forwriter.com

 
เที่ยวพม่า

 


เมียนมาร์ เมืองพุทธที่ยังมีชีวิต

 

เป็นประเทศที่ประกอบด้วยชนเผ่าหลักๆ 7 เผ่า ที่ได้รวมตัวกันชั่วคราวเพื่อที่จะต่อสู้เอกราชจากอังกฤษ โดยหวังว่าแต่ละเผ่าจะได้รับการปกครองตัวเองหลังจากสำเร็จ แต่ปรากฏว่า เมื่อได้เอกราชก็เกิดรายการหักหลังกันเอง ไม่ยอมให้แยก ซึ่งชาวพม่าที่เป็นนักรบเก่งกว่า ก็ได้ยึดอำนาจเบ็ดเสร็จปกครองไม่ยอมให้เผ่าอื่นแยกออกไป

 

เป็นประเทศที่ปกครองระบอบสังคมนิยม ต่อให้รวยแค่ไหนก็ไม่อาจจะมีที่ดินเป็นของตัวเอง ต้องเช่าจากรัฐ และรัฐจะเอาคืนเมื่อไหร่ก็ได้ โดยไม่จำเป็นต้องให้เหตุผล และหากถามอาจจะหายตัวไปทั้งครอบครัวอย่างไร้ร่องรอย

เป็นประเทศที่ทหารเป็นใหญ่ เน้น ทหารเป็นใหญ่ เปิดรับชายทุกเผ่าเข้าไปเป็นทหาร ได้รับสิทธิ์เหนือประชาชนธรรมดา ได้รับบำนาญหลังเกษียณ แต่แม้จะเปิดรับทุกเผ่า คนไหนไม่ใช่พม่า ก็มิอาจเป็นใหญ่เหนือชาวพม่าได้ ดังนั้นเผ่าอื่นๆ อย่างไทยใหญ่ มอญ ก็มักจะหันไปทำการค้ามากกว่าที่อยู่เป็นทหาร

ยังไม่เท่านั้นทหารพม่า หากแต่งงานกับเผ่าอื่น ถือว่าตกอับ เป็นใหญ่ไม่ได้

ทหารพม่าต้องมีเมียเดียว หากไปมีกิ๊ก เสร็จค่ะ ! ประเภทเมาก๊งเช้าสายบ่ายค่ำ ก็ไม่มีนะคะ ปีหนึ่งเขาจะมีสักสัปดาห์เดียวที่ดื่มสังสรรกันอย่างเต็มที่ หมดเวลาช่วงนี้ ก็จะไม่มีให้เห็น แต่กระนั้น ก็สามรถไปนั่งแช่ที่ร้านน้ำชาได้ค่ะ ^--^

ไกด์บอกว่า ชายพม่าว่างเมื่อไหร่ เป็นต้องไปแช่ที่ร้านน้ำชาคุยกัน เป็นชั่วโมง ๆ แม้ไม่ดื่มเหล้า แต่พวกเขาเคี้ยวหมากค่ะ

ผิดกับชาวไทยใหญ่ ก๊งกันประจำ เพื่อนมา เพื่อนกลับ เพื่อนอยู่ กูรก็เมา ว่างั้น ^--^

ฟังที่ไกด์เล่าทั่วๆไปแล้ว ใครไม่ใช่เชื้อสายพม่า ก็ออกจะถูกกดขี่ไม่น้อย

(ไกด์เป็นชาวไทยใหญ่พูดภาษาไทยได้ ฟังน้ำเสียงแล้วเธอค่อนข้างจะไม่แฮปปี้กับคนพม่านัก)

 

*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:

 

