พลั่ก !!! กรี๊ด !!! ฉาด !!!
เสียงตบตีชุลมุนวุ่นวายของมวยคู่เอกปลายสัปดาห์ผสมกับเสียงกองเชียร์ที่ลุ้นประชิดติดขอบโต๊ะทำงานต้องหยุดกะทันหัน
ว้าย !!! นี่หยุดนะ หยุด
น้ำเสียงห้าวที่บีบให้เล็กอยู่เป็นประจำของผู้จัดการฝ่ายบุคคลสาวประเภทสองดังลั่น สองสาวพิสูจน์อักษรจึงต้องหยุดการแสดงอันดุเดือดอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก
นี่มันอะไรกัน ทะเลาะกันอีกแล้ว เจ๊ใหญ่ประจำสำนักพิมพ์ the write ชายไม่จริงแต่ใจหญิงแท้ เดินเข้ามาอยู่ตรงกลาง เท้าเอวมองทั้งคู่ด้วยสายตาเอาเรื่อง แถมรัศมีอำมหิตของเจ๊ยังแผ่มาถึงพนักงานคนอื่นที่ต่างพร้อมใจมาเป็นฝ่ายสนับสนุนอีกด้วย
บรรดาไทมุงทั้งหลายจึงคอตกทยอยกันกลับไปประจำโต๊ะของตัวเอง โดยไม่ต้องเอ่ยปาก
ไปพบฉันที่ห้องเดี๋ยวนี้ เจ๊ซ่าขาใหญ่ออกคำสั่งเสร็จก็เดินนำหน้าไปก่อน
ส่วนคู่กรณีต่างก็ชักสีหน้าเข้าห้ำหันกัน ไม่ได้ด้วยแรงใช้สีหน้าสู้ก็ยังดี
ห้องผู้จัดการฝ่ายบุคคลต้อนรับสองสาวคู่กรณีอีกครั้ง หลังจากที่เมื่อต้นอาทิตย์ได้ฟาดฟันกันไปแล้ว พอถึงปลายอาทิตย์เหตุการณ์เดิมก็ซ้ำรอยขึ้นอีก จนห้องนี้กลายเป็นสถานีตำรวจสอบสวนชั่วคราว
คราวนี้สภาพปิ่นมณีเขียวช้ำไปทั้งตัว เพราะบาดแผลเก่ายังไม่หายดีก็โดนแผลใหม่ซ้ำเข้ามาอีก รู้ทั้งรู้ว่าคู่ต่อสู้เป็นทั้งเทควันโด ยูโด บวกแม่ไม้มวยไทย ยัยปิ่นมณียังหาเรื่องไม่หยุดหย่อม นี่แหละหนาที่เขาเรียกว่า พิษรักแรงหึง
เจ๊ซ่ายิงคำถามใส่ทันทีเมื่อนั่งลงบนเก้าอี้ประจำตำแหน่งเรียบร้อยแล้ว
คราวนี้ใครเริ่มก่อน สิ้นเสียงเจ๊ คู่อริต่างประสานเสียงขึ้นพร้อมกัน
มัน
อ้าว พูดอย่างงี้ก็สวยซิว่ะ เม็ดทรายสวนกลับทันที
จะทำไม
ทั้งคู่ต่างผลักเก้าอี้ที่นั่งอยู่ออกเตรียมพร้อมจะกระโจนเข้าใส่กันอีกครั้ง โดยไม่สนใจเจ้านายซักนิด
ปัง เสียงฝ่ ามือที่กระแทกกับโต๊ะดังพอที่จะเรียกสติของสองสาวให้นั่งลงได้ แต่ก็ไม่วายที่กระแทกก้น ด้วยความไม่พอใจ
เจ๊ซ่าสูดลมหายใจเข้าแล้วก็ถอนหายใจออกเฮือกใหญ่ เพื่อคลายอารมณ์ที่พุ่งปี๊ดขึ้นจนถึงจุดเดือด
ฉันไม่ชอบให้เกิดเรื่องแบบนี้ในบริษัท ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่สอง พวกเธอใช้ระยะห่างเพียงไม่กี่วัน ก็เริ่มต้นกัดกัน ครั้งนี้ฉันตัดเงินเดือนสิบเปอร์เซ็นต์ แต่...ถ้ามีครั้งหน้าอีกพวกเธอคงต้องพิจารณาตัวเองได้แล้วมั้งว่าควรจะทำอย่างไร
ปิ่นมณี สะบัดหน้าลุกจากเก้าอี้ทันที หลังจากฟังคำพิพากษาเสร็จ ก่อนออกจากห้องยัยปิ่นมณียังอุตส่าห์ส่งสีหน้าแววตาอาฆาตทิ้งท้าย เม็ดทรายไหวไหล่พร้อมกับเบ้ปากอย่างไม่แคร์กับสายตานั้น
เม็ดทรายยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม พร้อมกับหยิบซองสีขาวที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อแจ๊คเก็ทด้านในยื่นให้กับหัวหน้างาน ซึ่งคนตรงหน้ามองซองด้วยความอ่อนใจ
ฉันไม่เคยคิดจะไล่หล่อนออกซักที บอกตรงๆ นะคนที่จะไปต้องเป็นคนอื่นไม่ใช่หล่อน
