forwriter.com

 
ห้องแรลลีน้องพี่

 

สัมภาษณ์นักเขียนแรลลี โดย ฟีลิปดา

 

 

คุณมะยม

เจ้าของผลงาน "ร้อยเสน่หา"

 

 

 

1.ตอนเด็กๆ คุณสนใจการอ่านและการเขียนไหม? แล้วคุณชอบอ่านอะไร?

ตอนเด็กๆรู้เพียงว่า หากมีเวลาว่าง หรือพักกลางวันที่โรงเรียน มะยมก็จะเข้าไปคลุกอยู่แต่ในห้องสมุดของโรงเรียนค่ะ...แล้วอ่านหนังสือทุกอย่างที่ เข้ามาในห้องสมุด แต่นิยายเรื่องแรกที่อ่านเรื่องแหวนพิศวาส จำได้แม่น ฝังใจ เพราะเรื่องนี้สนุกมากค่ะ แต่ไม่เคยสนใจว่าเป็นงานเขียนของใคร นิยายเรื่องนี้อ่านตั้งแต่เรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 แล้วนะคะ

 

2.เมื่อไหร่ที่คุณรู้ตัวว่าสนใจงานเขียน?

มะยมไม่เคยรู้เลยค่ะว่าตัวเองชอบงานเขียน แต่ด้วยความที่เราเป็นพี่สาวคนโต ก่อนนอน น้องๆ จะมารบเร้าให้มะยมเล่านิทานให้ฟัง พอเราเล่า ทุกๆ วัน นิทานที่ยายเคยเล่าให้เราฟัง มันก็หมดสต๊อก ฮ่าๆๆ มะยมก็เลยจำเป็นต้องแต่งขึ้นมาเอง เพื่อนำมาเล่าให้น้องๆฟัง (แต่ไม่เคยจบ อิ อิ) บางครั้งคิดไม่ออก(คิด และเล่าสดๆ) ก็จะแกล้งบอกน้องๆว่า เดี๋ยวพี่ขอเวลาคิดก่อนนะ แล้วก็แกล้งหลับตาคิดไปเรื่อยๆ แล้วนอนหลับไปเลย มุขนี้ใช้ได้บ่อย จนน้องๆเริ่มรู้ทัน มะยมก็จำต้องหาเรื่องมาเล่าอยู่เรื่อยๆ ตอนนั้นเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ค่ะ แล้วก็คงจะเริ่มซึมซับที่ละนิดกระมั้งคะ  ^_^  จึงมารู้ว่าตัวเองชอบที่จะเขียน  เวลาที่คุณครูให้เขียนเรียงความส่งทีไร คุณครูขอ คนละ 1เรื่อง มะยมก็จะแถมให้คุณครูทุกครั้งค่ะ (  อิอิ ใจดี)

 

3.ครอบครัวของคุณมีอิทธิพลต่อการเขียนของคุณไหม? อย่างไร?

ตั้งแต่เด็กๆมาจนปัจจุบัน บอกได้เลยว่าครอบครัวไม่มีส่วนในการเขียนเลยค่ะ หนังสือมะยมก็จะไปอ่านที่ห้องสมุดของโรงเรียนซะส่วนใหญ่ จนกระทั้งทุกวันนี้คนในบ้านบางครั้งอาจจะมองว่าเป็นเรื่องที่เรา ฝํนเฟื่องซะมากกว่า (บางทีก็มีหงุดหงิดหัวใจเหมือนกันนะ ^o^ ) แต่ดีตรงที่ ไม่มีใครไม่เข้ามาก้าวก่ายในงานของเรา  แต่จะหัวเราะว่าเราเพ้อเจ้อ ( ฮึ้มส์..)  ก็ได้แต่แอบ เก็บไว้ในใจ คิดอยู่อย่างเดียวว่า เดี๋ยวเห๊อะๆๆ สักวันเราจะทำให้ดู  ทำให้ได้  ไม่เว้นแม้แต่เพื่อนๆ ที่ไม่เข้าใจพวกเขา จะหัวเราะทุกคนค่ะ ถ้าได้ยินว่าเราเขียนนิยาย แต่มะยมว่าตรงนี้แหละนะคะ ที่เป็นแรงผลักดันให้มะยม เขียนเรื่องร้อย..เสน่หาจนจบ (เมื่อได้พิมพ์นะ มะยมจะเอาเชือกสวยๆ มาร้อย นิยายเรื่องนี้ แล้วเอามาแขวนคอ จะเดินให้ทั่วตลาดเล้ย ฮ่าๆๆๆ ) ที่นี้โดนแซวหนักกว่าเดิมอีก เพราะว่าเราบ้าไปแล้วจริงๆ หึหึ  (ล้อเล่นค่ะ แต่อยากทำจริง)



4. อะไรที่คุณเขียนเป็นครั้งแรก เคยให้เพื่อนๆ หรือครอบครัวอ่านไหม พวกเขาคิดว่าอย่างไร?

