forwriter.com

 
หากคุณคือมือใหม่ เวปนี้เหมาะสำหรับคุณมาก

 

สัมภาษณ์นักเขียนแรลลี 6 โดย ฟีลิปดา


คุณ สามารถ เจ้าของผลงาน สายลับกลับใจรัก

 

 

(ไม่มีรูป หน้าตาธรรมดาๆ ให้ดูค่ะ ^--^)

 

 

 

 

แนะนำตัวเองอย่างคร่าวๆ ก่อนนะคะ

จ้า...ชื่อสามารถครับ เรียกแบบเดิมเลยครับ จำง่ายดี บางครั้งก็เข้าไปป่วนในกระทู้เป็นชื่ออื่นๆบ้าง เช่น can( ที่แปลว่า สามารถ ) หรือ can ( ที่แปลว่ากระป๋อง ) หรือว่า แคน ( ที่เอาไว้เป่าเป็นเครื่องดนตรี ) แต่สุดท้ายก็อันเดียวกัน สามารถครับ อายุ 29 ปี หน้าตาธรรมดาๆไม่หล่อมากครับ ไม่กล้าเอารูปมาลง กลัวดังแล้วไม่ได้เป็นนักเขียน กลายไปเป็นดาราแทน ^^( อันนี้ผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณนะครับ )

 

1. อยากรู้ว่าชอบอ่านหนังสืออะไรคะ และมีหนังสือเล่มไหนเป็นแรงบันดาลใจให้อยากเขียนเองบ้าง

หนังสือนิยาย เรื่องสั้น หนังสือพิมพ์รายวัน รายสัปดาห์ ประวัติศาสตร์ รัฐศาสตร์ อ่านได้หมดครับ ส่วนแรงบันดาลใจให้อยากเขียนเองมาจากปัจจัยหลายอย่างรวมๆกันเช่น นิยาย เรื่องสั้น ภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด เว็บฟอร์ฯนี่ด้วยล่ะครับ สำคัญเลย

 

2.. ครอบครัวของคุณมีอิทธิพลต่อการเขียนของคุณไหม ? อย่างไร ?

มีอิทธิพลตรงที่ทำให้เรารักการอ่านมากกว่าครับ อ่านทุกอย่างที่ขวางหน้ามาตั้งแต่เด็ก ก่อนเข้าเรียนคุณพ่อคุณแม่สอนอ่านหนังสือแล้ว พอหกขวบ แม่พาไปโรงเรียนวันแรก ครูใหญ่เขาเคยได้ยินมาว่า อ่านหนังสือพิมพ์เป็นมาก่อนแล้ว เขาไม่เชื่อ เลยลองให้อ่านข้อความที่เขียนติดกระถางดอกไม้ไว้ว่า “ คนจัญไรชอบแก้ตัว ” ดู สามารถอ่านได้ แค่นั้นแหละครับ ครูใหญ่บอกให้อยู่ป. 1 เลย ไม่ต้องเข้าอนุบาล ( เรื่องจริงนะนี่ )


3 . อะไรที่คุณเขียนเป็นครั้งแรก เคยให้เพื่อนๆ หรือครอบครัวอ่านไหม พวกเขาคิดว่าอย่างไร ?

แรกๆจริงๆก็ต้องเรียงความสมัยประถมนั่นล่ะครับ จำได้ว่ามีสองเรื่อง ครอบครัวของฉัน กับ โตขึ้นอยากเป็นอะไร คุณครูเป็นคนอ่าน ไม่เห็นท่านว่าอะไร หน้าตาแกก็ไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆเหมือนกัน

ส่วนที่ตั้งใจเขียนเพราะอยากเป็นนักเขียน เรื่องแรกก็คือ เลลา มิซานี แต่เขียนได้แค่สามบทก็ต้องหยุด เพราะรู้สึกว่าบางส่วนไปตรงกับนิยายของคนอื่นเข้า ( แต่มันแค่เล็กน้อยมากที่คล้ายกัน แต่ผมมองว่า ถ้าเขียนต่อตอนนี้ จะกลายเป็นอาศัยกระแสของเรื่องนั้นเข้า และหนังสือเล่มนั้นก็เป็นของนักเขียนหนึ่งในห้าที่ผมชื่นชอบเป็นพิเศษซะด้วยสิ ) อีกอย่าง ตรงกับแรลลี่ครั้งนี้เข้า ผมเลยคิดว่า เริ่มใหม่เลยดีกว่า จะได้แฟร์ๆกับเพื่อนๆคนอื่นด้วยครับ ส่วนเรื่องสายลับกลับใจรักเป็นเรื่องแรกที่เขียนจบครับ แต่ทั้งหมดแล้ว ก็ยังไม่เคยให้ใครอ่านสักคนเลยครับ นอกจากเพื่อนๆจากเว็บฟอร์ฯนี่ล่ะ

( มีความลับมาฝากครับ ผมเคยเขียนความในใจ คล้ายๆบทความแต่เป็นเรื่องสั้นให้ผู้หญิงคนหนึ่งอ่าน เป็นกลวิธีจีบสาวอย่างหนึ่ง ผมไม่กล้าจีบเธอตรงๆ เลยต้องกลับมานั่งระบายความในใจกับตัวอักษรทุกวัน พอยาวมากๆเข้า ผมก็เลยรวบรวมความกล้า ( บวกปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายเล็กน้อย ) ยกเอาคอมพิวเตอร์โน็ตบุ๊คไปเปิดให้เธออ่าน พอเธออ่านจบ เธอชอบผมเลยครับ ( ไม่ได้เข้าข้างตัวเองนะ นี่เรื่องจริง ^^) ผมงงไปเลย เพราะเธอเป็นเหมือนดอกฟ้าที่เพียบพร้อมเกินไป เกินที่คนอย่างนายสามารถจะเอื้อมถึงจริงๆ ใครจะเอาวิธีนี้ไปใช้ก็ได้นะครับ ผมไม่หวงลิขสิทธิ์ แต่ว่า...ตอนนี้ สามารถกับเธอคนนั้น แห้วกันไปซะแล้ว ^^)

4. ทางบ้านของคุณได้อ่านหนังสือที่คุณเขียนบ้างไหม และเคยมีส่วนร่วมในการออกความเห็นเกี่ยวกับโครงเรื่องไหม

ไม่มีใครเคยได้อ่านเลยครับ คนที่บ้านไม่มีใครแล้วตอนนี้ ( เป็นเด็กบ้านแตก ) เพื่อนๆที่ทำงานก็ไม่ค่อยมีใครสนใจอ่านหนังสือกัน เลยเก็บทุกอย่างไว้คนเดียว เพื่อนๆเว็บฟอร์ฯคนไหนสงสารสามารถก็ช่วยกันอ่านหน่อยนะครับ ถือซะว่า ถึงจะน่าเบื่อหน่อยก็ยังดีกว่าอ่านข่าวนักการเมืองทะเลาะกันนะ


5. คุณมีวิธีเขียนนวนิยายเรื่อง สายลับกลับใจรัก อย่างไร ตั้งแต่ต้น ไม่ว่าจะเป็น การคิดโครงเรื่อง ตัวละคร เหตุการณ์ ฯลฯ