ครั้งนี้เจ้าตัวตัดสินใจเด็ดขาด เป็นตายอย่างไงก็ต้องออกให้ได้
ปล่อยทรายไปเหอะเจ๊ ทรายประสาทกินอยู่แล้ว เซ็งกับไอ้ปัญหาทุเรศๆ แบบนี้ ตอนเช้าเจอบก.ชีกอ ตอนบ่ายเจอเมียน้อยอาละวาด ตกเย็นเจอสายตาข่มขู่จากเมียหลวง โอ๊ย...จะบ้าตาย ดีนะเนี่ยที่ไม่โดนน้ำกรดสาดเหมือนในนิยาย...ถ้าเจ๊ไม่ให้ทรายออก พรุ่งนี้ทรายก็ต้องมีเรื่องกับยัยอุตพิดนั่นอีก
เม็ดทรายรัวคำพูดใส่ใจอย่างคนอัดอั้นตันใจ
ปัญหาแย่ๆ แบบนี้เราก็อย่าเอามันมาใส่ใจซะก็สิ้นเรื่อง ออกไปตอนเนี้ย หล่อนก็จะต้องหางานใหม่คนตกงานมีเป็นล้าน เจ๊พยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบ
งั้นเจ๊ก็หางานใหม่ให้ทรายทำซิ เอาแบบไกลๆ เลยนะ อย่าง แต่ขออย่างนะเจ๊ ขอผู้ชายมาดเข้ม สูง หล่อและสุดท้ายโสดแบบไม่สดซักคน
ทำไมจะต้องไม่สดด้วยยะ
แหมเจ๊ ถ้าหากเขาสดจากผู้หญิง ก็คงต้องเอาไว้ให้เจ๊แล้วแหละ
ต๊าย...หยาบคาย ปากก็ว่าหยาบคาย หากแววตาของเจ๊กลับระยิบระยับแพรวพราว
เจ๊จะลองหาดูให้นะ แต่ตอนนี้เก็บซองผ้าป่าหล่อนไปก่อนดีไหม เจ๊ยังวนกลับมาเรื่องเดิมจนได้ เม็ดทรายโบกไม้โบกมือกับคำตอบของเจ๊
เมื่อเรื่องราวมาถึงขั้นนี้แล้ว รั้งตัวเม็ดทรายไว้ก็จะยิ่งทำให้เจ้าตัวกดดัน เจ๊รู้ดีว่านิสัยสาวสวยตาหวานตรงหน้าเป็นอย่างไร พูดคำไหนคำนั้น ยึดมั่นจริงจัง แถมเรื่องนี้เม็ดทรายเองก็เกริ่นมาหลายครั้งแล้วด้วย
ถึงเจ๊จะไม่อนุมัติใบลาออก หล่อนก็ไปอยู่ดี เอาเป็นว่าที่นี่ยังยินดีต้อนรับหล่อนเสมอ วงเล็บนะ ถ้าเจ๊ยังคงดำรงตำแหน่งอยู่
ประโยคสุดท้ายเรียกเสียงหัวเราะของสาวต่างวัยทั้งคู่ขึ้นมาพร้อมกัน หากเสียงหัวเราะที่ได้ยินนั้นมันเจือความเศร้าปนอยู่ด้วย
ขอบคุณนะเจ๊ซ่า...สำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ๊ทำให้ทราย
เม็ดทรายยกมือไหว้ลาเจ้านายที่เป็นทั้งพี่ ทั้งเพื่อน ตลอดเวลาที่เธอได้ทำงานที่นี่ เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ของเม็ดทรายสิ้นสุดลงพร้อมกับการงานของเธอที่จบลงไปเช่นกัน
การตัดสินใจหนีปัญหาที่ตนเองไม่ได้ก่อครั้งนี้ เม็ดทรายไม่รู้ว่ามันถูกหรือผิด อย่างไงซะเธอก็เลือกแล้ว ก็ได้แต่หวังว่า การถอยหลังเพ ื่อจะก้าวไปข้างหน้าในเส้นทางสายใหม่ คงจะไม่เจอทางตันแบบนี้อี
บรรยากาศอันเงียบเหงาบวกกับความสูญเสียสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต ยิ่งทำให้ อนุสรณ์สถาน แห่งนี้เศร้าสร้อยมากขึ้นไปอีก ดอกกุหลาบช่อเก่า แห้งเหี่ยวกลายเป็นสีน้ำตาลไหม้ ถูกแทนที่ด้วยกุหลาบแรกแย้มสีขาวช่อใหม่ในวันครบรอบสามปีของการจากไปของญดา
ชายหนุ่มร่างสูง หากดูล่ำสันตามแบบฉบับชาวไร่ คิ้วเข้มหนารับกับดวงตายาวรีที่ออกจะดุผสมกับหนวดเคราที่ขึ้นเต็มใบหน้า จนกลายเป็นทุ่งหญ้าย่อส่วน แล้วยังอุ้มเด็กน้อยน่ารักน่าชังมาด้วย ทำให้นึงถึงโจรลักพาเด็ก
