ตอบคำถามเพิ่ม คลิกที่นี่
 
  อยากเขียน : เงารักดอกไม้  
 
 

satanyim

24 พ.ย. 57
เวลา 8:50:54

พิมพ์
แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน
~1~
เงาลวงใจ หรือใจเป็นเช่นนั้น

ทิพยวิมานกลางแดนทรวง วจีลวงพึงรำพันดวงใจข้า
สรีหนึ่งลวงข้าแทบสิ้นใจกายา อีกสรีลาเร้นลับเพราะอ้ายศตรู
เจ้าโฉมตรูจากข้าไปนานวัน พี่เวียนวนหาเจ้าเฝ้าอาดูร
เมื่อสิ้นเจ้าพี่คงสิ้นใจไร้คู่ ขอตามดูแลเจ้าทุกภพชาติเอย.....


เจ้ากันดิศเจ้าอยู่ ณ แห่งหนใด กันดิศใยเจ้ามาเฝ้าทำเมินเฉย
เจ้ากันดิศอย่าให้รักอาภัพนักเลย โปรดเฉลยรักข้ามาอย่าช้านาน
เจ้ากันดิศข้าเจ็บเจียนหทัยดับ เจ้าลาลับไม่แลรักข้ามากี่ชาติ
เจ้ากันดิศโปรดเห็นใจทรมาน ขนานนามเจ้าแล้วใยเจ้าไม่มา


