violete
11 ก.พ. 55
เวลา 21:58:32
พิมพ์
แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน |
สวัสดีพี่ฟีลิปดา และพี่ๆทุกคนแห่งเว็บ forwriter ค่ะ^^ บูสิงเว็บนี้มาได้สักครึ่งปีแล้วจ้า ชอบแบบฝึกที่นี่มาเลยค่ะ รู้จักที่นี่เพราะแฟนซื้อหนังสือ "100 คำถามสร้างนักเขียน" ให้วันเกิด บูอยากเป็นนักเขียนมากๆ แต่ช่วงมัธยมมัวแต่เล่นดนตรีไม่ได้ฝึกเขียนอะไรเลย เลยเป็นคนที่ยังเขียนไม่เก่งค่ะ ได้หนังสือและเว็บนี้มาเหมือนมีคนมาคอยฝึกให้เลยค่ะ ดีมากๆ เลย
ตอนนี้บูก็หัดเขียนอยู่หลายอย่างเลยค่ะ แต่วันนี้ เอาเรื่องสั้นที่เขียนเสร็จเป็นเรื่องแรกมาให้พี่ๆ ช่วยวิจารณ์ เพื่อเอาไปพัฒนาปรับปรุงต่อจ้า ฝากด้วยนะค้า ^O^
ซากไม้ปริศนา
นี่มันยังไงกันแน่เนี่ย!
ผมบ่นอย่างหัวเสียเมื่อได้เห็นภาพตรงหน้าเป็นครั้งที่สี่แล้ว ภาพซากไม้แห้งผุพังคล้ายซากฟอสซิลขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่มุมหนึ่งในห้องนอนของท่านสส. ชื่อดัง รวมถึงตัวภรรยาของท่านที่หายไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่มีท่าทีการหนีออกจากบ้าน ไม่มีวี่แววการลักพาตัว ไม่มีหลักฐานการฆาตกรรม ไม่มีอะไรทั้งนั้น! เหมือนกับสามคดีที่ผ่านมา
รู้มั้ยว่านักข่าวมันเอาไปเขียนกันสนุกปากแค่ไหน หาว่าตำรวจไม่มีน้ำยา ไร้ความสามารถ กะอีแค่คนหายยังหาไม่เจอ! ผมนึกถึงคำพูดที่หัวหน้าเรียกผมไปด่า ก็ถ้ามันง่ายขนาดนั้น ป่านนี้ผมคงไม่ต้องนอนเอาเท้าก่ายหน้าผากหรอก
นี่ก็เกิดขึ้นอีกคดีแล้ว ขืนผมยังหาอะไรเป็นชิ้นเป็นอันไม่ได้ มีหวังผมได้ลาออกไปขายน้ำเต้าหู้แน่ๆ
ผมทำทุกอย่างเหมือนเดิม เก็บซากไม้ไปตรวจ หาร่องรอยภายในห้อง ท่านสส. เล่าว่า เมื่ออาทิตย์ก่อนท่านไปคุยธุรกิจกับเพื่อนที่ต่างประเทศ พอกลับมาได้ไม่กี่วันก็มีคิวไปอีกประเทศ เลยตะโกนให้เมียจัดกระเป๋าให้ ตอนนั้นแหละถึงได้รู้ว่าเมียหาย
ครืดๆ โทรศัพท์ผมสั่นอยู่ในกระเป๋ากางเกง ผมหยิบขึ้นมาดู พอเห็นชื่อคนบนหน้าจอก็ทำให้ความเครียดคลายลงไปได้บ้าง