คุณพ่อคะ เสียงเรียกของเด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมแขน ทำให้เขาตื่นจากภวังค์ พร้อมกับปล่อยลูกสาวคนเดียวลง
ไปสวัสดีคุณแม่ก่อนนะครับ
น้องชา เด็กหญิงแก้มป่อง ตาโตและผมหยักศกถอดแบบมาแม่อย่างไม่ผิดเพี้ยน
คุณแม่ขา น้องชามาเยี่ยมค่ะ เมื่อไรคุณแม่จะตื่นมาเล่นกับน้องชาซะทีล่ะค่ะ น้องชามาทีไรคุณแม่ก็ไม่ตื่นซักที เด็กหญิงตัวน้อยเดินเข้าไปใกล ้กับรูปของแม่ที่ติดอยู่บนพื้นปูนสีขาว
คำถามของเด็กน้อยเสียดแทงแผลในใจทุกครั้งที่เขาพาน้องชามาที่นี่ น้องชาต้องถามอย่างนี้เสมอ เขาเองก็จนปัญญาในการอธิบายคำตอบให้ฟัง น้องชายังเล็กเกินกว่าที่จะเข้าเรื่องการจากกัน...ตลอดไป
คุณพ่อคะ ทำไมไม่เอาคุณแม่ไปนอนที่บ้านเราล่ะค่ะ คุณแม่นอนอยู่ในปูนอย่างนี้ คุณแม่จะหายใจออกหรือคะ
น้องชาครับ คุณแม่เขาไปอยู่กับเราไม่ได้นะลูก
ทำไมล่ะค่ะ น้องชาสัญญาว่าจะเป็นเด็กดี ไม่ดื้อ ไม่ซน คุณแม่จะตื่นมาหาน้องชาไหมคะ คำถามตามประสาของเด็กวัยสี่ขวบ มีคำตอบรออยู่แล้ว แต่ เขาไม่รู้ว่าจะตอบคำถามนี้อย่างไร
ไม่เป็นไรคะ น้องชามีคุณพ่อทั้งคน ว่าแล้วเด็กน้อยก็กระโดดโอบกอดรอบคอคุณพ่ออย่างรักใคร่ เรียกรอยยิ้มจากใบหน้าที่เคร่งขรึมออกมาได้
ก่อนที่ภูผาจะพานางฟ้าตัวน้อยกลับไร่ชา เขาบอกญดาในใจว่าหลับให้สบายนะ พี่จะดูแลน้องชาเอง
สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับค่ะ พนักงานต้อนรับเอ่ยทักทายลูกค้าที่มาใช้บริการร้าน ดิ่งด่อง ร้านกาแฟเล็กๆ อยู่หัวมุมตึกแถวเป็นแนวโค้งสี่แยกไฟแดง สัดส่วนถูกแบ่งอย่างลงตัวพร้อมการดีไซน์แบบคลาสสิกด้วยโทนสีเย็นสบาย รวมถึงรสชาติขนมปังนานาชนิดและกาแฟหอมกรุ่นแสนอร่อย ทำให้ที่นี่มีลูกค้าแน่นเกือบตลอดทั้งวัน เม็ดทรายเองก็เป็นหนึ่งในลูกค้าประจำของที่นี่ จนได้อภิสิทธิ์จองที่นั่งได้ด้วย
อ้อ...ยังมีนิ่มอีกคน เพื่อนสนิทแสนห้าวเราทั้งคู่มักจะนัดเจอกันที่นี่ทุกสัปดาห์ ที่ประจำอยู่ด้านในสุด มีต้นเล็บครุฑขนาดกลางตั้งบังสายตาจากคนภายนอกได้เป็นอย่างดี
รถติดเป็นบ้าเลยว่ะ นิ่มบ่นปัญหาเรื่องเดิมๆ ที่ไม่เคยเปลี่ยน ก่อนจะโยนกระเป๋าสะพายลงบนโซฟา แล้วก็หย่อนก้นตัวเองนั่งตามไปติดๆ
เมื่อไรแกจะเลิกบ่นซะทีวะ ห้าวก็ห้าว ขี้บ่นก็เป็นที่หนึ่ง แล้วยังงี้จะหาผู้ชายแต่งงานได้ไหมเนี่ย เม็ดทรายพูดไปอย่างนั้นเอง เพราะเรื่องจริงคือเราทั้งคู่ยังไม่เคยสะกดคำว่า แฟน เลย
นี่แกหยุดพูดเลย ที่ฉันอารมณ์เสียอยู่นี่ก็เพราะไอ้เรื่องนี้แหละ
ทำไมจะแต่งงานหรือไงจ๊ะ เม็ดทรายยังคงทำหน้าทะเล้นใส่เพื่อน โดยไม่รู้ว่าคำพูดของตัวเองได้แทงใจดำอีกฝ่ายเข้าจังๆ เป็นผลให้นิ่มหน้าตูมกว่าเก่าอีกเท่าตัว
แทนที่จะเห็นใจกันกลับเห็นเป็นเรื่องตลก
โอ๋...หัวก็ไม่ล้านซะหน่อยขี้น้อยใจไปได้ เอา ! กลุ้มใจอะไรก็ว่ามา เม็ดทรายทำน้ำเสียงจริงจัง
ก็อาม่านะซิ...เฮ้ย หน้าแกไปโดนอะไรมา ยังไม่ทันที่นิ่มจะได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้น สายตาเจ้าหล่อนก็ดันไปเห็นรอยช้ำบริเวณมุมปาก
