3/05/2547
JL แมนชั่น กทม.
ตอน บันทึกนายทหารใหม่
วันนี้ก็เป็นเช้าวันจันทร์อีกวันหนึ่งที่นายทหารหนุ่มเริ่มปฏิบัติตามหน้าที่เช่นเคย เค้าเป็นเพียงข้าราชการธรรมดา ๆ คนหนึ่งเท่านั้น แต่สิ่งที่แตกต่างออกไป ที่ทำให้ฉันมีความเชื่อเหลือเกินว่า ผู้ชายคนนี้จะสามารถนำพาชีวิตฉันให้มีความสุขได้คือ ความที่เป็นคนกตัญญู และมีความคิดก้าวหน้า รวมทั้งเป็นคนที่ซื่อสัตย์คนหนึ่ง ทั้งต่อหน้าที่การงานและครอบครัว วันนี้เป็นวันหยุดชดเชยวันแรงงาน ดังนั้นคนที่เป็นลูกจ้างประจำอย่างฉันก็หยุดกับเขาด้วยวันนี้ แต่ก็ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อไปส่งผู้หมวดเข้าทำงาน ค่ายทหารที่ห่างไกลความเจริญออกไป ดูเหมือนค่ายทหารชายแดนมากกว่า แม้จะอยู่ในเขต กทม.ก็ตาม ( โรงเรียนสื่อสาร พระประแดง ) ทุกอย่างชินตาสำหรับฉันเสียแล้ว เพราะฉันกลายเป็นสมาชิกคนหนึ่งโดยปริยาย เพราะต้องเข้า-ออก ที่นี่อยากน้อย ๆ ไม่ต่ำกว่า 2 ครั้ง/สัปดาห์ ไม่มีใครมารู้นอกจากเราสองคนจริง ๆ ว่าการมีชีวิตอยู่โดยไม่มีพ่อแม่ของเขา แม้แต่ปู่ผู้อุปการะเพียงคนเดียวก็มาด่วนจากไปก่อนหมวดเรียนจบด้วยซ้ำมันเป็นยังไง ภาระการดูแลทั้งหมดก็ต้องตกอยู่กับฉันอย่างหลีกเลี่ยงมิได้ แม้ยังไม่ได้เป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่เราก็ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมานาน 9 ปีได้ เมื่อสิ้นบุญปู่ หมวดเองก็เหมือนจะสิ้นบารมี แต่จะมีฉันนี่แหละ ที่จะปกป้องคุ้มครองไม่ให้ใครมาดูถูกเหยียดหยามได้ โดยเฉพาะไม่ว่าใครหน้าไหนก็ตามที่ไม่เคยสร้างประโยชน์ในยามยากกับเรา แต่เพียรจะมาเบียดเบียนขอเงิน ฉันจะโกรธมาก และไม่มีวันจะกระเด็นออกจากกระเป๋าฉันได้เป็นอันขาด คนที่ฉันจะให้ก็คือคนที่มีพระคุณกับเราเท่านั้น
ทุกเช้าหมวดต้องไปเซ็นชื่อที่ตึก ซึ่งห่างจากโรงนอนประมาณ 500 เมตร โรงนอนก็เป็นเรือนไม้เก่า ๆ 1 ห้อง อัดกันเข้าไป 4 คน ไม่มีอะไรกั้นเป็นสัดส่วน วันดีคืนดี ใครจะขึ้นไปนอนด้วยยังได้เลย น้ำประปาไม่มีใช้ต้องมีรถน้ำคอยมาส่ง ห้องส้วมห้องอาบน้ำก็รวมอยู่ด้วยกัน มีอยู่ห้องเดียว กับนายทหาร 16 คน ใครฟังก็คงไม่อยากเชื่อ ว่าง ๆ ขับรถไปดูเองแล้วกัน คนที่ไม่รู้ก็อย่าพูดมาก ( ฉันเป็นโรคประสาทอีกแล้ว ) ช่วงนี้เปิดเทอมแล้ว งานหมวดจึงเยอะเป็นพิเศษ เยอะมากขนาดขนกลับบ้านเป็นเข่ง ( หมายถึงเข่งจริง ๆ นะ) และแน่นอนคนที่อยู่เบื้องหลังอย่างฉันก็ต้องช่วยทำตามระเบียบ จนพ่อฉันเห็นแล้วก็วิตกจริต กลัวลูกลำบาก คิดไปโน่น มันคงไม่แย่ขนาดนั้นมั้ง ฉันคิด
