devina
1 ก.ย. 56
เวลา 21:54:57
พิมพ์
แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน |
สุดทางของหน้่าผาอันหมิ่นเหม่ ส้นเท้าสัมผัสได้ถึงขอบผาหินกว้างที่เม็ดหินร่วงหล่นสู่หุบเหวเบื้องล่างเป็นเศษเล็กเศษน้อย ลมหนาวพร้อมใจกันพัดเสียดทั่วร่างจนขนลุกชัน เสมือนมีเเรงดึงดูดบางประการที่พร้อมจะฉุดดึงกายลงไปได้ทุกเมื่อ ไม่มีทางไปนอกจากนี้อีกเเล้ว นอกจากจะมีปีกพาร่างอันสะบักสะบอมของตนเองหนีไป "เธอหนีไม่รอดเเล้วเมฆา เดชะฤทธิ์ " ถ้อยคำนั้นดังกึกก้องสะท้อนไปมาในหุบเหวราวกับตอกย้ำ "มีเเน่ ถ้านายล้มเลิกความตั้งใจที่จะไล่ตามตัวฉันซะ!" เธอกระเเทกเสียงกลับไปอย่างดุดัน เเละต่อจากนั้นก็ทำในสิ่งที่บ้าที่สุดเข้าให้เเล้ว เด็กสาวหันหลังให้ ชายหนุ่มผู้คุกคามเลิกคิ้วขึ้นสูงยังนึกไม่ออกว่าเธอจะทำสิ่งใด ดวงตาสีเทาสาดประกายตื่นเต้นขึ้นทันที ริมฝีปากบางเหยียดรอยยิ้ม เมื่อเห็นเด็กสาวเกร็งกำลังที่ขาจนพื้นหินจมเป็นรอยเเละดีดตัวทะยานขึ้นสัมผัสกับห้วงอากาศก่อนดิ่งลงสู่ธรณีเบื้องล่าง เมฆผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่เกร็งถึงขีดสุด สายลมเข้าเเล่นปะทะอย่างรุนเเรง ความเร็วในการตกทวีความเร็วขึ้นตามเเรงโน้มถ่วงของโลก ตาคมกริบเห็นที่หมายสุดท้ายชัดเจน คือมวลน้ำที่ไหลทะลักออกมาจากช่องเเคบๆที่ทั้งเร็วเเละเเรง ลำตัวเตรียมพร้อมพุ่งเคลื่อนที่ไปในน้ำ โดยการรวบขาให้ชิดกัน และเก็บศีรษะไว้ระหว่างแขนที่เหยียดตรง อดกลั้นลมหายใจสุดชีวิต ตูม! ราวกับทั้งร่างถูกบีบอัด รอบข้างเป็นม่านน้ำสีฟ้าใสเเต่ไม่สามารถมองทะลุขึ้นไปถึงด้านบนได้ ปลาหลากสีสันว่ายผ่านไปอย่างตระหนก ระดับที่ค่อนข้างสูงของหน้าผาทำให้เธอหล่นมาลึกพอสมควร ลึกจนเห็นเเนวปะการังเเละสาหร่ายสีเขียวที่พันกันยุ่งเหยิง หากเธอโดดตูมลงมาโดยไม่รู้จักพื้นที่มาก่อนก็อาจไม่รอดเพราะ ถ้าความลึกของธารน้ำสายนี้ไม่พอ เธอคงต้องตกลงมากระเเทกพื้นดับอนาถ ช่องเเคบเล็กๆที่น้ำทะลักออกมาเป็นทะเลใหญ่ เเละน้ำเค็มจะมาบรรจบกับเเม่น้ำที่ห่างออกไปไม่ไกล ความเร็วลดลงเเล้วเมื่อมองขึ้นไปยังเบื้องบนเห็นเพียงผืนน้ำทะมึนที่บัดนี้เชีี่ยวกราก