แสงอุสา
12 เม.ย. 55
เวลา 13:20:28
พิมพ์
แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน |
น้ำชา เป็นเครื่องดื่มที่อยู่คู่กับชาวจีนมานานหลายพันปี คนจีนค้นพบใบชา และใช้ประโยชน์จากใบชา โดยแรกเริ่ม พวกเราชาวจีนได้เริ่มเก็บเอาใบชาป่ามาทำยารักษาโรค ภายหลังจึงได้นำมาอบแห้ง แล้วชงเป็นเครื่องดื่ม และพัฒนามาเป็นน้ำชาแต่ละประเภท ชาวจีนได้ทำการปลูกต้นชามาตั้งแต่ในสมัย ชุนชิว-จ้านกว๋อ (รณรัฐ=สงครามระหว่างรัฐ) มาในสมัยราชวงศ์ฉิน ถึงราชวงศ์ฮั่น การปลูกต้นชาเริ่มมีตามแนวมณฑลเสฉวน ลงมาถึงมณฑลหยุนหนาน มาถึงสมัยราชวงศ์ถัง การปลูกชาได้กระจายไปในแต่ละมณฑลตามแถบลุ่มแม่น้ำฉางเจียง (แยงซีเกียง)
ในแต่ละสมัยของอาณาจักรจีน ชาวจีนล้วนยิ่งมีประสบการณ์ในการปลูก การผลิตใบชา การเก็บรักษา และการชงดื่มไปอย่างกว้างขวาง จนกระทั่งได้มีการบันทึกเป็นตำราฉบับหนึ่ง ที่มีชื่อเสียงมาก ในสมัยราชวงศ์ถัง เมื่อปี ค.ศ.780 คือตำรา "ฉาจิง" ซึ่งว่าด้วยเรื่องใบชา โดยผู้เขียนคือ "ลู่ยวี่" บรมครูด้านใบชาในสมัยนั้น และตำรานี้ได้ตกทอดมาจนกระทั่งถึงสมัยปัจจุบัน
ชาจีนมีมากมายหลายประเภท แต่ถ้าแยกประเภทตามชนิดของสีในน้ำชา จะพบว่ามี ชาแดง ชาดำ ชาเขียว และ ชาขาว
ชาแดง เป็นน้ำชาสีเข้มข้น แดงเหมือนเลือดนก กรรมวิธีการผลิตต้องใช้กระบวนการหมัก บางครั้งจึงเรียกว่า ชาหมัก
ชาดำ เป็นชาที่เกิดขึ้นในภายหลัง ใช้ใบชาค่อนข้างแก่ มาหมัก แล้วบดเป็นชาผง ชาดำนี้เป็นที่นิยมของชาวอังกฤษซึ่งได้นำชาจีนไปเผยแพร่ในทวีปยุโรป แล้วดื่มผสมนม และน้ำตาล จึงมักเรียกว่า ชาฝรั่ง
ชาเขียว เป็นชาที่นำยอดชาอ่อน มาผึ่งแดด แล้วอบแห้งในทันทีโดยไม่ได้ผ่านกระบวนการหมัก น้ำชาที่ได้จึงมีสีเขียวสดใส
ชาขาว ชาวจีนได้นำตาอ่อนของยอดชา กับ ใบชาอ่อน ๆ หลาย ๆ ชนิด มาอังกับเตาไฟให้แห้งสนิท น้ำชาที่ได้จึงมีสีขาว
ปัจจุบัน ในประเทศจีนมีผลิตภัณฑ์จากชามากมายหลายชนิดต้นชาส่วนใหญ่ในประเทศจีนส่วนมากนิยมปลูกกันตามแถบตอนใต้ของแม่น้ำฉางเจียงลงมา ไหงได้รวบรวมสุดยอดชาจีนทั้งหมดที่ชาวจีนในประเทศจีนนิยมชมชอบและมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักอยู่ 10 ชนิด โดยแต่ละชนิดเป็นชาที่มีชื่อเสียงโดดเด่นในแต่ละมณฑล โดยมณฑลที่มีชาเลื่องชื่ออยู่มากที่สุดคือ ฝูเจี้ยน 10 ยอดชาจีนที่เลื่องชื่อลือชา มีดังนี่
1.ชา "ฉีเหมิน" ตั้งชื่อตามเมืองฉีเหมิน มณฑลอานฮุย ซึ่งเป็นแหล่งผลิต ชาฉีเหมินจัดว่าเป็นชาชนิดเข้มข้น ดื่มแล้วชุ่มฉ่ำ หอมติดปากติดคอ ชาวจีนในปักกิ่งนิยมดื่มชาฉีเหมินนี้มาก
2.ชา "หลงจิ่ง" หรือสระมังกร แห่งทะเลสาปซีหู เมืองหางโจว มณฑลเจ๋อเจียง ชาหลงจิ่งเป็นชาเขียว ที่มีชื่อเสียงมากที่สุด น้ำชาหลงจิ่งมีสีเขียวเหมือนมรกต ชาหลงจิ่งเป็นที่นิยมของคอชารุ่นใหม่