นิยายเรื่องนี้ แรกๆ ผมคิดว่า อยากจะเขียนให้ได้มากๆถึงสามสิบบท แต่ก็กลัวว่าจะจบเร็วเพราะเป็นเรื่องแรกและไม่มีอะไรจะเขียน ไม่มีประสบการณ์ด้วย เลยคิดว่า เขียนไปเรื่อยๆแบบไม่มีพล็อตดีกว่า แต่ไปๆมาๆ กลับรู้สึกว่า พอช่วงกลางๆเรื่องเข้า ไม่รู้ว่าจะไปทางไหนต่อ จะจบอย่างไร บอกตรงๆเลยว่าช่วงนั้นไปไม่เป็นเลยครับ พอดี เพื่อนคนหนึ่งในเว็บฟอร์ฯ ( คุณ buddy ห้อง 6 ภพรักไง ) มาแนะนำให้ ว่าให้ลองเอาเทคนิคพี่ฟีมาลองใช้ดู เรื่องการวางพล็อต เหมือนแสงสว่างในทางมืดเลยครับ ทำให้นายสามารถคิดออกทันทีเลยว่า จะจบอย่างไร แต่เกินสามสิบบทไปจนได้ ทะลุเป้าไปหน่อย

ต้องขอบคุณเพื่อนๆทุกคนจริงๆที่แวะมาเยี่ยมเยียน ทุกคน ทุกคำแนะนำทำให้นิยายของนายสามารถจบได้ครับ เรื่องนี้ขอบคุณจริงๆ

 

6. ตัวละครในเรื่อง ได้รับอิทธิพล มาจากใครในชีวิตจริงหรือเปล่า?

เกินครึ่ง ตัวละครมีชีวิตอยู่จริงครับ ใครหล่อก็ได้เป็นพระเอกละกัน ใครหล่อน้อยก็เป็นพระรองป็น ผู้ร้ายตามลำดับ ส่วนสถานที่บางที่มีจริงแต่ก็เบี่ยงเบนไปใช้สถานที่อื่นที่ใกล้เคียงกันครับ ป้องกันไว้ก่อน ( ไม่รู้เหมือนกันว่ากลัวอะไร )

7. คุณชอบตอนไหนที่สุดในเรื่อง

ตอนที่ 10 จมปลัก ครับ ให้ความรู้สึกเหงาๆดี เหมือนอารมณ์ตัวเองหลุดไปไหนต่อไหน ( บทนี้คุณพีเคยชมมาด้วยนะจะบอกให้ แชมป์เก่าชม ปลื้มมมมม )

8. อะไรคือแรงบันดาลใจทำให้คุณอยากเขียนเรื่องนี้ และมีประเด็นอะไรที่คุณอยากนำเสนอกับคนอ่าน

ขอสารภาพเลยครับว่า เรื่องนี้ปุบปับก็เขียนเลยเพราะจะลองท้าทายตัวเองดูว่า ถ้าจะเขียนเรื่องที่เราไม่ได้ตั้งใจคิดวางเค้าโครงขึ้นมาก่อน เราจะทำได้ไหม ( และก็เกือบไม่ได้ ) ยังไงเสียก็ตั้งใจไว้แล้วว่า ทุกเรื่องที่เขียนจะต้องแทรกแง่คิดอะไรที่เป็นประโยชน์บ้าง ประเด็นหลักๆที่อยากเสนอให้คนอ่านก็คือ

1. หันมามองกันบ้างว่า พฤติกรรมของเด็ก ลูกๆ เยาวชนที่คุณใกล้ชิดกับเขา มีแนวโน้มว่าจะไปข้องเกี่ยวกับเรื่องไม่ดีบ้างหรือไม่

2. คนที่มีหน้าที่ดูแลเรื่องเหล่านี้ ทำกันเต็มที่หรือไม่และได้ทำหรือเปล่า หรือว่า วันๆมีแต่ความสุขอยู่กับการมองดูเยาวชนในประเทศถูกทำลายขณะที่ตัวเองมั่งคั่งขึ้นทุกวัน คนเหล่านั้นรู้สึกละอายต่อคนอีกพวกหนึ่งที่ทำงานหนัก และขายวิญญาณตัวเองให้กับการทำงานเพื่อประเทศชาติโดยการทำตัวเป็นคนที่เขาไม่อยากเป็นแต่แรก บ้างหรือไม่ ( งงไหมนี่ )