เธอจะต้องขึ้นไปผจญกับมันอีกครั้งเมฆพยายามว่ายขึ้นให้เร็วที่สุดด้วยกำลังที่มีก่อนจะหมดลม เหมือนเห็นเเสงสว่างเล็กๆใกล้เเค่เอื้อม เมฆไขว่คว้าอากาศจากเบื้องบนสุดตัว ครั้นขึ้นมากลับพบท้องฟ้าสีเข้มเข้ามาเเทนที่เสียเเล้ว รายงานพยากรณ์อากาศของหนังสือพิมพ์เมื่อวานกล่าวว่าจะมีพายุเข้า เเล้วนี่เธอมาทำบ้าอะไรอยู่กลางน้ำกัน! เด็กสาวสูดลมหายใจลึกจนเต็มท้อง เเสงสว่างที่สังเกตุเห็นในตอนเเรกเป็นเพียงเพราะฟ้าเเลบนี่เอง ขอบฟ้าสวยถูกเเยกชั้นด้วยสีเเดงของพระอาทิตย์ที่ริบหรี่ลงเรื่อยๆกับชั้นของสีม่วงช้ำๆเหมือนรอยเเผลไม่นานมันถูกอาบกลืนด้วยสีเทาดำจนไม่เหลือเค้าเดิม ห่าฝนใหญ่เทกระหน่ำรัวลงมาเหมือนเขื่อนเเตกเมฆยกมือซีดๆบังใบหน้าของตนไว้ ปล่อยให้ร่างกายถูกกระเเสน้ำรุนเเรงพัดพาไปภาวนาไม่ให้ตนพลาดท่าจมหายลงไปกับคลื่นเสียก่อน ที่ริมผาเบื้องบน ชายฉกรรจ์หลายสิบคนยังคงมองด้วยความฉงนสนเท่ห์ต่างพากันกลืนน้ำลายกันเป็นเเถบๆอยู่เช่นนั้น "มันเป็นอมนุษย์ประเภทไหนกันเเน่ครับท่านวายุ ถึงบ้าดีเดือดได้ขนาดนี้คงไม่รอดเเล้วล่ะครับ"
ชายหนุ่มร่างสูงเดินตรงไปยังริมผา มือขาวเสยผมสีเงินที่ปรกใบหน้าขึ้นปล่อยให้สายฝนชโลมทั่วร่างในชุดสูทสีขาว ตาสีเทามองร่องรอยเท้าของเธอที่ยังเห็นเป็นร่องรอยชัดเจนว่าสามารถบดหินเป็นร่องลึกลงไปได้เล็กน้อย เขาตรวจสภาพหุบเหวเบื้องล่างธารน้ำไหลเชี่ยวที่ไม่เห็นเเม้เเต่เงาของสิ่งมีชีวิตใด อาจถูกกระเเสน้ำพัดพาไปอย่างรวดเร็ว พลังที่เห็นเเละความจงใจที่จะดระโดดลงไป คงยังไม่ตายง่ายๆ ดังนั้นไม่จำเป็นต้องงมหาศพในตอนนี้ "ไม่ว่ามันจะเป็นตัวอะไร เเต่มันเป็นผู้เกี่ยวพันกับการหายตัวไปของเรเวนมือขวาของฉัน สั่งการออกไปให้ออกสำรวจป่าดูดเลือดข้างล่าง หาถ้ำที่อาจเป็นที่ซ่อนตัวเเละต้นไม้สูงทุกต้นทีี่มันอาจจะขึ้นไป" "ป่านั่นค่อนข้างอันตรายนะครับ ถึงมันอาจจะใช้เป็นทางลัดในการหลบหนีได้ก็เถอะ"โฮปลูกน้องคนหนึ่งเอ่ยอย่างกังวล "ก็จริงเเต่ว่าคุณเรเวนน่าจะต้องการบอกความนัยบางอย่างที่เกี่ยวกับเด็กนี่" โรเบิร์ตชายร่างใหญ่ผิวคล้ำผู้เป็นมือซ้ายคาดเดา "ข้อความที่เขาทิ้งไว้ให้มีเเค่'ให้ระวังคนใกล้ เเละอย่าตามอมนุษย์นัยต์ตาสีมรกต'ข้อความหลังก็คือยัยเด็กนั่นที่ไวยังกับลิง เเต่คุณเรเวนยิ่งห้ามพวกเราก็ยิ่งสงสัย เพราะเธออยู่ในที่เกิดเหตุ จากบัตรนร.