forwriter.com

 
ห้องแรลลีน้องพี่

 

สัมภาษณ์นักเขียนแรลลี โดย ฟีลิปดา

 

 

คุณพีพีพี (ปลวัชร)

เจ้าของผลงาน "สุดปลายฟ้า"

 

 

 

 

ขอแนะนำตัวเองก่อนนะครับ ผมเกิดที่จังหวัดชลบุรีและเรียนที่นั่นจนถึงชั้นมัธยมต้นก่อนจะย้ายเข้ามาเรียนต่อในกรุงเทพฯ ในชั้นมัธยมปลายและเรียนจนจบปริญญาตรีในสายวิทยาศาสตร์จากนั้นก็ทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมอาหารมาตลอด โดยทำทางด้านการควบคุมคุณภาพ ในโรงงานทำไวน์และโรงงานทำหัวเชื้อน้ำอัดลม ระหว่างที่ทำงานก็ได้เรียนต่อปริญญาโททางด้านบริหารไปด้วย ปัจจุบันทำงานด้านการให้บริการลูกค้าในส่วนวิชาการของโรงงานไก่ปรุงสุกแช่แข็ง ส่วนเรื่องประสบการณ์ในการเขียนก็พอมีมาบ้างเล็กน้อย เคยเขียนเรื่องสั้นส่งประกวดที่มหาวิทยาลัยตอนที่เรียนปริญญาตรี ได้รับรางวัลรองชนะเลิศ นอกจากนี้ก็เขียนเรื่องสั้นส่งไปสำนักพิมพ์แต่ยังไม่มีเรื่องไหนที่ได้รับการตีพิมพ์

 

1.ตอนเด็กๆ คุณสนใจการอ่านและการเขียนไหม? แล้วคุณชอบอ่านอะไร?

จำได้ว่าตอนเรียนอยู่ประถมชอบเขียนเรียงความครับ และมักจะได้รับคำชมจากอาจารย์บ่อยๆ มีอยู่วันหนึ่งในชั้นเรียนตอนประถมหก อาจารย์เอารูปมาให้ 4 รูปและให้นักเรียนทุกคนเขียนบรรยาย จากนั้นอาจารย์ ก็ออกมาอ่านสิ่งที่ผมเขียนให้เพื่อนทุกคนฟังและบอกว่านี่คือตัวอย่างการเขียนที่ดี ผมภูมิใจมากเลยครับ ตอนนั้นผมคิดว่าตัวเองอยากเป็นนักเขียน ส่วนตอนเรียนมัธยมผมก็ชอบแต่งกลอนบ่อยๆ จนกลายเป็นคนแต่งกลอนประจำให้หมวดวิชาภาษาไทยเมื่อมีการจัดบอร์ดตามวาระต่างๆ เช่นวันพ่อ วันแม่ วันครู วันสุนทรภู่ วันสำคัญทางศาสนาต่างๆ ตอนเรียนมัธยมผมก็เริ่มเขียนไดอารี่ประจำวันด้วย แล้วก็เขียนมาจนถึงทุกวันนี้ส่วนเรื่องการอ่านเนื่องจากที่บ้านรับนิตยสารเกี่ยวกับนิยาย ก็เลยได้อ่านมาตั้งแต่เด็ก นอกจากนี้ก็มีพวกหนังสือการ์ตูนต่างๆที่อ่านตอนเด็ก ส่วนปัจจุบันก็อ่านหนังสือนิตยสารต่างๆเกี่ยวกับภาพยนต์ สุขภาพและเรื่องอื่นๆ นอกจากนี้ก็อ่านนิยาย เรื่องสั้น สารคดี หนังสือธรรมะและหนังสืออื่นๆที่น่าสนใจครับ

 

2.เมื่อไหร่ที่คุณรู้ตัวว่าสนใจงานเขียน?

ตอนอายุประมาณ สิบขวบกว่าๆ เคยเขียนโครงเรื่องนิยายเล่นๆ ตั้งใจว่าจะเขียนเป็นนิยายและส่งไปที่สำนักพิมพ์แต่ตอนนั้นไม่ได้มีใครให้คำแนะนำอะไรมากเลยหยุดความตั้งใจของตัวเองไว้แค่นั้น แต่ก็แต่งโครงเรื่องไว้เป็นสิบๆเรื่อง ตอนเรียนมัธยมปลายมีโอกาสทำหนังสือแนววิทยาศาสตร์ของโรงเรียน ตั้งแต่เป็นนักเขียนจนกลายมาเป็นบก รู้สึกชอบและสนุกกับการทำหนังสือมาก ประกอบกับได้ย้ายไปพักกับญาติที่บ้านเขามีหนังสือนิตยสารเก่าๆมากมายเลยเอามาอ่านและได้เขียนเรื่องสั้นไว้หนึ่งเรื่องชื่อว่า “พบกันโดยบังเอิญ” เก็บเอาไว้และส่งไปประกวดที่ชมรมวรรณศิลป์ตอนเรียนมหาวิทยาลัยได้รางวัลรองชนะเลิศมา ตอนเรียนมหาวิทยาลัยเบนเข็มไปเล่นกีฬาจึงละเลยเรื่องการเขียนไป เพราะต้องเอาเวลาไปให้กับการซ้อมตลอดจนแทบจะไม่ได้ทำอย่างอื่นเลย แต่คงไม่รุ่งเท่าไรได้เหรียญทองแดงในการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยแค่เหรียญเดียว

 

3.ครอบครัวของคุณมีอิทธิพลต่อการเขียนของคุณไหม? อย่างไร?

ถ้าถามถึงอิทธิพลก็น่าจะเป็นเรื่องที่คนในครอบครัวเป็นคนชอบการอ่าน เลยทำให้ได้รับนิสัยแบบนี้มาตั้งแต่เด็กและกลายเป็นคนชอบเขียนไปด้วย ส่วนเรื่องการเขียนก็คุยกับพี่สาวเพราะต่างคนต่างชอบเขียนเหมือนกัน นอกจากนี้ที่บ้านจะมีหนังสือให้อ่านมากมาย



4. อะไรที่คุณเขียนเป็นครั้งแรก เคยให้เพื่อนๆ หรือครอบครัวอ่านไหม พวกเขาคิดว่าอย่างไร?


เรื่องที่เขียนเป็นเรื่องแรก
ถ้านับงานที่เขียนจบเป็นชิ้นเป็นอันก็เป็นเรื่องสั้นเรื่อง “พบกันโดยบังเอิญ” จำได้ว่าเคยให้พี่สาวอ่านแต่ ก็ไม่ได้มีคำแนะนำอย่างไร ให้เพื่อนอ่านก็บอกแค่ว่าดีแต่ไม่ขยายความอะไรอีก ส่วนอีกเรื่องคือเรื่อง แนวตลกที่เขียนส่งไปสำนักพิมพ์แต่ก็เงียบหายไป ยังไม่เคยได้ส่งให้ใครอ่านเลยครับส่วนนิยายเพิ่งเขียนเรื่อง “น้ำเพชร” จบเป็นเรื่องแรก ตอนนี้ก็มีแต่เพื่อนๆในเวบที่ช่วยให้คำวิจารณ์ให้คำติติงหลายอย่าง เป็นอะไรที่ลองผิดลองถูกมากแต่มั่นใจในโครงเรื่องว่าพอใช้เว้นแต่สำนวนที่ต้องปรับปรุงเลยยังไม่ได้ให้ใครอ่านนอกจากเพื่อนในเวบ ส่วนเรื่อง “สุดปลายฟ้า” เขียนจบเป็นเรื่องที่สอง ที่จริงเขียนในกระดาษจบเป็นเรื่องแรก แต่พิมพ์เสร็จเป็นเรื่องที่สอง ส่วนเรื่องน้ำเพชรนั้นพิมพ์ไปคิดไปไม่ได้เขียนบนกระดาษก่อน เรื่องสุดปลายฟ้าก็ยังไม่เคยให้ใครอ่านนอกจากเพื่อนในเวบครับ



5.มีใครที่คอยกระตุ้นหรือคุณคิดว่ามีส่วนช่วยเหลือในการไล่ล่าความฝันของการเป็นนักเขียนไหม?


ที่จริงคือไม่มีในตอนแรก แต่วันหนึ่งผมไปที่ร้านหนังสือสะดุดตาหนังสือชื่อ “100 คำถามสร้างนักเขียน : นิยาย คุณเขียนได้ด้วยตัวเอง” ของคุณฟีลิปดา ลองอ่านดูก็เข้าท่าดีเลยซื้อมาและอ่านไปได้ประมาณสองบท ในหนังสือแนะนำเวบไซด์ไว้เลยลองเข้าไปดู เพื่อนๆในเวบช่วยจุดประกายความอยากเขียนขึ้นมาอีกครั้งจึงเริ่มลงมือเขียน จำได้ว่าประมาณช่วงสงกานต์ปี 2550 นี่เอง ตอนนี้ตั้งใจว่าจะต้องเป็นนักเขียนให้ได้ครับ

 

6.ทางบ้านของคุณได้อ่านหนังสือที่คุณเขียนบ้างไหม และเคยมีส่วนร่วมในการออกความเห็นเกี่ยวกับโครงเรื่องไหม

ยังไม่เคยให้คนทางบ้านอ่านครับ คิดว่าจะต้องปรับปรุงแก้ไขก่อนจึงจะนำไปให้อ่านภายหลัง



7.คุณมีวิธีเขียนนวนิยายเรื่อง สุดปลายฟ้า อย่างไร?การคิดโครงเรื่อง ตัวละคร เหตุการณ์ ฯลฯ

โครงเรื่องมาจากความคิดลึกๆในใจสมัยที่อายุประมาณ สิบสามปี หลังจากที่เราเรียนโรงเรียนประถมมีสังคมเล็กแต่พอย้ายไปเรียนโรงเรียนมัธยมประจำอำเภอเลยคิดว่าเราจะทำอย่างไรถึงจะทำให้สถานะทางสังคมสูงขึ้นเทียบเท่าเพื่อนๆ จึงคิดตัวละครชื่อชัยยะขึ้นมา ตั้งชื่อสื่อถึงชัยชนะจากอุปสรรค จากนั้นก็มีนางเอกผู้สูงส่งอยู่บนฟ้า เลยชื่อนภา แล้วกลายมาเป็นนพนภาในที่สุด และอุปสรรคคือพ่อนางเอกชื่อนพพร และ คนที่เป็นชนวนความขัดแย้งคือพลอยไพลิน เคยเป็นคนรักเก่าพระเอก แต่เลิกกันแบบไม่อยากเห็นหน้าอีก เลยคอยยุยงสามีใหม่ให้ไม่ชอบพระเอก แต่พอมาเขียนจริงกลับลืมเรื่องนี้ไปหมดเพราะหลงทางในแนวคิด สร้อยมุกก็เป็นอีกอุปสรรคที่เข้ามาตอนท้ายๆ จนถึงวันนี้ยังไม่ค่อยพอใจเรื่องที่เขียนจบเลยเพราะคิดว่ามาเน้นบทพลอยไพลินมากเกินไป แบบว่าพอเขียนไปก็หลงรักตัวละครตัวนี้ทั้งที่ตอนคิดโครงเรื่องความสำคัญของเธอแค่ทำให้พระเอกกระอักกระอ่วนใจเพราะเคยสัญญาว่าจะรักกัน

 

8.ตัวละครในเรื่อง อย่างชัยยะ ได้รับอิทธิพล มาจากใครในชีวิตจริงหรือเปล่า

ลักษณะของชัยยะบางส่วนมากจากผู้เขียนเองแต่ก็ไม่มากนักส่วนมากเป็นเรื่องลักษณะนิสัยการคิดการตัดสินใจ แต่ลักษณะอื่นๆก็คิดขึ้นมาเองว่าเขาควรจะเป็นอย่างไรถ้าเขาอยู่ในสถานการณ์นั้น เช่นถ้าเขาเป็นตังเกควรจะว่ายน้ำเก่ง

 

9.คุณชอบตอนไหนที่สุดในเรื่อง สุดปลายฟ้า

ชอบตอนที่พระเอกนางเอกไปติดอยู่ที่กระท่อมสองคน เพราะเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้ทั้งสองรักกัน และออกแนวโรแมนติกนิดหน่อย ประมาณเจ้าแง่แสนงอน ตอนนี้เป็นตอนที่คิดขึ้นมาก่อนตอนอื่นๆและเป็นหัวใจของเรื่องครับ ทั้งสองมาพบกันและเรียนรู้กันและกันโดยไม่มีเรื่องสถานะทางสังคมมาเกี่ยวข้อง

 

10.อะไรคือแรงบันดาลใจให้คุณเขียนเรื่องนี้

จุดแรกที่ทำให้เขียนเรื่องนี้คืออยากให้ตัวละครเอกเป็นผู้ชายเพราะว่าที่ผ่านมาแต่งโครงเรื่องมีแต่ตัวเอกเป็นผู้หญิงทั้งนั้น แล้วก็มาคิดเรื่องการเลื่อนสถานะทางสังคมอะไรทำนองนี้ อีกแรงบันดาลใจคือผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่เคยคุยกันแค่ชื่อยังไม่รู้จัก เธอเป็นลูกสาวนักการเมืองแต่บ้านอยู่ใกล้ๆกัน เรียนอยู่โรงเรียนมัธยมต้นแห่งเดียวกันแต่คนละห้อง เคยมองตากันแต่ไม่เคยคุยกัน รู้สึกเหมือนว่าเธอดูอยู่สูงเกินเอื้อม

 

11.อะไรคือปัญหาหนักที่สุด  ที่ท้าทายคุณตอนที่คุณเขียนคืออะไร

ปัญหาแรกคือเรื่องอายุของตัวละคร ผมต้องทำตารางกำหนดเลยว่าตอนนี้ใครอายุเท่าไรแล้ว เพราะเรื่องนี้แบบว่าเหตุการณ์ค่อนข้างยาวคือประมาณสิบสองปี ถ้าใครสังเกตตรงนี้จะเห็นว่าไม่พลาดแน่นอนครับ ส่วนอีกปัญหาคือเรื่องการเปลี่ยนแปลงแก้ไขเรื่องที่เคยเขียนไว้แล้ว ทำให้หลายส่วนต้องปรับแก้ใหม่หมดเลยเหมือนว่าจะหลงทางแต่ก็พยายามปรับปรุงตอนที่แก้ไข อยากได้คำแนะนำจากเพื่อนๆในเวบอีกครั้งก่อนจะส่งไปข้างนอกครับ

 

12.คุณคิดอย่างไรกับการมีเลิฟซีนในหนังสือ คุณคิดว่าเลิฟซีนเขียนยากง่ายต่างจากซีนอื่นๆไหม มีอะไรที่คุณหลีกเลี่ยงไม่อยากเขียนบ้างไหม?
ผมคิดว่าควรจะมีถ้าจำเป็นและมีผลต่อภาพรวมของเรื่อง ผมคิดว่าเลิฟซีนเขียนยากสำหรับคนที่มองภาพไม่ออกหรือพูดอีกอย่างคือไม่มีประสบการณ์ตรง แต่จริงๆสามารถเรียนรู้ได้จากภาพยนต์และละครต่างๆ ผมคิดว่าซีนแสดงอารมณ์หนักๆเขียนยากกว่าเลิฟซีนครับ เพราะสำหรับผมก่อนเขียนเลิฟซีนก็แค่ดูก่อนว่ามีวัตถุประสงค์อย่างไร เช่นแค่ทำให้วาบหวาม หรือต้องมีผลต่อไปคือทำให้ฝ่ายหญิงท้อง หรืออื่นๆ จากนั้นก็ลงมือเขียน สุดท้ายคือผมหลีกเลี่ยงที่จะเขียนอะไรที่อาจทำให้ดูอนาจารมากเกินไปแต่ตรงนี้บางทีแต่ละคนก็คิดไม่เหมือนกันครับ

 

13.คุณเคยเกิดปัญหาการเขียนไม่ออก บ้างไหม? ถ้ามีคุณจัดการกับมันอย่างไร?

ผมคิดว่าเกือบทุกคนเจอปัญหาการเขียนไม่ออก ผมเองก็เจอบ่อยๆครับ สำหรับผมก็จะหยุดหมกมุ่นแล้วก็หยุดคิด ลองอยู่นิ่งๆสักพักจึงค่อยกลับมาคิดต่อ อาจจะอ่านเรื่องที่เราเขียนไปตั้งแต่ต้นจนถึงจุดที่เขียนไม่ออกบางทีอาจจะเกิดความคิดใหม่ๆขึ้นมา หรือบางทีอาจลองถามคนอื่นๆที่บุคคลิกคล้ายๆตัวละครของเราว่าถ้าเขาเจอเรื่องแบบนี้เขาจะทำอย่างไร

 

14.แล้วอย่างที่เขียนไปๆ ความคิดเกี่ยวกับเรืองอื่น เข้ามาแทรกแซงในเรืองที่เขียนอยู่ละคะ?

ผมคิดว่าคงจะต้องตัดความคิดอื่นๆออกไป คล้ายๆกับการนั่งสมาธิที่ใจจดจ่อกับลมหายใจ บางครั้งผมก็จินตนาการว่าตัวละครนั้นเป็นผมเองทำให้เรื่องอื่นๆที่เข้ามาแทรกแซงไม่มีผล

 

15.ช่วยเล่าให้ฟัง เกี่ยวกับการเขียนของคุณในแต่ะละวัน ตอนเขียนคุณใช้อะไรเพื่อสร้างอารมณ์ไหม อย่างฟังเพลง หรืออื่นๆ ไปด้วย?

ชอบเขียนเงียบๆและอยู่คนเดียวในห้อง ตอนเย็นของทุกวันผมจะออกกำลังกายและรับประทานอาหารให้เสร็จ ก่อนจะอาบน้ำทำตัวให้สบายและขึ้นไปบนห้องหมกตัวอยู่ในนั้น ไม่ต้องการเสียงเพลงครับแต่บางทีก็เปิดละครดูเพราะไม่อยากพลาดการดูมากกว่าจะมีผลต่อการเขียน ผมคิดว่าการเขียนเงียบๆดีที่สุดสำหรับผม ถ้ามีคนมาชวนคุยอยู่ข้างๆผมจะเขียนไม่ได้เลย แต่เคยไปเขียนตามห้างสรรพสินค้าท่ามกลางคนที่ไม่รู้จักเอา Notebook ไปนั่งพิมพ์อยู่คนเดียวก็ทำได้ครับ บางทีถ้าเขียนไม่ออกอาจจะเล่นเกมส์ในคอมพิวเตอร์สลับกันไป

 

16.ตอนเขียนหนังสือ คุณมีคนอ่านที่อยู่ในใจคุณไหม คุณอยากเขียนให้คนแบบไหนอ่าน?

ผมนึกถึงเพื่อนๆหลายคนที่ชอบอ่านนิยาย ส่วนมากจะเป็นคนทำงาน เป็นผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย นึกถึงพี่สาว เพื่อนๆในเวบครับ

 

17.คุณใช้อินเตอร์เน็ทในการหาข้อมูลบ่อยไหม มันมีประโยชน์ต่อคุณหรือเปล่า? คุณมีวิธีหาและจัดการกับข้อมูลนั้นอย่างไร?

ผมใช้ทุกครั้งที่คิดว่าไม่มั่นใจในข้อมูลที่มีอยู่ การมีอินเตอร์เน็ทมีประโยชน์มากสำหรับการเขียน เชื่อว่านักเขียนสมัยก่อนคงลำบากมากกว่าสมัยนี้แน่นอน พอหามาได้ก็จะเก็บเป็นไฟล์แต่ละเรื่องเอาไว้ ตั้งชื่อให้รู้ว่าเป็นข้อมูลอะไร เช่น จังหวัดชลบุรี โรคธาลัสซีเมีย การสอบผู้พิพากษา เป็นต้นครับ


18คุณมีเวลาอ่านงานเขียนของคนอื่นไหม คุณมีนักเขียนที่ชอบเป็นพิเศษหรือเปล่า?

ผมอ่านงานเขียนของเพื่อนๆในเวบด้วยครับ ประมาณว่าน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า เราอ่านของเขา เขาอ่านของเราแล้วช่วยกันวิจารณ์ครับ เพราะตอนที่เราเอามาโพสก็คาดหวังว่าจะมีคนมาอ่าน ผมถือว่าคนที่มาอ่านงานของผมเป็นกำลังใจชั้นเยี่ยมเลยครับ
แต่จะเลือกอ่านคนที่เขียนแล้วมีแววว่าจะจบแล้วก็เนื้อเรื่องถูกใจหรืออ่านของคนที่มาอ่านของเรา เพราะมีเวลาค่อนข้างน้อยครับ

 

19.อะไรที่คุณอยากจะให้คำแนะนำ คนที่ปรารถนาอยากจะเป็นนักเขียนที่เขียนได้จบเรื่องบ้าง

อย่าย่อท้อครับ เพราะถ้าหากคุณต้องการเป็นนักเขียน อย่างแรกคุณต้องเขียนให้จบก่อน พยายามเขียนทุกวันถ้าคุณผลัดไปวันหนึ่งวันรุ่งขึ้นคุณก็จะผลัดไปอีกวันสุดท้ายก็จะไม่จบ

 

20. ช่วยเล่าเกี่ยวกับเรื่องที่จะเขียนต่อไปด้วยค่ะ

ที่จริงผมมีโครงเรื่องอยู่ในหัวเยอะมากครับ อาจจะเขียนเรื่องเกี่ยวคนที่มีปมในจิตใจเนื่องจากฝังใจกับเหตุการณ์ที่ตัวเองเคยแสดงความอ่อนแอต่อหน้าผู้หญิง เรื่องนี้พระเอกจะมีเพื่อนซึ่งเป็นคล้ายๆคู่แข่ง มีนางรองที่สวยเตะตาเป็นที่หมายปองและนางเอกที่เป็นลูกเป็ดขี้เหร่ครับ ฉากหลังจะเป็นท้องทุ่งสีเขียวและสระน้ำที่สวยงาม รอบๆมีดงไผ่ขึ้นอยู่เต็มไปหมด ตั้งชื่อไว้แล้วว่า “ร่มไผ่” ครับ

 

:+:+:+:+:+:

 

ติดตามงานเขียนเรื่อง สุดปลายฟ้า

ได้่ที่กระดานแรลลี ห้องแรลลีน้องพี่ หมายเลข 14 ค่ะ

หมายเหตุ...
และตอนนี้คุณปลวัชร ได้นำผลงานใหม่ เรือง ร่มไผ่
มานำเสนอในห้องเดียวกันแล้วค่ะ ^--^

- - - -- - -- - --

สัมภาษณ์ันักเขียนผ่านแรลลีครั้งที่ 2

คุณยุ้ย .................................... Eden ...สวนสวรรค์

คุณพีพีพี (ปลวัชร)................ สุดปลายฟ้า

คุณทินกฤต........................... คนสองเงา

คุณรัชนีกานต์...................... เคราะห์ร้ายของชายหนุ่ม

 

 

 


.

ห้องมือใหม่
ห้องสร้างนักเขียน
การเขียนนวนิยายต่าง ๆ
Idea bank
ฝึกเขียนเรื่อง

ร้านหนังสือ

 

 
ฟรี E-book
 
 



 

  http://www.forwriter.com . © 2005 All rights reserved.