3. อยากให้ใครต่อใครที่กำลังเซ็งสถานการณ์ในบ้านเมืองหรืออะไรต่อมิอะไรให้รู้สึกดีขึ้นบ้าง อยากให้คนอ่านตระหนักว่า อย่างไรเสีย เมืองไทยก็คือที่หนึ่งในแถบนี้อยู่เสมอมา คนอื่นเขามองเราด้วยสายตาชื่นชม ฉะนั้น เราก็ควรภูมิใจและรักษาภาพพจน์นั้นไว้...กลับมาดีกันเถอะนะคนไทย ^^

9. อะไรคือปัญหาหนักที่สุด ที่ท้าทายคุณตอนที่คุณเขียนคืออะไร

เรื่องที่หนักๆก็ตอนวางเค้าโครงเรื่องนี่ล่ะครับที่ว่าเกือบไม่จบน่ะ กว่าจะรู้สึกตัวก็เกือบสายเสียแล้ว เรื่องต่อมาก็คือเวลาครับ งานประจำก็ยุ่งๆ ไหนจะห่วงเที่ยวอีก วันหยุดยาวสงกรานต์ผมแทบไม่ได้เปิดคอมฯเลย ปัญหาใหญ่คือความขี้เกียจ

10 . คุณคิดว่าเขียนฉากไหนยาก มีอะไรที่คุณหลีกเลี่ยงไม่อยากเขียนบ้างไหม ?

ฉากแอคชั่นเขียนยากครับ ผมเคยลองอ่านนิยายในหนังสือบางกอก ( คุณพ่อเคยเป็นแฟนหนังสือนี้ ) ฉากบู๊เขาดุเดือดมาก มันส์มากๆ เรากลัวว่าจะทำไม่ได้เหมือนเขาเหมือนกันครับ แต่ก็พยายามบอกตัวเองว่า เราไม่ใช่แนวนั้น อย่าหนักนักเลย ประมาณนี้

สิ่งที่อยากหลีกเลี่ยงก็คือการพาดพิงถึงอะไร หรือใครที่อาจเป็นความผิดครับ แต่บางครั้งก็เลี่ยงไม่ได้เพราะกลัวคนอ่านไม่เข้าใจ หรือว่าบางทีตัวคนเขียนเองลืมไปว่าควรจะเลี่ยง ถึงว่า...สำนักพิมพ์เขาถึงมีฝ่ายกฎหมาย แต่เราไม่ได้มีความรู้ด้านนั้น ก็ได้แต่เสี่ยงเอา เพื่อนๆคนไหนที่อ่านนิยายของสามารถแล้วคิดว่า มีช่วงไหนที่จะเอาสามารถเข้าคุกล่ะก็ เตือนให้สามารถแก้ด้วยนะครับ เค้ากลัว …

 

11. คุณเคยเกิดปัญหาการเขียนไม่ออก บ้างไหม ? ถ้ามีคุณจัดการกับมันอย่างไร ?

มีครับ เขียนไม่ออก ทางออกก็หยุดเลย หนีไปเที่ยว ชอบมากๆครับอุทยานแห่งชาติ กางเต็นท์ นอนตากน้ำค้าง กลับมาสมองปลอดโปร่ง ผมถึงชอบรอคอยคุณพลอยคุณมะยมมาโพสต์รูปเที่ยวกันไง คนเราไปเที่ยวแล้วกลับมาเหมือนได้อะไรบางอย่างติดมาด้วย ( แต่เสียเงินไปแน่ๆ ) ถ้าไม่มีเวลาก็อ่านหนังสือของนักเขียนที่เราชอบและซื้อมาครับ อ่านจบก็หันกลับมาดูของตัวเอง แต่ต้องระวังเรื่องการลอกเขานะ

12. แล้วอย่างที่เขียนไปๆ ความคิดเกี่ยวกับเรืองอื่น เข้ามาแทรกแซงในเรืองที่เขียนอยู่ละคะ ?