ชีวิตคนเรามันสั้นนัก กว่าเราจะค้นพบตัวเองอายุก็ปาไปป่านนี้แล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างเขาบอกว่ามันขึ้นอยู่กับกรรมครับ เอาละสวัสดีครับทุกท่านกาลนี้กระผมพัทธรินทร์ อ่านว่า พัด-ทะ-ริน นะครับ เอ้า! แปลให้ด้วยเลย...แปลว่า ความผูกพันที่ยิ่งใหญ่ขอรับกระผม...
กระผมจะตีแผ่เรื่องราวของตนเองให้ทุกท่านได้ทราบ...ทราบ กันว่าเป็นมาอย่างไรนะครับ ใครที่ไม่อยากทราบก็เลิกอ่านแล้วไปทำอย่างอื่นเถอะครับ หรือหยิบเรื่องอื่นมาอ่านก็ได้กระผมพัท (อ้อเรียกผมสั้นๆว่าพัทนะครับผมลืม
บอกไป...) ไม่เคยบังคับจิตใจของผู้ใดอยู่แล้ว
ผมเกิดมาในตระกูลที่มีฐานะหน่อย อาจจะไม่หน่อยก็ได้ถ้าทุกคนได้ยินนามสกุลนี้ จะครางออกมาเป็นเสียงเดียวกันเลยว่าอ้อ.... ตระกูลผู้ดีเก่าหรือที่เขาเรียกว่าไฮโซไฮซ้อนั่นแหละ ก็ตระกูลภูมิรัตนครับ
เมื่อตอนสมัยที่ผมเรียนอยู่...อืมมหาลัยแล้วกัน ช่วงที่เรียนมัธยมไม่มีอะไรสำคัญ มันปกติธรรมดาครับ..แต่หากช่วงนี้แหละครับสำคัญ
เรื่องมันเริ่มจากที่ผมเรียนมหาลัย ระดับปริญญาตรีปีสุดท้ายครับ ช่วงนั้นผมสับสนวุ่นวายกับความรู้สึกของตัวเอง
ถ้าจะถามว่าความรู้สึกอะไรนั่น เอ่อ..จะว่ายังไงดีละ ความรู้สึกทางเพศแล้วกันครับ
ผมรู้สึกว่าผมจะเป็นมนุษย์ประเภทผิดปกติ เป็นเพศที่สาม ความรู้สึกนี้เกิดได้ยังไงน่ะเหรอครับทั้งที่ผมบอกเองแท้ๆว่าช่วงมัธยมผมปกติธรรมดาเหมือนมนุษย์ผู้ชายทั่วไป ก็คงต้องบอกว่าเพิ่งค้นพบตัวเองมั่ง
นี้แหละครับมันถึงทำให้ผมหลงทาง พยายามเดินงมหาทางอยู่ตั้งนาน สุดท้ายก็ไม่หลุดพ้นสักที ผมคิดว่าตัวเองไม่น่าจะ
สับสนได้เลยทั้งๆที่ตั้งแต่เด็กผมก็ปกติ จนผมได้รู้จักกับเขา เอกมัย เขาเป็นผู้ชายที่ทำให้ผมมีความรู้สึกอย่างว่า... อย่างว่าก็อย่างว่าแบบนั้น แบบนั้นแหละครับพูดมากไม่ดีเดี๋ยวเด็กใจแตกครับ ฮ่ะๆๆๆ
ผมใช้ชีวิตแบบนี้มาเรื่อยๆ... เฮ้! อย่ามองผมด้วยสายตาแบบนั้นสิครับ ไม่ใช่อย่างที่คิดนะครับ หยุดคิดแค่นั้นเถอะ ถึงผมจะมีความรู้สึกว่าชอบผู้ชายด้วยกันที่บอกว่าใช้ชีวิตแบบนั้นมาเรื่อยๆหมายถึงอยู่กับความรู้สึกผิดเพศ ไอ้พากันถึงขนาดขึ้นเตียงนั่นไม่เคยเลยครับ อย่างที่บอกไปแล้วว่าผมสับสน หลงทางอยู่ครับก็เลยยังไม่ตัดสินใจอะไรไปสักอย่าง
ผู้คนเลยต่างพากันสงสัย ‘ไอ้นี่เป็นเกย์รึเปล่าวะ... ไอ้นี่เป็นตุ๊ดแน่เลย...’ เหตุนี่ผมจึงมีความคิดที่ว่าต้องหาใครสัก
คนซะแล้วที่จะมาลบข่าวเกย์ของผม เอาที่คนไม่พูดมาก ว่านอน สอนง่าย และไม่ต้องสวยหรอกเพราะผมไม่สนอยู่แล้ว
ขอให้ผมหล่อคนเดียวก็พอ
ประจวบเหมาะกับข่าวที่ว่าผมเป็นเกย์เข้าหูท่านแม่ผมพอดี ผมจึงไม่ต้องทำอะไรมากเลยครับ รอเวลานัดดูตัวเท่านั้น สบายเลยไม่ต้องไปแสร้งแกล้งแสดงจีบสาวให้เสียเวลา ให้รู้สึกกระอักกระอวน
ผู้หญิงคนแรกที่ผมนัดดูตัวด้วย อ่า..งง...งง..อะสิไม่ต้องงง ผมนัดดูตัวกะผู้หญิงหลายคน ไม่ใช่ผมเรื่องมากหรอกครับแต่ผมมีเหตุผลดังนี้...คนแรกเขาหน้าตาดีใช้ได้ครับผมชอบ แต่เธอก็ยังไม่ใช่คนที่ผมจะใช้มาลบข่าวเกย์ของผมเพราะ เธอเล่นนินทาผู้หญิงด้วยกันเองต่อหน้าผมไม่หยุดปาก ใครสวยกว่าเดินผ่านก็แหมว่าไปแล้ว
‘พี่พัทว่าไหมค่ะผู้หญิงคนนั้นไม่เห็นจะสวยเลย ยาว่ายา...สวยกว่าว่าไหมค่ะ โฮะๆๆ ’
แบบนี้ผมต้องหูชาตายแน่ๆ ไม่ก็เป็นบ้าตายไปซะก่อน ไม่ไหวครับ
ผู้หญิงคนที่สองคนนี้เขาชื่อหนูเล็ก ใช้ได้ทุกอย่างเลยครับ ยกเว้นข้อเดียว...ช้างเรียกพี่ โธ่ตอนแรกไอ้ผมก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอกครับ แต่พอเดินไปด้วยกันผมก็เกิดรู้สึกหวาดๆขึ้นมา เพราะไอ้ความคิดที่ว่าผมตัวเล็ก แล้วเขาระดับพี่ๆช้าง อยู่ๆวันหนึ่งเขาเกิดล้มตึง มาทับผมโดยไม่ได้ตั้งใจเข้า แล้วผมจะเป็นยังไงละครับ เป็นอย่างงี้ไง
เอ่อมันจะเกิดตอนรุ่งเช้าครับ แล้วมีเด็กส่งหนังสือพิมพ์ (เขาจะขี้รถอะไรมาส่งหนังสือพิมพ์ก็เรื่องของเขาครับไม่ต้องไปสนใจ) แล้วคุณก็หยิบหนังสือพิมพ์ของอะไรก็ได้ไม่ว่าจะข่าวสด ไทยรัฐ เดลินิวส์ ฯลฯ ครับมีให้เห็นทุกฉบับนั่นแหละ และไม่ต้องไปจ้องดูที่หน้าอื่นให้เสียเวลานะ จ้องไปที่หน้าหนึ่งเลยครับ แล้วจะมีข้อความตัวใหญ่ๆเด่นหลาอยู่อ่านแล้วได้ใจความว่า
‘หนุ่มไฮโซคนดังอักษรย่อ พ. แต่งงานแล้วได้สองเดือน แต่ประสบปัญหาเตียงหัก (ความหมายตรงตามคำ ไม่มีความหมายนัย) กับภรรยาสาวไซน์บึก เป็นผลให้ตนต้องเข้าไปหยอดน้ำข้าวต้มที่โรงพยาบาลชื่อดังแห่งหนึ่ง’