เงินพม่า

สกุลเงินจั๊ด ตอนที่ไปนี่แลกกับไกด์ค่ะ 1,000 บาทไทย แลกได้ 26.000 จั๊ด ถ้าแลกกับรัฐจะได้น้อยกว่านี้มาก และเงินใบละห้าร้อยและต่ำลงมานี้เน่ามากค่ะ เพราะทางรัฐบาลไม่ได้พิมพ์ใหม่เป็นสิบยี่สิบปีแล้ว ที่มีใหม่หน่อยก็เห็นจะเป็นแบงค์พัน ที่ไกด์บอกว่าเพิ่งจะพิมพ์ออกมาใหม่

ในเมืองจะซื้อของก็ใช้เงินไทย หรือดอลล่าร์ได้ค่ะ ไกด์เขาคุยนะว่า พวกเขาไม่มีสิทธิ์เก็บเงินต่างประเทศเอาไว้ เมื่อจบงานเงินเหล่านี้ (ที่เขาเอามาให้แลก) จะต้องส่งกลับบริษัททันที เพราะถ้าหากทางการค้นเจอ จะถูกยึดไปเลย

(พี่ฟี เอาเงินจั๊ดทำบุญหมดเลยไมได้เก็บตัวอย่างเงินมาให้ดู ^--^ )

 

*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:

 

รายได้ของประเทศ

จากการส่งสินค้าออก พวกหยก ไม้สัก พวกสินค้าออกเหล่านี้เงินทองจะเข้ารัฐ และเจ้าหน้าที่ของรัฐให้รวยเอาๆ ค่ะ ใครอยากไปทำธุรกิจกับพม่า ก็ต้องเข้าทางทหารค่ะ แต่ต้องระวังไว้ด้วยว่า ทหารที่คุณเข้านั้นหากตกกระป๋องไป ไม่สิ เขาไม่มีตกกระป๋อง มีแต่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย โดยบอกว่าป่วย ก็ถือว่าซวยไปนะคะ

พม่าให้ความสำคัญกับต้นไม้ค่ะ คุณปลูกอยู่หน้าบ้านคุณ แต่ถ้าต้องการตัด ต้องไปขออนุญาตรัฐจึงตัดได้ ข้าวของพม่าไม่ส่งออก เพราะพลเมืองไม่พอกิน

จากการท่องเที่ยวถามไกด์เหมือนกันว่า ไม่เห็นพวกฝรั่งมาเลย เขาตอบว่ามีน้อยมาก และเมื่อก่อนจะมีจากจีนอยู่บ้าง แต่ในปัจจุบันนักท่องเที่ยวหลักของเขาคือคนไทยค่ะ

 

*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:

 

การศึกษา

เข้าโรงเรียนอนุบาลตั้งแต่อายุ 5 ขวบ เรียนไปเรื่อยๆ จนถึงชั้นสิบ ก็ต่อมหาวิทยาลัย ตอนเรียนมหาวิทยาลัย ประชาชนไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจว่าจะเรียนอะไรต่อ รั,ฐบาลจะเป็นคนตัดสินใจแทน

เป็นต้นว่า คุณเก่งวิทย์มาก อยากจะเรียนหมอ ก็ไม่ได้เรียนค่ะ ถ้าทางรัฐบาลสั่งให้คุณเรียนวิศวะแทน ก็ต้องเรียนตามนั้น แต่ขอโทษนะคะ รัฐไม่ได้จ่ายค่าเรียนให้คุณค่ะ พวกคุณต้องจ่ายเอง แต่ต้องเรียนตามสั่ง ไม่พอใจไม่เรียนก็ได้ค่ะ คือไม่ต้องเรียนเลย อย่าไปแหยมร้องขอเรียนอย่างอื่นนะคะ จะหายตัวไปเฉยๆ (เหอๆๆ เขาไม่มีศาลปกครองเหมือนประเทศไทย ^--^)

มหาวิทยาลัยเมื่อก่อนทุกเผ่าต้องมาเรียนรวมกันที่ย่างกุ้ง แต่ตอนนี้มีอยู่ทุกมณฑลแล้ว ร่วม 200 มหาวิทยาลัย (มากจัง ไกด์พูดผิด หรือพี่ฟีฟังผิดนี่ ^--^)

