forwriter.com

 
หากคุณคือมือใหม่ เวปนี้เหมาะสำหรับคุณมาก

 

สัมภาษณ์นักเขียนแรลลี โดย ฟีลิปดา

 

คุณปริ๊ว

เจ้าของผลงาน "แม่มดแห่งท้องทะเล"

 

 

แนะนำตัวเองอย่างคร่าวๆ ก่อนนะคะ

ข้าพเจ้าชื่อปริ๊วค่ะ ปัจจุบันยังเรียนอยู่ งานอดิเรกคือเขียนนิยาย วาดรูป และอ่านนิยาย

1. อยากรู้ว่าชอบอ่านหนังสืออะไรคะ และมีหนังสือเล่มไหนเป็นแรงบันดาลใจให้อยากเขียนเองบ้าง

ชอบอ่านหนังสือแนวแฟนตาซีผจญภัยค่ะ อ่านเยอะมากตั้งแต่เด็กทั้งนิยายแปลและที่คนไทยเขียนเอง ที่ชอบก็มีหลายเล่มแต่ไม่มีเล่มไหนชอบมากเป็นพิเศษ แรงบันดาลใจในการเขียนมาจากการที่อ่านเยอะๆแล้วสนุกสนานไปกับหนังสือพวกนั้น นึกอยากสร้างโลกของตัวเองขึ้นมาผ่านตัวอักษรบ้างน่ะค่ะ

 

2.. ครอบครัวของคุณมีอิทธิพลต่อการเขียนของคุณไหม ? อย่างไร ?

ไม่ค่อยมีเลยค่ะ ในบ้านก็มีแต่ข้าพเจ้าคนเดียวที่อ่านนิยาย คนอื่นๆในบ้านจะไม่ค่อยชอบอ่านหนังสือหนาๆยาวๆแบบข้าพเจ้า นอกจากนิยายเลยมีแต่การ์ตูนกับนิตรสาร และนิยายจีนเป็นบางเล่มซึ่งข้าพเจ้าไม่มีปัญญาอ่านออก


3 . อะไรที่คุณเขียนเป็นครั้งแรก เคยให้เพื่อนๆ หรือครอบครัวอ่านไหม พวกเขาคิดว่าอย่างไร ?

ที่เขียนเป็นครั้งแรกคือการ์ตูนของตัวเองที่เอามาลองแต่งเป็นตอนๆแบบนิยายลงสมุดบันทึกน่ะค่ะ เขียนไปเขียนมาก็ชักชอบเลยติด นานๆไปลองเอาให้น้องชายอ่านที มันบอกหนุกดีแต่โนคอมเม้นท์อ่ะค่ะ นานไปมันก็เลิกอ่านแล้วหันไปเล่นคอมแทน ข้าพเจ้าเลยเลิกเอาให้คนอื่นอ่าน เขียนเองอ่านเองวิจาร์ณเองเสร็จสรรพ ต่อจากนั้นก็พิมพ์ลงคอมลงเว็บนี่แหล่ะค่ะ


4 . มีใครที่คอยกระตุ้นหรือคุณคิดว่ามีส่วนช่วยเหลือ
ในการไล่ล่าความฝันของการเป็นนักเขียนไหม ?

แรกๆก็มีเพื่อนสนิทของข้าพเจ้าน่ะค่ะที่คอยกระตุ้นให้เขียน คอยให้กำลังใจ แต่พอเวลาผ่านไปเพื่อนก็อยู่คนละโรงเรียนและงานเยอะมากเลยไม่ค่อยมีเวลาคุยกันเรื่องนิยายเท่าไหร่ ต่อจากนั้นก็ต้องคอยกระตุ้นตัวเองตลอด ถ้าไม่พึ่งตัวเองก็คงไม่ได้เขียนล่ะค่ะเพราะตอนนั้นเพื่อนน้อยมาก(ช่วงแรกๆที่เริ่มเขียนนิยาย) นอกจากนั้นก็มีตัวเอกในนิยายบ้างที่คอยโผล่เข้าฝันเป็นระยะๆเตือนให้เขียนต่อ

 

5 . ทางบ้านของคุณได้อ่านหนังสือที่คุณเขียนบ้างไหม
และเคยมีส่วนร่วมในการออกความเห็นเกี่ยวกับโครงเรื่องไหม