เหมือนเดิมตีกับยัยอุตพิดมา น้ำเสียงเจ้าตัวไม่ได้ยี่หระกับเรื่องที่เกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ เลยสักนิด
ได้ไงวะ ยังงี้ต้องเจอฤทธิ์แม่นิ่มซะแล้วไป ฉันจะตบสั่งสอนที่มันบังอาจมาทำแก นิ่มลุกขึ้นสะพายเป๋ ฉุดข้อมือเม็ดทรายให้ลุกตาม โดยที่ไม่รู้ว่าสภาพยัยอุตพิดนั่นน่ะ เละกว่าเพื่อนรักสักสิบเท่า
ช่างมันเหอะ ต่อไปมันจะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกแล้ว
หมายความว่าไง นิ่มยิงคำถามใส่ทั้งที่ตัวเองก็ยังคงยืนอยู่
ก็ฉันลาออกจากที่นั่นแล้ว
เฮ้ย !!! นิ่มโว้ยเสียงดัง จนสายตาพนักงานมองมาอย่างอยากรู้อยากเห ็น
นี่แกยอมแพ้มันได้ไงวะ นิ่มกระแทกตัวเองนั่งลงอีกครั้งอย่างเซ็ง ๆ
ไมได้ยอมแพ้ แค่เบื่อที่จะต่อความยาวสาวความยืดเท่านั้นเอง แกเองก็เคยบอกให้ฉันลาออกอยู่ ทุกวัน
อืม...ก็ดี ออกมาซะ หางานที่มันสบายใจทำดีกว่า เช่นที่บริษัทอาปาของฉันเป็นต้น
ไม่เอาล่ะ ไม่ชอบคำว่า เด็กเส้น
ช่างมันปะไร ถ้าใครว่าแกฉันจะไล่ออกซะเลย เม็ดทรายหัวเราะกับความคิดของเพื่อน และพูดตัดบทให้พ้นเรื่องงาน
ว่าแต่เรื่องของแกเหอะว่าไง
เม็ดทรายได้แต่นั่งฟังนิ่มเล่าเรื่อง อย่างนักฟังที่ดี เธอคิดเสมอว่า ถึงจะเป็นเพื่อนสนิทกันแค่ไหนก็ตาม เราก็ไม่สามารถตัดสินใจแทนกันได้ ทุกคนต่างมีเหตุผลส่วนตัวทั้งนั้น สิ่งที่เธอพอจะทำได้ในฐานะเพื่อนรัก ก็แค่รับฟัง เท่านั้นเอง
เดือนกว่าแล้วที่เม็ดทรายใช้ชีวิตอย่างอิสระเต็มที่ หลังจากได้ชื่อว่า คนตกงาน การเดินทางไปชื่นชนความสวยงามทะเลแทบอันดามันในหน้าต้นฤดูหนาวจึงเป็นทางเลือกแรกที่เธอทำ ได้สัมผัสวิถีชีวิตของคนริมทะเลที่ยังคงหลงเหลือความโศกเศร้าให้เห็นจากการถล่มของคลื่นยักษ์ มันทำให้เธอได้คิดว่าตนเองยังโชคดีนักที่ไม่ต้องประสพกับปัญหาเช่นนี้
เม็ดทรายกะว่าโปรแกรมเที่ยวครั้งต่อไปคงจะเป็นภาคเหนือ เพราะช่วงนี้เป็นช่วงเทศกาลอัญมณีบานแห่งท้องทุ่ง ดอกไม้นานาพรรณต่างแข่งกันแบ่งบานอวดโฉมความงามให้นักเดินทางทั้งหลายที่ชอบปีนป่ายท้าทายเขาสูงได้ไปชมความงดงามที่ธรรมชาติได้สรรสร้างไว้อย่างลงตัว
คราวนี้เธอจะต้องเอายายนิ่มไปด้วยให้ได้ หลังจากที่ต้องบินเดียวไปเที่ยวทะเลคนเดียว นึกถึงเพื่อนซี้ขึ้นมาเธอก็อดขำไม่ได้กับปัญหาชีวิต
คลุมถุงชน คำโบราณที่ยังไม่เคยหมดไปจากยุคสมัยปัจจุบันไปได้ นิ่มถูกที่บ้านจับคู่แต่งงานกับนักธุรกิจหนุ่มมาแรงแซงโค้ง ฉายาคัสโนวาเมืองไทยหลายคน ก็หล่อแบบไม่เผื่อแผ่ พ่วงดีกรีนักเรียนนอก จึงข่าวคาวตามหน้าหนังสือพิมพ์กับการเปลี่ยนตุ๊กตาหน้ารถไม่เว้นแต่ละเดือน เจ้าชู้หนักขนาดนี้ เชื่อขนมกินได้เลยว่าไม่มีทางที่ยายนิ่มจะยอม ไม่ใครก็ใครต้องตายกันไปข้างหนึ่งละ เฮ้อ...คิดแล้วกลุ้มแทนยัยนิ่มจริงๆ ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง
ตึกสีขาวสูงสามสิบชั้น เด่นตระหง่านอย่างมีเสน่ห์ด้วยรูปทรงหกเหลี่ยมแปลกตา ท่ามกลางความวุ่นวายของจราจรเมืองหลวง ในย่านธุรกิจแถบสุขุมวิทแห่งนี้
บริษัท อินดัสตี้ (มหาชน) จำกัด บริษัทยักษ์ใหญ่ที่นำเข้าเครื่องจักรสำหรับอุตสาหกรรมทุกประเภท บริการหลังการขายที่ดีเยี่ยม เป็นผลให้บริษัทแห่งนี้เจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว
หากสิ่งที่น่าจับตามองกลับไม่ใช่การก้าวหน้าของบริษัท เจ้าของธุรกิจต่างหากที่น่ามองกว่าเป็นไหนๆชายหนุ่มรูปหล่อ สถานะภาพโสด เพียบพร้อมทั้งรูปสมบัติและทรัพย์สมบัติ จนทำให้ผู้หญิงทั้งในและนอกวงการไฮโซทั้งหลายต่างอยากจะจับจองเป็นเจ้าของชายหนุ่มผู้นี้
ผิดกับสาวห้าวอย่างนิ่ม ฤดีกมล ที่เป็นฝ่ายหนีจากผู้ชายคนนี้ แต่เมื่อเธอหนีไม่ได้ การเผชิญหน้าเพื่อจบปัญหากับคเชนทร์จึงเป็นทางเลือกเดียวที่เหลืออยู่
ดิฉันมาขอพบคุณคเชนทร์ ลัทธิวัตรคะ
ประชาสัมพันธ์สาวสาย มองคนตรงหน้าที่เข้ามาขอพบผู้อำนวยการด้วยสายตาแปลกใจ เสื้อยืดสีขาวกางเกงยีนส์สีซีด แถมยังมีกระเป๋าเป้สะพายข้างใบใหญ่พาดทับลำตัวไว้อีกต่างหาก ผู้หญิงส่วนใหญ่ที่มาขอพบท่านจะดูเลิศหรูกว่านี้มาก สงสัยจะเป็นพวกนักข่าว สาวสวยคิดในใจ
ไม่ทราบว่านัดท่านไว้หรือเปล่าคะ ประชาสัมพันธ์คนเดิมถามด้วยรอยยิ้มตามหน้าที่
เปล่าค่ะ แต่ฉันมีธุระส่วนตัวสำคัญมาก
ตามกฎแล้วจะต้องนัดล่วงหน้านะคะ ดิฉันไม่สามารถให้คุณเข้าพบได้ ยังไงติดต่อมาใหม่ก่อนนะคะ
ฉันอุตสาห์ขอดีๆ แล้วนะ รู้จักนิ่มน้อย ศิษย์หลวงพ่อลุยน้อยไปซะแล้ว นิ่มเริ่มวางแผนในใจสำหรับการฝ่าด่านแรก
เท้าไวเท่าความคิด นิ่มวิ่งปร ูดเดียวถึงลิฟต์ด่วน ที่มีอักษรตัวโตเขียนไว้ว่าสำหรับผู้อำนวยการ เพียงไม่กี่ นาทีนิ่มก็มาถึงชั้นที่สามสิบเก้า
เร็วแหะ สมกับที่เป็นลิฟต์ท่านประทานบริษัท นิ่มพึมพำกับตัวเอง
ทันทีที่ลิฟต์เปิด นิ่มก็ได้เจอหน้าตาถมึงทึงของเลขาหน้าห้องที่มายืนต้อนรับ แถม รปภ.อีกสองคนที่ตามขึ้นลิฟต์อีกตัวมาติดๆ แหม...โผล่มาเร็วทันใจเหมือนกัน
ถ้าหากคุณต้องการพบท่าน กรุณาติดต่อมาใหม่นะคะ คุณทำอย่างนี้อาจโดนข้อหาบุกรุกได้ ประโยครถด่วนของเลขา ถูกส่งมายังนิ่มเป็นชุด
ฉันติดต่อมาหลายครั้งแล้ว แต่คุณก็ปฏิเสธการเข้าพบเสมอไม่ใช่หรือคะ นิ่มเน้นน้ำเสียงหนักอย่างจริงจัง
อ๋อ...คุณฤดีกมล ภัครโสภณ นั่นเอง
ท่านผู้อำนวยการไม่รับปรึกษาปัญหาส่วนตัวของคุณหรือของใครๆ
งั้นดินฉันต้องขอโทษด้วยนะคะ
ฝ่ายสูงวัยกว่าทั้งวัยวุฒิและคุณวุฒิยืนงงกับปฏิกิริยาที่อ่อนข้อโดยง่าย
นิ่มหันไปส่งยิ้มหวานให้กับรปภ.ที่ยืนคุมเชิงหล่อนก่อนจะปล่อยหมัดเด็ดเข้าใส่ใบหน้ารปภ.ด้านซ้ายมือ ก่อนจะส่งจระเข้ฟาดหางให้กับรปภ.อีกคนทางขวามือ นิ่มใช้เวลาเพียงครึ่งนาทีในการจัดการพนักงานรักษาความปลอดภัย ก่อนจะวิ่งไปยังห้องที่ติดป้ายไว้ว่า ผู้อำนวยการ
นิ่มเปิดประตูห้องโดยไม่เสียเวลาเคาะประตู
ดิฉันห้ามแล้วค่ะ แต่ผู้หญิงคนนี้เธอบุกเข้ามา เลขาสาวใหญ่กับรปภ.ตามหลังผู้บุกรุกเข้ามาติดๆ
ชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง ผิวขาวอย่างคนที่ไม่เคยอาบแดด ดวงตายาวรีหรี่ลงมอง รปภ.สองคนกับเลขาอีกหนึ่งก็ไม่สามารถป้องกันการบุกรุกของหญิงสาวตรงหน้าได้
เอาล่ะ กลับไปทำหน้าที่ของตัวเองกันได้แล้ว พนักงานทั้งสามต่างก้มหน้าออกจากห้องและปิดประตูอย่างรู้หน้าที่
สายตาของคเชนทร์ยังคงจ้องหน้าว่าที่เจ้าสาวอย่างชั่งใจ ไม่รู้ว่าจะมาไม้ไหนกันแน่ จนอีกฝ่ายรู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ รูปหน้าเรียวยาว ตาโตแก้มป่องรับกับจมูกโด่งเชิงที่แสดงถึงความรั้นของเจ้าตัวได้ดี บวกกับทรงผมซอยสั้นคล้ายผู้ชาย รูปร่างบอบบางจนแทบจะปลิวลมได้ เขาจะต้องบังคับให้ว่าที่เจ้าสาวเพิ่มปริมาณอาหาร
จะมองอีกนานไหม อาการทนไม่ได้ของนิ่มเริ่มสำแดงฤทธิ์
นาน ประโยคแรกของการสนทนา ก็ท่าจะไม่ราบรื่นซะแล้ว
นิ่มส่งสายตาดุมายังคเชนทร์ทันที หากแต่เขาเองก็ใช่คนยอมใครเสียที่ไหน ไม่งั้นเขาคงไม่ได้มายืนอยู่ตรงจุดนี้ได้หรอก
คเชนทร์ยังคงนั่งพิงพนักเก้าอื้อย่างสบายอารมณ์ ที่สามารถยั่วโมโหสาวน้อยตรงหน้าได้
ไม่เมื่อยหรือไง
ไม่ น้ำเสียงกระด้าง ไม่มีแม้แต่คำลงท ้าย
จริงๆ แล้ว โทรให้พี่ไปพบก็ได้ ไม่ต้องลงทุนมาเองหรอก
แหม...ใครจะกล้าให้ท่านผู้อำนวยการใหญ่ไปพบละคะ ผู้น้อยอย่างดิฉันคงต้องมาพบเองจะเป็นการดีกว่า
นิ่มกระแหนะกระแหน่คนตรงหน้า ที่ยังยิ้มระรื่น
เขารู้ฤทธิ์สาวน้อยตรงหน้ามานานแล้วว่า ร้ายขนาดไหน เขาเองก็เพิ่มจะเจอดีเข้าวันนี้นี่เอง ทั้งชั้นเชิงการบุกรุกและคมปาก
พี่ว่าเรามานั่งคุยกันดีกว่า พี่ขี้เกียจแหงนคอมองหน้าเรา
ก็ไม่ต้องมอง นิ่มตอบอย่างกวนเต็มที่
อ้าว...แล้วจะคุยกันรู้เรื่องยังไง
นิ่มยอมนั่งลง แต่ไม่วายกระแทกตัวลงบนเก้าอี้ เพื่อแสดงให้อีกฝ่ายรู้ว่าไม่พอใจ
ฉันต ้องการให้คุณไปพูดกับผู้ใหญ่ทางฝ่ายคุณว่าคุณไม่ยินยอมที่จะแต่งงานกับฉัน
ทำไมพี่ต้องทำอย่างนั้น คเชนทร์ยังคงหมุนปากกาในมืออย่างต่อเนื่อง หากสายตาที่มองนิ่ม ยากที่นิ่มจะเดาความหมายออก
ก็เราไม่ได้รักกัน คุณเองก็มีผู้หญิงของคุณทั่วบ้านทั่วเมืองอยู่แล้ว นิ่มจงใจเน้นเสียงหนักในประโยคสุดท้าย หากอีกฝ่ายยังคงเงียบ ทำให้นิ่มต้องเอ่ยปากต่อ
ฉันเองก็มีแฟนอยู่แล้วและเรารักกันมาก นิ่มโกหกหน้าตาย โดยที่ไม่รู้ว่าคนตรงหน้าได้จ้างนักสืบเก็บประวัติส่วนตัวของเธอไว้ทุกอย่างแล้ว นักธุรกิจอย่างคเชนทร์ต้องถือไพ่เหนือกว่าเสมอ
ทำไมนิ่มไม่บอกอาม่าและอาปาเองละ ว่ามีคนรักอยู่แล้ว คเชนทร์ยังคงถามต่อ
ถ้าฉันบอกแล้วท่านฟังก็ดีนะซิ
ก็เลยจะให้พี่ช่วย คเชนทร์ต่อให้
สาวห้าวพยักหน้าแทนคำตอบ
ไม่ล่ะ พอดีพี่เป็นคนกตัญญูรู้คุณ ผู้ใหญ่ว่าดี พี่ก็ว่าตาม
คำตอบจากว่าเจ้าบ่าวในอนาคต ทำให้เกิดปฏิกิริยาตอบสนองจากสาวน้อยตรงหน้าทันที นิ่มลุกขึ้นยืนกำหมัดแน่น