ของเธอนั่นเองที่นายพบว่าจมอยู่ในกองเลือดของเรเวนไม่ใช่หรือโฮป เรื่องนี้ต้องด่วนมากๆขนาดจำเป็นต้องส่งสารสั้นๆเเค่นี้มา" "เขาอาจจะอยู่ในสถานการณ์ที่ยังพูดอะไรไม่ได้มากในตอนนี้ ในวันที่ฉันถูกลอบฆ่าน่าเเปลกที่เป็นวันเดียวกันกับที่พวกตระกูลโนอาห์ก็เดินทางมาที่นี่ด้วย" วายุพยายามเชื่อมโยงทุกๆอย่างเข้าด้วยกัน "จุดมุ่งหมายของทุกคนมุ่งตรงมายังดินเเดนนี้ทั้งสิ้น อาจจะรวมถึงเด็กนั่นด้วยเธออาจเกี่ยวข้องกับพวกโนอาห์สินะครับ" โรเบิร์ตตั้งข้อสังเกต "ยังสรุปไม่ได้" "ข้อความดูขาดๆหายๆเหมือนรีบเขียน เเละในบัตรนร.นั่นเธอก็ไม่ได้มีดวงตาสีเขียว หากเรเวนไม่อยากให้พวกเราตามหาเธอ ทำไมต้องระบุด้วยว่าเธอมีตาสีเขียว" วายุเเละโรเบิร์ตหันมองโฮปที่หยิบบัตรในซองพลาสติคขึ้นมาดูอีกครั้ง "นั่นอาจสรุปได้ว่า ตามหาได้เเต่ไม่ใช่ตอนนี้สินะเรเวน ถอนคำสั่งเมื่อครู่ให้หมด ฉันเชื่อว่าเขากำลังหาทางในการยุติเรื่องราวทั้งหมด" วายุสรุปเสียงราบเรียบ ลมฝนปะทะที่โครงใบหน้าอันดุดัน ผมสีเงินเปียกลู่ระต้นคอ ชายหนุ่มเดินจากมาพร้อมกับ เหล่าคนนับร้อยที่ตัดสินใจล่าถอยลงจากหุบเขาลงสู่พื้นเบื้องล่างตามคำสั่ง ผาสูงชันยังคงถูกสายลมกระหน่ำรุนเเรงยิ่งขึ้น พายุฝนยังคงดำเนินต่อไปเเต่การไล่ล่าอาจจะหยุดลงเพียงเท่านี้ เเละเชื่อว่าจะต้องได้เจอเธออีกครั้งอย่างไม่นานเกินรอ เปลือกกล้วยถูกโยนทิ้งเรี่ยราดเป็นทางเพราะความหิวโหยตั้งเเต่ตะเกียกตะกายตนเองขึ้นพ้นมาจากกระเเสน้ำเชี่ยว ชายฝั่งของที่นี่เธอไม่รู้เเล้วว่ามันคือที่ไหนรู้เพียงว่าหากไม่ขึ้นฝั่งเสียที่นี่ก็คงคนอืดอยู่ในน้ำ เธอถูกกระเเสน้ำที่ไหลเร็วรุนเเรงพัดพามาไกลพอสมควรจนเรียกได้ว่าไม่ได้ออกเเรงทำอะไรนอกจากคอยควบคุมลมหายใจเวลาที่คลื่นน้ำรุนเเรงซัดใส่จนจมลงไป จนมาถึงฝั่งที่เป็นดินปนทรายยวบยาบเเห่งนี้ เมื่อเดินมาหน่อยเท้าเปลือยเปล่าจึงได้สัมผัสกับพื้นดินร่วนที่เปียกชุ่มของป่า ขึ้นฝั่งมีต้นของผลไม้นานาชนิด รวมถึงกล้วยน้ำหว้าสุกงอมที่พอประทังความหิวในตอนนี้ได้ เด็กสาวเบาใจเมื่อเห็นสัตว์ที่ตนคุ้นหน้าคุ้นตาอยู่เต็มไปหมดเหล่าลิงกระโดดโหยงเหยงส่งเสียงต้อนรับผู้มาเยือน เมฆขำเมื่อเห็นงูเหลือมคลานเยื้องย่างอืดอาดขึ้นไปบนต้นไม้ เจ้าลิงที่ใช้เงาไม้ใหญ่หลบฝนอยู่เพิ่งสังเกตเห็นเจ้างูมันร้องเสียงดังระงมกระโดดหลบเเทบไม่ทัน เเละภายในโพรงไม้ยังมีดวงตาของสัตว์ต่างๆอัดเเน่นอยู่เต็มไปหมด ฝนครานี้หนักพอสมควร เเต่ลักษณะอันเเปลกของต้นไม้ที่นี่กลับสามารถใช้กำบังลมฝนได้เป็นอย่างดี เพราะกิ่งไม้ที่เเตกก้านสาขาออกมา มีลักษณะดัดโค้งเป็นโครงใหญ่เสมือนร่มขนาดยักษ์อีกทั้งยังมีใบไม้หนาสีม่วงขึ้นปกคลุมอย่างหนาเเน่น เมฆเด็ดใบไม้ใบยักษ์มารองน้ำฝนดื่มอย่างกระหาย เมื่อกี้เธอกินน้ำเค็มๆในลำธารไปหลายอึกจนเเสบคอไปหมด เมฆโยนเปลือกกล้วยสุดท้ายทิ้งไป นึกปลงกับสัมภาระของใช้ของตนที่ทิ้งไว้ยังที่พักเเรมสุดท้ายก่อนถูกตามเจอ เธอถอนหายใจไล่ระบายความกลัดกลุ้มทิ้งไป ว่าจะขึ้นไปหลบฝนยังต้นไม้ใหญ่เเละอาศัยนอนบนนี้เสียเลย ฟ้ามืดเป็นอุปสรรคใหญ่หลวงต่อการเดินทาง ที่นี่ไม่ใช่เขตเเดนของมนุษย์อีกเเล้ว รอเช้าค่อยเดินทางต่อยังไม่สาย เด็กสาวคว้าได้ท่อนไม้ยาวๆเหมาะมือมาท่อนหนึ่งใช้มีดพกที่เก็บไว้ในเสื้อเเจ๊กเกทเหลาปลายของมันจนเเหลมใช้ได้ เเละเกร็งกำลังขาดีดตัวขึ้นไปยังต้นไม้ใหญ่ได้สำเร็จ เวลาดึกสงัดเมฆรู้สึกนอนไม่หลับ มือกำหลาวไม้เเน่นไว้ทั้งคืน มีบ้างที่งูขึ้นมาอาศัยหลบฝนบนนี้เช่นกัน เเละเธอก็ใช้หลาวนั่นเหวี่ยงมันลงไปเบื้องล่างหลายตัวเเล้ว น่าเเปลกที่ดวงตาของเธอมองเห็นได้ดียิ่งนักในความมืด ความพร่าเลือนของสายฝนไม่เป็นอุปสรรค ถึงพายุฝนเช่นนี้จะสามารถดำเนินไปตลอดทั้งคืนก็ตาม ร่างกายของเธอปรับตัวได้ดีกับความหนาวเย็นที่เเล่นปะทะ เด็กสาวสังเกตเห็นดวงตาสัตว์หลายๆคู่ซุกซ่อนอยู่ตามพุ่มไม้เบื้องล่างดวงตาหลากสีชุกชุมขึ้นเรื่อยๆ เธอเริ่มรู้สึกตัวว่าตนเองไม่ได้อยู่ร่วมกันกับเหล่าสัตว์ป่าที่ดูไร้พิษภัยเหล่านี้เท่านั้น ก็ตอนที่มันได้เยื้องย่างออกมาจากป่าลึก เหล่าสัตว์ทั้งหลายเหมือนถูกเขย่าประสาท เมื่อเสียงขู่คำรามของมันดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เเค่ภายในเวลาไม่กี่วินาทีพวกมันกระโจนหายเข้าไปในป่าที่ลึกขึ้น ทิ้งเธอไว้เพียงลำพัง "ตัวบ้าอะไรกัน" เธอพึมพำ ปรับลมหายใจเเผ่วเบาอัติโนมัติ ความกลัวเข้าเกาะกุมจิตใจ ไม่กล้าเเม้ขยับตัว เเต่ก็อยากกระโจนหนีไปดั่งเช่นสัตว์อื่นเพื่อไปให้พ้นจากตรงนี้เสียให้ได้ ไอตัวนี้จะเป็นสิ่งใดก็ตามเธอรู้เพียงว่ามันกิน'เนื้อ' ก็ตอนที่เมือกเขียวที่เยิ้มออกจากปากนั้นปนกับเลือดเเละเศษเนื้อย้อยลงมาเป็นทางก่อนที่มันจะทำการสำรอกเอาเศษกระดูกออกมาจากท้องติดซี่โครงของมัน ระดับความสูงที่เธออยู่ทำให้มันไม่สังเกตเห็นเธอ ปากยื่นๆที่มีเขี้ยวเหมือนใบเลื่อยมีรอยคราบเลือดกรังเเสยะยิ้ม ตาของมันสีเหลือง เป็นขีดเหมือนตาจระเข้ไม่ก็งู หากเเต่ร่างกายของมันมีเเขนขาเหมือนมนุษย์ไม่มีผิด มนุษย์ที่มีผิวหนังสีเขียวขึ้นลายเกล็ด! มันเเลบเลียริมฝีปากด้วยลิ้นยาวสีเหลืองที่มีลายจุดๆสีน้ำเงินไปมาอย่างน่าสยอง ตัวประหลาดนั่งคุกเข่าก้มตัวลงเอามือล้วงไปยังโพรงไม้ใหญ่ด้วยมือเขียวๆที่มีกงเล็บเเหลมล้วงลึกเข้าไปในโพรงได้คอของเเมวป่าตัวหนึ่งออกมา มันดิ้นพราดไปมาเช่นนั้นในอุ้งมือ สิ่งมีชีวิตประหลาดอ้าปากออกกว้าง ฟันที่เหมือนใบเลื่อยเเสยะออก เผยให้เห็นลิ้นเหลืองจุดน้ำเงินอีกครั้ง ความหิวกระหายทำให้มันงับจมเขี้ยวกระชากเนื้อสดๆออกมาจนขาดวิ่นอย่างรวดเร็ว เครื่องในสีเเดงร่วงผล็อยตกลงสู่พื้น เธอไม่อยากนึกเปรียบเทียบลิ้นของมันกับผิวหนังตุ๊กเเกในเวลานี้นักหรอกเเต่ภาพของมันกำลังเเล่นในสมองของเธอเข้าเต็มๆ อยากจะออกวิ่งหนีไปให้ไกลเกลือเกิน เเต่ขาเเละเเขนเจ้ากรรมดันชานิ่งจนขยับไม่ได้ ภาพของสัตว์ต่างๆก็เเล่นผ่านเข้ามาอีกครั้งฝูงลิงเริงร่าที่เห็นในคราเเรกหนีด้วยความหวาดกลัวจนหัวซุกหัวซุน คราวนี้มันพยายามล้วงเข้าไปในโพรงอีกไม่ทันสังเกตเมฆที่จับหลาวในมือขึ้นมา เกร็งกำลังไปที่เเขนจนเส้นเลือดปูด เห็นกล้ามเนื้อที่ขยับได้ราวกับมีชีวิต