forwriterroom

จากนั้นก็ขึ้นรถไปไหว้พระพุทธเจ้าสี่ทิส ระหว่างทางก็ผ่าน
ทะเลสาบที่มีเป็นเนินคันดินปลูกหญ้าและดอกไม้ มีเก้าอี้ยาวพร้อมร่มวางเรียงเป็นระยะๆ
เป็นที่พลอดรักของหนุ่มสาวขาวพม่า ผ่านตึกเขียวที่พักนางอองซานซูจีในระยะใกล้

ระหว่างอยู่ในรถที่จะไปไหว้พระไจ้ปุ้น
ทั้งไกด์และหัวหน้าทัวร์ ก็คุยให้ฟังถึงวัดจักขะวายน์
ซึ่งเป็นสำนักเรียนปริยัติธรรมที่มีชื่อเสียง
หากคนใดมาบวชที่นี่จะไม่สึก มีพระภิกษุและสามเณรประมาณ 1,200 รูป
(ในตอนนี้หัวหน้าทัวร์ก็เริ่มเชิญชวนทำบุญถวายปัจจัยให้วัดค่ะ ^--^
พี่ฟีก็ถวายไปตั้งหมื่น...จั้ดค่ะ รวบรวมกันบนรถค่ะได้ร่วมสองแสนกว่าจั้ด
จำหางเลขมาบอกพวกเราซื้อหวยไม่ได้่ค่ะ ฮ่าๆๆ)

ไม่ได้ถ่ายภาพพระพุทธเจ้าสี่ทิศมาให้ดูค่ะ
แต่องค์โตสูงมาก สร้างติดกัน ในท่านั่งประทับ เป็นศิลปะมอญ
มีองค์หนึ่งที่พังลงมาแล้วทางรัฐบาลสร้างใหม่เป็นศิลปะแบบพม่า
มีแต่ภาพเป็นโปสการ์ดสำคัญที่เขาขายค่ะ
สแกนมาให้ดู เบลอๆนิดนึงค่ะ ^--^

ภาพพระพุทธรูปในบริเวณค่ะ

ที่นี่ไม่มีอะไรให้ดูมาก ออกมาไกด์ก็พาแวะห้องน้ำค่ะ
ห้องน้ำที่พม่านี่ก็ค่อนข้างจะล้าหลังนะคะ
ต้องเป็นห้องน้ำที่ร้านน้ำชาที่ไกด์เลือกเอาไว้แล้วค่ะ ถึงจะเข้าได้ ^--^
สั่งชากาแฟ ของพม่ามาดื่มกันค่ะ

พี่ฟีดี่มแล้วก็ลุก ปรากฏว่า พนักงานไปบอกไกด์ค่ะว่า
พี่ยังไม่ได้จ่ายเงิน (อ้าว เราก็นึกว่าดื่มฟรี ทางทัวร์จ่ายนี่นา ฮ่าๆๆ)

ภาพสาวๆ พนักงานค่ะ
เออ ..ลืมคุย ไกด์บอกว่าพระพม่านี่เขาจับต้องสตรีได้นะคะ
อย่างเป็นแม่น้องสาวหรือญาติๆ แล้วค่อยไปปลงทีหลัง ^--^

สงสัยคนถ่ายจะชอบสบู่ที่อ่างล้างมือนะคะ เลยถ่ายมาให้ดู ^--^
เบ้อเร่อ เลย กลิ่นคล้ายๆ สบู่ซันไลน์บ้านเราค่ะ

*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:

ภาพที่วัดจักขะวายน์

หลังจากแวะเข้าห้องน้ำแล้ว ก็ต้องรีบมาที่วัดจักขะวายน์
เพราะกลัวไม่ทันได้ตักบาตรเพลพระค่ะ

หม้อใส่ข้าวที่เตรียมเอาไว้ให้เราตักใส่บาตรค่ะ เบ้อเริ่มเลย ^--^
ก่อนพระจะออกมา จะตีระฆังบอกก่อน

ก็มีทั้งตักข้าวสวยที่มีอยู่แล้ว กับพวกขนมห่อที่ทางหัวหน้าทัวร์เขาเตรียมไว้ให้พวกเราใส่บาตรกันค่ะ