ไม่มีเลยค่ะ ทุกอย่างคิดเองตลอด

 

6 . คุณมีวิธีเขียนนวนิยายเรื่อง แม่มดแห่งท้องทะเล อย่างไร ?
ในการคิดโครงเรื่อง ตัวละคร เหตุการณ์ ฯลฯ

ไอเดียของเรื่องนี้ปิ๊งขึ้นมาตอนดูวิดิโอเก่าๆเรื่องเงือกน้อยน่ะค่ะ ตอนนั้นเป็นฉากที่แม่มดทะเลซึ่งเป็นตัวร้ายกำลังปรุงยาให้นางเอก ข้าพเจ้าก็คิดว่าแม่มดไม่น่าจะร้ายตลอด มันน่าจะมีฝ่ายดีบ้างซึ่งก็เลยกลายเป็นพล็อตหลักของเรื่อง เก็บไว้สักระยะเกิดความอยากเขียนขึ้นมาจริงๆเลยเขียน หลักๆคือการต่อสู้ของแม่มดขาวกับแม่มดดำ ตัวละครเด่นๆมีสามคน คือเอเรีย(ตัวเอก) ไวโอเล็ต แล้วก็อะควา โครงเรื่องตอนนั้นง่ายมาก มีบางส่วนที่ดัดแปลงมาจากเรื่องเงือกน้อย(ส่วนที่เรือจม) และก็เรื่องการต่อสู้ ภาคแรกโครงเรื่องจะง่ายๆ ให้รู้จักตัวละครทุกตัวกันก่อนและก็พล็อตย่อยนิดเดียว พอภาคสองปมความขัดแย้งจะเพิ่มขึ้น มีการต้องเลือกทาง ยาวกว่าภาคแรกนิดหน่อยแต่ไม่เยอะ ภาคสามนี่มาเขียนอีกทีตอนเวลาผ่านไปพอสมควรแล้ว เรื่องจะค่อนข้างยาวและซับซ้อนขึ้น จะมีอะไรให้ตัวเอกปวดหัวตลอด การต่อสู้แบบเลือดสาดก็เยอะขึ้น(จากความมันส์ส่วนตัวด้วย) และตอนนั้นก็เริ่มคิดว่าที่เขียนไว้สองภาคแรกบางอย่างมันค่อนข้างเน่าๆเลยพลิกภาคนี้เป็นแนวมืดหม่นกว่าเดิมนิดหน่อย ตัวละครก็สมจริงกว่าภาคก่อน ส่วนฉากเหตุการ์ณก็คิดไปเรื่อยๆให้สอดคล้องกับการดำเนินเรื่องแต่เปลี่ยนฉากไปเรื่อยๆน่ะค่ะ

 

7 . ตัวละครในเรื่อง ได้รับอิทธิพล มาจากใครในชีวิตจริงหรือเปล่า

เห็นจะไม่มีค่ะ การออกแบบตัวละครนี่ข้าพเจ้าจะพยายามทำให้แต่ละคนมีนิสัยต่างกันไป เอเรียที่เป็นตัวเอกจะค่อนข้างคล้ายบุคลิกที่ข้าพเจ้าอยากเป็น เก่ง กล้า บ้าระห่ำ คิดอะไรทำเลย ชอบลุย อะไรประมาณนี้น่ะค่ะ ส่วนอะควาเป็นเจ้าหญิงผู้เรียบร้อยอ่อนหวาน เป็นตัวแทนของกุลสตรีแท้ๆแต่ออกจะขี้ขลาดไปหน่อย ไวโอเล็ตนี่เป็นพวกมีสองด้านในตัว เดี๋ยวก็เงียบๆขรึมๆ เป็นที่ปรึกษาได้ เดี๋ยวก็ร้าย โหด เย็นชา ชอบเลือด เมรีนก็มีบุคลิกที่คล้ายอะควาเพียงแต่พึ่งได้มากกว่า ลิซก็คล้ายเอเรียมากแต่อวดเก่งไปนิด ส่วนมารีนน่าที่เป็นตัวร้ายนี่ไม่ได้มีต้นแบบหรอกค่ะ แค่คิดๆเอาจากพวกตัวร้ายที่นิยายทั่วไปมีบ่อยๆ