 

*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:

 

คนพม่า ไม่มีนามสกุล

คนพม่าไม่มีนามสกุล แต่จะรู้ว่าใครเป็นใคร มาจากเผ่าไหนก็ดูที่คำนำหน้าในบัตรประชาชนค่ะ อย่างเช่น

พม่า ชายจะนำหน้าด้วยคำว่า หม่อง ถ้าอายุถึงสามสิบปี จะเปลี่ยนคำนำหน้าว่า อู

หญิง นำหน้าว่า มะ พออายุถึงสามสิบก็จะเปลี่ยนคำนำหน้าใหม่เช่นกัน (จำไม่ได้ค่ะ)

ไทยใหญ่ หญิง จะนำหน้าว่า นาง ไปตลอดชีวิต ชายก็นำหน้าว่า ชาย ไปตลอดชีวิต ไม่เปลี่ยน

ก็ต้องสบสนนะสิทีนี้หากมีชื่อซ้ำกัน ^--^

ถ้าชื่อซ้ำกันเขาก็จะต้องเติมชื่อพ่อลงไปข้างหน้าชื่อลูกค่ะ เอาซะให้ยาวเหยียดไปเลย

(เป็นเหตุผลหนึ่งที่เวลาไปขอวีซ่าพม่า จะต้องเอาสำเนาทะเบียนบ้านที่มีชื่อพ่อไปด้วย ^--^ เขาเน้นพ่อเป็นใหญ่ค่ะ)

ญาติๆจะรู้จักกันได้ ก็ต่อเมื่อพ่อแม่แนะนำให้รู้จัก บ้างก็จะมีการจัดวันรวมญาติให้รู้จักกันค่ะ

 

*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:

 

ไม่เห็นลูกครึ่งในพม่า

การที่อังกฤษมายึดครองพม่าร่วมร้อยปี สงสัยค่ะว่า่ไม่เห็นลูกครึ่งแม้แต่น้อย สาเหตุหลักก็คือ พม่าเกลียดอังกฤษมากๆๆๆๆ หากคนไหนแต่งงานกับอังกฤษ ถ้าอยู่ในพม่าอาจจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย แต่พม่าก็จะยินดีที่จะไปอยู่เสียทีอังกฤษเลย (กรณีนางอองซานซูจี ที่รัฐบาลพม่าเกลียด ก็เพราะอย่างนี้ไกด์เขาว่างั้น) ตามถนนหนทางน้อยนักที่จะเห็นป้ายที่มีภาษาอังกฤษกำกับ ก็เล่นเอาเซ็งเหมือนกันเพราะอ่านภาษาพม่าไม่ออก ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ^--^

ที่ประเทศมาเลย์เขาก็แอนตี้พวกลูกครึ่งเหมือนกันนะ อย่างจะเอามาเป็นดาราพรีเซนเตอร์นี่แทบไม่เห็น ^--^

 
 

ภาพถ่ายจากในรถค่ะ เมืองย่างกุ้ง ตอนกำัลังเดินทางไป ตลาดสก๊อต

 

 

*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:

 

