forwriter.com
การเขียนนวนิยายลึกลับ,นักสืบ (Mystery )


การเขียนนวนิยายสืบสวนแนว Cozy

 

Mystery fiction

 

Mystery fiction เป็นนวนิยายลึกลับ ที่เน้นไปทางการสืบสวนสอบสวนปมปริศนาที่ถูกสร้างขึ้น

ประเภท

การแบ่งประเภท อีกครั้งที่ไม่มีข้อกำหนดตายตัว แล้วแต่ความเห็นของแต่ละคน แต่สามารถแบ่งประเภทอย่างคร่าว ๆตามวิวัฒนาการของเรื่องตามช่วงเวลา ได้ ดังนี้

Gothic stories ( เริ่ม ต้นปี ค.ศ.1700) เป็นเรื่องลึกลับน่ากลัว และหนือธรรมชาติ มักจะเกิดเรื่องที่ปราสาทเก่าแก่ ที่มีความลึกลับซ่อนอยู่ในห้องใต้ดิน จะมีเสียงกรีดร้องโหยหวน มีความมืดสลัวเพื่อให้ฉากมีความน่ากลัวขึ้น มีการขู่เข็ญเหยื่อที่โดยมากจะเป็นหญิงสาวบริสุทธิ์

Crime stories ( เริ่มในช่วงต้นและเด่นชัดกลาง ปี ค.ศ. 1700 ) เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอาชญากรที่ ถูกคุมขังอยู่ในคุกนิวเกตที่ประเทศอังกฤษซึ่ง เป็นเรื่องความอื้อฉาวของการก่ออาชญากรรมที่ลือกระฉ่อนในหน้าหนังสือพิมพ์

Spy stories ( เริ่มเมื่อสิ้นสุด ปี ค.ศ. 1800 ) ปรากฏให้เห็นมากหลังจากสงครามโลกครั้งที่สองในยุคสงครามเย็น แบ่งเป็นสองอย่างคือ เรื่องของสายลับจริง ๆ ที่แสดงให้เห็นความยากลำบากและอันตรายจากการจารกรรม ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานของเรื่องที่เกอดขึ้นจริง ส่วนอีกประเภทหนึ่งเป็นเรื่องการผจญภัยของสายลับ ที่มีพื้นฐานอยู่กับเรื่องการผจญภัย ที่พระเอกจะต้องเอาชนะอุปสรรคที่มีมาเป็นชุด ๆ ได้หมด ที่โด่งดังก็คือเรื่อง เจมส์ บอนด์ ของ เอียนเฟลมมิ่ง

Detective stories ( เป็นที่นิยมใน ปี ค.ศ. 1900 ) เป็นเรื่องราวของนักสืบ และการสืบสวน เป็นที่นิยมมาก สิ่งที่แตกต่างไปจากประเภทอื่น คือ วิธีการเล่าเรื่อง นวนิยายนักสืบจะเริ่มเรื่องเมื่อได้เกิดเหตุการณ์ที่สำคัญขึ้น ( โดยมากแต่ไม่เสมอไปจะเป็นการก่ออาชญากรรม ) จากนั้นก็จะเปิดเผยหลักฐานของคนร้ายออกมาก่อนที่คนอ่านจะรู้ถึงรายละเอียดในตอนเริ่มต้น จากนั้นจะเพิ่มการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆไปตามตามปกติของการเล่าเรื่อง และมักจะสร้างความประหลาดใจให้กับคนอ่านในการเปิดเผยความจริงออกมาในตอนจบ ( เป็นนวนิยายประเภทเดียวที่คนอ่านจะหัวเราะเมื่อรู้สึกว่าตัวเองโง่ )

 

สิ่งที่ต้องมีในนวนิยายสืบสวนสอบสวนแนวฆาตกรรม

 

The puzzle เรื่องราวอันเป็นปมปริศนา ที่มักจะก่อให้เกิดคำถามสำคัญที่ขับเคลื่อนพล็อต ในทุก ๆ เรื่องของนวนิยายสืบสวนสอบสวน รวมทั้งเรื่องสั้นแนวนี้ด้วย มัจะมีคำถามว่า “ ใครทำ ” ใครก่ออาชญากรรมครั้งนี้ขึ้น คำถามนี้จะถูกกำหนดขึ้นตั้งแต่ตอนต้น ทั้งนักสืบและคนอ่านยังไม่รู้คำตอบ

Detection วิธีการสืบสวนสอบสวนในเรื่องการก่ออาชญากรรม (อันเป็นศูนย์กลางของเรื่อง )เมื่อปมปริศนาได้ถูกเปิดเผยและแก้ไขได้แล้ว เรื่องก็จบ

The sleuth นักสืบเป็นตัวละครเอกในเรื่องที่จะต้องเข้าไปไขปัญหาด้วยด้วยความฉลาด ความพยายายาม ความกล้าหาญ ความแข็งแกร่ง ความเชื่อมั่นในคุณธรรม หรือทุกอย่างรวมกัน