ฮัลโหล ครับ ผมรับด้วยเสียงเข้ม
ไฮ ย้ง เป็นไงบ้างค้า คืนนี้มาหาหน่อยจิ เค้าเหงาอ่า
น้องพร สาวเสิร์ฟร้านอาหารแห่งหนึ่งที่ผมกำลังแอบคบอยู่ เธอเซ็กซี่ไม่เบา เป็นคนที่มาทำให้ชีวิตอันน่าจืดชืดของผมมีสีสัน
ชีวิต...ที่น่าจืดชืด
ตาว เมียผมที่แต่งงานกันมาได้ 7 ปี มันอาจจะถึงจุดอิ่มตัวแล้วก็ได้ ทุกวันนี้ผมไม่อยากมองหน้า ไม่อยากได้ยินเสียง มันเบื่อ มันล้า เธอทำอะไรมันก็ดูขัดหูขัดตาน่ารำคาญไปซะหมด เสื้อผ้า หน้า ผม ก็ไม่ดูแล ไม่มีการเอาอกเอาใจ ฉอเลาะ เหมือนที่น้องพรเธอทำให้ผม ทุกวัน เราต้องมีเรื่องให้ทะเลาะกัน ตั้งแต่เรื่องเล็กไปจนถึงเรื่องใหญ่
ขอโทษทีนะครับ วันนี้พี่งานยุ่งไว้เจอกันวันอื่นนะ ผมคุยต่อสักพักก็วางสาย ตอนนี้ผมต้องมีสมาธิเรื่องงานก่อนจะวอกแวกไปเรื่องอื่น
สุดท้าย วันนี้ผมก็ไม่ได้อะไรเหมือนเดิมทั้งๆ ที่วิ่งวุ่นทั้งวัน โดนเจ้านายด่าซ้ำ ซากไม้นั้นคำตอบก็เหมือนเดิม คือเป็นแค่ต้นไม้ที่แห้งตายเพราะขาดน้ำเท่านั้นเอง
นาฬิกาบอกเวลาสี่ทุ่ม เมื่อผมเปิดประตูเข้าบ้าน ตาวนั่งอยู่บนโต๊ะกินข้าว บนนั้นมีกับข้าวที่คงผ่านการอุ่นแล้วอุ่นอีกจนสีดูชืดไปหมด
ทานข้าวค่ะ เธอพูดหน้านิ่งๆ
ไม่กิน ตอนนี้ผมไม่อยู่ในอารมณ์จะทำอะไรทั้งนั้น ผมอยากนอน
แต่ เราไม่ได้ทานข้าวเย็นกันมาเป็นปีแล้วนะ แค่วันนี้...
บอกว่าไม่กินก็ไม่กินไง! อย่ามาเซ้าซี้ได้มั้ย!!!ผมตะคอกใส่เธอไปสุดแรง
น้ำตาน้อยๆ เอ่อขึ้นเต็มเบ้าตาของเธอ แล้วค่อยๆ ไหลไปตามแก้มที่ซูบผอมนั้น
ทำไมเรื่องแค่นี้ ถึงกับต้องตะคอกใส่ตาวด้วย
ก็เธอมันน่ารำคาญ เซ้าซี้ไม่เลิก ฉันเหนื่อย ฉันต้องการพักผ่อน ทำไมเรื่องแค่นี้ถึงไม่รู้ เป็นเมียภาษาอะไร
ย้ง เปลี่ยนไปมากเลยนะ
ที่เปลี่ยนไปน่ะเธอต่างหาก ทั้งน่าเบื่อ ทั้งน่ารำคาญ แถมยังดูทุเรศในสายตาฉันอีก
ถ้าพูดถึงขนาดนี้แล้วมาแต่งกับเราทำไม! เสียงของเธอดังขึ้น และน้ำตาที่ไหลเป็นสายมากกว่าเดิม
งั้นก็หย่ากันไปเลย ผมไม่ทนแล้ว!!
เกิดความเงียบขึ้นระหว่างเราสองคน ในใจผมสั่นเล็กน้อยกับคำพูดของตัวเอง เธอยกมือปาดน้ำตาแล้ววิ่งกลับขึ้นไปข้างบน
ผมพยายามปลอบตัวเองไม่ให้รู้สึกผิด เพราะนี่มันเป็นสิ่งที่ผมปรารถนาไม่ใช่เหรอ ที่จะได้เปลี่ยนชีวิตใหม่
ผมเดินกลับออกจากบ้าน จุดมุ่งหมายคือห้องน้องพร
ผมรีบตื่นแต่เช้าออกไปที่ทำงาน แม้น้องพรเธอจะคลอเคลียสักแค่ไหน แต่วันนี้ผมกะว่าจะไปดูที่เกิดเหตุคดีแรก บ้านที่เมียเจ้าของโรงงานอาหารทะเลขนาดใหญ่หายไป แต่มีซากไม้แห้งกองอยู่ตรงมุมห้องครัว รายนี้ก็เหมือนกัน กว่าจะรู้ว่าเมียหายไป ก็ผ่านไปแล้วเกือบอาทิตย์
ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูหลายครั้ง หวังให้ตาวโทรมาขอโทษ เผื่อผมจะยกโทษให้ แต่ไม่เลย ไม่มี
หึ ดีแล้ว จะได้จบง่ายๆ หน่อย ในเมื่อเธอไม่แคร์เรา เราจะมัวเสียดายเวลาทำไม
ผมขับรถออกไปกับชัย ลูกน้องคนสนิท ระหว่างทางเราคุยกันเรื่องคดี
หัวหน้าจะเริ่มจากตรงไหนครับ
ก็คงดูตรงที่ที่ซากไม้มันกองอยู่นั่นล่ะ มันน่าจะมีร่องรอยอะไรที่เรามองข้ามไป นายคิดว่าไงล่ะชัย
ผมเหรอ? ผมคิดว่า ถ้าไม่มีการลักพาตัว ไม่มีการฆาตกรรม ก็คงจะเป็นพวกที่หายไปนั่นแหละครับ ที่เป็นคนเอามาวาง แต่เค้าเอามาวางไว้ทำไม อันนี้ผมก็ยังคิดไม่ออก
ผมฟังลูกน้องพูดแล้วก็คิดว่าเข้าท่า เพราะเราตัดประเด็นที่เป็นไปไม่ได้ออก สิ่งที่เหลืออยู่มันก็คือเป็นไปได้
ไม่นานพวกเราก็มาถึง ผมขออนุญาตแม่บ้านในการเข้าไปตรวจสอบ แม่บ้านเปิดประตูให้เราอย่างเต็มใจ บ้านที่เกิดเหตุดูเศร้าซึมไปถนัดตาผิดกับครั้งแรกที่ผมมา เหล่าต้นไม้ในสวนล้วนถูกปล่อยทิ้งไว้ไม่ดูแล ก็คุณผู้หญิงที่รักสวนแห่งนี้หายไปนี่นา
ผมก้มๆ เงยๆ อยู่ตรงมุมครัว ที่ซึ่งเคยมีซากไม้วางอยู่ต้นหนึ่ง บนพื้นมีเศษไม้เล็กๆ หล่นอยู่เต็มไม่ต่างจากการมาตรวจคราวที่แล้ว คนดูแลที่นี่รักษาสภาพที่เกิดเหตุไว้ได้ดีทีเดียว
ระหว่างนั้นเอง โทรศัพท์ของไอ้ชัยก็ดัง
ฮัลโหลไงจ๊ะ ที่รัก ผมได้ยินเสียงแหลมเล็กๆ ตอบกลับมา ดูท่าทางมีความสุขกันมากทีเดียว
ไงไอ้ชัย เปลี่ยนเมียใหม่เหรอวะ หวานเชียว ผมแกล้งแซวหลังเขาวางหู
เปล่านี่ครับหัวหน้า ก็คนเดิมน่ะแหละ
เฮ้ย! บ้าน่า คนเดิมที่คบกันมาเกือบ 5 ปีแล้วอ่ะนะ ป่านนี้ไม่จืดชืดแล้วเหรอ ผมพูดพลางนึกถึงชีวิตตัวเอง
โถ่เจ้านายครับ คนรักกัน มันต้องหมั่นเติมความหวานให้กันสิครับ ความรักถึงจะอยู่กับเรานาน ลองคิดถึงตอนที่คบกันใหม่ๆ มีความสุขจะตายไป นั่งกินข้าวด้วยกัน ดูหนังด้วยกัน ซื้อของกระจุ๊กกระจิ๊กให้กัน ถ้าวันนึงเลิกทำแบบนั้น ผมว่ามันก็เหมือนต้นไม้ที่ขาดน้ำอ่ะครับ สุดท้ายมันก็ตายเพราะคนที่เคยรดน้ำเลิกเสียก่อน
ตาย...เพราะขาดน้ำ
เป็นอะไรไปครับหัวหน้า ผมพูดอะไรผิดเหรอ ชัยสะกิดผมเล็กน้อยที่ผมนิ่งไป แต่ตอนนั้น ผมนึกอะไรบางอย่างออกแล้ว
ภาพวันแรกที่ผมเห็นตาว วันที่ผมขอเธอแต่งงาน วันที่เธอสวยที่สุดในชุดเจ้าสาว ผมเห็นสมัยที่เราจีบกันใหม่ๆ ตอนนั้นผมต้องใช้ความกล้าแทบตายในการเดินเข้าไปขอเบอร์ ผมต้องศึกษาเกี่ยวกับตัวเธออย่างเอาเป็นเอาตาย ซื้อแต่ของที่เธอชอบ หาที่พาเธอไปเที่ยว จัดเซอร์ไพรให้เธอ ผมทำทุกๆ อย่างที่คิดว่าเธอจะมีความสุข
แม้ผมจะเหนื่อย แต่ผมมีความสุขที่ได้ทำ
วินาทีนั้น ผมภาวนาไม่ให้มันสายไป
ผมวิ่งสุดแรงเกิดไปที่รถ ไอ้ชัยดูตื่นตกใจที่จู่ๆ ผมก็วิ่งออกจากที่เกิดเหตุ ผมออกรถโดยไม่สนไอ้ชัยที่กำลังจะเปิดประตูรถเลย
คดีแรกจนถึงคดีสุดท้าย ไม่ฝ่ายชายก็ฝ่ายหญิง ต่างก็ทำงานของตัวเอง มีโลกของตัวเอง จนลืม รดน้ำต้นไม้ ไม่แปลกใจที่ใช้เวลานานกว่าจะรู้ตัวว่าคนของตัวเองหายไป
ระหว่างนั้น ผมหยิบโทรศัพท์โทรหาน้องพร บอกว่าต่อไปนี้ผมจะไม่ยุ่งกับเธออีก หลังจากนั้นมีเสียงแว๊ดๆ กลับมาแต่ผมไม่ทันได้ฟัง เพราะตอนนี้ใจผมอยู่บ้านแล้ว
เวลาที่เราเร่งรีบ อะไรๆ ก็ดูเหมือนจะช้าและเป็นอุปสรรคไปซะหมด กว่าผมจะมาถึงบ้านแม้จะเหยียบมิดแล้ว ก็ใช้เวลาเกือบชั่วโมง
ผมคิดเอาง่ายๆ ว่า คนเราถ้ารู้สึกหมดหวังในชีวิต ท้อแท้ อ่อนไหว อยู่คนเดียว ร่างกายจะต้องการ มุมเล็กๆ ให้ได้ใช้เวลากับตัวเอง นี่เป็นคำตอบว่าทำไมซากไม้พวกนั้นถึงได้ไปอยู่มุมห้อง
ผมกระโดดลงจากรถโดยไม่รอให้รถดับสนิท กระแทกประตูบ้านเปิด จากนั้นสอดส่ายสายตาไปยังทุกๆมุมในบ้าน
ห้องนั่งเล่นไม่มี ห้องครัวไม่มี ห้องน้ำไม่มี ห้องนอน! ห้องนอนแน่ๆ
ผมวิ่งขึ้นชั้นสองของบ้านด้วยความรวดเร็ว ขอให้ทันทีเถอะ!
ประตูห้องนอนอยู่ตรงหน้า แต่ผมเปิดมันไม่ออก
ตาวๆ! อยู่ข้างในรึเปล่าตาว! เปิดประตูให้พี่หน่อย ไม่มีเสียงตอบจากด้านใน ผมตัดสินใจพังประตูทันที
ตาว อย่าเป็นอะไรนะตาว!พี่มาแล้ว รอพี่แป๊บนึง ผมตะโกนอย่างบ้าคลั่ง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเปิดเข้าไปแล้วจะเจอกับอะไร
ผมกระแทกประตูด้วยแรงทั้งหมดที่มี ในที่สุด มันก็เปิดออก ผมมองดูทุกมุมในห้องนั้น และนั่น ตรงนั้น มุมที่ลึกที่สุดของห้อง
เมียผม กำลังมีสภาพไม่ต่างจากสิ่งที่ผมเคยเห็น บัดนี้เหลือเพียงแค่ใบหน้าของเธอเท่านั้น
ดวงตาของเธอที่จ้องมาที่ผมมีน้ำตารื้นๆ ในแววตานั้นกำลังบอกผมอย่างเสียใจว่า มันสายไปแล้ว
เธอยิ้มให้ผมครั้งสุดท้าย ก่อนใบหน้าจะจมหายไปกับซากไม้ผุผังที่เพิ่งเกิดขึ้นใหม่ มุมห้องนอนของผมเอง
|