3.ชา "ปิ๊เหลยชุน" แห่งเมือง อู๋ ของมณฑลเจียงซู ในอดีต จักรพรรดิ์เฉียนหลงแห่งราชวงศ์ชิง ได้เสด็จประพาสต้นมายังมณฑลเจียงซู แล้วได้เสวยชาปิ๊เหลยชุนนี้แล้วทรงประทับใจในรสชาติ ได้ทรงยกย่องชานี้ว่าเป็นไข่มุกงามของเจียงซู
4.ชา "เหมาเฟิง" เป็นชาที่ปลูกในแถบภูเขาหวงซาน มณฑลอานฮุย ชาชนิดนี้ในอดีตจัดเป็นเครื่องราชบรรณาการไปยังราชสำนักชิงเช่นกัน
5.ชา "ลิ่วอันกวาเพียน" แห่งเทือกเขาต้าเปียซาน ในมณฑลอานฮุย ชานี้ ในสมัยสงครามกลางเมืองระหว่างพรรคคอมมิวนิสต์จีนกับพรรคกว๋อหมินต่าง ประธานเหมาเจ๋อตุง ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์ ได้ไปตั้งศูนย์การนำพรรคที่ภูเขาต้าเปียซาน ได้เคยดื่มชาลิ่วอันกวาเพียนนี้แล้รู้สึกประทับใจในรสชาติของชานี้ ภายหลังเมื่อได้เป็นผู้นำประเทศแล้วยังดื่มชาลิ่วอันกวาเพียน ในทำเนียบจงหนานไห่อยู่เป็นประจำ "ฮ่าวซึด"
6.ชา "หวู่หยีหยานฉา" หรือ "วูหลงฉา" แห่งภูเขาอู๋อี๋ซาน ของมณฑลฝูเจี้ยน (ฮกเกี้ยน) ชาวูหลงหรือมังกรดำ นับว่าเป็นชาที่รู้จักกันมากที่สุดในบรรดาชาวจีนโพ้นทะเลรวมทั้งในประเทศไทยของเรา ชาวูหลงเป็นชากึ่งหมัก มีสีเหลืองอำพัน รสชาติชุ่มคอ หอมติดอกติดใจ ชาวูหลงนี้มี เบอร์ 12 เบอร์ 17 และวูหลงก้านอ่อน ซึ่งให้ความหอมและรสชาติที่แตกต่างกันไป
7.ชา "เถียะกวนยิน" หรือ "เที๊ยะกวนอิม" แห่งมณฑลฝูเจี้ยน ชาเถียะกวนยินนี้เป็นชาที่มีราคาแพงมาก
วูหลงฉา และ เถียะกวนยินฉา ได้รับการยกย่องว่าเป็น 2 ไข่มุกงามแห่งมณฑลฮกเกี้ยน (ฝูเจี้ยน)
8."หมอลี่ฮวาฉา" หรือ ชาดอกมะลิ ของมณฑลฝูเจี้ยน ซึ่งได้นำดอกมะลิอบแห้งผสมกับชาเขียวหรือชาวูหลง นับว่าอยู่ในชั้นเลิศของบรรดาชากลิ่นดอกไม้ ซึ่งชาดอกมะลิเป็นที่นิยมชมชอบของชาวจีนในภาคเหนือเป็นอย่างมาก
9.ชา "ไป๋เห่าเหยินเจิน" เป็นชาที่ปลูกทางภาคเหนือของมณฑลฝูเจี้ยน ในอดีตต้องจัดเป็นเครื่องราชบรรนาการสู่ราชสำนักมิได้ขาด
10.ชา "ผู่เอ๋อร์" เป็นชาที่ปลูกทางภาคใต้ของมณฑลหยุนหนาน ที่อำเภอผู่เอ๋อร์ โดยชนชาติหยี ซึ่งเป็นชนชาติส่วนน้อยของมณฑลหยุนหนาน ชาผู่เอ๋อร์ นับว่าเป็นชาที่ดังและมาแรงมากในปัจจุบัน เปรียบกันว่ามีราคาเท่ากับทองคำเลยทีเดียว ชาผู่เอ๋อร์เป็นชาหมัก น้ำชามีสีดำ ชาชนิดนี้ผู้ใดได้ดื่มเป็นครั้งแรกจะรู้สึกว่ามีกลิ่นแรงและรสชาติเข้มข้นมาก แต่เมื่อดื่มเป็นครั้งต่อ ๆ ไปจะรู้สึกติดใจจนลืมไม่ลง ชาผู่เอ๋อร์มีกรรมวิธีการผลิดโดยการหมักไว้ในเข่งตะกร้าสานด้วยไม้ไผ่และรองด้วยใบตอง หมักแล้วอัดเป็นก้อนตั้งแต่ขนาดเท่าหัวแม่มือ ไปจนถึงขนาดเท่าโต๊ะกลม ๆ แล้วเก็บไว้ตั้งแต่ 1 ปี 5 ปี 10 ปี ไปจนถึง 20 ปี แล้วนำออกขาย
ชาจีน นับว่ามีความผูกพันธ์กับชาวจีนมานานจนแยกจากกันไม่ออก ชาวจีนได้ดื่มน้ำชาเป็นกิจวัตรประจำวัน ซึ่งในบรรดาชาวจีนที่มีรสนิยมในการดื่มชาอย่างละเมียดละไมที่สุดเป็นที่รู้กันในหมู่คนจีนทั่วไป คือจีนแต้จิ๋ว |