มีเหมือนกัน ส่วนมากเป็นความคิดของพล็อตเรื่องใหม่มากกว่า แต่ก็ตัดออกไปเลย ไม่อยากโลภ เดี๋ยวสับสน

13. ช่วยเล่าให้ฟัง เกี่ยวกับการเขียนของคุณในแต่ะละวัน ตอนเขียนคุณใช้อะไรเพื่อสร้างอารมณ์ไหม อย่างฟังเพลง หรืออื่นๆ ไปด้วย ?

เริ่มจากกิจวัตรประจำวัน ( วันปกติ ) ก่อนนะ เช้ามาต้องไปทำงานประจำ เลิกสี่โมงเย็น ( ยาวไปไหมนี่ ) กลับมา ถ้าไม่ขี้เกียจก็วิ่งออกกำลังกายก่อน ทานข้าวเย็น กว่าจะได้เริ่มก็เร็วสุด สองทุ่มครึ่ง ถ้าวันไหนคิดอะไรไม่ออกก็ต้องอ่านหนังสือของคนอื่นกระตุ้นต่อมอยากเขียนก่อน ( ประมาณว่า เขาเขียนดี เราก็น่าจะเขียนได้ ) บางครั้งก็เปิดทีวีไปด้วยเขียนไปด้วย เสียสมาธินิดหนึ่ง แต่ก็ไม่อยากพลาดอะไรบางอย่างไป เพราะบางเรื่องที่เราคิดไม่ออก อาจเจอในนั้นก็ได้

14. ตอนเขียนหนังสือ คุณมีคนอ่านที่อยู่ในใจคุณไหม คุณอยากเขียนให้คนแบบไหนอ่าน ?

อยากให้ทุกคนอ่านครับ ใครก็ได้ อ่านให้หมด ยิ่งอ่านมากยิ่งดี

15. คุณมีวิธีการหาข้อมูลในการเขียนอย่างไร?ใช้อินเตอร์เน็ทในการหาข้อมูลบ่อยไหม มันมีประโยชน์ต่อคุณหรือเปล่า ? และมีวิธีการจัดการกับข้อมูลนั้นอย่างไร ?

ข้อมูลจำนวนมากมาจากอินเตอร์เน็ทครับ ค้นหาเจอก็อ่าน เซฟไว้ในเครื่อง มากมายมหาศาลเลยครับ ข้อมูล

บางครั้งก็ลงพื้นที่เองเลย ถือว่าไปเที่ยวด้วย หนังสือในห้องสมุดก็มี

16 .คุณมีเวลาอ่านงานเขียนของคนอื่นไหม คุณมีนักเขียนที่ชอบเป็นพิเศษหรือเปล่า ?

ผมชอบอ่านงานคนอื่นมากกว่าของตัวเองครับ หลังจากจบแรลลี่ ผมอ่านงานเขียนของคนอื่นอย่างบ้าคลั่ง ( น้ำลายไม่ฟูมปากนะ )

นักเขียนในดวงใจผมมีห้าท่านครับ ขอเอ่ยชื่อเลยละกัน

1. คุณวินทร์ เลียววารินทร์ ชอบอ่านงานของแกแล้วก็ซื้อมาเยอะมาก เข้าไปในเว็บไซด์บ่อยๆ เคยเจอตัวจริงที่บู๊ทหนังสือ ซื้อเสร็จคนขายยุให้ไปขอลายเซ็นครับ แต่ว่าในหนังสือมีลายเซ็นอยู่แล้วเลยไม่ขอ ปล่อยแกแจกลายเซ็นคนอื่นดีกว่าครับ อ่านหนังสือแกจบแต่ละเรื่องแล้วถามตัวเองว่า สมองเขาเอาความรู้มาจากไหนมากมาย และเรา จะทำได้แบบนั้นไหม ?

