forwriter.com

 
หากคุณคือมือใหม่ เวปนี้เหมาะสำหรับคุณมาก

 


พระธาตุอินทร์แขวน

พระธาตุอินทร์แขวน ตั้งอยู่บนภูเขา ชาวพม่าเชื่อว่าพระอินทร์ทรงแขวนก้อนหินใหญ่รองรับพระบรมธาตุเอาไว้ คนไทยเลยเรียกกันว่า พระธาตุอินทร์แขวน ^--^ (พม่า เรียก ไจ้ทิโย)
ความมหัศจรรย์ที่พระเจดีย์ตั้งอยู่บนก้อนหินขนาดใหญ่ได้อย่างไร (มีแห่งเดียวในโลก) เชื่อว่าต้องเป็นคนมีบุญมากเท่านั้นถึงจะได้มีโอกาสมาสักการะ
สถานที่แห่งนี้ (ว้าวววว พี่ฟีไปมาแล้ว = เป็นคนมีบุญ ^--^)

 

*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:

นั่งรถจากหงสาวดีประมาณหนึ่งชั่วโมง จะถึงเชิงเขาไจ้ทิโย จากนั้นก็เปลี่ยนรถค่ะ
เพราะรถใหญ่ขึ้นเขาที่มีถนนแคบไม่ได้

 

 

 

 

นี่คือสภาพของรถที่เราต้องนั่งขึ้นไปและกลับ ระหว่างทางขึ้นเขานี้จะมีด่าน กักรถไว้รอรถสวน
ถ้าไปช่วงคนเยอะละก็ มีรอเป็นชั่วโมงๆ เลยค่ะ
แต่คนขับขึ้นเขาทางหักศอกมองเห็นเหวนี่สิคะ ไม่เห็นใจคนนั่งเลย
กระชากและเร็วมาก ก็พยามยามทำใจว่า ทางมันขึ้นเขา
ต้องใช้แรง จะให้ขับช้าๆ ไม่ได้หรอก แต่ก็ไม่วายมีบอกไกด์ว่า
บอกคนขับ ให้ขับช้าๆ ได้ไหม
ไกด์ก็ตอบว่า ค่ะๆๆๆ
(พอตอนลงกลับจากพระธาตุแล้ว ถึงมาสารภาพกับเราค่ะว่า
บอกคนขับไม่ได้หรอก เขาขับของเขาทุกวัน ไม่เชื่อเราหรอก ^--^ )

 

*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:

เมื่อลงจากรถ ก็มาต่อที่เสลี่ยง ค่าจ้างหามคนละ 20 ยูเอสดอลล่าร์
(จ่ายต่างหากทางทัวร์ไม่รวมเอาไว้)
แต่ถ้าใครจะเดินขึ้นไปก็ได้ค่ะ ประมาณ 3 กิโลเมตร ก่อนนั้นก็คุยกันว่าจะเดิน
แต่พอได้มานั่งรถ ขึ้นเขา เลยเปลี่ยนใจกันหมด ค่ะ ^--^

 

 

หนุ่มพม่า กับการหามเสลี่ยง ค่าจ้างนี้ จะแบ่งออกไปให้กับการบำรุงพระธาตุ
รัฐบาล หัวหน้า และคนหาม ซึ่งเหลือน้อยมากค่ะ ดังนั้นทางไกด์จะบอกให้เราให้ทิปคนหามเลยค่ะคนละ 1,000 จั้ดในตอนขึ้นและในตอนลง จะให้มากกว่านี้ได้ แต่อย่าต่ำกว่านี้ และถ้าหากเจอทริกคนแบก ที่แวะร้านขายของระหว่างทาง ขอให้เราซื้อน้ำให้กินบ้าง ถ้าไม่อยากให้ก็ไม่ต้องให้ ไม่ต้องกลัวว่าพม่า จะแบกเข้าป่าหรือทิ้งลงเขา ไม่ทำหรอกค่ะ เพียงแต่จะขอเท่านั้น เพราะเขาถือว่า ขอไม่ได้ก็เท่าทุน ไม่ได้เสียอะไร
ถ้ารำคาญมากก็ตะโกนไกด์ๆๆๆ พวกนี้เขาจะกลัวไกด์ค่ะ เพราะถ้าหากไกด์ไปฟ้องหัวหน้า เขาจะถูกตัด ออกไม่ให้มาทำงาน