นักเรียนจ่าปี 2 ที่นี่ อายุก็ห่างจากเราไม่มากนักหรอก แต่พอมาดูอายุตัวเรา เอ ! มันก็มากอยู่เหมือนกันนะ ปีนี้จะ 25 กันแล้ว เวลาที่หมวดบ่นให้ฉันฟังเกี่ยวกับความไม่มีระเบียบเท่าที่ควรของนรจ. ต้องทำโทษอย่างนั้นอย่างนี้ ต้องฝึกนักเรียนพวกนี้ให้มีคุณภาพให้ได้ โอ้โห ! คุณครูดีเด่น เห็นอย่างนี้ ฉันนึกถึงตอนที่หมวดเป็นนักเรียนนายเรือจริง ๆ
หมวดเป็นคนเรียนดี แต่เลือดชั่วในตัวมีอยู่ไม่น้อยเพียงแต่เป็นเพียงแค่ยีนส์แฝงจึงไม่ก่อให้เกิดอาการหรือเกิดโทษต่อผู้อื่น เพราะได้ซึมซับสิ่งที่ดีมากับปู่ ปู่ซึ่งเป็นวีรบุรุษตลอดกาล อีกทั้งมีเราทั้งคนที่คอยฉุดรั้งจากความคิดไม่ถูกต้องทั้งหลาย (บางครั้งงดื้อไม่เชื่อเราด้วยซ้ำ)
จึงจบมาเป็นคนเต็มคนอย่างทุกวันนี้ สมัยเรียนหมวดเป็นรองแชมป์ถูกกัก อะไรนักหนาก็ไม่รู้ถูกกักอาทิตย์เว้นอาทิตย์เลย ไอ้เราก็ร้องไห้ตาบวมทุกที ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องถูกกัก ( ญาตินักเรียน 80% จะเป็นเหมือนฉัน) วีรกรรมสมัยเรียนก็เยอะ เกือบไม่ได้ติดยศก็เรื่องหนึ่งเหมือนกัน ฉันและพ่อต้องวิ่งเต้นกันน่าดูเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้ผู้หมวดน่าสงสารคนนี้พ้นเคราะห์กรรม ความรู้สึกของคนไม่มีพ่อมีแม่ มันจะเจ็บปวดสักแค่ไหนกัน ยามตนได้ทุกข์อย่างแสนสาหัส พ่อแม่ก็ไม่สามารถยื่นมือมาช่วยเหลือ ญาติพี่น้องก็แทบไม่มีใครรู้เรื่องราวด้วยเลย แม้แต่พี่ชายแท้ๆ ก็ยังไม่เข้าใจถึงความลำบากของน้องตัวเอง โลกทรรศน์เค้าแคบเกินกว่าจะเสียเวลาอธิบาย ไม่รู้ไม่เท่าไหร่ แต่ชอบตัดสินอะไร ๆ จากความคิดและประสบการณ์ของตัวเอง แล้วก็พูดออกมา นั่นมันทำให้ฉันแทบป็นโรคประสาท คุณเห็นรึยัง ว่าทำไมฉันต้องเป็นโกรธเป็นแค้นทุกครั้ง ที่ใครต่อใครจะมาเบียดเบียนหรือขอเงินจากหมวด ลูกเล็กเด็กแดงฉันก็ไม่สน
