองด้วยการให้อาหารเป็นก้างปลาก่อน จากนั้นจึงพัฒนามาเป็นอาหารเม็ด โก้ไหมล่ะครับ เหอ เหอ

แล้วคุณชายทองเลยเปลี่ยนใจ แทนที่จะกลับบ้านกลับช่องก็ไม่ไป ขอมานอนเฝ้าบ้านผมแทน คิดดูสิครับว่า แมวที่ผมเลี้ยงยังไม่เคยอยู่ติดบ้านเท่าคุณชายทองเลย ไม่น่าเชื่อนะครับ แต่มันเป็นไปแล้ว ก็ต้องเชื่อล่ะ ข้อนี้ทำให้ผมเห็นสัจธรรมของคำว่า เสน่ห์ปลายจวักจริงๆ(ขนาดแมวยังเป็นเลย คิดดูสิ)

แล้วพอถึงฤดูหนาว คุณแม่ผมก็หวังดี ด้วยการจับคุณชายทองเข้ามาไว้ในบ้านเพราะกลัวว่าจะหนาว แต่คุณชายมาอยู่ได้แค่คืนเดียวก็ทำป่วนด้วยการร้องแงะๆทุกคืน ทำให้คนในบ้านนอนไม่หลับ จึงเป็นอันให้อัปเปหิคุณชายออกไปนอนนอกบ้านตามเคย ผมว่า คุณชายทองก็คงพอใจล่ะมั้งครับ เขาคงต้องการบอกพวกเราว่า ลูกผู้ชายชาติแมว จะมาอาศัยอยู่กับคนเหมือนแมวเลี้ยงไร้ศักดิ์ศรีได้ไง ประมาณนั้นแหละครับ ผมว่า คุณชายทองนี่ก็เป็นแมวจอมอุดมการณ์ไม่เบา

แล้วหน้าหนาวก็ผ่านพ้นไปครับ กลับมาที่หน้าร้อนอีกที แต่ทีนี้ คุณชายทองไม่ค่อยจะร้องแงะๆเหมือนเดิม เวลาเห็นคนเอาอาหารออกมาก็ไม่ได้เข้ามาเคล้าแข้งเคล้าขาแบบที่เคยเป็น หน้าตาคุณชายทองก็ซูบลงทุกวี่ทุกวัน ตานี่โหล แถมยังผอมเอา ผอมเอา อาหารที่ให้ก็เหลืออีก เขาคงป่วยหนัก และอยากจะบอกแต่เขาบอกไม่ได้ ก็เขาเป็นแมวนี่ครับจะบอกยังไงล่ะ นอกจากส่งสายตาวิงวอนแล้ว แล้วร้องแงะๆเบาๆ ผมเห็นแล้วผมยังสงสารเลยครับ โธ่! ก็ผมไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำนี่นา ถึงจะไม่รักเขามาก แต่ผมก็สงสารเขาเหมือนกันนะ

แล้วเมื่อประมาณสองวันก่อน คุณพ่อผมจึงกรอกยาแก้อักเสบของแมวให้เขากิน เขาก็ดูดีขึ้นมาหน่อย ตอนนี้พอจะกินข้าวได้มากขึ้น และเริ่มร้องแงะๆเสียงดังเหมือนเดิม

ก็ได้แต่ภาวนาให้เขาแข็งแรงตลอดไปแหละครับ แต่ไม่รู้ว่าคำอธิษฐานจะได้ผลนานเท่าไหร่ เฮ้อ....กรรมจริงๆ คุณชายทอง

แล้วก็ได้เวลาเล่าถึงหนังสือเสียทีครับ หนังสือที่ผมจะเล่าในวันนี้มีชื่อว่า สมุดบันทึกของโรอัลด์ ดาห์ล เขียนโดยโรอัลด์ ดาห์ล แปลโดย คุณ สาลินีคำฉันท์ สนพ.ผีเสื้อ

หนังสือเล่มนี้จะเล่าถึงเรื่องทั่วๆไป ซึ่งก็อ่านได้เพลินๆ โดยจะแบ่งออกตามเดือน รูปแบบในการเขียนคือใช้บทบันทึกที่ไม่ค่อยจะต่อเนื่องกันเท่าไหร่ แต่สิ่งที่บันทึกลงไปนั้น เป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นเสมอในเดือนนั้นๆ ตามปกบอกว่า นี่คือผลงานเล่มสุดท้ายของโรอัลด์ ดาห์ล เป็นเล่มสุดท้ายที่เขาเขียนก่อนเสียชีวิต ผมชอบจังเลยครับ ผมเองก็อยากจะเขียนหนังสือได้จนกว่าผมจะหมดลมหายใจเหมือนกัน อย่างนี้สิ ถึงจะเรียกว่าใช้ชีวิตได้คุ้มค่า

สิ่งแรกสุดที่ผมรู้สึกชอบบันทึกของโรอัลด์ ดาห์ลเล่มนี้คือ เขาบอกว่าเขาเขียนบันทึกเมื่อมีอายุ 8 ปี ซึ่ง ตอนผมอายุ 8 ปี ผมยังทำอะไรอยู่ไม่รู้ ตอนนั้นผมเพิ่งขึ้นป.2ล่ะมั้ง แล้วผมก็คงไปเรียนหนังสือ ไปเที่ยวบ้านอาม่า แล้วก็อยู่บ้าน เล่นกับน้อง ไม่มีความคิดที่จะเขียนบันทึกเลย เว้นแต่ความคิดว่าจะเล่นโลกอุโมงค์ลึกลับกับอยากวาดรูป อ๋อ...แต่ถึงผมจะไม่ได้เขียนบันทึก และวาดรูปไม่ค่อยเก่ง แต่ผมก็เล่นหมากฮอสเป็นนะเออ ผมเล่นหมากฮอสเก่งด้วยล่ะ เชื่อไหมครับ

ผมว่า สมุดบันทึกเป็นสิ่งดีที่สุดที่โลกได้มอบให้แก่เรา เพราะสมุดบันทึกทำให้เราสามารถระบายความในใจออกมาได้ และถ้าเรากล้าที่จะระบายความในใจออกมากับบันทึกเหล่านี้ เราจะกลายเป็นคนที่กล้าหาญขึ้นมาซะอย่างนั้น

เคยมีคนบอกนะครับว่า คนเราไม่กล้าที่จะเล่าความจริงทุกอย่างลงบนบันทึก อย่างวันนี้ไปทำอะไรที่ผิดศีลธรรมมา ก็จะไม่กล้าบันทึกลงไป เพราะนั่นจะเท่ากับตราบาปติดหน้าผากตัวเองไปตลอดชีวิต

ผมเคยมีความรู้สึกที่ร้ายแรงมาก ร้ายขนาดที่ไม่กล้าบอกใคร ผมเลยเขียนลงบนสมุดบันทึก โดยแหวกข้อสังเกตนั้น ผมเขียนอย่าหมดเปลือก และหลังจากเขียนเสร็จ ผมรู้สึกเหมือนกับว่า ความหนักอึ้งในหัวใจได้ถูกรีดออกไป สมุดเล่มนั้นยังเป็นที่ยืนยันอยู่ แต่ผมเก็บไว้อย่างดีครับ เก็บไว้อย่างมิดชิดเลยทีเดียว

หากคุณจะเขียนบันทึกล่ะก็ คุณต้องไม่ลืมคำเตือนที่โรอัลด์ ดาห์ลบอกครับ

...คุณจะจดอะไรก็ได้ตามใจชอบ ลงในสมุดบันทึก อาจจะทำให้เป็นบันทึกความคิดลับๆ หรือบันทึกเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวคุณในแต่ละวัน หรือรวมทั้งสองอย่างเข้าด้วยกันเหมือนที่ผมทำก็ได้ แต่ถ้าคุณจะบันทึกความลับล่ะก็ อย่างหนึ่งที่คุณต้องระวังเป็นพิเศษคือ ควรหาที่ซ่อนซึ่งปลอดภัย พี่น้องหญิงหรือชายจะไม่เคารพความเป็นส่วนตัวของคุณ เขาจะดีใจมากที่หาสมุดบันทึกของคุณพบและเอาไปอ่านกัน

ผมตัวสั่นเมื่อนึกถึงน้องชายตัวร้ายอ่านบันทึกของพี่สาวที่เขียนว่า

"ฉันหลงรักบ๊อบบี้ เบเรสฟอร์ดจังเลย"

เพราะอย่างนี้ถึงต้องซ่อน

ผมเสียใจที่จะบอกด้วยว่า แม่แสนดีหลายคนก็อดไม่ได้ที่จะแอบอ่าน ดังนั้น อย่าบันทึกเรื่องส่วนตัวจนกว่าจะหาที่ซ่อนสมุดบันทึกได้แล้ว...

ผมขอยืนยันครับ ว่าคำเตือนของโรอัลด์ คือความจริง เพราะคุณแม่ผมก็เป็น

โชคดี ที่สมุดเล่มนั้นยังปลอดภัย ตราบจนทุกวันนี้

ปล. คุณเริ่มเขียนบันทึกกันตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ?


http://forwriter.com/mysite/forwriter.com/webboard/question.asp?QID=1059

:ไนติงเกล:

ก่อนหน้า                  ต่อไป

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

                                                             

อ่านหนังสือต่างประเทศ
Free E-book
โดยฟีลิปดา
หนังสือของฟีลิปดา

 

๑๐๐ คำถามสร้างนักเขียน
นวนิยายคุณเขียนได้ด้วยตัวเอง

 

ดั่งไฟพิศวาส
นวนิยายรักเร้าอารมณ์
 

 
ดั่งไฟรัก
 


๕๐๕ แคนโต้แห่งความรัก