ตอบคำถามเพิ่ม คลิกที่นี่
 
  ชีวิตคือ...บทละคร  
 
 

กร

29 ต.ค. 54
เวลา 15:23:31

พิมพ์
แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน
ชีวิตคือบทละคร
ช่วงนี้ของชีวิต หากไม่มีธุระจำเป็นจริงๆ ก็จะไม่ออกเดินทางไปต่างจังหวัด เพราะจำต้องจมอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ภายในห้องแคบๆ คร่ำเคร่งอยู่กับงานเขียนบทละคร แต่หากจิตตกจนถึงขั้นหมดกำลังใจที่จะเขียน ก็จำต้องปล่อยจิตล่องไกลย้อนไปในอดีต เพื่อไปค้นหาแรงบันดาลใจบ้าง
ระยะนี้ฝนลงเม็ดถี่ขึ้น เสียงสายฝนหล่นกระทบใบไม้ ทำให้นึกถึงเขาใหญ่ขึ้นมาทันที ระยะนี้เป็นช่วงที่ป่าทั้งป่า กำลังได้รับการฟื้นฟูโดยธรรมชาติ ด้วยตัวของมันเอง เป็นช่วงที่มนุษย์ปุถุชนคนธรรมดา ไม่ควรที่จะไปกางเต้นท์นอน หากท่านไม่คิดที่จะบริจาคเลือด ให้กับพลพรรคลูกทากหลานทากทั้งหลายในป่าจริงๆ
ซึ่งช่วงนี้ในอดีต หากมีธุระต้องไปโคราช ก็มักจะใช้เส้นทางจากนครนายกตัดขึ้นเขาใหญ่ ชื่นชมกับความงามของธรรมชาติรอบข้าง สัตว์เล็กสัตว์น้อย ลิง ค่าง บ่าง ชะนี ไปจนกระทั่งสัตว์ป่าขนาดใหญ่ ตามประสาคนที่อ่อนไหวไปกับสรรพสิ่งรอบตัว และลึกๆนั้นก็หวังว่า จะได้เห็นโขลงช้างพาครอบครัวออกมาเดินเล่นอยู่หน้ารถ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เห็นจนกระทั่งบัดนี้...ในวันที่คิดว่าเขาใหญ่ ก็ไม่ต่างอะไรกับสวนสัตว์เปิดขนาดมหึมา ถึงช้างจะไม่ถูกล่ามโซ่ กระทิงไม่เคยถูกสนตะพาย แต่ความขมขื่นของพวกมัน ที่จำต้องทนอยู่ภายในพื้นที่ป่าแคบๆ ซึ่งเหลือน้อยลงทุกทีนั้น...ไม่ได้ต่างจากกันเลย
ไม่รู้ว่าก่อนจะสิ้นทศวรรษนี้ พวกมันจะต้องแบกกะลา ไปขอทานเศษอาหาร จากคนที่เข้าไปดิ้นกระแด่วๆ ฟังเพลงปลุกใจอยู่ในบ้านของพวกมันหรือเปล่า
เฮ้อ...ถอดจิตถอดใจกลับมากรุงเทพฯเมืองฟ้าอมรดีกว่า ก็อย่างที่บอกเอาไว้ตั้งแต่ต้น ว่าช่วงนี้สายฝนลงเม็ดถี่เหลือเกิน ในยามที่จิตยังไม่หายตก ร่างกายต้องการพลังงานขับเคลื่อน วิธีเดียวที่จะช่วยได้ ก็คือการพาร่างกายอันเริ่มจะเสื่อมลงไปทุกวัน ออกไปรับอากาศบริสุทธิ์นอกบ้าน คว้าร่มมากางได้ ก็มักจะเดินไปเรื่อยเปื่อย เหนื่อยนัก ก็มักจะแวะไปที่ร้านสะดวกซื้อสักแห่ง เข้าไปเดินรับแอร์ให้หายเหนื่อยหายร้อน เพื่อเติมแรงเติมพลังสักพัก เพราะถึงฝนจะตก แต่สภาพอากาศก็ยังร้อนอบอ้าวอยู่ทุกวัน เมื่อหายเหนื่อยแล้ว จึงจะออกเดินไปตามฟุตบาทเพื่อชมเมืองอีกครั้ง
ระยะนี้ หันไปทางไหน ก็เห็นแต่ป้ายหาเสียง เล็กบ้างใหญ่บ้าง เขียวๆ แดงๆ เต็มพรืดไปหมด ความที่คร่ำเคร่งอยู่กับงานเขียนบทละคร ทำให้มองภาพลักษณ์ของผู้สมัครแต่ละคน เป็นเหมือนตัวละครที่กำลังแสดงบทบาทอย่างเต็มที่อยู่ในเฟรม แต่ละคน แต่ละพรรค ต่างก็มีเฟรมเป็นของตัวเอง และหากจะว่าไปแล้ว แต่ละราย ต่างก็มีฝีไม้ลายมือไม่แพ้กัน ขนาดไม่มีตัวประกอบ ไม่มีพระรอง นางร้าย ก็ยังแสดงได้อย่างสมบทบาท แค่เฟรมเดียว คัตเดียว ไม่มีซาวน์เอฟเฟก ไม่มีการเฟดอิน ไม่มีการเฟดเอาต์ ตั้งหน้าตั้งตาเฟคกันอย่างเดียว แสดงได้ระดับนี้ แม้แต่ดาราตุ๊กตาทองยังต้องอาย
ครับ...ความที่เรียนมาทางด้านสารสนเทศน์ ที่จำต้องมาเขียนหนังสือ แทนที่จะไปเป็นคนเฝ้าหนังสือ ทำให้มุมมองต่อการเมือง ต่อสังคม ต่อสิ่งแวดล้อม ผิดแผกแปลกไปบ้าง แต่เพราะพื้นฐานเก่าๆนี่เอง ที่ทำให้มองป้ายหาเสียงในช่วงนี้เป็นสิ่งบันเทิงของสังคม เป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การศึกษา การนำเสนอ...การชวนเชื่อ ได้หยั่งรากฝังลึกอยู่ในระบบการเมืองของไทยมาอย่างยาวนาน จนยากเหลือเกินที่จะแยกแยะได้ว่า เรื่องไหนจริง เรื่องไหนเท็จ
ฝนหยุดตกแล้ว...แต่สภาพอากาศยังคงร้อนอบอ้าว นึกภาพตัวเองนั่งอยู่ภายในป้ายรถเมล์ที่เก่าแสนเก่า แต่ไม่เก่าไปกว่ารถเมล์ที่แล่นควันตลบผ่านไป แล้วได้แต่ถอนใจ เพราะไม่รู้จะเลือกใครมาเป็นผู้แทน หากจะเลือกเพื่อตัวเอง ชั่วชีวิตของเราก็อีกไม่ไกล อีกไม่นานก็ต้องตายจากโลกนี้ไป เป็นเพียงแค่เศษดิน เศษน้ำ ที่บังเอิญเติบโตมาเป็นมนุษย์ หากวันนั้น บังเอิญไปเกิดเป็นมด เป็นปลวก ก็คงไม่มีใครสนใจมากไปกว่า การเสียเงินนิดหน่อย กับการเสียแรงอีกนิด เพื่อเดินไปซื้อยาฆ่าแมลงมากำจัดเราไปจากโลกนี้
หากมีโอกาสที่จะอยู่ไปจนถึงเลือกตั้งครั้งหน้า ก็อยากจะฝากให้ทำป้ายหาเสียง ที่นอกจากจะได้อรรถรสเหมือนกำลังดูละครฉากสำคัญแล้ว ก็ยังจะฝากอีกว่า ขอป้ายหาเสียงที่มีความเย็นชุ่มฉ่ำของธรรมชาติ ให้อากาศบริสุทธิ์ต่อสิ่งแวดล้อม เมื่อเลือกตั้งเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ไม่ต้องเก็บป้าย ปล่อยให้งอกราก แตกหน่อ ช่อใบ เป็นต้นไม้สีเขียวของสังคมเถิด...หากวันหนึ่งข้างหน้า ป่าใหญ่และต้นไม้หมดไปจากอุทยาน ช้าง ม้า วัว ควาย สรรพชีวิตใหญ่น้อยจะได้ย้ายนิวาสถานเข้ามาพำนักพักอาศัย อยู่ในกรุงเทพฯเมืองฟ้าอมร เมืองที่เต็มไปด้วยสีเขียว น้ำใส และผู้คนที่มีแต่ความโอบอ้อมอารี...