เอ่อ...ต่อไปคนที่สามครับ คนที่สองข้อเล่าแค่นี้แล้วกัน เกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้นผมว่าทุกคนคงพอจะเดากันได้ถูก คนที่สาม เอ่อคนนี้เธอชื่อวิตา ไม่รู้จะว่ายังไงดี แบบผมไม่เคยเจอผู้หญิงแบบเธอมาก่อน ผมอยากจะถามเธอว่า เธอเป็นคนเต็มตัวแน่หรือ ไม่ใช่ครึ่งผี ครึ่งคนหรอกนะ....
สรุปคนที่สามก็ยังไม่ใช่ เอ่ออะไรนะครับยังสรุปไม่ได้เหรอ สรุปเถอะครับผมไม่อยากพูดทำลายจิตใจของเขาไปมากกว่านี้แล้ว ขอร้องอย่าบังคับให้ผมพูดเลย ตกลงนะครับ
ผมยังโสด! ผมกลับมานั่งทำหน้าเซ็งๆ แล้วคุณท่านมารดายิ่งใหญ่เหนือเกล้าของผมก็พูดประชดประชันผมทันที
“เป็นไง ปิ๋วมาอีกละสิ เรื่องมากอะไรอีกละ ไหนบอกว่าไม่ต้องสวยหรอกครับไงละ พูดเสียดิบดี แล้วที่นี้เป็นไงถึง
กลับมานั่งทำหน้าบูดๆแบบนี้ได้”
“โธ่คุณหญิงแม่ครับ ลูกสาวเพื่อนคุณแม่แต่ละคน... มีแต่ค้างสต็อกทั้งนั้น”
ไอ้คำหลังนี้ผมลดเสียงพูดให้เบาลง
“อะไรนะว่าอะไร หน็อยเจ้าลูกคนนี้ ใครอย่างให้ครองตัวเป็นโสดจนอายุป่านนี้ละ ปาไปเท่าไรแล้วละ สามสิบสาม... ลูกสาวเพื่อนแม่คนดีๆสวยๆ เขาถูกหนุ่มๆอื่นจับจองเอาไปหมดแล้ว”
“ครับ ครับ...งั้นคราวนี้คุณหญิงแม่ไม่ต้องหาใครมาทาบทามให้ผมแล้วนะครับ ผมจะลองหาเองดูแล้วกัน ตกลงว่างี้นะครับ”
“ยะ...หาให้เจอนะคนที่ถูกใจนะ”
ว่าแล้วแม่ผมก็สะบัดหน้าเดินจากไป...
ถึงผมจะพูดไปแบบนั้นแต่ไม่รู้ว่าจะหาได้รึเปล่า ผู้หญิงดีๆ หน้าตาพอใช้ ยังโสด ว่านอนสอนง่าย เฮ้อ...คิดแล้วก็เหนื่อยครับ ขอผมพักสักยกแล้วกันนะครับ