เรื่องไม่เคยเขียนอะไรเลยค่ะ ครั้งแรกการเล่าเรื่อง น่าจะมาจากการที่ต้องเล่านิทานให้น้องๆฟังค่ะ ติดกันงอมแงม ฮิ ฮิ  งานเขียนเรื่องแรกก็ ร้อยเสน่หา นี่แหละค่ะ จริงๆแล้วมะยม ลืมไปแล้วด้วยว่า มะยมชอบงานเขียน เพราะตั้งแต่เด็กๆ จนโต จะต้องทำงานมาตลอดเลย ทิ้งสิ่งที่ชอบไปเป็นสิบๆปี  จนกระทั้งมาเจอเว็บ ฟอไรท์เตอร์ แห่งนี้ (เจอในกรูเกิ้ลค่ะ “เขียนนิยาย” ) ดีใจมากๆ เมื่อมีการรับสมัคร เขียนแรลลี่ ครั้งที่ 3 มะยมก็ สมัครเลยค่ะ (หลังจากที่ผ่านการเป็นกองเชียร์ในแรลลี่ครั้งที่ 2 ก็สนุกมากแล้วนะ พอลงแข่งเองโอ้ย..สนุกมากๆค่ะ ท้าทายตัวเองดีค่ะ) จึงเริ่มเขียน “ร้อยเสน่หา”  เป็นการเขียน ครั้งแรกของมะยม  ส่วนคนอ่านก็เพื่อนๆในเว็บฟอร์ไรท์เตอร์นี่แหละค่ะ น่าจะเจ๊ก้อยนะที่เป็นคนอ่านคนแรกของมะยม ขอเสริมอีกนิดนะคะ
ก่อนหน้า ที่จะมาเขียนนิยายนั้น มะยมก็จะชอบอ่าน หนังสือที่เกี่ยวกับการสอนงานเขียน มาบ้างและอ่านนิยาย มาบ้าง จึงพอเข้าใจลักษณะ การเขียนนิยายบ้างค่ะ แต่ไม่เคยคิดจะเขียน ไม่รู้จะเริ่มยังไง เขียนแล้วจะไปที่ไหนยังไง  และมะยมได้เพื่อนๆในนี้ช่วยสอนช่วยชี้แนะ อีกมากมาย หลาย เรื่อง เพื่อนๆพี่ๆ มีกำลังใจที่ดีมอบให้มาตลอด มะยมจึงผ่านตรงนี้มาได้ค่ะ ถ้ามะยมจะพูดว่า ร้อย...เสน่หา ได้ มาจาก พี่ๆเพื่อนๆที่นี่ ก็ใช่ 100% เลยค่ะ ^_^ 



5.มีใครที่คอยกระตุ้นหรือคุณคิดว่ามีส่วนช่วยเหลือในการไล่ล่าความฝัน
ของการเป็นนักเขียนไหม?


คือบัดดี้แสนสวยของมะยม คุณธาราฝัน ที่คอยสอน และกระตุ้นให้กำลังใจมาตลอด เวลาเขียนไม่ออก ในยามที่ท้อแท้ มะยมจะนึกถึง เจ๊ก้อย (คุณธาราฝัน) ก่อนใครเลยค่ะ. .เจ๊ก้อยเป็นแรงใจที่ดีมากๆ สำหรับนักอยากเขียนหน้าใหม่อย่างมะยม และอีกหลายๆคนในนี้....อ๋อยังไม่หมดค่ะ มีเพื่อนรักอีกคนหนึ่งของมะยม เขาบอกว่า หากเขียนไม่จบเลิกคบ ( กำลังใจบวกกับคำขู่นิดๆอันนี้เรียกว่ากำลังใจได้มั้ย อิ อิ แต่มะยมว่าใช่นะ)