บทความนี้ของข้าพเจ้าอยู่ในนิตยสาร บี แม็กกาซีน ตีพิมพ์ก่อนการเลือกตั้งครั้งล่าสุด เห็นพี่ฟีลบกระทู้เก่าเสียหมด อยากจะมีส่วนร่วมอยู่ในการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว แต่ก็ไม่มีเวลาเขียนบทความใหม่ เนื่องจากกำลังหนีน้ำขึ้นเหนืออยู่เหมือนกัน จึงนำบทความที่เขียนทิ้งไว้นานแล้วนี้มาลงเพื่อที่จะเข้าใจให้ตรงกันว่า

หากเสือสิงห์กระทิงแรดหนีเข้ากรุงเทพฯจริงๆในช่วงนี้ ก็คงต้องตายเพราะน้ำท่วมแน่...เพราะขนาดคนอย่างเราๆท่านๆ ยังไม่รู้ว่าจะเอาตัวรอดได้หรือเปล่า

ขอบคุณครับ

กร
 


  คำตอบที่ 1  
 

มะยม

30 ต.ค. 54
เวลา 11:25:34
สวัสดีค่ะ คุณกร

บทความให้แง่คิดได้ดีมากค่ะ ขอบคุณมากค่ะสำหรับสิ่งดีที่นำมาแบ่งปันเพื่อนๆในบ้านหลังนี้
 


  คำตอบที่ 2  
 

กร

30 ต.ค. 54
เวลา 19:28:25
ขอบคุณเช่นกันครับคุณมะยม

ดีใจที่ยังมีคุณมาคอยเป็นกำลังใจให้ ขอให้มีความสุขมากๆนะครับ

แล้วจะหาเรื่องที่รกกระดานพี่ฟีแบบนี้มาอีกนะครับ
 


  คำตอบที่ 3  
 

มะยม

31 ต.ค. 54
เวลา 11:51:24
รับทราบ สิ่งดีๆมีประโยชน์ค่ะ ไม่ถือว่ารกหรอก^^
 




  เชิญกรอกข้อความเพื่อตั้งคำถาม  
  กรุณา login เพื่อตอบคำถาม