The worthy villain ตัวร้าย โดยทั่วไปก็คือฆาตกร เป็นตัวทดสอบขีดจำกัดความสามารถของนักสืบ เป็นตัวละครที่มีความฉลาด เจ้าความคิด และทำทุกอย่างเพื่อที่จะเอาตัวรอดจากความผิด เขาเป็นตัวสร้างปริศนาที่ท้าทายทั้งนักสืบและคนอ่าน

Fair play หลักฐานทุกชิ้นที่ถูกค้นพบในรูปของสิ่งต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นร่องรอย เงื่อนงำ ที่ถูกค้นพบโดยนักสืบ ต้องเป็นสิ่งที่ คนอ่านจะต้องหาได้ในหนังสือและรู้เท่าเทียมกัน

Realism and Logic ทุกอย่างที่ปรากฏอยู่ในเรื่องต้องเหมาะสม มีเหตุผล และ เหมือนจริง

 

ตัวละครในนวนิยายสืบสวนสอบสวน

ฆาตกร

  • ต้องสร้างภูมิหลังให้กับเขาด้วย
  • แรงจูงใจ ทำไมจึงก่ออาชญากรรม ทำแล้วได้อะไร
  • จะให้ก่ออาชญากรรมคนเดียว หรือเป็นกลุ่ม มีผู้สมรู้ร่วมคิดไหม ? คิดเอาไว้เลย
  • เขาเป็นฆาตรกรโรคจิต หรือพวกฆาตกรต่อเนื่อง หรือเปล่า
  • หากถูกตัดสินว่ามีความผิด เขาหรือเธอไม่ควรจะได้รับความเห็นอกเห็นใจจากคนอ่าน
  • เขาต้องฉลาด และเจ้าความคิด เพื่อให้การสืบสวนของนักสืบเต็มไปด้วยความยากลำบากและมีความเข้มข้น ชิงไหวชิงพริบกัน
  • ต้องฉลาดในการกลบเกลื่อนร่องรอย เพื่อที่จะปิดบังตัวตนที่แท้จริงจากคนอ่านจนถึงบทสุดท้าย
  • เขาต้องปรากฏตัวให้เห็นในแบบที่เขาไม่ได้เป็น และไม่ให้เห็นในสิ่งที่เขาเป็น การชี้ตัวหรือเปิดเผยฆาตกรที่แท้จริงจะสร้างความประหลาดใจให้กับคนอ่าน

นักสืบ

  • เลือกเอาว่า จะให้เขาเป็นนักสืบเอกชน นักสืบสมัครเล่น หรือเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ
  • สร้างภูมิหลัง ชีวิตส่วนตัวของเขา ซึ่งอาจจะใช้เป็นพล็อตย่อยได้
  • เขาต้องมีแรงจูงใจในการทำการคลี่คลายปัญหาเช่นเดียวกัน
  • คุณสมบัติทั่วไปต้อง ฉลาด มีไหวพริบ ละเอียดถี่ถ้วน ฯลฯ ตามที่คุณต้องการ ( ดูตัวอย่างจากนวนิยายสืบสวนทั่วไปได้ )
  • ภูมิหลังของเขาหากเคยทำหน้าที่ใดหน้าที่หนึ่ง ควรจะมีเพื่อนหรือคนรู้จักที่เขาสามารถขอความช่วยเหลือในด้านข้อมูล หรือความชำนาญพิเศษอย่างใดอย่างหนึ่งได้เป็นอย่างดี
  • เอาใจใส่ในการสร้างนักสืบ ให้เขามีลักษณะเด่นและด้อย วิธีการที่เขาคลี่คลายปัญหาแสดงถึงไหวพริบอันชาญฉลาด หากเขาเป็นที่พอใจของคนอ่าน ก็จะทำให้คุณมีหนังสือเล่มต่อมาในการคลี่คลายคดีของเขาอีก

เหยื่อหรือผู้เคราะห์ร้าย

  • ต้องคัดเลือกด้วยความเอาใจใส่ ตัดสินว่าจะให้เป็น หญิงหรือชาย หนุ่มหรือแก่
  • ควรจะเป็นคนที่มีชื่อเสียง หรือมีความสำคัญ หรือเป็นหญิงสาวที่มีความสวยน่ารัก ที่สามารถสร้างความเห็นอกเห็นใจ และสร้างความสนใจต่อตัวละครอื่นในเรื่อง
  • อาจจะสร้างให้เหยื่อเป็นคนดี สุภาพบุรุษ หรือคนแก่ใจบุญ ที่ถูกฆ่าอย่างทารุณ แต่ต่อมากลับพบว่าแท้ที่จริงเขาหรือเธอเป็นคนเลวสุดๆ และถูกฆ่าเพื่อความถูกต้อง หรือเพราะขุ่นเคืองจากเมตตาธรรมจอมปลอม   