 

8 . คุณชอบตอนไหนที่สุดในเรื่อง

ตรงที่ตัวเอกโดนด้านมืดครอบงำ เนื่องจากต้องเขียนในมุมมองของตัวเอกมันเลยค่อนข้างเขียนยากหน่อย แต่ก็จบออกมาจนได้

 

9 . อะไรคือแรงบันดาลใจให้คุณเขียนเรื่องนี้

อยากเขียนเรื่องราวของตัวเอง อยากมีโลกที่แต่งแต้มอะไรได้ตามใจชอบ อยากให้มีนิยายสักเรื่องจบลงด้วยการพิมพ์ของเรา

 

10. อะไรคือปัญหาหนักที่สุด ที่ท้าทายคุณตอนที่คุณเขียนคืออะไร

ความขี้เกียจค่ะ คิดว่าบางคนก็อาจจะเป็น แบบว่าพิมพ์ๆไปแล้วคิดไม่ออก มือหยุดเองซะงั้น บางทีก็คิดว่าเรื่องของเรามันห่วยเลยบั่นทอนกำลังใจ รู้สึกหงุดหงิดตัวเองประมาณว่าไม่ได้ดั่งใจเลย วิธีแก้ปัญหาคือย้อนไปอ่านตอนก่อนหน้าแล้วบิ้วด์อารมณ์ให้ดี ไม่ถ้าเขียนต่อไม่รอดแล้วจริงๆก็จะปิดคอม หันไปนั่งวาดรูปตัวละครในนิยายของตัวเอง วาดหลายๆรูปมันจะรู้สึกเหมือนได้ระบายแล้วจะมีกำลังใจมากขึ้นค่ะ

 

11. คุณคิดว่าเขียนฉากไหนยาก มีอะไรที่คุณหลีกเลี่ยงไม่อยากเขียนบ้างไหม ?

ฉากที่ตัวเอกเครียดจัดกับฉากสุดท้ายที่ตัวเอกตายน่ะค่ะ พิมพ์ไปพิมพ์มารู้สึกตัวเองยืดเรื่องโดยไร้ความจำเป็นและไม่ยอมเขียนถึงตรงนั้นสักที สุดท้ายก็กลั้นใจเขียนลงไปจนได้ค่ะเพราะรู้ว่าหนีตลอดไม่ได้

 

12. คุณเคยเกิดปัญหาการเขียนไม่ออก บ้างไหม ? ถ้ามีคุณจัดการกับมันอย่างไร ?

ย้อนกลับไปอ่านใหม่อีกรอบไม่ก็นั่งเล่นเน็ต ถ้าไม่ได้จริงๆก็นั่งวาดรูปแล้วค่อยมาเขียนต่อวันต่อไปค่ะ

 

13. แล้วอย่างที่เขียนไปๆ ความคิดเกี่ยวกับเรืองอื่น เข้ามาแทรกแซงในเรืองที่เขียนอยู่ละคะ ?

ก็ต้องดูว่าเป็นความคิดแบบเอาใส่ในเรื่องแบบสดได้รึเปล่า ถ้าไม่ได้จะพลิกดูพล็อตว่าตรงไหนสอดไปได้บ้างแล้วจดลงไป แต่ถ้าเข้ากับเรื่องไม่ได้เลยก็จะจดลงอีกที่เผื่อใช้กับเรื่องอื่นน่ะค่ะ

 

14. ช่วยเล่าให้ฟัง เกี่ยวกับการเขียนของคุณในแต่ะละวัน ตอนเขียนคุณใช้อะไรเพื่อสร้างอารมณ์ไหม อย่างฟังเพลง หรืออื่นๆ ไปด้วย ?

ใช้เวลาเขียนหลังเลิกเรียนค่ะ กำหนดตัวเองให้เขียนวันละสามหน้า(ฟอนท์สิบหก ฟอนท์สิบสี่ไม่ไหว สายตาสั้นง่ะ)จะใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงครึ่งเป็นอย่างน้อย วันไหนมีการบ้านก็ซวยไป ส่วนวันหยุดก็เขียนได้เท่าเดิมแหล่ะค่ะ บางทีเขียนไปเงียบๆจะดีกว่าแต่บางทีก็เปิดเพลงฟัง มันได้อารมณ์ดี แต่ที่สำคัญคือเวลาเขียนนี่ถ้ามีใครเปิดประตูเข้าห้องหรือมีใครเอ็มมาทักล่ะก็ความคิดจะสะดุดค่ะ ดังนั้นถ้าอยากเขียนให้มีคุณภาพก็ต้องอยู่คนเดียว ในห้องมืดๆ...ล้อเล่นค่ะ ต้องเปิดไฟ

 

15. ตอนเขียนหนังสือ คุณมีคนอ่านที่อยู่ในใจคุณไหม คุณอยากเขียนให้คนแบบไหนอ่าน ?

ไม่มีเลยค่ะ ในหัวมีแต่ฉากที่เขียนอยู่ ส่วนอยากให้คนแบบไหนอ่านก็ไม่แน่ใจค่ะ อาจจะเป็นเด็กวัยรุ่นเหมือนข้าพเจ้าก็ได้มั้ง แต่ต้องรับได้ด้วยนะว่าเรื่องนี้มันเลือดสาดและโนย์ความรัก 555

 

16. คุณมีวิธีการหาข้อมูลในการเขียนอย่างไร?ใช้อินเตอร์เน็ทในการหาข้อมูลบ่อยไหม มันมีประโยชน์ต่อคุณหรือเปล่า ? และมีวิธีการจัดการกับข้อมูลนั้นอย่างไร ?

ชอบหารูปการ์ตูนมาดูบิ้วด์อารมณ์น่ะค่ะแต่ข้อมูลไม่เคย คิดเอาตลอดไม่ก็หาจากหนังสือ

 

17 .คุณมีเวลาอ่านงานเขียนของคนอื่นไหม คุณมีนักเขียนที่ชอบเป็นพิเศษหรือเปล่า ?

มีเยอะค่ะ ส่วนใหญ่จะยืมมาจากห้องสมุดไม่ก็แอบอ่านในห้องเรียน( 555 ) แต่ละคนจะมีสไตล์การเขียนต่างกันแต่ก็ดูไม่ออกแน่ชัดหรอกค่ะก็เลยยังไม่มีนักเขียนที่ชอบเป็นพิเศษ

 

18. คุณคิดอย่างไรกับการใช้พวกสัญลักษณ์อีโมกันในหนังสือ

ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียค่ะ อย่างข้อดีคือมันใช้สะดวก มันสนุกตอนเราเล่นบอร์ดหรือเล่นเอ็มกัน มันทำให้เราสามารถแสดงอารมณ์ได้ชัดเจนกระจ่าง อย่างตัว ^-^ ก็หมายถึงยิ้ม =_= คือเซ็งๆ ไม่ต้องเดาอารมณ์ของอีกฝ่ายให้ยุ่งยาก ส่วนในหนังสือนิยายวัยรุ่นสมัยนี้เห็นนิยมทำกันมากค่ะ สำหรับความคิดส่วนตัวของข้าพเจ้าเองไม่ค่อยเห็นด้วยค่ะ ข้าพเจ้าเปิดดูหนังสือหลายเล่มนี่ ทั้งเล่มมีแต่ประโยคสนทนาเรียงๆลงไปกับตัวอีโมๆเต็มไปหมด แล้วพวกคำบรรยายมันไปอยู่ไหนกันหมด จริงอยู่ว่าใช้ตัวอีโมเราจะรับรู้ว่าอารมณ์ขณะพูดประโยคนั้นของตัวละครเป็นเช่นไร แต่ทำแบบนี้มันเหมือนกับสำเร็จรูปเกินไปนะในความคิดของข้าพเจ้า อย่างเช่น

“ ไปดูหนังกันมั้ย ”

“ ดีเลย ^0^”

“ แต่เธอต้องจ่ายนะ -_-+”

“ ฉันไม่มีตังค์อ่ะ T0T”

กับ

“ ไปดูหนังกันมั้ย ” หญิงสาวชักชวนเพื่อน

“ ดีเลย ” อีกฝ่ายตอบเสียงระรื่นเมื่อนึกถึงหนังโรแมนติกเรื่องใหม่ซึ่งกำลังเข้าฉาย แต่ทว่าเพื่อนของเธอยิ้มหึๆอย่างมีเลศนัยแล้วทำตาวิบวับๆ