2. คุณรงค์ วงศ์สวรรค์ อ่านไปพริ้วไปครับ สำนวนแกสุดยอดจริงๆครับ ไม่มีคำบรรยายใดๆนอกจากคำว่าพริ้วครับ

3. คุณชาติ กอบจิตติ แกเก่งครับ สองซีไรต์แล้ว ทุกเรื่องเข้าถึงสังคมทั้งสิ้น อ่านง่าย ชอบแกอีกอย่างตรงที่อยากให้คนไทยทุกคนรักการอ่านจนใช้กระดาษที่ราคาถูกลงพิมพ์หนังสือของแก ซื้อหนังสือแกมาเก็บเหมือนกัน โดยเฉพาะเรื่อง เวลา ที่เพื่อนยืมไปอ่านแล้วถึงกับ ตอนเช้ามารีบพาเราไปทำบุญที่วัดเพราะทนคิดถึงคุณยายไม่ไหว อ่านจนฝันเห็นคุณยายตัวเอง คุณชาติทำให้เพื่อนผมเปลี่ยนไปครับ นึกในใจว่า นักเขียนมีอิทธิพลต่อชีวิตของคนบางคน ดีจริงๆ ได้ข่าวว่าแกอยู่ไร่แถวๆปากช่อง ใกล้บ้านครับ แต่ไม่รู้อยู่ตรงไหน ใครรู้บอกด้วยนะครับ จะไปเยี่ยมแกสักหน่อย ( จะไปยืมตังค์ ^^) หลังจากอ่านหนังสือของแกแต่ละเล่มจบลง ต้องบอกตัวเองเสมอว่า ที่เขียนมาน่ะ จริงของเขา ( จริงของคนเขียน ก็คุณชาตินั่นแหละ )

4. คุณกนกพงศุ์ สงสมพันธ์ นักเขียนหนุ่มตลอดกาล อ่านแล้วชอบครับ ทุกเรื่องที่แกเขียนเหมือนอยากให้เราหันไปมอง

5. คุณฟีลิปดา พี่ฟีของเรานี่ล่ะครับ ชอบความมุ่งมั่นของแกมาก ที่จะพยายามกระตุ้นส่งเสริมให้พวกเราที่เข้ามาเป็นนักหัดเขียนใหม่ๆ เป็นที่พึ่งพวกเราครับ ทุกวันจันทร์พี่ฟีจะมาให้กำลังใจและข้อคิดเสมอ ดีใจที่โลกนี้มีพี่ฟีครับ ขอให้อุดมการณ์ดีๆแบบนี้ตอบแทนตัวของพี่ฟีเองให้มีความสุขความสำเร็จในงานเขียนของพี่ฟีต่อไป สาธุ...เพี้ยง !

 

17. ในช่วงหลังๆ จะเห็นว่ามีการจัดทีมนักเขียนมาเขียนด้วยกัน ถ้าสมมติว่า คุณมีโอกาสคุณอยากร่วมทำงานเขียนกับนักเขียนท่านใด และเพราะอะไระ? (เลือกได้ทั้งในและต่างประเทศเลยค่ะ)

อยากเขียนร่วมกับดาราหรือนางแบบสาวๆสวยๆที่อยากออกพ็อกเก็ตบุ๊คของตัวเองครับ ท่าทางคงจะมีความสุขพิลึก ล้อเล่นน่ะครับ ก็คงจะเป็นคุณชาติ กอบจิตติกับพี่ฟีนี่ล่ะครับ ดูจากอุดมการณ์ของทั้งสองท่าน คงจะช่วยแนะนำเราได้มาก ในขณะเดียวกัน เราก็จะเป็นตัวถ่วงความเจริญพี่ๆเขาได้มากเหมือนกัน ^^

18. คุณคิดอย่างไรกับการใช้พวกสัญลักษณ์อีโมกันในหนังสือ

ไม่รู้เหมือนกันครับ เฉยๆน่ะ

19. อะไรที่คุณอยากจะให้คำแนะนำ คนที่ปรารถนาอยากจะเป็นนักเขียนที่เขียนได้จบเรื่องบ้าง