ออกเเรงขว้างจนลำไม้พุ่งตรงเสียบทะลุกระโหลกศีรษะของมัน สิ่งที่ไม่คาดคิดที่สุดเกิดขึ้น มือเขียวเพียงดึงหลาวไม้โยนทิ้งไปเท่านั้น เเละเเหงนหน้ามองไปยังทิศทางที่หลาวพุ่งตรงออกมา ตาสีอัมพันสาดประกายกร้าว ลิ้นสีเหลืองเเลบเลียไปมาอย่างรวดเร็ว เธอกัดริมฝีปากเเน่น บดกรามขึ้นเป็นสัน สมองที่หน้าจะกลายเป็นจุดอ่อนของสิ่งมีชีวิตเเต่กลับใช้ไม่ได้กับเจ้าตัวนี้ "ไม่ได้เห็นมนุษย์ที่ป่าเเห่งนี้นานเท่าไหร่กันนะ" เสียงเเหบพร่าน่าขนลุกเอ่ยออกมาอย่างยากลำบาก หัวที่ทะลุเป็นรูมีเมือกเขียวๆปนกับของเหลวสีดำที่น่าจะเป็นเลืิอดพุ่งออกมาเหมือนกับน้ำพุเเต่สามารถพูดภาษามนุษย์ออกมาได้ "เเกเป็นมนุษย์กลายพันธ์ุงั้นเหรอ" เด็กสาวกระโดดลงมาเบื้องล่าง เเต่เว้นระยะห่างจากมันพอสมควร "เรียกข้าว่า 'คิเมร่า' ส่วนหนึ่งของความล้มเหลว ของโปรเจ็คลิงค์" มันพยายามพูดต่ออย่างยากลำบาก "การเอามนุษย์มาดัดเเปลงร่างกายด้วยการยัดเยียดDNA สกัดของสัตว์ไม่ใช่การ'ถ่ายเลืิอด'ของอมนุษย์เข้าสู่ร่างเเบบมนุษย์กลายพันธ์ุ หรือเป็นมนุษย์ที่มีพลังเเฝงโดยกำเนิด เเต่เป็นการดัดเเปลงมนุษย์ให้มียีนผ่าเหล่า นั่นเเหละโปรเจ็คลิงค์" "เพราะมีโอกาสสำเร็จมากกว่าการถ่ายเลือดเป็นไหนๆเเละทำให้มนุษย์สามารถมีพลังที่ทัดเทียมกับพวกอมนุษย์" "หลงมารู้เรื่องสำคัญเข้าเเล้วสินะ" เด็กสาวเเทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน "พลังฟื้นฟูของคุณสูงมากทีเดียว" "ใช่ก็เห็นเเล้วนี่ว่าข้าไม่ตาย" "ให้ตายเถอะ ทำไมคุณไม่ทำร้ายฉันเเละยังใช้เสียงเเหบๆนั่นพูดไม่หยุดตั้งเเต่เราเจอกัน" "ข้าฆ่าเเต่สิ่งที่ถูกตั้งโปรเเกรมว่า'ฆ่าได้'เท่านั้น ความเป็นมนุษย์ของข้ายังไม่หายไปข้าไม่ได้เห็นมนุษย์มานานหลายปีดีดัก ความรู้สึกที่อยากจะเเบ่งปันเรื่องราวกับเพื่อนร่วมเผ่าพันธ์ุจึงมีเป็นธรรมดา" "คุณหมายความว่ายังไงที่ คุณคือความล้มเหลว ถึงร่างคุณเป็นเเบบนี้ เเต่เราคุยกันรู้เรื่อง" ถือว่าสมบูรณ์ทีเดียวถึงจะเว้นที่รูปลักษณ์ภายนอกก็เถอะ "มีพวกร่างสมบูรณ์ที่เเข็งเเกร่งกว่าฉันมาก อย่าใส่ใจข้าจะพาออกจากป่านี่เเล้วอย่าหลงมาอีกล่ะ" มันเเสยะยิ้มให้ เเค่เห็นเขายิ้มเธอก็นึกกลััวเเล้ว เเต่เด็กสาวไม่มีทางเลือก มนุษย์ยังคิดฆ่ามนุษย์ด้วยกันหากเธอต้องถูกคิเมร่าตนนี้ฆ่าก็สุดเเล้วเเต่เวรกรรม เมฆกล่าวขอบคุณเขา