ส่วนเพื่อนๆที่คอยช่วยเหลือให้เราไปถึงฝัน ก็อย่างที่บอกไว้ ในวันที่มะยม เข้าเส้นชัยนะคะ มะยมได้เพื่อนๆที่นี่คอยดูแลให้ เป็นกำลังใจและ ให้คำแนะนำที่ดี มาโดยตลอด มะยมมีคุณกร คอยสอนเรื่องมุมมองและสำนวนการเขียน มีน้องพลอยคอยดูเรื่องการวางเรื่อง ซึ่งบางครั้งมีสับสนในฉากและช่วยดูคำผิดที่มีมากมาย (ว่าจะขอโล่ พี่ฟีด้วยนะเนี่ย อิ อิ ) มีป๋าเต๋า มาช่วยดูแลแนะนำในเรื่องของ ความเหมาะสม ของการเล่าเรื่อง (ในช่วงบทแรกๆ ป๋าเต๋าแซวมะยมว่า เขียนคำว่ามันเยอะมาก ประตูหน้าต่างก็เป็นมัน เจ้าของไร่มันมาเอง ฮ่าๆๆ) มีคุณพิธันดรมาสอนโดยรวมในเรื่องของ แนะนำการใช้มุมมองของตัวละคร และการรีไรท์ ซึ่งมีประโยชน์มากๆ (ในบทจบของร้อยเสน่หา ห้องแรลลี่ ที่ 17 หากใครอยากรู้เรื่องการรีไรท์ ที่คุณ พิธันดร พูดไว้ ก็เข้าไปอ่านนะคะมีประโยชน์มากมายค่ะ) และ คุณรัชนีกานต์จะคอยแนะนำหลายอย่าง รวมทั้งการจัดเตรียมเพื่อส่งให้สำนักพิมพ์พิจารณา หากครั้งไหนที่ มะยมเขียนติดๆขัดๆก็จะถามเธอบ่อยๆ ยังมีเพื่อนๆ อีกหลายท่านที่มะยมยังไม่ได้กล่าวชื่อ ต้องขออภัยไว้ ณ.ที่นี้ด้วยนะคะ เพราะ เยอะมากๆค่ะ เพื่อนๆมีน้ำใจดีกันทุกคน มะยมขอขอบคุณเพื่อนทุกท่านไว้ตรงนี้นะคะ ขอขอบคุณจากใจจริงเลยค่ะ ^o^ โค้งงามๆแล้วหมุนรอบตัว ฮิ ฮิ

และที่สำคัญมากๆ ต้องขอขอบคุณพี่ฟีค่ะ ที่สร้างบ้าน ฟอร์ไรท์เตอร์ แห่งนี้ขึ้นมา พี่ฟี สร้างทุกสิ่งทุกอย่าง ขึ้นมามากมาย ในสิ่งที่เห็นได้ชัดๆก็คือ..การที่เราเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของฟอร์ไรท์เตอร์  เราได้อะไรกลับมามากมาย อย่างที่เราไม่เคยคาดคิด มีเพื่อนๆมากมาย มีความฝันเดียวกัน และเราร่วมเดินไปข้างหน้าด้วยกัน  เราไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว บ้านหลังนี้อบอุ่นมากค่ะ มะยมรักที่นี่ รักบ้านหลังนี้มากๆ

 

6. เนื่องจากการเขียนนวนิยายแรลลี่เป็นการเขียนที่ต้องแข่งกับเวลา คุณวางแผนงานอย่างไร?ในการเขียนแต่ละวัน

หลังจากที่ทำงานประจำวันเสร็จเรียบร้อย ทุกๆวันมะยมก็จะเริ่ม ตั้งแต่ 9-10โมงเช้า และ สัก 5โมงเย็นก็หยุดค่ะ แล้วก็จะไปโม้ ตามประสาของมะยม  อิอิ คุยกับคนโน้นบ้าง คนนี้บ้าง ส่วนใหญ่ก็เพื่อนๆในฟอร์ไรท์เตอร์ทั้งนั้นค่ะ
บางวันก็เขียนได้ทั้งวัน เขียนนิยายเพลินจนเช้าไปเลยก็มี มารู้สึกตัวอีกทีก็เช้าแล้ว ส่วนใหญ่มะยมจะเขียนได้เยอะในช่วงกลางคืนค่ะ มีอยู่วันหนึ่ง มะยมฝันเห็นเจ๊ก้อย ช่วงนั้นเขียนไม่ออกเลยจริงๆคิดถึงแต่นิยาย จนเอาเรื่องราวมาฝันเป็นตุเป็นตะว่าเจ๊ก้อยแนะนำอย่างนั้นอย่างนี้  เหอๆๆ ตื่นขึ้นมาก็เขียนเลยค่ะ ปล่อยไว้อาจลืม ฮ่าๆๆ อันนี้เจ๊ก้อยไม่ทราบหรอกค่ะ แต่มะยมก็ทำตามที่เจ๊ก้อยแนะนำในฝันเป๊ะเลยนะคะ ^_^ เรื่องนี้จริงอย่างแรง
ถ้าจะถามว่ามะยมเร่งเขียนเพื่อให้ทันแรลลี่มั้ย มะยมว่าไม่นะ จะเขียนไปเรื่อยๆมากกว่า แต่จะกำหนดไว้เลยว่า วันนี้เราจะต้องให้ได้กี่หน้า กี่วันเราจะเสร็จ และก็ต้องทำให้ได้ แต่ถ้าคิดไม่ออกจริงๆมะยมก็จะทบไปเป็นวันรุ่งขึ้น ไม่เคยมีอะไรเรียกให้มะยมตื่นมากลางดึกได้หรอกค่ะ (กลัวผี) แต่นิยายเรียกมะยมได้ทุกเวลา หุหุ

7.จากนวนิยายเรื่อง ร้อยเสน่หา คุณมีวิธีคิดโครงเรื่อง ตัวละคร เหตุการณ์ ฯลฯ อย่างไรบ้าง?

โครงเรื่องมาจากชีวิตในวัยเด็กของตัวเองส่วนหนึ่งค่ะ ส่วนเหตุการณ์ก็ เห็นได้จากทั่วไป คนอย่างนายสิงห์ก็ยังมีเยอะอยู่ในสังคมปัจจุบัน คนที่อ่อนแอ อย่างน้ายุพินก็ยังมีให้เห็น มะยมก็หยิบจับเรื่องราวจากรอบๆตัวนี่แหละค่ะ มาใส่ในนิยายของตัวเอง ส่วนตัวละครเกิดจากจินตนาการล้วนๆค่ะ ไม่มีตัวอย่างให้เห็นเลย  มีเพื่อนที่เข้ามาอ่านคนหนึ่งเขาบอกมะยมว่า  เขารู้แล้วว่าโมรินคือใคร ห็นบอกว่าจะเอารูปมาแปะให้ดู (จนป่านนี้ก็ยังไม่เห็นเลยค่ะ) เหอๆๆ ไม่ได้ทวงนะคะ จริงๆแล้วก็อยากเห็นเหมือนกันว่า จินตนาการของมะยมไปตรงกับใคร ตัวละครในเรื่องก็จะมีนายสิงห์คนเดียวค่ะ ที่มะยมเอา ลักษณะมาจากดาราชายท่านหนึ่ง ซึ่งตอนนี้ก็จำชื่อเขาไม่ได้เสียแล้วสิ ฮ่าๆๆ

 

8.ตัวละครในเรื่อง อย่าง โมริน และ ธนาเทพ ได้รับอิทธิพล มาจากใครในชีวิตจริงหรือเปล่า

ค่ะ หลักๆของเรื่องนี้ ที่มีโมรินกับธนาเทพ เป็นตัวเอก  มันคือเรื่องราวในวัยเด็ก ของมะยมกับเพื่อนชายคนหนึ่งค่ะ  ตอนนั้น มะยม กับเพื่อน อายุ 9ปีเองนะคะ แต่มีความทรงจำเกี่ยวกับเพื่อน คนนี้มากมายนัก ในเรื่องจริงก็เหมือนในนิยายเลยค่ะ หลังจากที่ เพื่อนชายคนนี้ย้ายบ้านใน ช่วงนั้นมะยมกับเพื่อน อายุเพียง 9ปี เท่านั้น แล้วเรามีโอกาสได้มาเจอกันอีกครั้ง เมื่อตอนเริ่มโตเป็นหนุ่มเป็นสาวกันแล้วนะคะ เพื่อนคนนี้ พอเขารู้ข่าวจากพี่สาวว่ามะยมทำงานอยู่ตรงนี้ เขาก็มาหาเราเลยนะ นั่นก็หมายความว่าเราก็ ยังอยู่ในความทรงจำของเขาเหมือนกัน ฮ่าๆๆ (แอบเข้าข้างตัวเอง ) เพราะหลังจากที่ แยกทางกัน อุ๊ย! พูดซะไกลเชียว เราไม่เคยได้ติดต่อกันเลย แล้วไม่รู้ด้วยว่าเขาย้ายบ้านไปอยู่ที่ไหน ? ส่วนพี่สาวของเขา มะยมก็มารู้ทีหลังว่าเป็นพี่สาวเพื่อนเรา ที่รู้เพราะอะไรหรือคะ ? (อยากเล่าเลยถามซะเอง) ที่มะยมรู้ว่าคนนี้คือพี่สาวของเพื่อน เพราะว่า มะยมบรรยาย รูปลักษณะของเพื่อนคนนี้ ให้พี่สาวเขาฟังแบบชื่นชม เขาเป็นผู้ชายที่มีดวงตาสวยมาก ซึ่งผู้หญิงยังต้องอายเชียวล่ะ มันตรงกับที่พี่สาวเขากล่าวถึงน้องชายเขา คุยไปคุยมาก็กลายเป็นคนๆเดียวกัน(แต่น้องชายเขาอยู่อีกจังหวัดหนึ่งเลยนะคะ) อันนี้เรียกว่าพรหมลิขิตได้มั้ยคะ  เหมือนมันเป็นความทรงจำที่ดี ที่ฝังใจเรามานาน  เมื่อมีโอกาสได้เขียนนิยาย มะยมจึงอยากเอาเรื่องใกล้ตัวที่สุดมาเขียนค่ะ อย่างในบทนำ ฉากที่โมรินตกน้ำ นั่นของจริงเลยนะคะ มะยมลอยไปกับน้ำค่ะ น้ำไหลแรงมาก รู้เลยว่าความกลัวที่สุดในชีวิตนั้นเป็นอย่างไร หากเราปล่อยมือวันนั้น ก็ไม่มีมะยมมานั่งจ้อในวันนี้แน่นอนค่ะ ฮิฮิ แต่เดี๋ยวนี้ก็ยังไม่กลัวน้ำหรอกนะคะ ยังซ่าเหมือนเดิม เพราะชอบเล่นน้ำ แต่ก็ว่ายน้ำไม่เป็นจนทุกวันนี้