จะบ้าหรือไง นี่มันหมดสมัยคลุมถุงชนแล้วนะ คุณก็มีคนที่คุณรักอยู่แล้ว ฉันเองก็มี ต่างคนก็ต่างไปซิฉันไม่มีวันยอมแต่งงานกับคุณเด็ดขาด
ว่าแล้วนิ่มก็หมุนตัวเดินออกจากห้องทันที แถมด้วยเสียงปิดประตูดังลั่นตามอารมณ์ของเจ้าตัวที่ทั้งโกรธและผิดหวัง
คเชนทร์นึกถึงวันที่พ่อกับแม่เขาบอกเรื่องนี้ เขาพยายามดิ้นร้นปฏิเสธงานแต่งงานเต็มที่ ควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าให้ตกเป็นข่าวเพื่อสร้างภาพลักษณ์ความเจ้าชู้ให้ตัวเอง เพื่อจะได้ไม่ต้องแต่งงาน หากแต่ท่านก็ประกาศว่าไม่รับสะใภ้คนไหนถ้าไม่ใช่ยัยตัวแสบนี่
เขาก็เลยอยากรู้ว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้มีดีอะไรนักหนา ทั้งพ่อและแม่ถึงได้หลงขนาดนี้ ถึงขนาดลงทุนจ้างนักสืบ จนรู้แล้วว่าทำไมทั้งพ่อและแม่เขาถึงอยากให้แต่งงานกับสาวห้าวคนนี้นัก
แต่เขาก็คิดหนักเหมือนกันที่จะต้องปราบม้าพยศ นิสัยเอาแต่ใจ เจ้าอารมณ์ตามประสาเด็กที่ถูกเลี้ยงด้วยเงินแทนความรัก เขาเลยอยากจะลองดีกับหล่อนซักตั้ง และแค่เพียงยกแรกเขาก็ถือว่าชนะ อย่างน้อยที่สุดนิ่มก็กำลังเดือดสุดขีดกับการต้องแต่งงานครั้งนี้
เสียงเพลงการ์ตูนอิคิวซัง ที่เม็ดทรายตั้งไว้เป็นเสียงเรียกเข้าประจำของโทรศัพท์มานานหลายปี ดังขึ้นกลางดึก
เม็ดทรายควานหาเจ้าโทรศัพท์ตัวดีที่ส่งเสียงรบกวนเวลานิทราอันแสนสุข พยายามปรับสายตาให้ชินกับแสงของโทรศัพท์ จนมองเห็นรายชื่อคนโทรเข้า
หวัดดีเจ๊ ทำไมโทรมาดึกจัง เสียงงัวเงียของเม็ดทรายบวกกับเสียงอึกทึกครึมโครมดังแทรกเข้ามาในโทรศัพท์ ทำให้รู้ได้เลยว่าเจ๊อยู่ที่ไหน
พอดีมีข่าวด่วน ก็เลยรีบโทรมาบอกหล่อน ก็เพื่อนของเพื่อนเจ๊น่ะ เขากำลังหาครูไปสอนเด็กที่ไร่ชาแต่ถ้าไม่สนก็ไม่เป็นไร เท่านี้นะ เจ๊แกล้งหยั่งเชิงความสนใจของลูกน้องเก่า
เฮ้...เดี๋ยวก่อนซิเจ๊ งอนเป็นผู้หญิงไปได้ ทั้งที่ก็ไม่ใช่สักหน่อย
เสียง กรี๊ด จากสาวประเภทสองเข้ากระทบโสตประสาทของเม็ดทรายอย่างจัง จนเอาโทรศัพท์ออกห่างจากหูแทบไม่ทัน
ล้อเล่นน่าเจ๊ อย่าโกรธเลยนะ ขอรายละเอียดของงานอีกหน่อยได้ไหมเจ๊ซ่า สมองของเม็ดทรายเริ่มทำงาน หลังจากได้แรงกระตุ้นจากเสียงอันทรงพลัง
เม็ดทรายเอื้อมมือไปกดสวิทซ์โคมไฟบนโต๊ะใกล้หัวเตียง
รู้แต่ว่าเจ้าของไร่เขาจะจ้างไปสอนเด็กในไร่ชาเขาเอง สอนพื้นฐานให้ลูกหลานคนงานในไร่ ก่อนที่เด็กเหล่านี้จะลงไปเรียนในตัวเมือง
น่าสน นี่เจ๊ไม่ได้โกหกนะ เม็ดทรายถามย้ำเพื่อความมั่นใจ
ก็ใช่นะซิ โกหกแล้วฉันจะได้อะไรละ
ได้ซิเจ๊ หนูได้งานไงละ
ตกลงสนใจใช่ไหม งั้นจดเบอร์โทรไว้นะ ลองโทรไปคุยกับเขาก่อน เห็นว่ารับสองคนน่ะ ฉันรู้รายละเอียดแค่นี้แหละ
แหม...เจ๊นี่ผลักส่งหนูไปไกลถึงเชียงใหม่เลยนะเนี่ย
เม็ดทรายมองรหัสทางไกลของเบอร์โทรศัพท์ที่เธอได้มา ก็พอจะรู้ว่าเป็นที่ใด
ก็ตอนนั้นหล่อนบอกว่าอยากไปไกลๆ ไง
จ้า...ขอบคุณนะเจ๊
