forwriter.com
Book in My life By Nightingale
 

                                                          

 

เรื่องจริงผ่านจอ และโลกของ ม.จ.อากาศดำเกิง รพีพัฒน์

 

วันนี้ดูรายการเรื่องจริงผ่านจอทางช่องเจ็ด แต่ผมได้ดูแค่สองตอนนะครับ สองตอนที่ว่าก็มีเรื่องที่เด็กหญิงวัยรุ่นคนหนึ่งที่ต้องเกือบตัดขาทิ้งแ แต่เหมือนกับว่ามีปาฏิหาริย์มาช่วยให้เขามีขาที่สมบูรณ์อีกครั้งหนึ่ง กับตอนที่สองคือ ตอนที่เด็กผู้หญิงวัยรุ่นอีกคนต้องการจะฆ่าตัวตายเพราะอกหักน่ะครับ

งั้นผมเล่าเรื่องราวคร่าวๆก่อนก็แล้วกัน

เรื่องแรกสุดเลย คือเรื่องของเด็กผู้หญิงวัยรุ่นคนหนึ่งอายุประมาณ 17 ปี ที่ได้รับอุบัติเหตุจนต้องเกือบเสียขา ย้อนกลับไปเมื่อราวๆสองปีก่อน น้องคนนี้เขานั่งซ้อนรถมอเตอร์ไซค์ แล้วรถล้มเพราะกลางถนน และแรงเหวี่ยงของรถทำให้น้องคนนี้กระเด็นข้ามไปอยู่อีกเลนของถนน และในจังหวะนั้นก็มีรถอีกคันหนึ่งแล่นผ่านมาทับขาของน้องเขา น้องคนนี้ก็ยังใจแข็ง ดูขาตัวเองที่ได้รับบาดเจ็บหนักโดยไม่สิ้นสติ จนกระทั่งถูกส่งเข้าโรงพยาบาล น้องเขาก็ยังขอร้องไม่ให้ทางโรงพยาบาลแจ้งให้ทางบ้านทราบ เนื่องจากคุณแม่ของน้องเป็นโรคหัวใจ แต่เมื่อหมอได้ช่วยน้องเขาได้ในระดับหนึ่ง ก็ได้แจ้งทางบ้านของน้อง พร้อมๆกันนั้นก็มีข่าวร้ายอีกว่า น้องจะต้องตัดขาทิ้ว เพราะแผลนั้นอาจลุกลามและทำให้เสียชีวิตได้

ในวินาทีนั้น ผมว่าทุกอย่างคงดำมืดและหมดหวังไปหมดแล้วมั้งครับ ดูมันไม่มีหนทางใดๆเลย และโลกนี้ก็ดุจดั่งมีเมฆหมอกกั้นแสงสว่างไว้จนสิ้น

แต่ปาฏิหาริย์ยังมีแก่ผู้มีหวัง ดังที่มีปราญช์ท่านหนึ่งกล่าวเอาไว้ หากร้องขอด้วยศรัทธา เจ้าจะได้รับสิ่งนั้น

ก่อนวันทื่น้องจะถูกตัดขา จู่ๆความดันเลือดที่ไม่ขึ้นก็กลับเต้นขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง และนั่นเป็นจุดวิฤตหนึ่งที่ทำให้คุณแม่ของน้องยกเลิกการตัดขา และนำตัวน้องส่งโรงพยาบาลในกรุงเทพ (ขออภัย ลืมจดว่าชื่ออะไร ทั้งชื่อคนและชื่อโรงพยาบาล) และราวสองปีต่อมา น้องคนนี้ก็สามารถที่จะเดินได้ ขาที่เคยคิดว่าจะต้องสูญเสียไปนั้นก็กลับมาใช้งานได้ แม้จะไม่ดีเหมือนเดิม แต่ก็นาภาคภูมิใจที่ว่า น้องยังคงมีขาอยู่

นี่คือเรื่องแรกครับ เรื่องนี้สอนให้ผมรู้ว่า มนุษย์เรายังควรมีความหวัง ขนาดผมเองที่เป็นเพียงคนดู ได้เห็นน้องเขาสามารถเดินได้อีกครั้ง ผมยังรู้สึกยินดีด้วย หัวใจก็พองโตและรู้สึกว่าโลกนี้ยังสดใส ดังนั้น สำหรับน้องคนนี้แล้ว การได้ใช้ขาของตัวเองอีกนั้น คงเป็นความน่ายินดีที่ไม่มีอะไรมาเทียบได้เลยล่ะมั้งครับ

นั่นคือเรื่องราวของความหวังครับ เป็นเรื่องราวที่แม้จะมีแต่หนทางมืดหม่นแต่ในตอนจบก็ยังมีลำแสงสว่างส่องทางอยู่

มาดูเรื่องที่สองบ้างดีกว่า เรื่องนี้ผมจำได้ว่าทางรายการใช้ชื่อว่า นางสาวดาว (เอ๊ะ หรือดา) ดาวเป็นเด็กผู้หญิงอีกคนที่หลงติดอยู่ในเรื่องของความรักจนแยกแยะอะไรไม่ออกว่าอะไรคือความพอดี การที่ดาวรักแฟนมากเกินไป(ซึ่งผมไม่ปรารถนาที่จะเรียกว่ารักเลย แต่อยากเรียกว่าความลุ่มหลงมัวเมามากกว่า)ทำให้เมื่อถึงคราวที่แฟนของดาว ดาวก็พยายามฆ่าตัวตาย ไม่ว่าจะเป็นการฆ่าตัวตายจริงๆหรือการสร้างเรื่อง ผมว่ามันก็เป็นการแสดงออกที่สิ้นคิดทั้งนั้น ผมจำได้ว่าได้อ่านหนังสือกว่าจะถึงวันนี้ของทมยันตีที่คุณภูเตศวรเขียน และมีบทหนึ่งที่ผมชอบมากเลยคือ คนเราชอบบอกว่า ฉันรักคุณเท่าฟ้า คุณรักฉันแค่ไหน ไม่มีเลยที่จะรักเพราะรัก รักเพราะต้องการจะให้ ผมยกมือให้เห็นด้วยร้อยเปอร์เซ็นครับ ความรักคือรูปแบบหนึ่งของการเรียกร้อง การเห็นแก่ตัว ลองสังเกตดูสิครับ ยิ่งเราบอกว่าเรารักคนๆหนึ่งมากแค่ไหน เราก็ต้องการให้เขาบอกว่ารักเรามากขึ้นไปอีกเท่าหนึ่ง และพอไม่ได้ดังที่คาดหมาย ก็มาเศร้าโศกและก่นด่าว่าความรักไม่มีในโลก ความคิดอย่างนี้ไม่ดีเลยครับ มันทำให้วุ่นวาย และทำใหความรักกลายเป็นความเจ็บปวด คนเราจะจมอยู่กับความเจ็บปวดได้สักเท่าไหร่กันครับ เมื่อถึงจุดหนึ่ง ความเจ็บปวดนั้นก็จะเข้าไปลบเลือนสติปัญญา และทำให้เราทำอะไรที่สิ้นคิดได้

แต่ก็เถอะครับ ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านความรักนี่นะ ผมเลยไม่อยากจะออกความคิดเห็นมาก แต่แค่จะบอกว่า ผมไม่เห็นด้วยเลย ที่ใครจะเอาความรักมาเป็นข้ออ้างในการฆ่าตัวตาย ไม่เห็นด้วยที่ใครจะเอาความรักมาเป็นเครื่องมือในการเรียกร้องให้ตัวเองได้สิ่งที่ต้องการมา

เราต้องรู้จักลองเสียสละบ้างครับ ทีแรกมันอาจทุกใจเพราะต้องฝืนทำ แต่มันจะรู้สึกดีกว่าการเรียกร้องอย่างแน่นอน

ผมเป็นอย่างนี้แหละนะ ใครจะเป็นเหมือนผมรึเปล่าก็ไม่รู้สิ

มาดูหนังสือที่ผมจะเล่าในวันนี้ดีกว่า เป็นหนังสือที่ได้มาจากธาร่าบุ๊คส์เซ็นเตอร์อีกแล้วครับ หนังสือเลมนี้มีชื่อว่า โลกของ ม.จ.อากาศดำเกิง รพีพัฒน์ รวบรวม - เรียบเรียงโดย คุณชาลี เอี่ยมกระสินธุ์

ม.จ.อากาศดำเกิงเป็นนักเขียนผู้หนึ่งที่มีชื่อเสียงมาก (อย่างน้อยผมก็เคยได้ยินชื่อท่านล่ะ) ทีแรกเลยผมไม่คิดหรอกครับว่าเรื่องของท่านจะอ่านแล้วสนุก เพราะโดยมาแล้ว นักเขียนในยุคก่อนๆจะมีภาษาอันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งเราจะต้องใช้ความงดงามในอารมณ์ในการอ่านอย่างมาก ต้องอ่านตอนอารมณ์ดีๆเท่านั้น จะได้ไหงุดหงิดไปเสียก่อน แต่พอผมได้พลิกอ่านเนื้อหาข้างในซึ่งเป็นงานเขียนของ ม.จ.อากาศดำเกิง ผมก็ต้องเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ เพราะทั้งรูปแบบการประพันธ์ และสำนวนภาษานั้นไม่ได้เก่ามากเกินไป แต่ยังอยู่ในแบบที่ว่าคนรุ่นใหม่อ่านแล้วเข้าใจ สามารถสื่อสารถึงกันได้

เรื่องของม.จ.อากาศดำเกิงมักเป็นเรื่องที่สอนกันอย่างตรงๆ มีเอกภาพที่ชัดเจน อย่างเช่นเรื่องดาราคู่ชีพ ก็บอกกันตรงๆเลยว่า สุดท้ายความดีงามของคนก็สามารถชนะความเกลียดชังได้ หรืออย่างเรื่อง อำนาจธรรมดา ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่บอกตรงๆเลยว่า โชคชะตาของมนุษย์นั้นไม่แน่นอน ไม่มีอะไรจะขัดขืนกรรมได้เลย

ดังนั้น หนังสือเล่มนี้จึงถือว่าเป็นหนังสือที่ดีอีกเล่มหนึ่งครับ ผมยืนยัน....นอนยันเลยเอ้า!!!


http://forwriter.com/mysite/forwriter.com/webboard/question.asp?QID=1130

:ไนติงเกล:

ก่อนหน้า                  ต่อไป

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

                                                             

อ่านหนังสือต่างประเทศ
Free E-book
โดยฟีลิปดา
หนังสือของฟีลิปดา

 

๑๐๐ คำถามสร้างนักเขียน
นวนิยายคุณเขียนได้ด้วยตัวเอง

 

ดั่งไฟพิศวาส
นวนิยายรักเร้าอารมณ์
 

 
ดั่งไฟรัก
 


๕๐๕ แคนโต้แห่งความรัก