ตอนที่ไปเป็นช่วงปิดเทอม มีพระอยู่ประมาณ 70-80 รูปค่ะ

ท่านเจ้าอาวาส (ห่มสีเข้มใส่แว่น) ชราภาพแล้วค่ะ ต้องนั่งรถเข็นเข้ามา

ตอนที่อยู่ในรถ หัวหน้าทัวร์ก็คุยให้ฟังค่ะว่า บางครั้งที่วัดก็ไม่มีอาหารจะกิน
บางทีก็มีแต่น้ำแกง ที่มีแต่น้ำจริงๆ เพราะคนเขายากจน ไม่มีเงินจะทำบุญกันสักเท่าไหร่
แต่ตอนที่ไปนี่ พี่ฟีเห็นก็โอเคนะคะ ^--^ (จะบาปไหมนี่ )

เงินที่เราร่วมกันใส่ซองในรถ มาถวายนับกันเห็นๆ ค่ะ ^--^

*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:

ออกจากวัดสังขะวายน์ ก็ต้องรีบค่ะ เพราะใกล้จะเที่ยง
ทางทัวร์ก็มีพระไปด้วย ดังนั้นจึงต้องรีบมาฉันเหมือนกันค่ะ เดี๋ยวไม่ทัน

ภาพนี้เป็นอาหารของโยมค่ะ ^--^
น้ำพริกตาแดง กับแจ่วบองนั้น หัวหน้าทัวร์แบกไปบริการลูกทัวร์ค่ะ

*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:

กินเสร็จ ก็ไปต่อที่ เจดีย์มุเตา (ชเวมอตอร์)
เป็นพระเจดีย์ที่สุูงที่สุดในหงสาวดี
เชื่อว่าเป็นสถานที่ที่พระนางสุพรรณกัลยา และพระนเรศวร
เคยมาบูชาสักการะพระบรมธาตุ
เนื่องจากเจดีย์อยู่ในเขตพระราชวังหลวงของพระเจ้าบุเรงนอง
สมัยนั้นพระเจ้าบุเรงนองต้องมาสักการะก่อนที่จะไปว่าราชการทุกวัน

ภาพทางก่อนจะถึงเจดีย์ค่ะ

ดูองค์เจดีย์กันใกล้ๆ

เข้าไปกราบพระ

กราบพระเสร็จก็มีการสวดอิติปิโสกันค่ะ แล้วก็บำรุงตามศรัธา
แต่ละตู้จะมีเขียนบอกค่ะว่า อะไรเป็นอะไร
พี่ฟีก็ถาม ตู้ไหนที่ขอได้สำเร็จทุกอย่าง พอไกด์ชี้ให้ ก็จำตัวอักษรไว้ค่ะ
หย่อนเป็นตู้แรกเลย เจอที่ไหนจะได้รู้ล่ะ ^--^
ไม่ได้ขออะไรมากมาย แค่ขอให้เขียนหนังสือได้จบปีละไม่ต่ำกว่าสามเรื่อง เพี้ยง
แล้วก็ขอให้พวกเราชาวฟอไรท์เตอร์เขียนหนังสือได้จบ
(อันหลังไม่ได้บอกจำนวนค่ะ กลัวพวกเราอยากได้ไม่เหมือนกัน ฮา)

เป็นภาพของอิฐที่ถล่มลงมาค่ะ แต่ไม่กระจัดกระจาย
(เนื่องจากอะไรไม่ได้ฟัง แต่นานมากพันปีแล้วค่ะ)
เชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์มาก ขออะไรก็จะได้สมปรารถนาค่ะ

ว่าแล้วก็เอาธูปไปค้ำ เอาทองไปปิด
ตอนอธิษฐานต้องเอาหน้าผากไปจรดหินด้วยนะคะ
ธูปไปค้ำก็คือ ปักแล้วให้เอาเก็บปลายธูปเข้าด้วยค่ะ ไม่ปล่อยให้ชี้อิสระ
(ต้องทำวิธีขอที่ถูกต้องค่ะ ^--^ ที่เห็นก็มิใช่พี่ฟีอีกเช่นกัน )

*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:

แม้จะอยู่ในเขตพระราชวังบุเรงนอง แต่วันนี้คณะทัวร์ก็ไม่ได้ชมพระราชวังค่ะ เพราะฝนทำท่าจะตก รีบเดินทางไปที่พระธาตุอินทร์แขวนกัน อ้อ ลืมบอก จะไปนี่ ต้องจัดเตรียมกระเป็าใบเล็กไปค้างคืนด้วยค่ะ

ไปต่อ ขึ้นพระธาตุอินทร์แขวนกันค่ะ