ตอนนี้หมวดฝึกนักเรียนเกี่ยวกับความเหมาะสมในการเป็นทหาร กฎระเบียบ และเป็นตัวแทนฝ่ายปกครองปฐมนิเทศน์ นรจ. กฎระเบียบที่ หมวดเคยแหกมาแล้วครบทุกข้อสมัยป็นนักเรียน ไม่ยากเลยที่จะสอนนักเรียน จะว่าไปแล้วหมวดก็เหมือนเป็นลูกฉันกลาย ๆ แต่ฉันไม่ชอบคำนี้เลย แต่เพื่อน ๆ ฉันชอบล้อฉันเสมอ เพราะฉันต้องคอยไปเยี่ยมตอนโดนกักที่โรงเรียน วันศุกร์ขับรถไปรับ วันอาทิตย์ขับรถไปส่ง ตั้งแต่เป็นนักเรียน จนจบทำงาน หน้าที่นี้ก็ยังเป็นของฉันอยู่ เราอายุเท่ากัน เรียนมาด้วยกันก็จริง แต่ฉันจบและทำงานก่อนหมวดเกือบ 2 ปี ประสบการณ์ด้านสังคมและการงานฉันจึงมากกว่า ตอนนี้หมวดจึงกลายเป็นคนขาดความมั่นใจในตัวเองไปเลย เพราะมักจะโดนฉันข่มอยู่ประจำ และแทบทุกสิ่งทุกอย่างในบ้านฉันเป็นคนตัดสินใจเสมอ แม้แต่การแต่งกายของหมวดเอง
เข้าเรื่องกันดีกว่า อย่างวันนี้หมวดก็งานยุ่งเหมือนเคย ดูเหมือนว่ามีเรื่องต้องอบรมนักเรียนหลายเรื่อง ก็เนื่องจากงานหาค่าเฉลี่ยคะแนนสูงสุดเพื่อหานักเรียนเป็น Command เ ป็นหน้าที่ของหมวดเขา คนที่ขานคะแนนก็คือฉัน ตาเปียกตาแฉะ แต่นักเรียนกรอกคะแนนไม่เรียบร้อยเลย บางช่องก็ไม่รวมให้ ทำให้การทำงานล่าช้าออกไป หมวดบอกว่าต้องอบรมกันหน่อย ต้องแดกให้เข็ด โทษฐานทำให้ฉันต้องเหนื่อย ( ทำเป็นพูดเอาใจ ฉันไม่หลงคารมหรอก ) กิจวัตรของหมวดคือ พานักเรียนวิ่งตอนตี 5 ครึ่ง วันไหนเวรจ่ายก็ไปข้างนอกต่อ วันไหนเข้ายามก็ต้องคอยขี่จักรายานตรวจตรา ถึงดึกดื่นเที่ยงคืน วันไหนนั่งหน้าห้อง ฉันก็โทร ติดต่อไม่ได้ทั้งวันเพราะหน้าห้องผอ. ไม่มีสัญญาณ ในปีแรกหมวดต้องประจำอยู่ที่นี่ พอปีหน้าฉันคงต้องอยู่คนเดียวของจริง แต่ข้อดีอีกอย่างคือ เราจะมีเงินเก็บมากขึ้น ไม่รู้จะคุ้มค่ากันไหม
ทุกครั้งที่ฉันมองอนาคตตัวเองไม่ออก ว่าฉันจะมีชีวิตที่สุขสบายเช่นไร ฉันมักบ่นกับหมวดเสมอ เงินเดือนแค่นี้ หมวดแทบไม่พอใช้ แบ่งเบาภาระฉันไม่ได้เลย ยิ่งหมวดดัดฟัน ฉันก็ออกให้ทุกเดือน ค่าอพาร์ทเม้นท์หมวดก็ยังไม่สามารถช่วยฉันด้วยซ้ำ เงินเดือนที่หมวดได้หักค่าใช้จ่ายที่จำเป็นออกแล้วที่เหลือหมวดก็ให้ฉันหมด ให้ฉันเป็นผู้จัดการส่วนตัวจัดสรรเงินให้ลงตัว นั่นแหละคือหน้าที่อีกอย่างที่ฉันต้องจัดการให้ชีวิตหมวด บางครั้งฉันลองคิดเล่น ๆ ว่า ถ้าฉันทิ้งหมวดไป หมวดจะทำยังไง