เท่านี้ก่อนนะ มีงานด่วนน่ะ น้ำเสียงระริกระรี้ของเจ๊ เม็ดทรายพอจะเดาออกว่าไอ้งานด่วนของเจ๊น่ะคงไม่พ้นหนุ่มร่างบึกบึนเป็นแน่ อย่างน้อยเธอก็ยังมีเจ๊คนหนึ่งที่คอยห่วงใยเธอเสมอ ท่ามกลางสังคมอันย่ำแย่อย่างทุกวันนี้
กว่าเม็ดทรายจะตัดสินใจโทรหาเจ้าของไร่ชาได้ก็ปาเข้าหลายวัน เพราะมัวยุ่งกับปัญหาของนิ่มที่ไม่รู้จะทำไง เธอเองก็ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ จนปัญญาในการหาทางออกจริงๆ ทั้งเรื่องของเพื่อนและเรื่องของตัวเอง
ใจหนึ่งก็อยากไปหาประสบการณ์อีกด้านของชีวิต หากอีกส่วนหนึ่งของใจก็ค้าน เพราะสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย แถมต้องไปอยู่กับใครก็ไม่รู้ ถึงเธอจะเรียนศิลปะป้องกันตัวมาหลายรูปแบบ แต่ก็ใช่ว่าจะปลอดภัยทำให้เม็ดทรายต้องชั่งน้ำหนักส่วนได้ส่วนเสียให้มาก
โทรก็โทรวะ เม็ดทรายพูดกับตัวเอง
เม็ดทรายรอคนรับนานจนเกือบจะวางสาย
ฮัลโหล เสียงทุ้มใหญ่ที่ทักทายมาประโยคแรก ก็น่าจะคาดเดาได้ไม่ยากว่าจะดุแค่ไหน
ที่นั่นใช่ไร่ชาฟ้าใสหรือเปล่าคะ
ใช่ หางเสียงที่จะลงท้ายสักนิดก็ไม่มี ยิ่งทำให้คนที่โทรมาใจฝ่อเข้าไปอีก
ไม่ทราบว่าที่นั่นรับสมัครครูอยู่หรือเปล่าคะ
รับ...แต่รับเฉพาะผู้ชาย ปลายสายจงใจเน้นหนักคำว่าผู้ชาย
พูดอย่างนี้ก็สวยซิวะ เม็ดทรายเกลียดนักไอ้พวกผู้ชายที่ชอบดูถูกผู้หญิง
ผู้หญิงแล้วเป็นไง ทำงานไม่ได้หรือไง อย่านึกว่าผู้ชายทำเป็นอย่างเดียวซิ ดูถูกกันนี่หว่า
ผมเป็นเจ้าของไร่ มีสิทธิ์จะเลือกใครเข้ามาทำงานก็ได้
ไอ้พวกชอบใช้อำนาจ ลิดรอนสิทธิสตรี พูดอย่างกับว่าฉันอยากทำงานที่นั่นนักนี่
ไม่อยากทำแล้วโทรมาทำไม
ก็ถ้ารู้ว่ามีเจ้านายเฮงซวยก็ไม่อยากทำแล้วโว้ย น้ำเสียงของเม็ดทรายที่เริ่มสูงขึ้นตามอารมณ์
ผมก็ไม่อยากรับผู้หญิงบ้าๆ อย่างคุณมาสอนเด็กหรอก
ผู้หญิงอะไรไม่มีความเป็นกุลสตรีเอาเสียเลย วันนี้เป็นวันซวยอะไรของเราวะเนี่ย ภูผาเอ็ดอยู่ในใจ
อ๋อ...ฉันพอจะรู้แล้วว่าที่นายไม่ยอมผู้หญิงมาเป็นครู ก็เพราะนายกลัวว่าผ ู ้หญิงจะเก่งกว่านายใช่ไหมละ ขี้ขลาดนี่หว่า นี่มันยุคสมัยที่ผู้หญิงมีความสามารถเท่าเทียมกับผู้ชายแล้ว บางทีอาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ
ประโยคสุดท้าย เม็ดทรายจงใจยั่วฝ่ายตรงข้าม
ถ้าเธอคิดว่าเธอแน่จริงล่ะก็ เชิญเธอมาที่นี่ได้เลย
แน่.. ยังไม่ทันที่เม็ดทรายจะพูดจบ อีกฝ่ายก็วางหูไปซะก่อนแล้ว
ชิ !!! มาท้าใครไม่ท้ามาท้าคนอย่างเม็ดทราย แล้วเราจะได้เห็นดีกัน ไอ้พวกลิดรอนสิทธิสตรี ฉันนี่แหละจะไปเปิดโลกหลังเขาให้อีตาบ้าได้รู้บ้างว่ายุคนี้เป็นยุคของผู้หญิงแล้ว
ทางด้านภูผาแทบอยากจะโยนโทรศัพท์ทิ้งซะให้ได้ ผู้หญิงอะไร ปากอย่างกับกรรไกร นี่ถ้ามาสอนเด็กที่นี่ไม่กลายเป็นแม้ค้าปากตลาดกันหมดเลยรึไง
ถ้าภูผารู้ว่าเขาจะต้องต้อนรับครูคนใหม่ที่เฮี้ยว แสบ ซ่า ตามที่เขาเอ่ยปากท้าไว้ละก็ เขาคงไม่พูดตั้งแต่แรก แต่นั่นแหละใครจะฟันธงได้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร