ฟีลิปดา
20 ก.ค. 58
เวลา 9:33:04
พิมพ์
แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน |
สวัสดีวันจันทร์ที่ ๒๐ กรกฏาคม ๒๕๕๘
เวลาผ่านไปเร็ว แต่ก็ลืมเร็วเหมือนกัน มานั่งนึกเช้านี้เล่นๆ ละว่า ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ อะไรมันยังอยู่ในหัวของเราบ้าง เก็บอะไรได้ในแต่ละวัน ที่ผ่านมาก็ข่าวดารา ข่าวภัยแล้ง เห็นภาพถนนทรุด ข่าวเกี่ยวกับประเทศกรีซ ล่าสุดก็ข่าวภาพ พระราชินีอลิซาเบทตอนทรงพระเยาว์ยกมือไฮฮิตเลอร์
ความจริงมันมีอะไรหลายอย่างเกิดขึ้นนะ แต่ทำไมคิดได้แค่นี้ เป็นเพราะสมองเราเสื่อม หรือเป็นเพราะเราไม่ใส่ใจ หรือเป็นเพราะเวลาน้อยก็คิดได้น้อย อะไรผ่านมามันจึงผ่านไปได้เร็ว
เมื่อวานวันอาทิตย์ตอนแรกตั้งใจว่าจะวาดรูปเล่น แต่หาแคนวาสไม่เจอ เลยยกเลิก เปลี่ยนไปนั่งอ่านสคริปต์หนังเรื่อง Letters to Juliet ดูหนังเรื่อง ว้าจำชื่อเรื่องไม่ได้ แต่เป็นหนังรักธรรมดานี่ล่ะ ประมาณลนางเอกแอบหลงรักเจ้านายตัวเอง แต่รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ก็เลยเงียบๆ ไว้ จนกระทั่งพระเอกที่เป็นพี่ชายเจ้านายมาทำงานด้วย แล้วก็แกล้งเป็นแฟนกัน แปลงโฉมเธอให้เป็นคนสวย เพื่อกระตุ้นให้น้องชายหันมาสนใจ แต่แล้วก็ตกหลุมรักกันเสียเอง ทำนองนั้น ก็คุ้นๆ เนอะพล็อตทำนองนี้
- อ่านอีบุ๊กที่ค้างไว้จบไปเล่ม ชื่อ She Sat He Stood ตั้งใจว่าจะอ่านซ้ำอีกครั้งค่ะ เป็นหนังสือที่อธิบายเรื่องการเขียน ที่เอาอะไรไปประกอบการเขียนบทสนทนาได้บ้าง ความจริงก็เคยเอามาคุยกับพวกเราแล้วอย่างพวก คำอธิบายความคิด การกระทำของตัวละคร หลังประโยคคำพูดของตัวละคร ที่ต้องอยู่คู่กัน ซึ่งหมายความว่า เมื่อ A พูด คำอธิยายความคิด หรือกิริยาที่ต้องตามมา ต้องเป็น ของ A หากไม่ใช่ของ A ก็อย่าเอาไว้บรรทัดเดียวกันกับคำพูดของ A (อันนี้น่าจะจำกันได้นะ ฮ่าๆๆ ) ไว้ถ้าว่างจะเอามาคุยด้วยใหม่ เพราะอ่านใหม่ ก็เหมือนรู้ใหม่ ฮ่าๆๆๆ - ดูยูทูปสัมภาษณ์นักเขียน Elizabeth Gilbert รู้เรื่องบ้างไม่รู้บ้าง ก็คิดว่าจะกลับไปฟังใหม่ คนนี้เขียนเรื่อง food pray love ที่สร้างเป็นหนังเคยดูผ่านตาแวบๆ พี่ฟีไม่ได้อ่านเล่มนั้น แต่ได้อ่าน The signature of All Things ก็อยากรู้ว่าเธอมีวิธีการทำงานอย่างไร ในการเขียน ก็ฟังออกตอนเขาถามเธอตอนเธอจัดการกับข้อมูล เธอบอกว่าใช้กล่องรองเท้า กับอินเด็กซ์การ์ด เขียนหัวข้อแต่ละเรื่องเอาไว้ เจออะไร คิดอะไรได้ ก็เขียนลงในหัวข้อนั้น จากนั้นค่อยเอามาเรียบเรียง เขียน เล่มที่พี่ฟีได้อ่าน งานของเธอนี่ข้อมูลแน่นค่ะ วิธีการเขียนเป็นการเล่าเรื่องมากกว่าแสดงเป็นซีน น่าจะ 70 ต่อ 30 ด้วยซ้ำ เลยคิดถึงคำแนะนำในการเขียนที่ว่า Show don't Tell แม้จะเป็นคำแนะนำที่ดี แต่หากว่า คนเขียนมีทักษะในการเขียน เล่าเรื่องแบบ Tell มันก็ทำให้น่าติดตามได้ค่ะ ความถูกผิดจึงไม่มีในการเขียน จะมีก็แต่ ความชอบไม่ชอบ ฮ่าๆๆๆ อย่าไปคิดอะไรตายตัวนัก ลองอะไรใหม่ๆ ดูบ้าง จะแป้กไม่แป้ก ด้วยคนอ่านก็จะสะท้อนมาให้เห็นเอง
แล้วมาสังเกตตัวเองว่า เรื่องอินพุตนี่ เราก็รับได้เร็วนะ วันเดียวทำได้ตั้งหลายอย่าง แต่เวลาจะเอาท์พุตออกมา เออ เชื่องช้า ยากเย็นเหมือนกันนะ ว่าแล้ว ก็หยุดตัวเองไว้ กลับไปเขียนค่ะ เป้าหมายที่จะต้องเขียนเรื่องเจ้าชาย-คาริดา ให้จบในปีนี้ มันท้าทายเจงๆ เมื่อเขียนได้วันละหน้าสองหน้าอย่างนี้
ขอให้สนุกและมีความสุขในการทำสิ่งต้องทำนะคะ เป็นกำลังใจค่ะ ฟีลิปดา ^--^
|