ขยันครับ ขยันเยอะๆ ขยันอ่าน ขยันเขียน และอย่าเขว อย่าหวั่นไหว มีวินัย ( นักเขียนใหม่ๆจะมีวินัยดีนะ ผมว่า )

20. ช่วยเล่าเกี่ยวกับเรื่องที่จะเขียนต่อไปด้วยค่ะ

เรื่องต่อไปอาจจะต่อเรื่อง เลลา มิซานี ให้จบ เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เกี่ยวกับการนำตำนานและคำสอนมาบิดเบือน จะออกแนวสืบสวนหน่อยๆ ไอรักนิดๆ พระเอกเห็นแก่ตัว นางเอกจิตใจดีงามพยายามช่วยเหลือคนในพื้นที่ให้รักกันมากขึ้นและลดความหวาดระแวงซึ่งกันและกัน

หรือไม่ก็อาจขึ้นเรื่องใหม่ที่คิดไว้ เป็นเรื่องเกี่ยวกับเทวดาประจำตัวของคนแต่ละคน การหมั่นทำบุญทำนุบำรุงพุทธศาสนา การทำดี เป็นแนวแฟนตาซี ผสมกำลังภายใน บวกกลิ่นรักหน่อยๆ บู๊นิดๆ ทะลึ่งเล็กน้อยครับ ยังไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะทำได้ไหม

 

สุดท้ายนี้อยากจะบอกว่า รักเว็บนี้และเพื่อนๆในเว็บทุกท่านครับ

หลังจากสามารถเริ่มอ่านงานของคนอื่นมากๆแล้วเกิดร้อนวิชาอยากเป็นนักเขียนขึ้นมา สิ่งแรกๆที่ทำเลยคือค้นหาในกูเกิ้ล ใส่คำว่านักเขียนลงไป ตอนแรกไปเจอเว็บหนึ่ง ( ไม่ขอเอ่ยชื่อ ) ลองเข้าไปอ่านที่คนอื่นเขียน ปรากฏว่าเป็นเรื่องลามกทุกเรื่องเลย ก็เลยทนไม่ได้ อ่านทุกเรื่องจนจบหมดเลย ^^ ผิดหวังมาก ที่เราอยากเป็นนักเขียน แต่มาเจออะไรแบบนี้ เราเป็นคนอ่อนไหวในเรื่องแบบนี้เสียด้วย ( จะไม่ให้อ่อนไหวได้ไง เกือบทุกเรื่องเป็นเรื่องรักร่วมเพศทั้งนั้น ) ก็เลยเลิกค้น กะว่าจะไปหาซื้อหนังสือที่เป็นคู่มือมาอ่านเอา แต่ก็ไม่รู้จะซื้อเรื่องอะไร ตัดใจกลับมาค้นหาในกูเกิ้ลอีกครั้ง มาเจอเว็บฟอร์ฯนี่แหละครับ ถึงลงตัว สีชมพูหวานแหววเลย จำได้ว่าช่วงนั้นแรลลี่ห้าเพิ่งเริ่มไปไม่เท่าไหร่ รู้สึกเสียดายมากๆที่มาช้าไป แต่ก็ไม่ท้อ เพราะภาษาที่ใช้กันในกระทู้สุภาพมากๆมาตลอด ผมไม่รู้ว่า ทุกท่านสุภาพอยู่นานแล้วหรือว่า พอใครหยาบคายมาเซิฟเวอร์เขาลบทิ้งก่อนกันนะ ทุกคนที่เข้ามาในเว็บสุภาพบ่งบอกถึงภาวะของผู้ที่เจริญแล้ว และก็ช่วยเหลือกันดี ทำให้คนอยากเขียนนิยายยังอบอุ่นกันอยู่ในเว็บฯนี้อย่างต่อเนื่องครับ