 

 

เมื่อก่อนการจัดระบบแบกหามนี่ก็ยุ่งมาก เพราะจะคิดราคาตามน้ำหนักคนนั่ง แต่ตอนหลังไกด์รอไม่ไหว ขืนชั่งที่ละคนๆ ตายแน่ถ้าทัวร์มาพร้อมกันเยอะๆ เนื่องจากเสลี่ยงจะมีเพียงหนึ่งร้อยตัวเท่านั้น ก็ไปร้องเรียน
ตกลงกับหัวหน้า ก็เลยจ่ายเหมาไปเลยว่า คนละ 20 ดอลลาร์ ก็โอเคกันได้ละค่ะ แต่ก็ยังมีปัญหา คนแบก เห็นคนไหนอ้วนก็ไม่อยากแบก อ้าว...เป็นปัญหาอีกแล้วไหมล่ะ? ^--^ ตอนหลังเขาเลยใช้วิธี
ให้หมายเลขค่ะ เป็นกระดาษเล็กๆ ไกด์เอามาให้กับนักท่องเที่ยว แล้วให้ยืนรอ ทางคนแบกก็จะได้หมายเลขเช่นกัน ใครได้ตรงกับหมายเลขไหน ก็ไปด้วยกัน ห้ามเกี่ยงน้ำหนักอีก มีปัญหา จะไม่มีงานทำค่ะ ^--^

ภาพตอนที่นั่งรถกำลังจะขึ้นไปถึงค่ะ เอ...หรือตอนลงมา ^--^

. *:*:*:*:*:*:*:*:*:*:

ขึ้นไปถึงบนพระธาตุ ต้องจ่ายเงินค่ากล้องค่ะ กล้องละ 2 ยูเอสดอลล่าร์ เชคอินที่โรงแรมให้พักประมาณ 15 นาที ก็พากันเดินขึ้นพระธาตุ เหตุที่ต้องให้รอกันนี้เพราะทางไกด์เขาจะได้แนะนำสถานที่ต่างๆ ให้เราสักการะ และรู้จัก จากนั้นก็ปล่อยฟรี ตามสบาย หนึ่งทุ่ม ให้ไปกินข้าว จากนั้นใครจะขึ้นพระธาตุไปนั่งสมาธิทั้งคืนก็ได้


ชาวพม่าเชื่อว่าปีหนึ่งจะต้องมาสักการะที่นี่สามครั้ง แต่เพราะว่าเราไปแค่คืนเดียว ก็สักการะสามรอบค่ะ
ครั้งแรกตอนมาถึง ครั้งที่สองหลังกินอาหารเย็น และอีกครั้งตอนเช้าก่อนลงเขา

 

ภาพโรงแรมที่พัก อยู่ไม่ไกลจากทางขึ้นพระธาตุค่ะ เห็นซุ้มประตูสีทองไหม?

 

 

มีอะไรต้องทำบ้างบนพระธาต

 

ถ่ายรูปหมู่ร่วมกันตรงทางขึ้นค่ะ ฮ่าๆๆ
หัวหน้าทัวร์ขอค่ะ
ก็ต้องถอดรองเท้ากันไว้ตรงนี้ค่ะ
(กลับลงมาเอารองเท้า เสียคนละร้อยจั้ดค่ะ ^--^)


เห็นสิงห์คู่สองตัวไหมคะ?
ประตูทางเข้าวัด หรือเจดีย์ของที่นี่
จะมีสิงห์คู่เสมอค่ะ
มีคำถาม สิงห์คู่เป็นเพศอะไรบ้าง ฮ่าๆๆๆ

 

 


นี่เขาจำลองไว้ ก่อนจะไปถึงให้ถ่ายรูปเล่นมังคะ

 

 

มาผลักเจ้าแม่ค่ะ (ที่นอนอยู่ค่ะ)เชื่อว่ามีโรคภัยไข้เจ็บอะไร
ก็มาอธิษฐาน ลูบบริเวณทีเราเจ็บปวดที่ร่างเจ้าแม่
แล้วจะหาย (แหะ อย่าลืมวางแล้วแต่ศรัธาด้วยนะคะ ^--^)

 

 