“ แต่เธอต้องจ่ายนะ ”

หญิงสาวอ้าปากค้างเล็กน้อย มือลูบผ่านกระเป๋าที่ลีบแฟบ ตั๋วสองใบมันราคาเล่นๆที่ไหน “ ฉันไม่มีตังค์อ่ะ ”

ประมาณนี้แหล่ะค่ะ จะเห็นว่ามันต่างกันมากเลย ใช้แต่ตัวอีโมในนิยายมันเหมือนคนเขียนไม่ใส่ใจจะแต่งเติมอะไรมากนักในประโยค ถ้าลองบรรยายมากๆก็จะพบว่าเขียนเอาน่ะสนุกกว่าเยอะ ข้าพเจ้าเองก็ชอบใช้นะคะตัวอีโมเนี่ย แต่จะใช้เป็นบางทีเฉพาะตอนเล่นเอ็มหรือตอบกระทู้ แต่ถ้าเป็นในหนังสือนี่จะไม่มีเลยค่ะ นอกจากอันที่จำเป็นจริงๆในการประกอบประโยคซึ่งในเรื่องแม่มดทะเลนับแล้วมีไม่เกินสามตัว แต่ข้าพเจ้าว่าปัญหาหนักกว่าตัวอีโมคือ ภาษาวิบัติค่ะ

 

19. อะไรที่คุณอยากจะให้คำแนะนำ คนที่ปรารถนาอยากจะเป็นนักเขียนที่เขียนได้จบเรื่องบ้าง

อยากเขียนก็ต้องเขียนค่ะ ไม่ใช่อยากเขียนแล้วมาบ่นๆว่าไม่รู้จะเขียนยังไงดี ตอนข้าพเจ้าเริ่มข้าพเจ้าก็ไม่เคยถามใคร เขียนเอง ศึกษาความผิดถูกด้วยตัวเองตลอด แต่ละคนก็ต้องมีแนวเขียนที่ชอบและมีสักอย่างที่ตัวเองอยากเขียนมากๆ ค้นพบมันให้ได้แล้วคิดพล็อตที่ชอบ แต่งเติมตัวละครของตัวเองให้มันเหมือนมีชีวิตเป็นคนจริงๆ จากนั้นก็เริ่มเขียน ที่สำคํญคือต้องมีเวลาให้กับมัน แรกๆบางคนเขียนไม่เก่งอาจจะไม่มีกำลังใจ อาจจะท้อบ้าง มันก็มีบ้างที่ละจากงานเขียนชั่วคราวแล้วไปหาแรงบันดาลใจใหม่ๆให้ตัวเองเขียนออก แต่ถ้าใครที่มาถึงตรงนี้แล้วเลิกไปเลยนี่ไม่มีทางเขียนจบได้หรอก ถ้าหากอุปสรรคที่เกิดจากตัวเองยังผ่านไปไม่ได้แล้วต่อไปจะผ่านอย่างอื่นได้ยังไง สรุปคือถ้าอยากเขียนให้จบนี้ต้องพยายามด้วยตัวเองค่ะ

 

20. ช่วยเล่าเกี่ยวกับเรื่องที่จะเขียนต่อไปด้วยค่ะ

เป็นนิยายแนวแฟนตาซีผจญภัยใช้ชื่อชั่วคราวตอนนี้ว่า “ มนตราแห่งรัตติกาล ” เป็นภาคต่อของนิยายเรื่องหนึ่งของข้าพเจ้าที่ได้พิมพ์ไปแล้ว(และมีเรื่องเดียวนั่นแหล่ะ) จะเกี่ยวกับการต่อสู้และปีศาจตลอดทั้งเรื่อง กะว่าเรื่องนี้จะเอาให้มันส์เต็มที่ ตอนนี้เขียนได้แค่บทสองบทเองค่ะ แต่เชื่อว่าเขียนวันละสามหน้ายังไงก็ต้องจบสักวัน สู้ๆ !

 

 

 


.

ห้องมือใหม่
ห้องสร้างนักเขียน
การเขียนนวนิยายต่าง ๆ
Idea bank
ฝึกเขียนเรื่อง

ร้านหนังสือ

 

 
ฟรี E-book
 
 



 

  http://www.forwriter.com . © 2005 All rights reserved.