ตอบคำถามเพิ่ม คลิกที่นี่
 
  เวรกรรมแห่งการล่วงละเมิด  
 
 

sogood197

12 ส.ค. 56
เวลา 14:31:19

พิมพ์
แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน
เชื่อว่าคนที่ทำงานเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญาก็คงกังวลเรื่องนี้เป็นพิเศษ นักเขียนหลายคนก็คงหวาดกังวลการถูกล่วงละเมิด แม้นตัวผมเองก็ยังประหวั่นอยู่บ้าง แต่ด้วยความเชื่อใจและไว้ใจในธรรมของผม มันก็สามารถลบความประหวั่นพรั่นพรึงในใจให้คลายลงได้ นักเขียนทุกคนเมื่อถูกล่วงละเมิดสิทธิ์ในผลงานอันเป็นที่รัก นั้นเสมือนพ่อแม่ที่หัวใจสลายเมื่อเห็นบุตรสาวอันรักยิ่งถูกย่ำยีซึ่งพรหมจารี แต่พ่อแม่ซึ่งมีปัญญาแล้วจงกล่าวกับอภิชาตบุตรสาว ว่าพุทธธรรมนั้นจะช่วยปกป้องลูกจากการถูกย่ำยี

การที่ผมถือศีลแปดทุกวัน และถืออย่างเคร่งครัดมาหลายปีดีดัก มันคงเป็นเกราะป้องกันการถูกละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาสำหรับผม เพราะว่าผมไม่เคยล่วงละเมิดใคร..ผมจึงไม่ถูกล่วงละเมิด เพราะว่าผมไม่เคยกระทำบาปกับใคร..ผมจึงไม่ถูกใครมากระทำบาปกับผม แต่อย่างไรเสียจะไว้ใจเต็มร้อยไม่ได้หรอก แม้นปัจจุบันชาติเราจะไม่ได้กระทำบาป แต่ชาติปางก่อนปางใดเราก็ไม่มีวันจะล่วงรู้ แต่เราต้องปล่อยวางเสียให้ได้ เพราะเวรกรรมจากชาติปางก่อนเราไม่สามารถกลับไปแก้ไขได้ เพราะฉะนั้นเราจึงควรมีสติอยู่กับบุญกุศลในปัจจุบันกาล

จริงๆแล้วการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาถือเป็นบาปอย่างร้ายแรง ถือเป็นการผิดศีลข้อสองอย่างร้ายแรง การลักขโมยวัตถุเงินทองก็ว่าบาปหนาแล้ว แต่การลักขโมยปัญญานั้นถือเป็นบาปหนายิ่งกว่านัก เพราะว่าปัญญานั้นเป็นสิ่งที่สูงส่งระดับจิตวิญญาณ หากใครกระทำการลักขโมยปัญญา..ไฟนรกจะโหมผู้นั้นอย่างแน่นอน

อันที่จริงศีลข้อสองนั้นละเอียดอ่อนมาก แม้เป็นการดักฟังหรือการแอบถ่าย แม้แต่การซื้อของก๊อบปี้ หรืออื่นๆอีกหลายประการ ก็ถือเป็นการผิดศีลข้อสองทั้งหมดทั้งสิ้น ที่ผมแจกแจงมาทั้งหมดนี้ ไม่ได้เป็นการขู่ให้กลัวแต่อย่างใด แต่มันคือความสัตย์จริงทั้งหมดทั้งสิ้น ...เพราะว่าพระพุทธเจ้าไม่เคยโกหก พระเยซูไม่เคยโกหก นบีมุฮัมมัดไม่เคยโกหก และทุกศาสนาในโลกก็ไม่เคยโกหก เพราะทุกศาสนาในโลกนี้ล้วนต่างห้ามการลักขโมยด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
 




  เชิญกรอกข้อความเพื่อตั้งคำถาม  
  กรุณา login เพื่อตอบคำถาม