สถานการณ์พลิกตาลปัตรจากหน้่ามือเป็นหลังมืออย่างคาดไม่ถึงด้วยความช่วยเหลือจากคิเมร่า ในยามราตรีเช่นนี้นั่นเองที่เมฆได้เรียนรู้เส้นทางของป่าเเห่งนี้เเละจดจำมันได้เเม่นยำ เธอค้นพบว่าป่าเเห่งนี้มากด้วยอันตรายก็จริงทว่ามีเส้นทางที่ปลอดภัยซุกซ่อนอยู่มากมาย ที่นี่เป็นรอยต่อที่สามารถพาไปสู่ดินเเดนอื่นๆได้อีก รวมถึงดินเเดนเป้าหมาย เขาพาเธอหลบหลีกคิเมร่าอันตราย เข้าสู่ทางลัดในArea 90ที่หมาย เพื่อมุ่งหน้าสู่เมืองมอนเนอร่าใช้เวลาเพียง 4ชม.ในการเดินทางเท่านั้น หากเดินทางด้วยเส้นทางปกติเธอจะต้องใช้เวลาถึง 1 วันในการเดินทาง การเดินทางจบลงที่รุ่งสางของวันใหม่ที่เส้นขอบฟ้าสีส้มทองพาดผ่านเป็นริ้วงามจับตา ฝูงนกบินส่งเสียงระเบ็งเซ็งเเซ่ หลังจากใช้เวลาเดินเท้ามาเต็มที่จนมาถึงทางออกสู่ป่านั้นเอง "หากนายสามารถกลับมาเป็นมนุษย์ธรรมดาอีกครั้งได้จะว่ายังไง" เมฆถามเล่นๆในระหว่างทาง "ข้านะตอนที่เป็นมนุษย์เคยเป็นครูมาก่อน" เขากล่าวด้วยเสียงเเหบๆเช่นเดิม เเต่ความอยากจะถ่ายทอดเรื่องราวของตนมีมากกว่าจึงพูดเจื้อยเเจ้วไม่ยอมหยุดถึงจะบ่นว่าเจ็บคอก็ตามที "ถ้าข้าได้กลับไปทำเเบบเดิมได้ก็คงดี ความทรมาณที่ต้องถูกดัดเเปลงน่ะข้าลืมมันไปเเล้ว เพราะนั่นเป็นความต้องการของข้าเองในตอนนั้นเพื่อเงินตรามหาศาล เเต่ก็ถูกหลอก" "ใครกันที่ทำเรื่องเเบบนั้น" "เจ้าของโปรเจ็คนี้เป็นมนุษย์ที่ตาขวาบอดข้ารู้เเค่นั้น"
เมฆบอกลาคิเมร่าตนนั้น เเต่ความคลุมเครือของเรื่องราวยังคงเเล่นเข้าเกาะกุมจิตใจไม่ยอมปล่อย เธอมองสุดสายตาเมื่อเขาเดินลับหายเข้าไปในป่าลึก เมื่อเห็นว่าคิเมร่าตนนั้นเดินหายลับไปเเล้วเหล่าฝูงลิงกระโดดโลดเต้นส่งเสียงเจีี๊ยวจ๊าวมันโยนกล้วยส่งให้เธออย่างมีไมตรี เมฆรับมาเเค่เท่าที่กินไหว ป้ายบอกทางสู่ประตูเมืองอยู่ไม่ไกลจากนี้เท่าไหร่นัก เท้าเปลือยเปล่ายังคงก้าวต่อไปเบื้องหน้าไม่หยุดยั้ง |