 

9.คุณชอบตอนไหนที่สุดในเรื่องนี้

มะยมชอบฉากที่ นายสิงห์กำลังจะปล้ำโมรินค่ะ รู้สึกว่าเวลาเขียนลื่นไหลดีจัง ฉากนั้นมะยมจะคิดถึงจิตใจของโมรินมากที่สุด ที่ต้องดิ้นรนหาทางช่วยเหลือตัวเอง เพื่อให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของคนเลว  ซึ่งตามหลักความจริงแล้ว มันรอดยากมากและเป็นไปไม่ได้เลย ที่ผู้หญิงตัวเล็กๆจะมาต้องสู้กับ ผู้ชายที่มีพละกำลังเหนือกว่า วันนั้นหาก ชบาไม่มาช่วย โมรินคงต้องเหมือนผู้หญิงอีกหลายคนที่  เป็นผู้ถูกกระทำ เป็นเหยื่อของ คนใจบาป ในชีวิตจริง ก็ยังมีให้เห็นอยู่เป็นจำนวนมาก
และมะยมก็ชอบทุกฉากทุกเหตุการณ์ที่บ้านสวนค่ะ ซึ่งบ้านสวนในเรื่อง ร้องเสนห่ามีอยู่จริงนะคะ มะยมเห็นแล้วชอบมากค่ะ  แต่มะยมบรรยาย บ้านสวนยังไม่ค่อยเห็นภาพที่ชัดเจนเท่าไหร่  แต่บ้านหลังนี้น่าอยู่มากค่ะ บ้านสร้างติดน้ำตก ระเบียงใหญ่หลังบ้านติดน้ำตก มีโต๊ะไม้ชุดใหญ่  มีเตาย่างอันใหญ่ ไว้สำหรับปิกนิคและน้ำใสสะอาดมากๆ มะยมลงเล่นน้ำที่นี่บ่อยๆ ^_^

10.อะไรคือแรงบันดาลใจให้คุณเขียนเรื่องนี้

ส่วนใหญ่ เรื่องราวในร้อยเสนห่า แรงบันดานใจมาจากช่วงหนึ่งในวัยเด็กของมะยม เขียนเรื่องใกล้ตัว คิดขึ้นมาเป็นอันดับแรกเลย   และเหตุการณ์ต่างๆ ในนิยายนั้นก็ มาจากรอบๆ ตัวที่เคยพบ แต่ถ้าจะเอาเรื่องจริงมาเสียส่วนใหญ่ นิยายเรื่องนี้คงเศร้าน่าดู น่าจะเป็นวัลลี 2วัลลี3เลยกระมัง ^_^  แต่เราเขียนนิยายเพื่อความบันเทิง มะยมจึงผสมผสาน เรื่องราวที่ชวนฝันไว้บ้าง เพื่อความเหมาะสมและสนุกสนาน

 