สวัสดีค่ะทุกท่าน ดิฉันปองกานต์ (เป็นที่รัก เป็นที่หมายปอง) ปัญจพาณ์ (กามเทพ) ยินดีต้อนรับสู่เรือนไม้
รีสอร์ท ค่ะ ดิฉันเป็นเจ้าของเรือนไม้รีสอร์ทแห่งนี้เอง
เรียกดิฉันยัยปอง หรือ กานต์ ก็ได้นะค่ะจะได้ดูสนิทสนมกันยิ่งขึ้น เพราะทุกท่านจะได้ฟังเรื่องราวของดิฉันได้ราวกับฟังเรื่องเล่าจากเพื่อนที่สนิทของท่านคนหนึ่ง ตอนนี้อายุก็ปาไป ยี่สิบเจ็ดแล้วค่ะ เป็นโสดแล้วก็ใกล้จะขึ้นคานเต็มที นึกว่าชีวิตนี้คงต้องอยู่เป็นโสดตลอดชีพเสียแล้วละ
“ ปอง... ปอง...แกอยู่รึเปล่า?”
อ้าวแล้วใครมาเรียกดิฉันละเนี่ยไปดูกันดีกว่าค่ะ...
“อ้าวว่าไงยัยแป้ง นี่แกมาได้ไง ฉันคิดถึงแกจัง”
ที่แท้ก็ยัยปะแป้ง หรือยัยแป้งเพื่อนสนิทของดิฉันเองค่ะ ยัยแป้งมักจะแวะมาหาดิฉันบ่อยๆถึงแม้เจ้าตัวจะแต่งงานไปแล้วก็ตาม
“เฮ้ยแป้งแกเป็นอะไร ทำไมต้องร้องไห้”
จบคำพูดของดิฉันยัยแป้งก็โผเข้ากอดดิฉันทั้งน้ำตานองหน้า เป็นอะไรละเนี่ยเพื่อนเรา เฮ้อ...คงไม่พ้นเรื่องของพี่อาทิตย์แน่ๆ
“ปองฉันจะหย่า ฉันจะหย่า ฮื่อ....”
เอาแล้วไหมละ มาอีหรอบเดิมอีกแล้ว
“เออใจเย็นๆน่า...แกมีอะไรก็ค่อยๆพูด อย่าเอาแต่ร้องว่าจะหย่า จะหย่าสิ”
ดิฉันพูดขึ้นพร้อมกับยกมือขึ้นตบหลัง ยัยแป้งเบาๆ เพื่อเป็นการปลอบ ยัยแป้งให้หยุดสะอื้น แล้วพาไปนั่งอยู่ที่เก้าอี้ไม้หน้าเรือนพัก มีต้นแคแสดกำลังออกดอกเบ่งบานสีสันแสบตา เป็นร่มเงาให้อย่างดี และสามารถหลบไอแดดที่กำลังแผดเผาในยามเที่ยงวันตะวันตรงหัวเพะ แบบนี้ได้อย่างดีด้วยเช่นกัน
“แล้วตาหนูน้ำนิ่งกะ ยัยหนูน้ำใสของฉันจะทำยังไง ถ้าแกหย่ากับพี่อาทิตย์”
ดิฉันถามยัยเพื่อนรักไปด้วยความสงสัยไปพร้อมกับการเตือนสติ ยัยปะแป้งไปด้วย
“ฉันไม่รู้...”
แป้งพูดขึ้นพร้อมกับส่ายหน้าไปมาด้วยความสับสน
“ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้นฉันรู้อย่างเดียวว่าต้องหย่าเท่านั้น หย่าเท่านั้น แกรู้ไหมว่าฉันต้องหย่า...หย่าเท่านั้นปอง ฉันต้องหย่า”
“เฮ้ย! แกใจเย็นนะแป้ง เอางี้แล้วกันแกมาอยู่รีสอร์ทฉันสักสองสามวันให้สบายใจ ส่วนลูกแกก็ให้พ่อเขาดูไปก่อน
แล้วทีนี้แกค่อยคิดเรื่องหย่าอีกทีนะ แกคิดดีๆ นะ คิดถึงหน้าลูกๆเอาไว้ หลานฉันจะเป็นยังไงถ้าขาดพ่อหรือแม่คนใดคน
หนึ่งไป จะกลายเป็นเด็กมีปัญหาเอานา แบบนี้ฉันไม่ยอมเด็ดขาด...”
ดิฉันพูดขึ้นโดยไม่รู้จะเข็น ยัยแป้งให้ขึ้นมายังไงดี เพราะรู้นิสัยยัยเพื่อนคนนี้ดี คราวที่แล้วก็บอกว่าทะเลาะกัน เรื่องอะไรนั้นก็ไม่ยอมบอกให้ทราบเอาแต่ปิดปากเงียบ พอคราวนี้จู่ๆก็โผล่มาแล้วบอกว่าจะหย่าอีท่าเดียว ลองให้พูดแต่
จะหย่าๆ แบบนี้ยัยแป้งทำจริงแน่...
เฮ้อ...ชีวิตคนเรามันช่างวุ่นวายสับสนกันนัก เหมือนกับเดินหลงทางกันอยู่ในป่าลึก หาทางออกให้ตัวเองไม่เจอถึงหาทางออกได้ ก็เป็นทางออกที่แย่เต็มทน เหมือนยัยแป้งตอนนี้เลย ทางออกที่ยัยแป้งเลือกมันคงจะมาสุดทางแล้วจริงๆ
“อืม”
แป้งตอบรับพลางหันไปสะอื้นไห้ร่ำร้องถึงชาตาชีวิตของตนต่ออย่างหมดอาลัยตายยาก ดิฉันจึงลากยัยเพื่อนรักไปที่คอกม้าในไร่ทั้งที่แดดยังร้อนเปรียงๆ ก่อนที่อาการยัยเพื่อนรักจะแย่ลงกว่าเก่า
เฮ้อแต่พามาก็เท่านั้นดูท่ายัยแป้งให้อาหารเจ้าแบล็กทวินแล้ว อยากจะไปส่งมะเหงกลงบนขมอง ยัยบ้าให้หายอาการเลื่อนลอยซึมเศร้าเสียเต็มที ม้านะไม่ใช่ปลา ไปเอาอาหารปลาให้ทำไมดูเจ้าแบล็กทวินมันจ้องหน้าแกอย่างสงลัยแล้ว
“เฮ้ย ยัยแป้ง พอเลยมานี้เลย ให้ลุงชมแกให้อาหารม้างานของแกต่อดีกว่าส่วนแกมานี้ไหนๆก็ถืออาหารปลาแล้วมานี้”
ดิฉันพูดขึ้นพร้อมลากแป้งมาที่บ่อปลา แต่ให้ยืนห่างๆเดี๋ยวจะเหม่อจนได้เรื่อง ยิ่งยัยแป้งว่ายน้ำไม่เป็นอยู่ เฮ้อท่าทางจะเป็นหนัก
“พี่ทิต ไม่จริงใช่ไหมพี่ทิต พี่ไม่ได้เป็นแบบนั้นใช่ไหม...ฮึกๆ”
เฮ้อ...เอาอีกแล้วเพิ่งจะหยุดร้องไห้ไปหยกๆ ร้องอีกแล้ว แล้วไอ้พี่อาทิตย์นี่เป็นอะไรนักหนา เมื่อก่อนก็เห็นรักกันดีออก...
“พี่อาทิตย์เป็นอะไรเหรอแป้ง”
ยัยแป้งหันมามองหน้าดิฉันแล้วหันหน้ากลับไปมองบ่อน้ำต่อพร้อมกับส่ายหน้าไปมา...
“เฮ้อ...ไม่อยากบอกตอนนี้ก็ไม่เป็นไร แกพร้อมจะเล่าให้ฉันฟังตอนไหน ฉันก็ยินดีจะรับฟังเสมอนะเพื่อน”
พูดจบฉันก็ลาก ยัยแป้งไปที่เรือนไม้ ที่ห่างออกจากเรือนไม้หลังอื่นๆ
นั้นก็คือบ้านพักของดิฉันเอง ไม่รู้จะทำยังไงต่อไปดีแล้ว...ขอยอม
แพ้