โทรศัพท์

โทรศัพท์ในพม่า เป็นสิ่งที่ต้องได้มาในราคาแพงมากๆๆๆ ไม่มีเงินเป็นแสนบาทไทยอย่าหมายว่าจะได้โทรศัพท์ไว้ใช้ จะต้องมีการขอจากรัฐบาลซึ่งต้องรอคอยไปจนตายก็ได้กว่าจะได้ และเมื่อขอได้ทางรัฐบาลจะติดต่อมาก็ต้องมีเงินสามล้านจั๊ดขึ้นไปในธนาคารเอาไว้ก่อนจึงจะทำการติดตั้งให้ หากไม่มีก็ไม่ได้ ดังนั้นใบจองที่ทางรัฐให้มาสามารถเอามาซื้อขายกันได้ในราคาสูงเป็นสองสามเท่า (ของไกด์เองที่มีมือถือ ก็บอกว่าเป็นชื่อคนอื่น เพราะเขาขอมาร่วมสิบปีแล้วยังไม่ได้ ^--^ คิดถึงเมืองไทยเมื่อก่อนไหม? ช่วงที่ทักษิณจะไปลงทุนที่โน่นเขาก็นึกยินดีนะ แต่แล้วนายทหารสมัยทักษิณติดต่อก็หายไปซะแล้ว ตัวคุณทักษิณเองก็ไปแล้วเช่นกัน ^--^ )

เอ้า ! แม้โทรศัพท์จะขอยากเหลือแสน แต่ทางรัฐบาลพม่าก็ยังมีโทรศัพท์สาธารณะไว้บริการประชาชนค่ะ ^--^

โทรศัพท์สาธารณะที่พม่าหน้าตาเป็นอย่างนี้ โทรภายในประเทศเท่านั้น ออกต่างประเทศไม่ได้

 

ภาพนี้ถ่ายที่ถนนหน้าตลาดสก็อตนะคะ ถ้าไปตามนอกๆเมืองแล้ว จะเป็นเพิงไม้มุงหลังคาค่ะ พนักงานที่อยู่ก็จะใส่เสื้อขาวนุ่งซิ่นสีน้ำเงิน ก็ถือว่ารัฐหางานให้คนทำค่ะ ไม่ใช่ตู้อัตโนมัติเหมือนบ้านเรา ^--^
(อ้อ นั่นก็พระที่พม่านะคะ ไม่ใช่ที่ไปกับทัวร์ ^--^)

 

*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:

 

ยานพาหนะ

รถในพม่าถือว่าเป็นสิ่งหนึ่งที่แพงมากๆๆ เช่นกัน ใครมีรถส่วนตัวใช้ถือว่ารวย และรถของพม่าภาษีนำเข้าสูงมาก มีแต่รถมือสอง และก็รถเก่าๆ ทั้งนั้น มีรถหกล้อ รถสมัยญี่ปุ่นสงครามโลก

การขนส่งของเขาก็มีพวกแท็กซี่ รถสองแถว รถเมล รถสามล้อ รถมอเตอร์ไซต์ รถจักรยาน ชอบใจรถสามล้อถีบของพม่าเป็นพิเศษค่ะ คนถีบจะอยู่ข้างคนนั่ง และที่นั่งจะมีสองที่หันหลังชนกัน

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ความจริงถ่ายภาพเอาไว้มากกว่านี้ แต่เป็นการยืมกล้องหัวหน้าทัวร์
เพราะกล้องพี่ฟีแบตหมด เขายังไม่ส่งภาพมาให้เลย ดูแค่นี้ไปก่อนนะ ^--^

 

 

รถพวกนี้ถือว่าใหม่มากเลยค่ะ ป้ายดำรถส่วนบุคคล ป้ายแดงรถขนส่งมวลชน ป้ายขาวรถทางการฑูต

*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:

 

ขอทาน

ที่พม่า มีขอทานค่ะ เห็นนักท่องเที่ยว จะตื้อขออยู่นั่นแหละ ให้คนหนึ่งที่เหลือจะมารุมทันที ส่วนมากก็เป็นเด็ก และก็พวกที่ทำมือเป็นแผลน่าเกลียดๆ ไกด์บอกว่าทำงานมาสี่ห้าปี ก็ไม่เห็นว่าแผลนี้จะหายค่ะ ^--^ (เออแน่ะ เจอแผลปลอมเข้าให้แล้ว ฮ่าๆ )

 

*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:

เขาอยู่กันอย่างไร

แม้พม่าจะมีทรัพยากรธรรมชาติเหลืออยู่มากมาย
แต่ความเจริญทางด้านวัตถุ สิ่งอำนวยความสะดวก หรืออื่นๆ ยังช้ากว่าประเทศไทยประมาณ 50 ปี ยิ่งถนนหนทางระหว่างเมืองด้วยแล้ว
ประมาณถนนเข้ัาหมู่บ้านของไทยมังคะ เพราะเห็นขุดซ่อมลาดยางกันเป็นระยะๆ
(ไกด์พูดว่า รัฐบาลหางานให้ประชาชนทำค่ะ ^--^)

ตึกที่นี่มีแต่เก่าๆ ค่ะ บางตึกก็ตั้งแต่สมัยโปรตุเกส สมัยอังกฤษยึดครอง
ผ่านไปเห็นโรงพยาบาล เป็นตึกเดี่ยวแถวเดียว สองสามชั้นเก่ามาก
เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ดู

คนรวยอยู่บ้านจัดสรรค่ะ แต่ที่ผ่านตาก็เห็นไม่มาก ที่นี่มีสองชนชั้น
คือคนรวยกับคนจนค่ะ ไม่มีชนชั้นกลาง ^--^
ที่พักในเมืองมีแฟลตเป็นตึก ถ้าสูง 8 ชั้นขึ้นไป จึงจะมีลิฟท์
ถ้าไม่ถึง 8 ชั้นก็ไม่มีลิฟท์
จะมีเชือกแขวนกระดิ่งลงมาข้างล่าง เพื่อนฝูงจะขึ้นไปหาต้องสั่นกระดิ่ง
ให้ถูกชั้นตะโกนถามกันว่าอยู่หรือเปล่า (เขาไม่มีโทรศัพท์นัดหมายกันแพร่หลายค่ะ)
บางทีก็มีถุงก๊อบแก็บขนส่งสิ่งของให้กันค่ะ จะได้ไม่ต้องขึ้นให้เมื่อย
และไม่ต้องกังวลว่า จะมีมือดีไปแอบดึงเชือกสั่นกระดิ่งเล่น
ทีี่่โน่นเขาไม่ทำกันค่ะ (ไกด์บอก ^--^)

 

 

สังเกตเห็นเชือกแขวนกระดิ่งไหม?

 

 

เพิงขายของตามถนน

 

*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:

ศรัธาในพุทธศาสนา

ที่ตั้งหัวข้อเอาไว้ว่า เมียนมาร์เมืองพุทธที่มีชีวิต ก็คิดเอานะคะว่า
แม้ว่าการไปเที่ยวที่เกี่ยวกับศาสนาพุทธ บางคนอาจจะนึกไปถึงอินเดียเสียมากกว่า แต่ดิฉันมองว่า แม้อินเดียจะเป็นบ่อเกิด แต่มันก็ตายแล้วค่ะที่อินเดียจะไปดูวิถีชาวพุทธที่โน่นคงจะไม่มีให้เห็นแล้ว (ที่ยังเห็นมีกันอยู่ก็จะเป็นคนชาติอื่นไปสร้างต่อเติมเสียมากกว่า อย่างคนไทยนี่แหละ ไปสร้างวัดสร้างเจดีย์ที่โน่น^--^)

หันมาหาประเทศที่มีศาสนาพุทธก็เหลือไ่ม่มาก มีไทย ศรีลังกา พม่า ลาว เขมร ที่อื่นบ้าง ก็เล็กน้อยแล้ว ก็ดีใจค่ะที่ได้ไปเห็นที่พม่า ซึ่งคิดว่าวิถีชีวิตของคนท้องถิ่นยังติดอยู่กับศาสนามากทีเดียว

คนที่นี่ศรัทธาในพระพุทธศาสนาและปลูกฝังกันมาตั้งแต่เป็นเด็ก พ่อแม่พาเข้าวัดเข้าเจดีย์สวดมนตร์ คุยเท่าที่เห็นและได้ยินมาค่ะว่า