11.อะไรคือปัญหาหนักที่สุด  ที่ท้าทายคุณตอนที่คุณเขียนคืออะไร

ปัญหาที่หนักใจคือบทสนทนา ของผู้ชายค่ะ โดยเฉพาะผู้ชายคุยกันเอง อันนี้หนักใจมากที่สุด ก็อาศัยการอ่านเรื่องอื่นๆ เน้นตรงสนทนา ปรึกษาเพื่อนๆ และคอยสังเกต เวลาที่ผู้ชายพูดคุยกันจริงๆ
มะยมก็เอามาปรับใช้กับนิยายของตัวเอง ส่วนบทจบนี่ก็หนักใจค่ะ มะยมก็คิดอยู่นาน เขียนบทจบไว้ 2 ทางเลือก คือ เศร้าไม่สมหวัง กับสมหวัง แล้วก็มาพิจารณาถึงความเหมาะสมอีกครั้ง ถ้าถามมะยมก็อยากจบแบบเศร้านะคะ แต่ รู้ว่าตัวเองยังเขียนได้ไม่ดีพอ จึงต้องมีทางเลือกที่สอง ส่วนเรื่องที่ท้าทาย คือการเอาชนะตัวเอง และเอาชนะคนที่คิดว่าเราทำไม่ได้ แต่อันนั้นไม่ใช่ประเด็นหลักของมะยมนะ เพราะ คนส่วนใหญ่ที่ไม่ได้อ่าน ไม่ชอบเขียน จะให้เราทำดีแค่ไหน ยังไงก็ไม่มีวันเข้าใจ คนที่อยากเป็นนักเขียน อย่างเราหรอกค่ะ แต่เรื่องที่ท้าทายมะยมจริงๆก็คือ การเอาชนะตัวเอง และไม่อยากทำให้เจ๊ก้อย ที่คอยเป็นกำลังใจให้มะยมมาตลอดต้องผิดหวัง... อ๋อ... แล้วก็มีเพื่อนรักคนหนึ่งค่ะ เขาท้าทายมะยม บอกกับมะยมว่าหากเขียนนิยายเรื่องนี้ไม่จบ  เขาบอกว่าจะเลิกคบกับเรา อึ้มส์.. อันนี้ยอมไม่ได้จริงๆค่ะ เพราะฉะนั้นมะยมต้องเอาชนะตัวเองให้ได้ แล้วเราก็ชนะ ฮ่าๆๆ ชนะแล้วนะ ขอบอก


12.คุณคิดอย่างไรกับการมีเลิฟซีนในหนังสือ คุณคิดว่าเลิฟซีนเขียนยากง่ายต่างจากซีนอื่นๆไหม มีอะไรที่คุณหลีกเลี่ยงไม่อยากเขียนบ้างไหม?


การเขียนเลิฟซีนนั้นยากง่ายต่างจากซีนอื่นๆมั้ย  มะยมว่า การยากง่าย มันขึ้นอยู่กับว่าเราเข้าใจในอารมณ์ของตัวละครดีพอมั้ย  และต้องเข้าใจซีนนั้นๆ ที่เราจะใส่ลงไปในนิยาย เราต้องรู้ ว่าเราจะมีซีนนี้ไปเพื่ออะไร ขอให้เข้าใจ มะยมว่าเขียนยากง่ายเท่ากันค่ะ เหอๆๆ อธิบายเหมือนเก่งเนอะ แต่จริงๆแล้วมะยมก็เรียนรู้จากการลงแรลลี่ครั้งนี้แหละค่ะ ถึงบอกว่าเมื่อลงมือเขียน อย่างจริงจังแล้วเราจะได้เรียนรู้อะไรอีกมากมาย
ส่วนคิดอย่างไรกับบทเลิฟซีน มะยมว่ามันเป็นเรื่องธรรมดานะคะ สำหรับบทเลิฟซีนที่มีในนิยาย เพราะในชีวิตจริงก็มี แล้วนิยายเป็นเรื่องที่ จำลองมาจากชีวิตจริงซะส่วนใหญ่ เพียงแต่เราต้องดูที่ความเหมาะสม ในการที่เราจะเขียน บรรยายเลิฟซีนใส่ลงไปในนิยาย ต้องดูถึงความจำเป็นด้วยว่าควรมีดีหรือไม่ หากเขียนลงไปแล้วไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องมันก็ไม่ควรมี สรุปแล้วอยู่ที่ความเหมาะสมค่ะ
ส่วนการเขียนบทเลิฟซีนสำหรับมะยมนะ ความยากง่ายอยู่ที่อารมณ์ของตัวละครค่ะ และเราควรสื่อออกมาในรูปแบบของความ สวยงามใช้ภาษาที่สวยงามเหมาะสม และควรเลี่ยงคำที่ โจ่งแจ้ง เฉพาะเจาะจงจนเกินไป เขียนให้คนอ่านเกิดจินตนาการ คนเขียนก็อินไปด้วยนะ ฮ่าๆๆ แต่ถ้าเราไม่ปูพื้นฐานมาให้เขารักกันมาก่อนและรักมากด้วย การเขียนเลิฟซีนก็ต้องยากหน่อย อยู่ดีจะมาจะมากอดรัดฟัดเหวี่ยงกัน มันก็ไม่ใช่ที่ หุ หุ

 

13.คุณเคยเกิดปัญหาการเขียนไม่ออก บ้างไหม? ถ้ามีคุณจัดการกับมันอย่างไร?

การเขียนไม่ออก มะยมเชื่อว่าทุกคนต้องเจอ สำหรับมะยมนะ จะหาอย่างอื่นทำหากเขียนไม่ออกก็จะ เข้าเว็บป่วนตรงโน้นตรงนี้ เข้าไปคุยเล่นกับเพื่อนๆ โม้มุมนั้นทีมุมนี้ที และที่ขาดไม่ได้ก็เข้าห้องร้องกรอง เขียนบทกลอนแปะเว็บไว้ ซึ่งความจริงแล้ว มะยมก็ยังเขียนไม่เป็นหรอกค่ะ แต่ชอบมาก ก็อาศัยฝึกไปเรื่อยๆ ผ่อนคลายสักพัก มะยมก็จะกลับอ่านทบทวนที่เราเขียนไปแล้ว พร้อมๆกับเอาหวานเย็นมานั่งแทะเล่นไปเรื่อย กว่าจะเขียนนิยายร้อยเสน่หาจบ มะยมก็แทะหวานเย็นหมดไปหลายแท่งเลยล่ะค่ะ เหอๆๆ

 

14.แล้วอย่างที่เขียนไปๆ ความคิดเกี่ยวกับเรื่องอื่น เข้ามาแทรกแซงในเรื่องที่เขียนอยู่ละคะ?

ถ้าเป็นเรื่องส่วนตัวละก็ หากมีเรื่องอะไรๆเข้ามายุ่งวุ่นวายหัวใจ มะยมจะหยุดเขียนทันทีค่ะ เขียนต่อไม่ได้ และคงได้ไม่ดีด้วย แต่ถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับนิยายที่คนอื่นๆมักจะมีพล็อตใหม่ๆ เข้ามา เรื่อยๆนั้น สำหรับมะยมไม่มีค่ะ เพราะคิดถึงแต่เรื่อง “ร้อยเสน่หา” ที่เขียน คิดถึงแต่เรื่องนี้อยู่ตลอดเวลา ว่าเราจะดำเนินเรื่องอย่างไร หาเหตุการณ์ต่างๆ อย่างไร ให้สนุกและเหมาะสม ตามที่เรากำหนดเอาไว้ มะยมจึงไม่ได้ มีหัวแยกไปคิดถึงเรื่องอื่นเลยค่ะ สงสัยสมองยังไม่โตพอกระมังคะ ^0^


15.ช่วยเล่าให้ฟัง เกี่ยวกับการเขียนของคุณในแต่ล่ะวัน

ตอนเขียนคุณใช้อะไรเพื่อสร้างอารมณ์ไหม อย่างฟังเพลง หรืออื่นๆ ไปด้วย?
ทุกๆวันที่นั่งเขียนนิยาย ปกติจะอยู่บ้านคนเดียว ก็ดีตรงที่ได้ความเงียบสงบ ส่วนเรื่องการสร้างอารมณ์ ในการเขียนของมะยมนั้น  ก็น่าจะมาจากการอ่านงานของ นักเขียนท่านอื่นๆค่ะ แล้วก็อยากจะทำให้ได้อย่างเขา นี่ก็สร้งอารมณือีกแบบหนึ่งของมะยมนะ
แต่ เรื่องที่เปิดเพลงฟังไปด้วย แล้วเขียนไปด้วยนี่ทำไม่ได้เลยค่ะ ไม่มีสมาธิ  ก็มีบ้าง ในบางครั้งที่เขียนไปคุยเอ็มไปแบบนี้กลับทำได้ค่ะ  ^-^   ไม่รู้ต่างจาก การเปิดเพลงตรงไหน ฮ่าๆๆ
คือถ้ามะยมฟังเพลง จะเป็นคนที่ประเภทตั้งใจฟังมากๆและปากก็ร้องตามด้วย จึง ไม่มีสมาธิที่จะเขียน ส่วนที่เปิดเพลง ฟังไปเรื่อยๆ นั่งเขียนไปด้วยแบบที่คนอื่นๆ เขาทำกัน แบบนี้มะยมทำไม่ได้ เลยจริงๆ อยากทำได้เหมือนกันค่ะแบบนี้  จะได้ มีเสียงดังๆในบ้านบ้าง เพราะทุกวันนี้ชาวบ้านแถวบ้านมะยมเขาพากันสงสัยว่า เราทำอะไรได้ทั้งวันไม่ยอมโผล่หน้า โผล่หัวออกจากบ้านเลย ( มะยมกลัวชาวบ้านจะว่ามะยมเป็นเด็กเก็บกด น่ะค่ะ ฮ่าๆๆ )  เพราะว่าเงียบเหลือเกิน


16.ตอนเขียนหนังสือ คุณมีคนอ่านที่อยู่ในใจคุณไหม คุณอยากเขียนให้คนแบบไหนอ่าน?


