ตอบคำถามเพิ่ม คลิกที่นี่
 
  พูดถึงเรื่อง ทะเล  
 
 

PK

24 มิ.ย. 55
เวลา 21:22:11

พิมพ์
แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน
ฉันยืนอยู่ที่ริมชายหาดในเวลาเย็น ตัดสินใจถอดรองเท้าผ้าใบที่สวมใส่อยู่ ก่อนจะย่ำเท้าเปล่าลงบนผืนทรายอุ่นๆจากการถูกอบด้วยแสงแดดมาตลอดทั้งวัน ความรู้สึกยามเม็ดทรายแทรกผ่านเท้าเปล่าๆนั้น ราวกับว่ามันกำลังขัดเท้าฉันจนสะอาด ฉันยังอยู่ที่ชายหาด มองไปยังทะเลที่สายลมพัดพาจนเกิดคลื่นมากระทบที่ริมหาด ดวงอาทิตย์สีแดงที่ดูอบอุ่นตอนนี้เหมือนกำลังถูกจุ่มลงไปในทะเล และอีกไม่นานก็คงจมหายไป
คลื่นที่สาดเข้ามาบนชายหาด ทำให้ผืนทรายเปียกและทำให้มันละเอียดเหมือนปูนที่ฉาบผนัง เมื่อก่อนฉันจำได้ว่า เคยมาที่นี่แล้วหยิบกิ่งไม้แถวๆนั้น เอามาขีดบนผืนทรายที่เปียกจนเกิดเป็นคำตลกๆ แล้วคลื่นทะเลก็จะลบมันหายไปในภายหลัง ฉันเดินจากหาดทรายแห้งๆ ไปบนผืนทรายเปียกๆ ด้วยน้ำหนักและด้วยผืนทรายที่ชุ่มน้ำ ทำให้เกิดรอยเท้าไปตามทุกที่ที่ฉันเดิน เมื่อก่อนตอนเป็นเด็ก ฉันจำได้ว่าไม่เคยเดินบนหาดทรายหรือทะเลด้วยเท้าเปล่าเลย ฉันจะใส่รองเท้าแตะเสมอเพราะกลัวว่าจะไปเหยียบโดนแมงกะพรุนที่ลอยมาเกยตื้นที่ฝั่ง ถึงมันจะตายแล้ว แต่พิษสงไม่ได้ตายไปพร้อมกันมัน โชคยังดีที่ฉันยังไม่เคยมีประวัติถูกพิษแมงกะพรุนเลยสักครั้ง
ฟ้าบนหัวฉันค่อยๆกลายเป็นสีน้ำเงินเข้มขณะที่ฉันเดินแช่น้ำไปเรื่อยๆ รู้สึกว่าแร่ธาตุของน้ำทะเลจะทำให้เท้าของฉันสะอาดโดยที่ไม่ต้องกลับไปใช้แปรงขัด ฉันเคยได้ยินว่าทะเลสามารถรักษาโรคผิวหนังได้ และยังรักษาแผลได้ด้วย ฉันคิดแล้วก็มองแผ่นฟ้าจากด้านหัวและไล่ลงมา มันเหมือนการไล่สีจากน้ำเงินเข้มมาเป็นฟ้าอ่อน ตัดกับสีชมพูของดวงอาทิตย์ที่จมลงไปเกือบมิดน้ำทะเล อีกไม่นานดวงอาทิตย์ก็จะหายไป และเวลาจะแปรเปลี่ยนเป็นช่วงกลางคืน ดวงจันทร์จะขึ้นมาทำหน้าที่แทน ดวงจันทร์ฉายแสงสีขาวอ่อนๆ แต่ไม่อาจจะทำให้ทะเลมืดมิดสว่างได้ ทำได้เพียงแต่เปล่งแสงสีขาวบริสุทธิ์ ให้คนที่นอนไม่หลับ ตื่นขึ้นมาชื่นชม
ท้องฉันร้องแล้ว เมื่อกลับไปที่โรงแรมคงมีคนเตรียมอาหารไว้ให้แล้ว แต่ฉันยังไม่อยากละทิ้งบรรยากาศริมทะเลนี้ไป ในที่สุดเวลาช่วงกลางคืนก็มาถึง ฟ้ามืดลงจนสนิท ฉันเมียงมองออกไปยังผืนทะเลที่กว้างไกล เห็นแสงสีเขียวอ่อนๆของเรือชาวประมง ฉันได้ยินว่าพวกเขากำลังจะจับปลาหมึกกัน พูดถึงปลาหมึก ฉันไม่ค่อยจะชอบกินเท่าไหร่นัก จึงหวังว่าอาหารมื้อค่ำคงจะไม่มีปลาหมึก แต่ก็ไม่แน่ เพราะเพื่อนที่มาด้วยกันอาจจะชอบ
ชายหาดมืดแล้ว และตามโรงแรมก็เริ่มเปิดไฟสว่างไสว ฉันหันหลังเพื่อที่จะเดินกลับที่พัก ดูเหมือนฉันจะเดินมาไกลพอควร คงจะชื่นชมดื่มด่ำบรรยากาศริมทะเลมากไปหน่อย ฉันได้กลิ่นของทะเลมาตลอดทาง เท้ายังคงเปียกน้ำ คิดได้ก็ขอบคุณธรรมชาติและรู้สึกยินดีจริงๆที่ได้มาที่นี่ พรุ่งนี้ตอนเช้า ฉันอาจจะมาที่นี่อีกเพื่อดูดวงอาทิตย์ขึ้นจากผิวน้ำ ฉันยังคงเดินต่อไปเรื่อยเปื่อย จนไม่นานก็เจอที่พักของฉัน ฉันเดินจากทะเลขึ้นไปบนหาดทรายแห้ง สวมใส่รองเท้าที่ถอดไว้ ไม่รู้ทำไมฉันถึงทิ้งไว้ตรงนั้นโดยไม่กลัวว่ามันจะถูกขโมย แต่มันก็ไม่ได้ถูกขโมยจริงๆ
ฉันล้างเท้า อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าและพบว่าเพื่อนๆของฉันทุกคนรอฉันไม่ไหว และไปกินข้าวกันแล้ว ฉันตามพวกเขาไปและบอกเล่าถึงความรู้สึกยามที่เดินไปบนชายหาด การถอดรองเท้านั้นเหมือนกับการปลดปล่อยอิสระ และการเดินลงไปทะเลทำให้ฉันรู้สึกสัมผัสกับธรรมชาติ เป็นความรู้สึกที่ดีจริงๆ คนเรานั้นในชีวิตประจำวันไม่ได้สัมผัสกับธรรมชาติเท่าใดนัก เพราะไม่มีเวลา จะต้องไปทำงานนู่นนี่ จนสายตัวแทบขาด ฉันคิดว่าคนเราควรจะปลีกวิเวกบ้าง ไม่ใช่หมายความว่าจะทำให้ตัวเองต้องขี้เกียจหรอก แต่การได้สัมผัสกับธรรมชาติโดยตรงนั้น ทำให้เหมือนร่างกายได้รับการชะล้าง
กินกันเสร็จแล้ว ฉันก็เข้านอนในห้องพักกับเพื่อน ส่วนหนึ่งคงออกไปเที่ยวเพราะพวกเขาเป็นพวกตะลุยราตรี แต่คนชอบธรรมชาติอย่างฉันคงไม่ไปร่วมวงไพบูลย์ด้วย ฉันตั้งใจแน่วแน่ว่าจะรีบนอน และพรุ่งนี้เช้าฉันจะตื่นเป็นคนแรกเพื่อไปดูดวงอาทิตย์ขึ้น พรุ่งนี้ก็จะกลับแล้ว ดวงอาทิตย์เมื่อมองจากที่ไหนก็คงเหมือนกัน แต่เฉพาะที่ทะเลแห่งนี้ที่ไม่เหมือนที่อื่น ฉันรู้สึกว่าเมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น หมายถึง ฉันก็ยังคงมีชีวิตอยู่ต่อไป
 




  เชิญกรอกข้อความเพื่อตั้งคำถาม  
  กรุณา login เพื่อตอบคำถาม