ครั้งหนึ่งผมเคยมีความคิดว่า บางที คนที่เราชอบอะไรที่เหมือนๆกันน่าจะมาพบปะรวมตัวกันบ้าง ( เหมือนชมรมรถออฟโร้ด ) เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ ทำกิจกรรมร่วมกัน ได้รู้จักกัน ผมคิดฟุ้งซ่านไปเรื่อยเปื่อย เดาไปต่างๆนานาๆว่าคนนั้นต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้ วาดภาพแต่ละคนออกมาต่างๆนานาๆเลยล่ะครับ พี่ฟีอาจอายุมากแล้ว แต่เค้าโครงหน้ายังคงสวยเหมือนตอนสาวๆก็ได้ ตอนนี้แกถึงอ่อนหวานเหมือนแม่บ้านญี่ปุ่นที่อบอวลด้วยสีชมพูเหมือนหน้าเว็บ คุณสมาธิคงเป็นหนุ่มใหญ่หน้าตาดีแต่ท่าทางสำรวมเคร่งขรึม คุณบัดดี้คงเป็นสาวหมวยสวยหวานที่หน้าตาเอางานเอาการดี คุณมูล่าร์คงเป็นคนยิ้มง่าย ร่าเริง เธอคงยิ้มให้กระทั่งรถเมล์ที่วิ่งผ่านหน้าไป คุณพลอยคงเป็นสาวสวยเปรี้ยว สะพายกล้องถ่ายรูปได้ตลอดวันเหมือนคนพร้อมลุยอยู่เสมอ คุณพีคงเหมือนผู้ใหญ่แล้วและมุ่งมั่นเสมอกับทุกสิ่งที่ทำ คุณพีทคุง ( หายไปนานนะเฮีย ) คงเป็นหนุ่มใหญ่ที่ยิ้มอย่างใจดีทุกครั้งที่มีใครคุยด้วย คุณมะแมอาจจะยิ้มเหงาๆเมื่อเจอพวกเรา แต่เธอคงจะดีใจ คุณมะซ่าส์เองก็คงท่าทางคล่องแคล่วร่าเริงตลอดเวลา และคนอื่นๆ ก็คงเหมือนกัน คือยิ้มอย่างอบอุ่นและจริงใจ ทุกคนยิ้มเก่งและใจดี ( จริงไหมนะ )

แต่ก็นั่นแหละ หลายวันต่อมาผมกลับคิดว่า ไม่ดีกว่า การที่เราจะทำแบบนั้นคงไม่ใช่เรื่องสะดวกสำหรับใครหลายคน และก็กลัวว่า ที่วาดภาพไว้คงไม่ใช่แบบที่ฝัน ดังนั้น เราจึงควรเก็บความรู้สึกดีๆไว้ในใจ และแบ่งปันความรู้สึกนั้นต่อกันผ่านเส้นทางเดิมที่เคยมีมา เรารู้จักกันในเว็บฟอร์ฯ คิดถึงกันในนั้น พูดคุยช่วยเหลือกันที่นั่น ให้กำลังใจกันตรงนั้น ดังนั้น เราก็ควรจะเก็บความรู้สึกดีๆไว้ที่นั่นตลอดไป...

รักเว็บฟอร์ฯ รักเพื่อนๆทุกคนครับ

สามารถ....

 

 

 

:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:

 

ติดตามงานเขียนเรื่อง สายลับกลับใจรัก

ได้่ที่กระดานแรลลี ห้องหมายเลข 11 ค่ะ

:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+: 

อ่านสัมภาษณ์นักเขียนแรลลีท่านอื่น ๆ

 

 

 

 

 


 

.

ห้องมือใหม่
ห้องสร้างนักเขียน
การเขียนนวนิยายต่าง ๆ
Idea bank
ฝึกเขียนเรื่อง

ร้านหนังสือ

 

 
ฟรี E-book
 
 



 

  http://www.forwriter.com . © 2005 All rights reserved.