ฉันเคยถามหมวด หมวดตอบว่า หมวดเองก็ไม่รู้เหมือนกัน บางครั้งฉันก็แอบคิดฟุ้งซ่านว่า ทุกวันนี้หมวดอยู่กับฉัน เพราะความช่วยเหลือต่าง ๆ จากฉัน หากวันหน้าที่หมวดมีทุกอย่างแล้ว หมวดอาจลืมฉันและอาจไม่ทนฉันอีกต่อไปเวลาที่เราทะเลาะกัน ฉันเองก็สงสารตัวเอง มันคงเป็นเวรกรรมและวาสนาของฉัน ฉันคงทำบุญมาแค่นี้ ฉันสงสารพ่อแม่ด้วยที่ต้องมาคอยกังวลเรื่องของฉัน กลัวฉันจะลำบากอย่างนั้นอย่างนี้ เงินที่มีก็ต้องมาคอยช่วยเหลือหมวด แต่ท่านก็เข้าใจและไม่เคยว่าอะไร มีแต่ให้กำลังใจ เพราะท่านเห็นว่าหมวดเป็นคนดี คนดีสักวันก็รวย แต่คนไม่มีหัวคิด แม้รวย แต่ก็ไม่รู้จะทำให้เรามีความสุขได้หรือเปล่า
ฉันมีกำลังใจอยู่ได้เพราะความศรัทธาในความเชื่อของตัวเองว่า สักวันหมวดต้องได้เป็นใหญ่เป็นโต หมวดต้องมีฐานะเลี้ยงดูฉันและลูกให้มีความสุขได้ เพราะหมวดเป็นคนดี ซื่อสัตย์ มีความคิด และที่สำคัญ หมวดเป็นคนที่มีความกตัญญูมาก คนหนึ่ง แม้พ่อแม่ที่ไม่ได้เลี้ยงดูมา หมวดก็ยังเพียรตอบแทน เป็นธุระจัดการทุกอย่างเท่าที่ทำได้เสมอ ( แต่ตอนที่หมวดจะซ้ำชั้นไม่เห็นมีใครช่วยเลย หายไปไหนไม่รู้ อันนี้ฉันเคืองมาก จริง ๆ)
ใครเลยจะรู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร ทั้งนี้ เราก็สามารถกำหนดเองทั้งนั้น หมวดเป็นกำลังใจที่ดีให้ฉันเสมอ หมวดบอกว่าสักวันเราจะสบาย เราต้องค่อย ๆ สร้างเนื้อสร้างตัวไปก่อน ไม่มีใครเกิดมาไม่ลำบากหรอก ถ้าพ่อแม่ไม่ได้เป็นเศรษฐี แต่ฉันว่า ทุกวันนี้พ่อแม่ให้ฉันมากเหลือเกิน ฉันคิดว่าฉันมีครบทุกอย่างแล้วด้วยซ้ำ เว้นแต่หมวดนั่นแหละ ที่ยังเป็นวุ้นอยู่เลย ยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เท่าที่ควร ภาระอันนี้มันช่างหนักเหลือเกิน แต่มันก็ทำให้ฉันยิ้มได้ ( เป็นบางครั้ง) ฉันเพียรบอกตัวเองว่า ควรนึกถึงตัวเองให้น้อยกว่านี้ แล้วนึกถึงคนอื่นให้มาก ฉันควรเป็นผู้ให้บ้าง ฉันควรจะมีรักที่แท้กับหมวดไม่ใช่มานั่งกลุ้มว่าหมวดเป็นภาระ และฉันคนนี้จะเฝ้าดูความเจริญก้าวหน้าของหมวดต่อไปนะ
คนอยู่ข้างหลัง
คุณนายมือใหม่........
เขี้ยวแก้ว
๑๕ มีนาคม ๒๕๔๙
©ลิขสิทธิ์ตามกฏหมายโดย เขี้ยวแก้ว
แนะนำแสดงความคิดเห็นต่อผู้เขียนโดยตรงที่ kyo-kaew@forwriter.com