ผู้ต้องสงสัย

  • จะมีมากหรือน้อยแล้วแต่ความยาวของเรื่อง
  • ผู้ต้องสงสัยจะเป็นตัวละครที่สร้างความก้าวหน้าให้กับเรื่อง และคนอ่านมักจะมั่นใจว่าใช่ แต่แล้วก็ไม่ใช่ ตัวละครอื่นจะถูกนำเข้ามาให้สืบสวนต่อไป การสร้างเรื่องอาจจะวางผู้ต้องสงสัยเป็นลำดับ A,B,C,D ฆาตกรที่แท้จริงอาจจะเป็น D แต่หาก D สามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเองได้ว่าไม่ใช่เขา แต่คือ C เป็นต้น
  • อาจจะมีตัวละครที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้เข้าใจผิดว่าเขาคือฆาตกร โดยเฉพาะ( แท้จริงแล้วไม่ใช่)
  • การสร้างผู้ต้องสงสัยจะสนุกหรือน่าสนใจก็อยู่ที่พล็อตเรื่อง คนอ่านอาจจะไม่กล้าหายใจเมื่อคิดว่าฆาตกรคือสาวสวยแต่หัวแข็ง หรือสร้างความสงสัยว่าฆาตกรจะคือหนุ่มรูปหล่อที่เหมาะจะเป็นพระเอกมากกว่า หรือ จะเป็นหลานชายที่อาศัยอยู่ด้วย หรือจะเป็นคนรับใช้เก่าแก่ ฯลฯ
  • หากสร้างมูลเหตุจูงใจ ที่เป็นไปได้ว่าผู้ต้องสงสัยอาจจะเป็นฆาตกรที่แท้จริงได้ทุกคน จะทำให้เรื่องรักษาความน่าสงสัย และชวนติดตามอยู่ได้ตลอดทั้งเรื่อง
  • ตัวละครนี้ต้องมีความสำคัญ และมีบุคลิกที่สร้างความเร้าใจสะดุดตาเป็นพิเศษ และมีความสำเร็จในการที่จะปกป้องตัวเองจนถึงตอนจบของเรื่อง

พยาน

  • พยานผู้เห็นเหตุการณ์ อาจจะเปิดเผยตัวเอง อย่างเต็มใจ หรือไม่ต้องการเข้ามามีส่วนร่วมในการสืบสวนก็ได้
  • เพราะอะไรเขาจึงเต็มใจ หรือไม่เต็มใจ ในการเป็นพยาน
  • พยานที่เป็นตัวละครไม่สำคัญมากนัก มักจะถูกฆ่าปิดปากได้ง่าย ๆ
  • พยานที่สำคัญ อาจจะถูกปกป้อง คุ้มครองจากตัวนักสืบเอง ( หากเป็นหญิงสาวสวยจะมีเรื่องโรแมนติคเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยก็ได้ )

ผู้ช่วยนักสืบ

  • อาจจะเป็นหัวหน้าหน่วย หรือ นักข่าว หรือทนายความ ที่อยากเป็นนักสืบ การช่วยเหลือนักสืบเป็นสิ่งที่เขาภาคภูมิใจ
  • เขาอาจจะทำผิดและเป็นที่เย้ยหยัน แต่ความผิดพลาดของเขาจะทำให้คนอื่นพบทางที่ถูก
  • เขาอาจจะเป็นคนที่ฉลาดแต่เงียบขรึม มีแง่คิดที่จะแยกแยะประเด็นให้นักสืบได้เห็นชัดขึ้น ในเวลาที่นักสืบเข้าตาจน แต่บางครั้งเขาก็ทำมันอ้อม ๆ เพื่อคอยดูความจนแต้มของนักสืบ

ตัวละครอื่น ๆ ที่ทำให้เรื่องสมจริงยิ่งขึ้น

เช่น ตำรวจ อัยการ ผู้พิพากษา นักข่าว คนรับใช้ คนขายของ ฯลฯ

 

สถานที่ และเวลา

  • สามารถใช้ทุกที่เป็นสถานที่เกิดเหตุได้ ( สถานที่เหยื่อชอบไป หรือใช้เป็นที่นั่งเล่น ทำงานอดิเรกจะน่าสนใจกว่า สถานที่ทั่ว ๆ ไป )
  • ควรใช้สถานที่คนอ่านรู้จัก หรืออยากไป หรือเคยขับรถผ่าน
  • สถานที่นักเขียนรู้จักดี จะทำให้เกิดความเชื่อถือได้มากกว่าสถานที่ที่ไม่รู้จัก
  • สถานที่กว้างใหญ่ จะมีความแตกต่าง และใช้ในการสร้างความสงสัย ได้ยาว มีผลต่อการสืบสวนแตกต่างจากสถานที่เล็ก หรืออยู่ในวงจำกัด ( เช่นบนเรือสำราญ หรือบ้านพักที่ตั้งอยู่โดดเดี่ยว ) ศูนย์กลางของเรื่องจะมุ่งความสนใจไปที่ตัวละครมากกว่า
  • ตระเตรียมจุดที่ พบศพ และจุดที่ค้นพบร่องรอย จะให้ดีควรจะวาดแผนที่ประกอบเอาไว้
  • ควรใช้สถานที่เสริมการสร้างบรรยากาศในเรื่อง
  • ผลกระทบของภาวะดินฟ้าอากาศ ฤดูกาล ( ฝนตกร่องรอยหาย หรือฝนตกเหยื่อออกไปข้างนอกทำไม )
  • วันเวลาที่เกิดเหตุ

 

พล็อตเรื่อง

โดยมากจะเป็นสูตรสำเร็จดังนี้ ( นักเขียนที่ฉลาดก็จะเปลี่ยนแปลงไปตามความคิดของตัวเอง แต่ที่เป็นอยู่ก็ใช้ได้แล้ว )

๑.กล่าวถึงอาชญากรรมหรือความลึกลับที่เกิดขึ้น ให้รายละเอียดของเหยื่อ รวมทั้งแนะนำตัวนักสืบ

๒. ชี้นำการสืบสวนตรงไปยังข้อสรุปที่ในตอนท้ายพบว่า ผิดพลาด

๓.เปลี่ยนจุดศูนย์กลางและขอบเขตในการสืบสวน นี่เป็นประเด็นสำคัญในเรื่องที่กลายเป็นว่านักสืบ อยู่ในทางที่ผิด และมีบางสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น เช่นมีศพที่สองเกิดขึ้น หรือการตายของผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่ง หรือการค้นพบที่สำคัญยิ่งที่ทำให้ข้อสงสัยชัดเจนยิ่งขึ้น เรื่องได้ไปสู่แนวทางสืบสวนใหม่

๔. ปัญหาถูกแก้ไขได้สำเร็จ

 

พล็อตง่าย ๆ เอาไว้ฝึกเขียน

  • วางปัญหาลงไป การก่ออาชญากรรมควรจะเกิดกับบุคคลมากกว่าทรัพย์สิน เช่นการฆาตกรรม
  • สร้างข้อมูลเพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหา เช่นพวกร่องรอย เงื่อนงำ ผู้ต้องสงสัย พยาน
  • วิธีการค้นพบหลักฐาน ที่นำไปสู่ตอนจบ
  • การพิสูจน์หลักฐาน อันเป็นไคลแมกซ์ของเรื่อง และไขข้อข้องใจต่าง ๆ ทั้งหมดในเรื่องที่วางปมเอาไว้

ความแตกต่าง ๔อย่างที่สร้างเรื่องได้เป็นร้อย

  • ความแตกต่างในวิธีการที่คนร้ายใช้กับเหยื่อ
  • ความแตกต่างของสิ่งของที่คนร้ายค้นหา
  • ความแตกต่างของสถานที่เกิดเรื่อง
  • ความแตกต่างของห้วงอันตรายที่นักสืบจะต้องได้รับ

( จาก Lester dent's Master Plot )

 

เรื่องนักสืบตามแนวนิยม

The straight Mystery ตัวละครขับเคลื่อนเรื่องที่พฤติกรรมเกิดขึ้นมีศูนย์กลางที่การเกิดอาชญากรรม โดยมากจะเป็นการฆาตกร

The puzzle Mystery เป็นเรื่องเกี่ยวกับนักสืบและปัญหาที่เขาต้องคลี่คลาย ด้วยความฉลาดและมีไหวพริบ( ตัวอย่าวนวนิยายของ อกาธา คริสติ้ )

The hard-boiled Mystery เป็นเรื่องราวการผจญภัย เสี่ยงภัย อาจจะเกี่ยวกับปริศนาลึกลับ หรือเรื่องนักสืบ แต่มักจะมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่การกระทำอันห้าวหาญของตัวละครเอก ซึ่งโดยมากก็จะเป็นนักสืบเอกชน ที่เป็นเสมือนซุบเปอร์ฮีโร่ และออกจะไปในแนวบู๊ด้วย

The novel of Pursuit เป็นเรื่องเกี่ยวกับการจารกรรม หรือพฤติกรรมอื่น ๆ ที่จะทำให้คนอ่านสนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป การค้นหาว่าตัวละครเอกจะหนีพ้นจากสถานการณ์นี้อย่างไรเป็นเสน่ห์ของเรือง บทบู๊ และ ความน่าหวาดเสียวและบ่อยครั้งจะมีการใช้เทคโนโลยีเข้าช่วยในการไล่ล่า กับดัก และการถูกจับได้ จะมีความสำคัญมากกว่าแรงจูงใจภายใน ของตัวละคร เรื่องจะเป็นลักษณะของการใช้พล็อตขับเคลื่อนมากกว่าใช้ตัวละครขับเคลื่อน ตัวอย่างเรื่องก็เช่น

-จะเป็นนวนิยายพวกสายลับ

-เรื่องเกี่ยวกับตัวละครเอกจะหนีให้พ้นจากการบีบบังคับของความชั่วร้าย ของระบอบการปกครองที่ชั่วร้าย

-เกี่ยวกับเรื่องเหนือธรรมชาติ เช่นมนตร์ดำ ผี หรือแม่มดวูดู

-บางทีก็จะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับวาระสุดท้ายของโลก เช่นการหยุดยั้ง ระเบิดนิวเคลียร์ สงครามเคมี หรือการ

เปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยา ( เรื่องเจมส์บอนด์ จะออกแนวนี้)

The Whodunit เป็นนวนิยายนักสืบ ที่มีตัวละครเป็นตัวเดินเรื่องในการแก้ปัญหาอาชญากรรมที่ผลออกมามักจะสร้างความประหลาดใจให้กับคนอ่าน อันเกิดจากบุคลิกภาพ บทบาท และคุณสมบัติ ของนักสืบที่มีลักษณะเด่นเฉพาะตัว ในการเปิดเผยถึงวิธีการสืบสวนค้นหาความจริง แตกต่างไปจากวิธีทั่ว ๆ ไป เรื่องแนวนี้มีการเขียนออกไปมากมายหลายชนิด เช่น

-คนอ่านจะถูกแสดงให้เห็นถึงความลับในการก่ออาชญากรรมที่ละขั้น ๆ

-การก่ออาชญากรรมในแบบที่ให้เหยื่ออยู่ในความสบายไม่มีความเจ็บปวดหรือโหดร้ายแสดงให้เห็น (ถูกฆ่าในขณะนอนหลับ หรือจิบน้ำชา โดยมากมักจะมีแมวน่ารักประกอบในเรื่องด้วย)

-เรื่องเกี่ยวกับ สตรีที่ตกอยู่ในอันตราย อันเป็นเรื่องโรแมนติค เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพระเอก ( นักสืบ หรือ บอดีการ์ด )กับสตรีที่เขารักเป็นศูนย์กลางของเรื่อง

-เรื่องลึกลับที่เกิดในสังคมย้อนยุค

-เรื่องที่พระเอกต้องต่อสู้กับการเมือง ความหายนะของเทคโนโลยี หรือกลียุคของสังคม

-เรื่องตำรวจนักสืบที่ต้องไขปัญหาอาชญากรรมโดยใช้เทคนิคและขบวนการทางกฏหมาย

-เรื่องการสืบสวนอาชญากรรมโดยที่ผู้ก่ออาจจะเป็นองค์การที่ถูกกฏหมาย หรือเป็นสำงานประกันภัย หรือแม้แต่เจ้าหน้าที่ของรัฐ เอง หรือคนในวงการนักสืบเอง

-เรื่องเกี่ยวกับฆาตกรโรคจิต หรือการลักพาตัว

-เรื่องเกี่ยวกับฆาตกรที่รู้ตัว และต้องค้นหานำเขากลับมารับโทษ

-เรื่องเกี่ยวกับการทุจริต คอร์รับชั่นในองค์การ หรือสถาบันต่าง ๆ หรืออาชญากรรมทางเศรษฐกิจ

สิ่งที่ควรรู้และเตรียมไว้ในการเขียน นวนิยายสืบสวนสอบสวน

เกี่ยวกับการก่ออาชญากรรม

๑.ลักษณะการก่ออาชญากรรม

  • การฆาตกรรม
  • การปล้น
  • การลักพาตัว
  • ฯลฯ

๒.วิธีการฆาตกรรม และเครื่องมือ

  • การยิงด้วยปืน
  • การแทง ด้วยอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น มีด เหล็กแหลม ดาบ
  • การใช้ยาพิษ กลิ่น รส ลักษณะ จำนวนที่ใช้ วิธีใช้
  • ระเบิด
  • เทคโนโลยีใหม่ ๆ
  • ลักษณะพิเศษอื่น ๆ เช่น ฆ่ารัดคอด้วยริบบิ้น วางดอกกุหลาบไว้ที่ศพ การตัดสายเบรครถ เลือกฆ่าเฉพาะผู้หญิงหรือผู้ชายเท่านั้น สถานที่ฆาตกรรมเป็นในโรงเรียน ห้องน้ำ เสมอ
  • ฯลฯ

๓. แรงจูงใจในการก่ออาชญากรรม

  • การรู้ภูมิหลังของฆาตกร จะช่วยในเรื่องของแรงจูงใจมาก   
  • โดยมากก็จะมาจาก เรื่อง เงิน ความรัก และการแก้แค้น

ซึ่งเชื่อมโยงมาจาก การถูกทารุณกรรม ความเกลียด ความโกรธ ความอิจฉา ความละโมบ ความปลอดภัย ความทะเยอทะยานอัน เป็นอารมณ์ความรู้สึกที่มีของมนุษย์

  • อย่างไรก็ตามแรงจูงใจ ควรจะเป็นสาเหตุในเรื่องปัจจุบัน มันน่ารำคาญที่มันจะเกิดจากความผิดพลาดและแรงแค้นเมื่อ ๓๐ ปีก่อน

วิธีการสืบสวนสอบสวน

 

๑. การตั้งสมมุติฐานในการเสียชีวิต

  • เป็นอุบัติเหตุ
  • เป็นการฆ่าตัวตาย
  • เป็นการถูกฆาตกรรม
  • ควรจะเขียนเหตุผลกำกับไว้ด้วยว่า ใช่ หรือไม่ เพราะเหตุใด

๒. รวบรวมร่องรอยหรือเงื่อนงำในที่เกิดเหตุ

          ประเภทของร่องรอย

  • ร่องรอยที่ทิ้งไว้ มีเบาะแสสืบค้นได้ เช่น หมาไม่เหาะเมื่อบ้านถูกบุกรุก แสดงว่าฆาตกรต้องเป็นคนคุ้นเคย
  • ร่องรอยที่หาไม่พบ หรือไม่มีเบาะแสควรจะเป็นร่องรอยเกี่ยวกับการฆาตกรรมได้ เช่นเหยื่อถูกแทงด้วยมีดน้ำแข็ง ไม่ปรากฏอาวุธใดให้เห็น มีเพียงน้ำที่เจิ่งอยู่ปลักหนึ่ง
  • ร่องรอยที่เห็นได้ชัด เช่นจดหมายขู่

          ลักษณะของร่องรอย หรือเงื่อนงำ

  • อะไรที่นักสืบจะต้องค้นหา และร่องรอยบ่งบอกถึงอะไร
  • รอยนิ้วมือ ตำหนิ และแผลเป็นต่าง ๆ
  • อาวุธ หรืออุปกรณ์ต่าง ๆ
  • กองเลือด วิถีกระสุน ร่องรอยจากบาดแผล
  • ความไร้ระเบียบ หรือรกรุงรังของสถานที่เกิดเหตุ
  • จดหมายขู่ ร่องรอยการฉีกขาดของกระดาษสื่อสารข้อความ สมุดบันทึกที่หายไป ตู้เซฟที่เปิดอยู่ หรืออะไรต่าง ๆ ที่เป็นของเหยื่อ
  • ร่องรอยซ้ำซาก เช่น นาฬิกาที่หยุดเดิน เมื่อการฆาตกรรมได้เกิดขึ้น
  • การปลอมตัวหรือเลียนแบบบุคคลอื่น
  • คำพูด หรือกิริยาท่าทาง ของผู้ต้องสงสัย หรือพยาน

          การจัดการกับร่องรอย

  • นักเขียนควรจะจดเตรียมเอาไว้ ทั้งร่องรอย หลักฐาน ผู้ถูกสงสัย เงื่อนไข การปลุกความสงสัย อยากรู้อยากเห็น และความหมายของร่องรอยต่าง ๆ รวมถึงผลที่ตามมา หากว่าร่องรอยนั้นนำไปผิดทาง ก็ไม่เป็นไรถ้ามันมีเหตุมีผลอันสมควร และเป็นส่วนหนึ่งของพล็อตเรื่อง
  • นักเขียนควรจะมีแผนภาพประกอบสถานที่เกิดเหตุฆาตกรรมไว้ด้วย ( โดยเฉพาะนักเขียนใหม่ )

 

ทำรายการผู้ต้องสงสัย

  • เริ่มด้วยผู้ที่มีแนวโน้มจะเป็นฆาตกรได้ เช่น คู่แข่ง ศัตรู คนที่แสดงความไม่พอใจเหยื่อ
  • รายชื่อผู้ต้องสงสัยที่เคยเป็นนักโทษหรือทำผิดในกรณีเช่นเดียวกันนี้ ( พวกมือปืน )
  • คนแปลกหน้า หรือผู้ที่เพิ่งมาอยู่ใหม่ หรือเพิ่งมาแวะเยี่ยมเยียน ฯลฯ
  • ในรายการควรจะบอกถึง แรงจูงใจ และโอกาสในความเป็นไปได้ว่าผู้ต้องสงสัยเป็นผู้กระทำหากเขาไม่ใช่ ก็ให้เหตุผลไว้ด้วยเพราะอะไร ( เช่นเขามีพยานบุคคล หรือเวลาที่เกิดเหตุเขาอยู่ที่อื่น )
  • การมีรายการผู้ต้องสงสัย เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ต่อนักเขียน ในการปรับเปลี่ยน และคัดเลือกตัดทิ้ง
  • ผู้ต้องสงสัยจากคนร้ายที่แท้จริง จะเพิ่มความอยากรู้อยากเห็นให้กับคนอ่านที่เดาเอาไว้จนจบ