ภาพตำนานพระธาตุค่ะ
พี่ฟีก็เอาทองไปปิดข้างหลังนั้นด้วย
(น้องสาวสามีเตรียมมาให้ค่ะ ไม่เคยทำเองหรอก ^--^)

 

 

ดูคล้ายๆ เทพทันใจ พี่ฟีก็ไปมุงตอนคนเยอะๆ
เห็นเขาหยิบเอาผ้าไปทำพิธีกัน ก็นึกว่าหย่อนตามศรัธาที่ขันเงินนั่น
แต่แหะๆๆ สองพันจั๊ดค่ะ ด้านในกระจกจะมีคนสวดทำพิธีให้
ก้อนหินที่อยู่ข้างหน้า ไม่รู้เอาไว้ทำอะไร เห็นเขายก
พี่๊ฟีก็ยกตาม ยกได้ตลอดเลย อธิษฐานอะไรก็ ^--^


 

ดูภาพในมุมนี้ก่อน ขึ้นมาก็ร่วมหกโมงเย็นแล้วค่ะ แถมฝนก็เพิ่งจะหยุด
บรรยากาศสลัว พี่ฟีไม่ได้แต่งภาพค่ะ ขอยืมน้องมา ^--^

 

ภาพล่างค่อยสว่างหน่อย ^--^

 


บริเวณที่เห็นคนปิดทองสวดมนตร์ เป็นส่วนที่ห้ามสตรีเข้าไปค่ะ
ถ้าใครจะปิดทอง หรือเอากระดิ่งไปแขวน ก็ให้อธิษฐานอยู่ด้านนอก
แล้วก็ให้ผู้ชายเอาไปแขวนให้
พี่ฟีก็ฝากเอากระดิ่งไปแขวนเหมือนกันค่ะ
(น้องเขาก็เตรียมไว้ให้เหมือนเดิมค่ะ ^--^ คำอธิษฐานเดิมค่ะ ^--^ )

 

 


ดูกันให้ชัดๆ ว่าแขวนลอยจริงๆ หรือเปล่า
ไกด์ยังพูดอย่างมั่นใจนะคะว่า เชือกยังรอดได้
พี่ฟีก็ชี้เล่นๆ ว่า ก็นั่นหินมันชนกันแล้วจะรอดได้ไง
เขาบอกว่าไอ้ที่เห็นดำๆ เหมือนชนกันนั้นน่ะ
เป็นพวกเศษกระดาษที่เขามาปิดทองมาอุดตันไว้
(แหม ลมก็ช่างไม่พัดออกไปนะ พี่ฟีนึกในใจเล่นๆ ไม่กล้าพูดมาก
กลัวบาป ศรัทธาของใครก็ของใคร ^--^ )
ที่เห็นมือเล็กๆ นั่นเขาไม่ได้ลองผลักนะคะ แต่กำลังปิดทอง
ส่วนคนนั่งยองๆ นั้น กำลังสวดมนตร์ค่ะ


 

 

ดูอีกภาพ
มาถึงแล้วพวกเราก็จุดธูปเทียนสักการะพระธาตุ
จากนั้นพระท่านก็นำสวดอิติปิโสกันที่ลานข้างหน้านั่นเลยค่ะ ^--^
(เอ๋ ไม่มีรูปลานข้างหน้า เดี๋ยวไปดูเอาตอนหลังค่ะ ^--^)

 

*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:

 

 


กลับมารับประทานอาหารค่ำกันก่อนค่ะ
จากนั้นก็แล้วแต่ใครจะสะดวกไปไหน
พี่ฟีกินเสร็จก็ขึ้นไปไหว้พระธาตุอีกครั้ง แล้วก็นั่งสมาธิค่ะ

เป็นครั้งแรกที่ทำีค่ะ เพราะหัวหน้าทัวร์พาทำ ^--^
นั่งสมาธิเสร็จก็ไปเดินดูตลาดมืดที่มีร้านขายของเป็นบันไดทางลงอีกด้านหนึ่งค่ะ

การนั่งสมาธินี่จะที่ลานหรือห้องกระจกก็ได้
จะนั่งจนเช้า หรือจะดึกแล้วกลับไปนอนก็ได้ค่ะ
เขาเปิดตลอดเวลา

 


 