ตอนที่เขียน คนอ่านในใจ ไม่มีค่ะ พอเขียนจบแล้วก็เริ่มมองหาคนอ่าน ฮ่าๆๆ เวลานี้ได้มาแล้ว 2 คน มะยมอยากให้ กลุ่มคนในวัยทำงาน กับแม่บ้านอ่านนิยายเราค่ะ (ยังหาเหตุผลไม่ได้ว่าเพราะอะไร)ส่วน เพื่อนมะยม ที่เล็งเอาไว้ สองคนนี้ก็อยู่ในทำงานค่ะ มะยมจองตัวไว้แล้ว ไม่ว่างคงไม่ได้ จะบีบคอ บังคับให้อ่านงานของมะยม ให้ได้อย่างแน่นอน รับรองไม่พ้นมือเราแน่ เหอๆๆ  

 

17.คุณใช้อินเตอร์เน็ทในการหาข้อมูลบ่อยไหม มันมีประโยชน์ต่อคุณหรือเปล่า? คุณมีวิธีหาและจัดการกับข้อมูลนั้นอย่างไร?


ใช้ค่ะ หลายเรื่องมีประโยชน์มากๆ พอได้ข้อมูลมา มะยมก็จะเซฟไว้เป็นแยกไฟล์เป็นหมวดหมู่

 

18คุณมีเวลาอ่านงานเขียนของคนอื่นไหม คุณมีนักเขียนที่ชอบเป็นพิเศษหรือเปล่า?


ส่วนใหญ่ที่หยิบนิยายมาอ่าน มะยมไม่ค่อยดูนามปากกาเท่าไหร่นะคะ จะเลือกที่ ชื่อเรื่องค่ะ แต่นักเขียนในดวงใจที่ชอบมากที่สุด และอยากรู้ประวัติมากที่สุดก็  คุณทมยันตีีค่ะ

 

19.อะไรที่คุณอยากจะให้คำแนะนำ คนที่ปรารถนาอยากจะเป็นนักเขียนที่เขียนได้จบเรื่องบ้าง

อยากให้ท่านอื่นๆที่อยากเขียน อยากมีงานเขียนเป็นของตัวเอง มะยมอยากจะแนะนำให้เริ่มลงมือเขียน เสียตั้งแต่วันนี้เลยค่ะ วางแผนเรื่องของเวลาให้กับงานเขียนให้เป็นส่วนหนึ่ง ในชีวิตประจำวันและพยายามเอาชนะตัวเองให้ได้  เขียนอย่างมีความสุข เราก็จะรู้ว่าความฝันเราก็อยู่แค่เอื้อมนี้เองค่ะ


20. ช่วยเล่าเกี่ยวกับเรื่องที่จะเขียนต่อไปด้วยค่ะ


มะยมอยากเขียน นิยายออกแนวตลกๆสนุกสนานเฮฮา  แตกต่างจากเรื่อง ร้อย...เสน่หา แต่ไม่รู้ว่าจะทำได้มั้ยนะคะ เพราะ ตัวเองก็เป็นคนที่เรียบร้อยมากๆ อิ อิ (แหวะ)
แต่เวลาคิดพล็อตขึ้นมาทีไร มันจะออกแนวชีวิตรันทดอยู่เรื่อยเลยค่ะ ฮ่าๆๆ ก็แค่คิดๆไว้นะคะ ยังไม่แน่นอนค่ะ หรืออาจจะเป็นรักสามเส้านะ เพราะเอาพล็อตมาจากข้างๆ บ้าน ฮ่าๆๆ หาเรื่องชาวบ้าน เอ้ย!..หาแนวเรื่องใกล้ๆบ้านค่ะ ต้องรอดูอีกครั้งนะคะ เพราะเป็นคนหลายใจเอา มากๆ เหอๆๆ

 

 

ติดตามงานเขียนเรื่อง ร้อยเสน่หา

ได้่ที่กระดานแรลลี ห้องแรลลีน้องพี่ หมายเลข 17 ค่ะ

 

 

อ่านสัมภาษณ์นักเขียนแรลลี

 


.

ห้องมือใหม่
ห้องสร้างนักเขียน
การเขียนนวนิยายต่าง ๆ
Idea bank
ฝึกเขียนเรื่อง

ร้านหนังสือ

 

 
ฟรี E-book
 
 



 

  http://www.forwriter.com . © 2005 All rights reserved.