•  เข้าวัด เจดีย์ ต้องถอดรองเท้าเสมอ

•  การสร้างเจดีย์คือสิ่งที่เป็นสิ่งสูงสุดในการทำบุญของเขา ดังนั้นจึงเห็นเจดีย์มีอยู่ทั่วไปในประเทศ ไม่ว่าเป็นเจดีย์ประจำหมู่บ่าน เจดีย์ประจำตัวคน (หากมีพื้นที่มีเงินอยากสร้าง ก็ไปขออนุญาตรัฐบาลสร้างได้เลย) พวกผู้นำทหารก็ถือเรื่องการสร้างเจดีย์เป็นเรื่องใหญ่ของตัวเองเช่นกัน และเจดีย์ไม่ได้สร้างอยู่ในวัด

•  คนที่อยู่ย่างกุ้งก่อนไปทำงานต้องไปไหว้เจดีย์ ชเวดากอง เลิกงานก็ต้องไปไหว้ก่อนกลับบ้าน

•  ที่พม่าไม่มีพระเครื่องค่ะ ไม่นิยม ชาวพุทธเห็นจะมีแต่ประเทศไทยประเทศเดียวในโลกค่ะ
ที่เล่นพระเครื่องกันเอาเป็นเอาตายปลุกเสกกันอยู่นั่นแหละ ^--^
แต่ว่าที่พม่านิยมสร้างเจดีย์ค่ะ พวกผู้นำประเทศนี่ต้องมีเจดีย์เป็นของตัวเองเลยล่ะ (อาจจะประมาณว่า โกงเอาไปสร้างเจดีย์ งั้นมัง?)

•  บริเวณรอบเจดีย์ จะปูด้วยกระเบื้อง หรือหินขัด (ที่ยังไม่ขัด) จะไม่มีพื้นที่เป็นดินเลย ดังนั้นจึงจะเห็นคนที่นี่นั่งสมาธิสวดมนตร์อยู่ทุกมุม ตามแต่อยากจะนั่งตรงไหนสบายมาก

•  เงินที่บริจาคหย่อนลงใสตู้ ไม่ต้องห่วงค่ะ เขาจะนำไปทำนุบำรุงเจดีย์เต็มที่ ไม่มีวัดครึ่งกรรมการครึ่งให้มั่นใจได้ ทำบุญได้อย่างสบายใจเลยค่ะ (ก็ไกด์กับหัวหน้า่ทัวร์นั่นแหละบอก ^--^) ถ้าใครไปก็แลกเงินจั๊ดใบเล็กหน่อยๆ ใบละสองร้อยหรือห้าร้อย จะได้หย่อนลงได้หลายๆ ตู้ เพราะมีมากเสียเหลือเกินค่ะตู้บริจาคน่ะ

•  สิงศักดิ์สิทธิ์ 5 แห่ง ที่เคารพ และต้องไปกราบไหว้สำหรับคนที่นีที่ต้องไปในชิวิตหนึ่งคือ เจดีย์ชเวดากอง (อยู่ย่า่งกุ้ง) เจดีย์ชเวสิกอง (อยู่พุกาม ไม่ได้ไปค่ะ) ชเวดามอร์ (อยู่หงสาวดี) พระธาตุอินแขวน (ไจ้ทิโย) พระมหามุนี (อยู่มัณฑะเลย์ ไม่ได้ไปค่ะ)

 

 

*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:

 

ทั่วไป

วันแรก โผ่ตะท่อง

 

 

 

 

 

 

ห้องมือใหม่
ห้องสร้างนักเขียน
การเขียนนวนิยายต่าง ๆ
Idea bank
ฝึกเขียนเรื่อง

ร้านหนังสือ

 

 
ฟรี E-book
 
 



 

  http://www.forwriter.com . © 2005 All rights reserved.