ประตูทางลงไปตลาดมืดขายของ แต่มาถ่ายเอาตอนเช้าค่ะ

 

*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:

วันที่ 3

 

ภาพพระธาตุในตอนเช้า

ตอนเช้าตื่นขึ้นมา มองออกไปด้านภูเขาไม่เห็นอะไรค่ะ หมอกจัดมาก ร่วมยี่สิบนาทีจึงมองเห็นพระธาตุ

 

 

ขึ้นไปไหว้พระธาตุอีกในตอนเช้า เพื่อจะได้ครบสามรอบ ^--^
แล้วก็ตักบาตรเช้าค่ะ จะได้ครบสูตร ^--^

บรรยากาศในตอนเช้า อากาศดีมากค่ะ
ตอนเดินขึ้นไป ก็จะเห็นคนที่มาค้างคืนที่นี่ หิ้วตระกร้าพลาสติก
มีปิ่นโต เดินย้อนลงไปค่ะ

 

 

 

สาวๆ ปะแป้งทะนาคา ขนอิฐ
แป้งทะนาคา จะเป็นเปลือกไม้ฝนออกมาทาผิวค่ะ
พ่อแม่ทาให้ลูกตั้งแต่เด็กๆ โตแค่ไหนก็ทาค่ะ
เคยได้ยิน ผิวพม่าสวย ใช่ไหม? ^--^

 

 

แวะซื้อขนมตอนเช้า เห็นที่เป็นแป้งทอดแล้วราดด้วยน้ำตาลเหนียว
คิดถึงขนมเคยกินตอนเด็กๆ เลยซื้อห้าชิ้น หมดไปห้าร้อยจั๊ด
แต่ไม่ได้กิน เพราะเอาไปตักบาตร กับให้เด็กกะเหรี่ยง ^--^

 

 

นี่ล่ะ ที่พีฟีเอาไปถวาย (แต่ทำไมเขาเรียกตักบาตรก็ไม่รู้นิ
ซื้อเอาค่ะ สามพันห้าร้อยจั๊ด เห็นขนมไหม
อย่างนั้นล่ะ ที่คิดอยากกิน แต่ไม่ได้กิน ^--^

 

 

อา นี่ไง มุมหน้าลานพระธาตุกว้างขวางมาก แต่ชื้นเพราะฝนตก
ด้านซ้ายก็เป็นห้องกระจกเข้านั่งสมาธิได้ค่ะ
ด้านซ้ายก็โล่งๆ อย่างนั้นค่ะ

ไปดูภาพตรงกลางใกล้ๆ ข้างล่าง
ด้านซ้ายก็จะเป็นที่ไหว้จุดธูปเทียน ธูปก็ปักเอาไว้ที่กระถางแถวๆนั้นล่ะ ส่วนเทียนเขาทำเอาไว้เป็นถ้ำเล็กๆ
ข้างล่าง (ดำๆ น่ะ) เพื่อไม่ให้ลมพัดเทียนดับ
ตอนเชัาก็จะมีคนมาทำความสะอาดขูดน้ำตาเทียนออกค่ะ
(บังเอิญว่าเห็นด้วยตาพอดี)

 

 

ไปตักบาตรตอนเช้า (คล้ายกับตักบาตรพระพุทธค่ะ )
ถวายแล้วก็มาไหว้เจดีย์ สวดอิติปิโสกัน ตรงลานถัดไป ตรงที่คนเสื้อสีเทาอ่อนมีผ้าพาดคอนั่นแหละค่ะ ใกล้องค์พระธาตุมากที่สุด
เพราะติดประตูห้ามเข้าพอดี สวดเสร็จก็นั่งสมาธิกันสักครู่

จากนั้นก็ลงไปกินข้าวต้มตอนเช้าที่โรงแรม
เตรียมตัวเดินทางลงเขาไปสักการะที่อื่นต่อ ^--^

*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:

 

 

 


ไปต่อวันที่ 3 พระราชวังบุเรงนองและอื่นๆ ^--^

 

ห้องมือใหม่
ห้องสร้างนักเขียน
การเขียนนวนิยายต่าง ๆ
Idea bank
ฝึกเขียนเรื่อง

ร้านหนังสือ

 

 
ฟรี E-book
 
 



 

  http://www.forwriter.com . © 2005 All rights reserved.