ข้อแนะนำ คุณควรหากระดาษมา แบ่งออกเป็นตารางสามช่อง ช่องแรกเขียนชื่อผู้ต้องสงสัย ช่องที่สองแรงจูงใจหรือแนวโน้มที่เป็นไปได้ ช่องที่สามข้อแก้ต่างของผู้ต้องสงสัยที่บริสุทธิ์ ควรจะเรียงลำดับผู้ต้องสงสัยสูงสุดลงมาตามลำดับ

 

เตรียมสาเหตุการสืบสวนที่หลงทางได้ง่าย

  • จากร่องรอยที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิด ( คืออะไร ให้เตรียมไว้อย่างมีเหตุผล เป็นความจงใจของฆาตกรหรือเปล่า หรือเข้าใจผิดไปเอง )
  • หลักฐานที่ถูกทำลายไปแล้ว ( เช่นเผา ทิ้งแม่น้ำ ) ทำให้ไม่มีเงื่อนงำ
  • การตั้งข้อสมมุติฐานผิด (ตายเพราะถูกฆ่าชิงทรัพย์ แต่ความจริงไม่ใช่ )
  • ความผิดพลาดในข้อเท็จจริง หรือการวินิจฉัยที่ผิด ( วินิจฉัยว่าเขาถูกฆาตกรรมโดยการรัดคอ แต่ความจริงถูกเข็มยาพิษก่อน แล้วเชือกรัดอำพราง )
  • ฆาตกรรมที่เกิดในห้องที่ปิดกุญแจ หรือปิดกั้นจากด้านใน ไม่มีทางเข้าออกอีก มักจะสรุปว่า ฆ่าตัวตาย
  • ฯลฯ

เตรียมการคลี่คลายคดีหรือข้อสงสัย ปมปัญหาแต่ละอย่าง

การคลายปมปริศนาแต่ละเรื่องต้องมีเหตุและผล สามารถอธิบายให้คนอ่านเข้าใจได้

  • วิธีที่ใช้ในการแก้ปัญหาจะใช้วิธีตามแนวนวนิยายนักสืบดั้งเดิม ที่มักจะเชิญผู้ต้องสงสัยมารวมกลุ่มกัน ฟังการคลี่คลายคดี โดยย้อนรอยการฆาตกรรม ตัดบุคคลหรือข้อสงสัยที่ไม่ถูกต้องทิ้งไป มีแนวโน้มจะใช้หลักจิตวิทยากระตุ้นให้คนร้ายเผยพิรุธออกมา และเผลอสารภาพเองโดยไม่รู้ตัว
  • ใช้วิธีตามหลักนิติวิทยาศาสตร์ หรือวิธีการทางวิทยาศาสตร์ เพื่อพิสูจน์หลักฐาน บ่งบอกถึงคนร้ายอย่างดิ้นไม่หลุด

 

๑๒ ยอดนักสืบที่ควรรู้จัก

 

๑. ลอร์ดปีเตอร์ วิมเซย์ โดย โดโรธี แอล เซเยอร์ ปรากฏตัวครั้งแรกในเรื่อง “ Whose Body ” ( 1923 ) และอีกครั้งในเรื่อง “ Strange Poison” ( 1930 )    และในเรื่อง “ The nine Tailors ” (1934) เป็นคนผอม ดูดี กล้าได้กล้าเสีย และใส่แว่นตาข้างเดียว วิมเซย์เป็นนักสืบที่สมบรูณ์แบบ เป็นผู้ดี และเก่งมาก เขาเป็นนักสืบคนเดียวในบรรดานักสืบทั้งปวง ที่พบกับเวลาแต่งงาน

๒. ฟิลลิป มาร์โลว์ โดย เรย์มอนด์ แชนเดลอร์ เป็นนักสืบแนวบู๊ ปรากฎตัวครั้งแรกในเรื่อง “ The big Sleep ” ( 1939 ) เรย์มอนด์ ได้พยายามสร้าง มาร์โลว์ ขึ้นมาด้วยการพูดถึงว่า “ เป็นผู้ชายที่สมบรูณ์แบบและดูธรรมดา แต่เหนืออื่นใด เขาเป็นผู้ชายที่มีเกียรติ ”

๓. แซม สเปรด โดย แดสฮิลล์ แฮมเลตท์ การผจญภัยที่มีชื่อเสียงของ สเปรด อยู่ในนวนิยายนักสืบแนวบู๊ ซึ่งจัดว่าเป็นเป็นนวนิยายนักสืบคลาสสิคเล่มหนึ่ง ชื่อ “ The Maltese Falcon ” ( 1928 ) ในสภาพแวดล้อมที่มีผสมทั้งความรุนแรง และคนร้ายที่ทรยศหักหลังที่เกิดขึ้นในสังคม แซม สเปรด จะต้องนำตัวเข้าไปแทรกเสมอ   

๔.เปอร์วี เมสัน โดย เอิร์ล สแตนเลย์ การ์ดเนอร์ เป็นนักสืบที่ให้คำปรึกษาด้านการป้องกันตัวเอง ที่ได้รับความสำเร็จอย่างไม่น่าเชื่อ ถูกแนะนำตัวเมื่อปี 1932 จากเรื่อง “The Case of the Velvet claws ” เรื่องของเมสันมีความน่าสนใจจากการเอาใจใส่ในรายละเอียดประเด็นของกฏหมาย การใช้นิติวิทยาศาสตร์ เวชศาสตร์ และอาชญากรรมวิทยา เข้ามาอยู่ในเรื่อง

๕. เนโร วูฟล์ โดย เรกซ์ สเตราท์ ปรากฏครั้งแรกในเรื่อง “ Fer de-Lance ” (1934 ) เนโร เป็นอัจฉริยะที่อยู่ในรูปร่างผิดธรรมดา เขาไม่ใช่คนที่เข้าใจในตัวเองมากนัก แต่เขาก็เป็นคนที่มีเสน่ห์ ผู้ช่วยของเขาคือ อาร์ชี่ กูดวิน

๖. ซี ออกุส ดูแป็ง โดย เอ้ดการ์ แอแลน โป ปรากฏในหนังสือเรื่อง “ The Murder of the Rue Margue ” ถือว่าเขาเป็นนักสืบคนแรกในโลกนวนิยายนักสืบ ดูแป็งเป็นคนยากจนแต่มีเชื้อสายขุนนาง มีความรู้ สูบบุหรี่จัด เขาแก้ปัญหาอาชญากรรม ด้วยวิธีที่น่าทึ่ง คือ ใช้เพียงการวิเคราะห์หาเหตุผล

๗. เอลเลอรี่ ควีน โดย เอลเลอรี่ ควีน ( นามแฝงของ มันเฟร็ด ลี วาย และ เฟรเดอริค แดนเน่ย์ ) ปารกฏตัวครั้งแรกในเรื่อง “ The Roman Hat Mystery ” ( 1929 ) เรื่องราวของเขาสร้างความบันเทิงให้กับคนอ่านด้วยวิธีการสืบสวนแบบคาดคะเนตามหลักเหตุผล และเต็มไปด้วยบทสนทนาที่มีสี สรรและความสนุกสนาน

๘.เอล พาเดอร์ บราวน์ โดย กิลเบริต์ เคียต เชสเตอตัน ปรากฏในชุดเรื่องสั้นนักสืบชื่อ “ The Innocence of Father Brown ” ( 1911 ) เป็นนักสืบที่ต่างไปจากคนอื่น เขาใช้ประสาทสัมผัสที่หก ช่วยในการสืบสวน

๙. ชาร์ลี ชาน โดย เอริ์ล เดอร์ บิกเกอร์ ชานเป็นนักสืบลูกครึ่งระหว่า จีนและฮาวายอเมริกัน ออกโรงครั้งแรกในเรื่อง

“ The House without Key ” ( 1925 )

๑๐. เอล ไมเกรต โดย จอร์จ ไชน์นอน ไมเกรต เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่มีมนุษยสัมพันธ์ และดูเหมือนนักปรัชญามากกว่าการเป็นตัวแทนผู้รักษากฎหมาย เขาปรากฏตัวในหนังสือชุดนักสืบ “ Inspector Maigret ” (1931 )

๑๑. แอร์คูล์ ปัวโรต์ โดย อกาธา คริสตี้ เป็นนักสืบชายเบลเยี่ยม ที่มีรูปร่างเหมือนไข่ ปราฏกตัวครั้งแรกในเรื่อง “ The Mysterious Affair at Styles ” ( 1920 ) เป็นนักสืบที่ นักอ่านนวนิยายสืบสวนต้องรู้จัก ไม่แพ้ เชอร์ลอคโฮล์มล์

๑๒. เชอร์ลอค โฮล์มล์ โดย เซอร์ ดาเธอร์ โคแนน ดอยล์ ปรากฏตัวครั้งแรกในเรื่อง “ A Study in Scarlet ” (1887 ) เป็นนักสืบที่โด่งดังและเป็นอมตะจนถึงทุกวันนี้


TOP

โดย ฟีลิปดา

เขียนนวนิยายสืบสวนแนว Cozy

 


การเขียนนวนิยายต่าง ๆ
Idea bank
ฝึกเขียนเรื่อง

 

 
 



 

  http://www. forwriter.com . © 2005 All rights reserved.