เรื่องนี้แต่งนานแล้ว แต่ไม่จบสัดที T^T
 


  คำตอบที่ 1  
 

satanyim

24 พ.ย. 57
เวลา 8:53:59
ต้องขออภัย ลงผิดจะลงที่กระดานคนอยากเขียนกดผิดมาลงที่นี้ได้ไงก็ไม่รู้ ฮื่อๆ บุเป็นงี้ทุกที แง้วๆ ขอโทษจริง ๆ นะคะ
 


  คำตอบที่ 2  
 

Pearym

25 พ.ย. 57
เวลา 13:57:22
อ่านแล้วค่ะ
โดยรวมแล้วสนุกดีค่ะ น่าจะเขียนให้จบ

มีงง ๆ กลอนเปิดเรื่องหน่อยเดียว
แต่คิดว่าคงเกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องในตอนต่อ ๆ
แล้วก็การเรียงคำในประโยคทำให้อ่านแล้วแปลกๆ อยู่บ้าง เช่น

// งั้นคราวนี้คุณหญิงแม่ไม่ต้องหาใครมาทาบทามให้ผมแล้วนะครับ //
น่าจะเป็นแบบนี้ละเปล่าคะ
//งั้นต่อไปคุณหญิงแม่ไม่ต้องทาบทามใครให้ผมแล้วนะครับ //

^^
 


  คำตอบที่ 3  
 

satanyim

25 พ.ย. 57
เวลา 20:33:21
ขอบคุณค่ะ
 


  คำตอบที่ 4  
 

คุณพีทคุง

1 ธ.ค. 57
เวลา 1:20:20
สงสัยว่าสองคนนี้คงจะได้มาเจอกันนะครับ

เวลาโพสต์งานเขียนในเว็บ ถ้าเว้นบรรทัดว่างระหว่างย่อหน้า จะทำให้อ่านได้ง่ายขึ้นครับ ถ้ามันติดๆ กันหลายบรรทัดจะตาลายอ่านยากครับ
 


  คำตอบที่ 5  
 

satanyim

23 ธ.ค. 57
เวลา 19:30:25
ขอบคุณที่แนะนำค่ะ ^^
 




  เชิญกรอกข้อความเพื่อตั้งคำถาม  
  กรุณา login เพื่อตอบคำถาม